จากประเด็นที่มีคนต้องการฟ้องดิสนีย์ เนื่องจากภรรยาของเขา ไปกินอาหารที่ร้านอาหารในสวนสนุก Walt Disney World แล้วแพ้อาหารจนเสียชีวิต แต่ดิสนีย์บอกว่าไม่สามารถฟ้องได้ เพราะเคยทดลองสมัครใช้งาน Disney+ และยอมรับเงื่อนไขข้อหนึ่งว่าจะไกล่เกลี่ยกับดิสนีย์นอกศาลในทุกข้อขัดแย้ง ล่าสุดดิสนีย์ยอมถอยแล้ว
Josh D'Amaro หัวหน้าฝ่าย Experience ของดิสนีย์เปิดเผยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องอ่อนไหวและมีการสูญเสียบุคคล จึงต้องหาทางออกที่เหมาะสม บริษัทจึงละเว้นสิทธิที่ให้ไกล่เกลี่ยนอกศาล และให้ดำเนินเรื่องนี้ต่อไปในศาล
Jamie Cartwright ทนายความจาก Charles Russell Speechlys ให้ความเห็นว่าการเปลี่ยนใจของดิสนีย์น่าจะเป็นผลจากการที่ข่าวนี้เผยแพร่ออกสู่สาธารณะ จึงสร้างแรงกดดันให้ดิสนีย์นั่นเอง
ที่มา: BBC
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- NVIDIA จะไปหยุดที่ตรงไหน ทำไมครองโลกดาต้าเซ็นเตอร์ | Cloudnone EP.22
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
- Kubernetes [Part 2] ยี่ห้อไหนดี งานไหนต้องใช้ แล้วเลือกยังไง? | Cloudnone EP.18
Comments
เป็นบริษัทที่ขาดความเป็นมนุษยธรรมจริง
จากข่าว ผมว่าน่าจะเป็นความคิดของทนายนะครับ ทนายชอบคิดแนวๆ นี้ หาช่องโหว่กฏหมายให้ตัวเองรอดไว้ก่อน ยังดีที่ข่าวนี้ดัง ถ้าเป็นคนเล็กๆ ข่าวไม่ดัง ก็อาจจะ...... ทนายเค้าจะคิดแค่ระดับเลเวลปกป้ององค์กร แต่ในระดับเลเวลความคิดสูงกว่านี้เค้าจะไม่ตัดสินใจให้เป็นเรื่องของผู้บริหาร
ตอนแรกที่ออกมานี้ Evil มากเลย
ใครบอกว่า Disney ไม่ได้ดาร์คเท่า DC
เปิดมารอบบนี้ Dark จริงๆ 😑
บริษัทต้องถูกตรวจสอบแล้วไหมงานนี้
เงื่อนไขที่ว่า "จะไกล่เกลี่ยกับดิสนีย์นอกศาลในทุกข้อขัดแย้ง" ถึงแม้จะฟังได้ แต่มันเข้าข่าย "ข้อสัญญาอันไม่เป็นธรรม" ได้เลยนะ (ซึ่งไม่รู้ว่าบ้านเขามีข้อกำหนดตรงนี้ไหม)
เงื่อนไข/ข้อตกลงในผลิตภัณฑ์หนึ่ง กลับมีผลรวมไปถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ด้วย มันก็แปลกแล้ว ถึงจะอ้างว่า เป็นความผิดของผู้ใช้ที่ไม่ทำความเข้าใจให้ดีก่อนกดยอมรับเงื่อนไข แต่หากมองจากมุมมองวิญญูชนทั่วไป ย่อมต้องเข้าใจว่า มันหมายถึง "..ในทุกข้อขัดแย้ง (ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน D+)"
เปิดมาทีแรก ทีมทนายหัวหมอคงกะกินนิ่มๆ ขู่ให้กลัว แล้วยอมความ/รับเงินชดเชยไป แต่เมื่อเป็นข่าวดังขนาดนี้ เชื่อว่าต้องมี บริษัท (Law Firm) ดังๆ อยากเข้ามาช่วยฝ่ายโจทก์ (ผู้เสียหาย) แน่นอน เพราะแค่เงื่อนไขนี้ข้อเดียว ก็ไม่ปรกติแล้ว ลองยึกยักท่ามาก คงได้มีการกางสัญญา แล้วชำแหละไปเป็นข้อๆ ซึ่ง D น่าจะเสียหาย (หรือเสียหน้า) หนักกว่าเดิมอีก
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
"ละเว้น" แสดงว่า ทำเฉพาะเคสนี้ที่เป็นข่าว ไม่ได้แก้กฎแต่อย่างใด
ซึ่งก็คือ ถ้าใครคิดจะเที่ยว Disneyland ก็ต้องไม่ดู Disney+ สินะ
