Linda Yaccarino ซีอีโอ X/Twitter ประกาศฟ้องกลุ่ม Global Alliance for Responsible Media (GARM), World Federation of Advertisers (WFA), และบริษัทสมาชิกของ GARM เช่น CVS Health, Mars, Orsted, และ Uniliver ฐานละเมิดกฎหมายป้องกันการผูกขาดและการกีดกัน. ทางการค้า
Yaccarino ระบุว่า X/Twitter มีปริมาณผู้ใช้เติบโตต่อเนื่อง และพยายามสร้างเครื่องมือเพื่อควบคุมการแสดงโฆษณาตามที่กลุ่มผู้ลงโฆษณาร้องขอ แต่ก็ยังถูกบอยคอดจากแบรนด์ต่างๆ จนเสียรายได้นับพันล้านดอลลาร์
รายได้ของ X/Twitter ลดลงต่อเนื่อง ครึ่งแรกของปี 2023 ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2022 ถึง 40% และมีอัตราการขาดทุนสูง
ที่มา - X.com/lindayaX
Comments
ฟ้องเพราะเขาไม่มาลงโฆษณา กม.ผูกขาดนี้ซับซ้อนจริงๆืยากที่จะเข้าใจ บ้านเราควรมีบ้างนะครับ
เพี้ยนไปใหญ่ละอีลอน ตั้งแต่เข้ามาพวกเนื้อหาเพี้ยนๆเยอะไปหมดไม่ได้สร้างสังคมให้ดีขึ้นเลย
ฟ้องได้ด้วยเหรอ ไม่มีมาซื้อ Service ของพี่ ตลกจัง
ได้ครับเพราะการรวมเป็นกลุ่มแบบนี้มันทำให้มีอำนาจเหนือตลาด แต่ถ้าไม่ได้รวมกลุ่มกันแบบนี้แล้วแต่ละ บ. เลือกไม่ลงโฆษณาเองอันนี้ไม่มีปัญหาครับ
ไปโดนตัวไหนมาถึงกล้าพิมพ์ Statement อะไรแบบนี้
ตัวเดียวกับ gfy ครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ฟ้องได้เพราะว่ามันเป็นเคสที่่กลุ่มนี้มีอำนาจมากและมีอิทธพลต่อ บ. ในเครือ ดังนั้นการเลือกที่จะไม่ลงบน X ไม่ได้เป็นการตัดสินใจด้วยบ.เอง
เช่น
ถ้ารัฐบาล(ไม่เกี่ยวกับการเมืองนะ แค่ยกตัวอย่างโครงสร้างองค์กรที่มีขนาดใหญ่และมีอำนาจกระทบตลาด) บอกว่าเราไม่สนับสนุนให้ใช้บริการมือถือของค่าย.A หรือไม่ก็ไม่ให้ใช้มือถือยี่ห้อ B ทาง A และ B เองก็อาจจะฟ้องได้นะเพราะถือว่าใช้อำนาจบังคับ (ทั้งทางตรงและทางอ้อม บังคับผู้ที่อยู่ใต้อำนาจหรือมีส่วนได้เสีย) ไม่ใช่เป็นการสมัครใจของแต่ละบุคคล/องค์กร
ไม่ได้บอกว่าใครผิดถูกหรือเห็นด้วย/ไม่เห็นด้วยกับการฟ้องนะ แต่คิดว่าฟ้องเพราะแบบนี้ล่ะ จากที่อ่านแค่เนื้อข่าวในนี้นะ
ฟ้องได้แต่หาหนทางชนะคดีไม่เจอเลย
อย่างไรการจะมาฟ้องคดีที่ศาลในสหรัฐและยุโรปมีหลักว่าจะใช้สิทธิก็ต้องมาด้วยมือที่สะอาด (Good Faith)
คดีนี้ตัว X เองทำลายตัวเองด้วยการที่ผู้บริหารออกมาพูดไม่ดีต่อสาธารณะ ย่อมทำให้คู่ค่าหรือคนอื่นไม่ชอบใจจึงเลือกบอตคอตการใช้สินค้าหรือบริการ
ดันั้นการที่บริษัท X จะฟ้องบริษัทอื่นโดยกล่าวหาว่า การบอยคอตของบริษัทอื่นนั้นมาจากการบังคับโดยไม่ดูบริบทว่าตนเองเป็นผู้ที่ทำให้เกิดเหตุนี้ขึ้นมาเองดังนั้นการฟ้องคดีของบริษัท X ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่ใช่การใช้สิทธิโดยสุจริต
ศาลยกฟ้องไปได้เลยโดยไม่ต้องลงไปสืบพยานส่วนอื่นเลยแค่คู่กรณีเอาพฤติกรรมของบริษัท X มาแสดงให้ศาลดูประกอบว่าที่ไม่ลงโฆษณาก็เพราะพฤติกรรมของผู้บริหารของบริษัท X เอง
บริการไม่ตอบโจทย์ก็เลยไม่ซื้อ กับ รวมหัวกันบอยคอต ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นฝั่งไหน
ถ้าพิสูจน์ได้ก็มีโอกาสชนะ (แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพิสูจน์ยังไง) แต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ก็จะกลายเป็นตัวตลกไป
เรื่อง X หรือการลงโฆษณาอาจเป็นเรื่องไกลตัวหลายๆคน ลองนึกภาพสมมติว่าถ้าบริษัทที่ซื้อ-ขายสินค้าเกษตรรายใหญ่ของประเทศแห่งหนึ่ง ไปรวมหัวกับผู้ซื้อรายอื่นๆให้บอยคอตไม่ซื้อสินค้าเกษตรจากฟาร์มแห่งหนึ่งดู จะบอกว่าเป็นเรื่องที่ควรปล่อยไว้ก็คงไม่ใช่ แต่จะจัดการมันก็ยากเพราะผู้ซื้อก็อ้างต่างๆนานาได้ เช่น คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน (เพราะไม่ยอมซื้อเมล็ดพันธุ์หรือปุ๋ยไปจากเขา) อะไรแบบนี้
แค่เขาบอกว่าผู้บริหารปากดีโจมตีคนอื่นไปทั่ว ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาอาจเสียหายถ้าไปลงโฆษณา แค่นี้ก็จบละเพราะเคสนี้หลักฐานเรื่องที่ว่าผู้บริหารปากแซ่บมันก็จริงเพราะโพสต์ลง X ไปเรื่อยเปื่อยจนภาพลักษณ์เสียหาย
ระวังโดนฟ้องกลับนะ
จริงๆ ฝั่งตะวันตกก็ค่อนข้างขึ้นชื่อเรื่องการฟ้องร้องที่แบบว่าเราคาดไม่ถึงให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆนะ X ฟ้องแบบนี้ก็ ฮ่า รอดูว่าเคสนี้จะออกมาหน้าไหน
..: เรื่อยไป
ตบเข่า... นี่ไงคนอื่นก็ทำ
ก็... จะฟ้องก็ฟ้องได้แหละ.... แต่ชนะไม่ชนะนี่อีกเรื่อง
ยิ่งถ้าเป็นเรื่องการโฆษณาแล้วภาพลักษณ์มันสำคัญมากๆนะ ซึ่ง CEO X ช่วงหลังๆนี่ไม่ค่อยจะดีอยู่ = ="
เอาเงินที่ฟ้องคนอื่น ไปลงหาเสียงให้รีพับลิกัน สินะ