หลังจาก Google เปิดตัวโทรศัพท์ในกลุ่ม Pixel 9 ออกมาในงาน Made by Google ล่าสุด สื่อต่างประเทศก็เริ่มปล่อยรีวิวชุดแรก ๆ ออกมากันแล้ว
รอบนี้ Google มาด้วยกลยุทธ์ที่ต่างจากเดิม ปล่อยโทรศัพท์ออกมา 3 รุ่นย่อยคือ Pixel 9 สำหรับตัวเริ่มต้น กับ Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL ตัวเรือธงที่ต่างกันแค่ขนาดจอ ตรงนี้เป็นจุดที่ทุกสำนักรีวิวค่อนข้างชอบเหมือน ๆ กัน เพราะเพิ่มตัวเลือกให้กับคนที่อยากได้รุ่นเรือธงแต่จอไม่ใหญ่ไป
จริง ๆ แล้วเรื่องหน้าตาน่าจะเป็นเรื่องของความชอบ แต่รอบนี้สื่อหลายเจ้าค่อนข้างชอบการออกแบบของ Pixel 9 อยู่พอสมควร Lisa Eadicicco จาก CNET มองว่านอกจากกล้องและซอฟต์แวร์คลีน ๆ ที่เป็นจุดเด่น ดีไซน์เรียบหรูคืออีกจุดน่าสนใจ
Julian Chokkattu จาก WIRED ก็มองว่า เค้าโครงที่ยึดมาตั้งแต่ Pixel 6 (แถบกล้องยกสูง) ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นด้วยการออกแบบและงานประกอบพรีเมียม ดูเป็นโทรศัพท์ไฮเอนด์ แต่ Kevin Purdy จาก Ars Technica ให้ข้อสังเกตเล็กน้อยว่าบางคนอาจจะไม่คุ้นชินกับแถบกล้องยกสูง เสี่ยงต่อการหล่นจากมือถ้ายังไม่ชิน
Google Pixel 9 มาในจอ OLED ขนาด 6.3 นิ้ว ความสว่าง 2,700 nits ส่วนตัว Pro มาในจอ LTPO OLED ขนาด 6.3 และ 6.7 นิ้ว ความสว่าง 3,000 nits ทุกรุ่นมีอัตรารีเฟรช 120 Hz ซึ่ง WIRED และสำนักอื่น ๆ ก็ชมว่าให้จอมาได้สว่าง คมชัด และลื่นไหล และเมื่อใช้งานกับชิป Tensor 4 ก็ไม่สะดุดเมื่อใช้งานหลายแอป แต่มีจุดสังเกตคือประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเรือธงของ Apple และ Samsung
จุดขายสำคัญที่มีมาช้านานของ Pixel คือการถ่ายภาพ และรอบนี้ Google ก็ยังทำได้ดีด้วยพลังของซอฟต์แวร์ Ars Technica มองว่า จริง ๆ แล้ว Google ไม่เคยให้เซนเซอร์ที่ใหม่หรือน่าประทับใจ แต่พลังของ Machine Learning ที่มาพร้อมกับชิปที่จูนมาเฉพาะ ทำให้ภาพถ่ายออกมาสวยงาม พลังของ AI ทำให้ลูกเล่นในกล้องของ Pixel 9 Pro พอฟัดพอเหวี่ยงกับ iPhone 15 Pro Max ซึ่ง WIRED ก็มองไปในทางนี้เหมือนกัน
รอบนี้ Google ให้ชิป Tensor 4 และ RAM เริ่มต้น 12GB เพื่อรองรับฟีเจอร์ AI ต่าง ๆ โดย Sam Rutherford จาก Engadget มองว่า Pixel 9 อาจมีติดขัดบ้างในการเล่นเกม แต่ในการใช้งานทั่วไปก็ไม่มีปัญหา สามารถทำงานได้ลื่นไหล ยกเว้นว่าจะแกล้งเปิดแอปที่สูบทรัพยากรหนัก ๆ ไว้พร้อมกันหลายหน้า
Google พยายามชูให้ Pixel 9 เป็น Gemini Phone แต่ดูเหมือนฟีเจอร์ AI ที่ปล่อยออกมาจะยังไม่เข้าเป้าในมุมมองของหลาย ๆ สื่อ เช่น CNET ที่พูดตรงไปตรงมาว่าฟีเจอร์บางอันดูมีประโยชน์ แต่หลาย ๆ ตัวก็เหมือนมีไว้สนุก ๆ มากกว่าใช้งานจริง เช่น Pixel Studio ที่ใช้สร้างรูปภาพ ก็ยังมี Hallucination หรือหลุดตัวละครติดลิขสิทธิ์ออกมาให้เราเห็น
Ars Technica ก็มองไปทางเดียวกันว่า Gemini ยังช่วยงานทั่ว ๆ ไป เช่น จับเวลา เพิ่มโน้ต ได้ไม่ดีเท่า Google Assistant ปกติ แต่ Ars Technica ก็ชอบบางฟีเจอร์ เช่น Pixel Screenshots ที่ใช้ AI ช่วยเสิร์ชหาภาพ screenshot ที่เคยแคปเก็บไว้ได้