บริษัทใหญ่ระดับนี้ งานหลายๆอย่างมันรันโดยอัตโนมัติ ตามที่กำหนดไว้ ผู้บริหารไม่ได้ลงไปดูทุกอย่างอยู่แล้ว
ทนายต้องปกป้องผลประโยชน์บริษัท ก็ทำหน้าที่ซะตรงเป๊ะ... สำหรับเคสก่อนๆมันอาจไม่เป็นปัญหา จนกระทั่งมาเจอเคสนี้ มันน่าเกลียดเกิน
ตอนบังคับใช้ไม่รู้แต่ตอนร่างกฏหมายผู้บริหารต้องรู้แน่นอน
เดาว่าเป็น cross-contaminate เพราะผู้เสียชีวิตเป็นพ.ญ.น่าจะบอกถึง allergies&Dietary restrictions ก่อนสั่งอยู่แล้วสำหรับผู้มี severe allergy หรือทางร้านทางคนที่เทคลืมพิมพ์โน้ตว่าโต๊ะนี้มีแพ้อะไร แต่… ขอบอกไว้เลยว่าจากปสก.ไปกินและทำงาน ร้านอาหารส่วนใหญ่ไม่มี Epipen ติดร้านนะ ขอให้พกติดตัวเสมอเพราะ cross-contaminate มีเสมอ เช่น สั่งไม่เอาถั่ว แต่สั่งของทอดที่ deep fry ก็ใช้ทอดหมดรวมถั่ว น้ำมันเดียวกัน หรือมือคนเพรบ หยิบจับของรวมกันเป็นต้น บางคนไม่ได้เทรนเรื่องนี้มาจะคิดไม่ถึง
กรณีนี้ผู้เสียชีวิตเป็นแพทย์และได้บอกทางร้านอาหารก่อนสั่งอาหารแล้วว่าแพ้อาหาร ทางร้านยืนยันว่าทางร้านเป็น allergy free และได้ย้ำอีกครั้งตอนอาหารมาเสิร์ฟ พนักงานก็ยืนยันว่าได้ยำไปแล้วกับทางครัวเรื่องของอาหารที่แพ้ อันนี้จากการฟังข่าวมานะครับ
allergy free มันfreeแค่กับคนส่วนใหญ่ แต่มันจะมีคนส่วนน้อยที่แพ้อะไรแปลกๆ ที่ไม่ได้อยู่ในลีสปกติ
ส่วนร้านในDisney อาหารมาเป็นแพคอุ่นแยกแล้วเอามาประกอบเป็นจาน ไม่น่าจะแยกวัตถุดิบบางอย่างออกได้แน่ๆหล่ะ ดีไม่ดีคนทำไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีวัตถุดิบอะไรในอาหารที่กำลังทำอยู่ด้วยซ้ำ
ยกมาให้อ่านเลยละกัน
He alleges that the restaurant did not take enough care over his wife's severe allergies to dairy and nuts, despite being repeatedly told about them.
คุณคิดว่า Dairy and Nuts นี่มันเป็นอะไรแปลก ๆ ไหมครับ ผมหามาให้อ่านก็ได้
Peanut
A 2021 study found that prevalence of peanut allergy was 1.4–2% in Europe and the United States, increasing 3.5-fold over the past two decades.[11] Among children in the Western world, rates of peanut allergy are between approximately 1.5% and 3% and have increased over time.[13] It is a common cause of food-related fatal and near-fatal allergic reactions.
Milk
In the United States, 90% of allergic responses to foods are caused by eight foods, and cow's milk is the most common.[11] Recognition that a small number of foods are responsible for the majority of food allergies has led to requirements to prominently list these common allergens, including dairy, on food labels
แถมให้อีกอันครับ
https://health.usnews.com/health-care/patient-advice/articles/top-food-allergens
The Most Common Food Allergens
The Food and Drug Administration designates nine foods as the most common food allergens:
Milk.
Eggs.
Fish.
Crustacean shellfish.
Tree nuts.
Peanuts.
Wheat.
Soybeans.
Sesame.
ดังนั้น Milk กับ peanut นี่ ถือเป็นส่วนใหญ่ไหมครับ
ส่วนเรื่องคนทำ ไม่รู้ว่าอาหารประกอบด้วยอะไร ไม่น่าใช่ครับ เพราะเค้ามีกฏหมายอยู่
To protect those with food allergies and other food hypersensitivities, the FDA enforces regulations requiring companies to list ingredients on packaged foods and beverages. For certain foods or substances that cause allergies or other hypersensitivity reactions, there are more specific labeling requirements.
The FDA provides guidance to the food industry, consumers, and other stakeholders on best ways to assess and manage allergen hazards in food. The FDA also conducts inspections and sampling to check that major food allergens are properly labeled on products and to determine whether food facilities implement controls to prevent allergen cross-contact (the inadvertent introduction of a major food allergen into a product) and labeling controls to prevent undeclared allergens during manufacturing and packaging. When problems are found, the FDA works with firms to recall products and provide public notification to immediately alert consumers. In addition, the FDA has the authority to seize and remove violative products from the marketplace or refuse entry of imported products.
https://www.fda.gov/food/food-labeling-nutrition/food-allergies
แพ้อาหารเป็นอะไรที่ลำบากกันไปหมดอ่ะครับ
หลานผมก็เป็น แม่เค้าแพ้กุ้ง แต่เค้าแพ้อะไรไม่แพ้ ดันแพ้โปรตีนนมวัว ..
อะไรมีนมเนย กินไรไม่ได้เลยก็ ขนมเค๊ก ขนมปังทุกชนิด ขนมถุง 555 (โห..ชีวิต)
ตอนเด็กๆ เห็นเพื่อนกินอะไรก็กินตูมไป เรียบร้อย ปากเจ่อ หลอดลมตีบ
เข้าโรงบาล ตัลหลอดอ่ะ หลังๆ อาการหนัก ถ้าประมาท มีกลับบ้านเก่า แน่นอน
ทุกครั้งที่ไปกินอะไรกับบ้านนี้ ลำบากมาก กินได้แต่อาหารไทยแท้ๆ ข้าวแกงกะทิ ขนมไทย เน้นกะทิ
ห้ามกินนม ขนมปรกติทั้งหมดที่คนเค้ากินกัน ขนมปัง เค๊ก อาหารทะเลก็ไม่ได้ เดี๋ยวเผลอ
เพราะงั้น ร้านคนเยอะ ๆ ใครจะมานั่งเลือกเครื่องปรุงทีละอย่างให้เฉพาะคนๆเดียว
ไม่มีหลอกครับ ระวังอะไรไม่เท่าระวังตัวเอง รู้ว่าแพ้รุนแรง ไม่แก้ตัวว่า บอกพนักงานแล้ว ๆ
" อย่าไปกินแบบนั้น ตายมาก็ไม่คุ้ม "
มุมมองผม คือถ้าทำไม่ได้ ควรจะบอกลูกค้าครับว่าทำไม่ได้ เพราะแบบนี้มันเลยเท่ากับว่าทางร้านมีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย (เพราะถือว่าแจ้งแล้ว)
ไปหาข่าวอ่านสักนิดครับ ผู้เสียชีวิตแจ้งร้านก่อนแล้ว ร้านยืนยันว่าทางร้านเป็น allergy free ครับ ผู้เสียชีวิตเป็นแพทย์ผมคิดว่าเขาน่าจะมีความรู้ เรื่องอาการแพ้และเรื่องสุขภาพตัวเอง และมีความระมัดระวังตัวมากกว่าคนทั่วไปครับ