โทรศัพท์ Google Pixel 9 ดูเป็นก้าวที่แตกต่างจากที่ผ่านมา ไล่ไปตั้งแต่การออกเรือธง 2 ขนาด ปรับงานประกอบให้พรีเมียมขึ้น การเพิ่มราคาขึ้นไปชนกับกลุ่มไฮเอนด์ ซึ่งชัดเจนว่า Google อยากขึ้นไปเล่นในตลาดข้างบนมากขึ้น
สื่อหลายเจ้ามองคล้าย ๆ กันว่าซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะฟีเจอร์ AI ที่เป็นจุดขายทั้งในอดีตและในรอบนี้ยังไม่น่าสนใจมากพอจะทำให้เราเรียก Pixel 9 ว่า Gemini Phone ได้เต็มปาก แต่ถ้ามองในภาพรวมด้านอื่น ๆ ทั้งดีไซน์ วัสดุ และสเปคของ Pixel 9 ก็ถือว่าค่อนข้างดี
อ้างอิง: The Verge, WIRED, Engadget, Ars Technica, CNET
Comments
ตัวนี้ยังได้ Video Boost มั้ยนะ แล้วยังต้องอัปขึ้นไปประมวลผลบน cloud อยู่?
สำหรับผมไซส์เข้าใจง่ายดีเหมือนสมัย ndsi
เมื่อก่อนโชว์ ถ่ายภาพมืดๆ เป็นสว่างเลย
คะแนน DxOMark ออกแล้วนะครับ รุ่น XL จอได้ที่หนึ่ง กล้องหลังได้ที่สอง กล้องหน้าได้ที่สี่
เดี๋ยวนะ เล่นเกมสู้ iPhone 15 ที่ออกปลายปีที่แล้วไม่ได้ ?
That is the way things are.
Tensor ไม่ได้เน้นเกมส์มาแต่ไหนแต่ไรแล้วมั้งครับ
เข้าใจว่าถ้าเทียบเรื่องเล่นเกม น่าจะต้องย้อนไปสองปีเป็นอย่างต่ำครับ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มใช้ tensor ซึ่งในตอนนั้นคนก็บ่นกัน แต่อีกทางหนึ่งก็คือคงไม่มีใครซื้อพิกเซลมาแล้วหวังว่ามันจะเล่นเกมได้ดีเท่าเรือธงตัวอื่นอยู่แล้ว
ทำไมไม่หวังอะครับ
ถ้าผมจะซื้อ flagship ผมก็คาดหวังกับการเล่นเกมและถ่ายรูป ส่วน feature อื่น ๆ จะเพิ่มมาหรือไม่ ผมนับเป็นของแถม
แล้วเอาจริง ๆ โทรศัพท์มือถือยังไงก็เป็นได้แค่ client ของ AI เพราะ processing power ไม่พอ
That is the way things are.
ถ้าหวังกับการเล่นเกมและถ่ายรูปไปพร้อม ๆ กัน มันมีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่าเยอะแยะมากครับ พิกเซลไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด และมันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้วครับ ดังนั้นถ้าบอกว่ามีใครหวังว่าพอพิกเซลรุ่นใหม่ออกมาแล้วจะเล่นเกมดี ผมว่านี้แหละครับที่มันจะแปลก
ปล. ไม่ได้และไม่อยากอ้างอิงถึงเรื่อง AI อะไรเลยครับ ผมแค่คุยเรื่องเกมเท่านั้นเอง ซึ่งก็อย่างที่บอกครับ มันไม่ได้ดีขนาดที่จะซื้อมาเพื่อเล่นเกมโดยตรง แล้วก็ไม่เคยอยู่หัวแถวเรื่องนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
processing power ไม่พอนี่เข้าใจผิดนะครับ
train AI ใช้ processing power เยอะจริง
แต่รัน AI นี่ขึ้นอยู่กับขนาดของ Model
ปัจจุบันมีหลายอย่างมากที่ run locally ด้วย ship AI นี่แหละครับ
ส่วนเรื่องเล่นเกมนี่คงแล้วแต่คน มีหลายคนที่ซื้อ flagship โดยไม่ได้สนใจเกมมือถือ
ส่วนตัวผมมองว่าถ้าค่ายอื่นทำได้ในราคาเท่ากัน ก็ไม่ควรจะตกมาตรฐานแบบนี้
ขอบคุณสำหรับข้อมูลความรู้ครับ
That is the way things are.