โทษนะครับ การเปิดร้านอาหารที่เมืองนอก ต้องมี licence นะครับ และคนในครัวต้องสอบ food hygiene ก่อนนะครับ
แล้วถ้าลูกค้าแจ้งแพ้อาหารอะไร ถ้าทำไม่ได้ ต้องรีบแจ้ง และไม่เสริฟต่อครับ ถ้าคุณเสริฟ แล้วเค้าแพ้ ติดคุกนะครับ
เมืองนอก การแพ้อาหารต่างๆ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะครับ ไม่เหมือนเมืองไทย ที่แทบไม่เคยเห็นหน่วยงานใด จริงจังเรื่องนี้เลย
(ลองไปซื้อขนมถุงแบบที่คุณบอก เมืองนอก เขียนชัดเจนข้างถุงว่า มีอะไรที่จะแพ้ได้บ้าง ขีดเส้นใต้ด้วย)
ลองอ่านประกอบครับ
https://www.food.gov.uk/business-guidance/allergen-guidance-for-food-businesses
หลานคุณไม่ได้อยากเกิดมาเป็นแบบนั้น เค้าเลือกเกิดไม่ได้ ลำบากพอแล้ว และเค้าควรมีสิทธิ์เดินเข้าร้านอาหารเหมือนเราๆ ไม่ใช่จำกัดเค้าเพราะ "เค้ากินอะไรก็แพ้" แต่มันเป็นเพราะ ร้านอาหารบ้านเรา ไร้ระเบียบการจัดการ food allergy ต่างหากครับ
เรื่อง food hygiene ละเอียดอ่อนครับ คนไม่รู้เรื่องเลย เรียนกันเป็นเดือนๆ และมีเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปทดสอบในครัวของร้านอาหารทุกๆปีด้วยครับ (ไม่บอกล่วงหน้าด้วยนะครับ)
ในกรณีของข่าวนี้ ผิดเต็มๆครับ (เพราะแพทย์พิสูจน์แล้วว่า เสียชีวิตเพราะแพ้อาหาร) แค่จะโดนโทษระดับไหน เท่านั้นเอง
++++
ความรู้ผู้เสียหายไม่ใช่น้อยๆ ตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีกก่อนใช้บริการ ทางร้านรับปาก แต่ร้านทำพลาดจนเสียชีวิต
ถึงบอกว่าเป็น cross-contaminate เพราะถ้าแจ้งแล้ว ร้านยืนยันแล้ว sever มั่นใจ
แสดงว่านึกว่ารอด ไม่ใส่ไม่ผ่านของแพ้แล้ว แต่อาจจะเอามือจับถั่ว/dairy มาจับอาหาร หรือ
deep fry ถอดถั่วแล้วลงทอดอย่างอื่นต่อภาชนะ มีด เขียงผ่าน dairy นั่นแหละ เลยแพ้
serfsafe ที่นี้ขอฟันธง เพราะอ่านแล้วรู้เลยว่ากันแล้วแต่ลืม cross-contaminate
ดังนั้นใครแพ้จัดพก EpiPen นะ กันไว้ ร้านส่วนใหญ่ไม่มีให้เด้อ
ไปฟังช่องยูทูป เขาว่าร้านอาหารเป็นร้านที่เช่าพื้นที่ ไม่ใช่ของดิสนีย์
ควนจะฟ้องทั้ง Disney และร้านอาหารให้ถึงที่สุดครับ
คิดได้ไงที่เอา T&C ของ Disney+ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของภรรยามาอ้างเพื่อให้ไกล่เกลี่ยนอกศาลเนี่ย บริษัทหน้าเลือดมาก เห็นเงินและบริษัทตัวเองสูงกว่าชีวิตของมนุษย์
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เขียนไว้คงเผื่อฟลุ๊ค
เพราะบางรัฐมันยอมให้T&Cบ้าบอแค่ไหน ..แต่ถ้ากดยอมรับ ก็ถือว่าเอามาใช้ได้
อย่างบางรัฐก็ไม่ยอม ถ้าT&Cไม่เป็นธรรม ก็ถือเป็นโมฆะได้
Edited เพิ่ม: รัฐที่ฟ้องกันเป็นแบบแรก เลยยกข้อT&Cนี้มาอ้างให้ศาลไม่รับคำร้อง แต่ยังไม่ถึงวันพิจราณาโดนสังคมทัวร์ลงจนกลับลำเองก่อน
ผมเลิกเป็นสมาชิกไปละครับ
แต่ไม่ทันแล้วนะครับ ฟ้องดิสนีย์ไม่ได้ตลอดชีวิต 🤣🤣
โห คิดถูกแล้วจริงๆที่ไม่ต่ออายุ Disney+
เคสนี้เลวร้ายขั้นสุดจริง