Shawn Layden อดีตหัวหน้า PlayStation Studios ที่รับผิดชอบการพัฒนาเกมทั้งหมดของโซนี่ (ลงจากตำแหน่งในปี 2019) ออกมาโต้ตอบเสียงวิจารณ์ต่อเกม Ghost of Yōtei ภาคต่อของเกม Ghost of Tsushima ที่เปลี่ยนมาใช้ตัวเอกเป็นผู้หญิง และทำให้เกมเมอร์ (ชาย) จำนวนหนึ่งไม่พอใจ
Layden บอกว่า
ถึงแม้ Layden พ้นจากตำแหน่งในโซนี่มานานแล้ว แต่ด้วยผลงานเก่าๆ ของเขาที่เคยบริหารสตูดิโอเกมขนาดใหญ่มา (รวมถึงดูแล Sucker Punch ที่พัฒนาเกมตระกูล Ghost โดยตรง) บวกกับการที่เขา ออกมา วิจารณ์ อุตสาหกรรมเกม อยู่เรื่อยๆ ทำให้เขามีปากเสียงอยู่ไม่น้อยในแวดวงเกม
1 It's a game. An entertainment. A story a team of creators believes in. They want to make this.2 it's a game. If you don't like it, don't buy it. In fact, why not make the game you want yourself?
— shawn layden 🏳️🌈🏳️⚧️🇺🇸🇯🇵 (@ShawnLayden) September 25, 2024
Atsu นางเอกของ Ghost of Yōtei
Comments
ทีมตัวละครหญิงครับ
ตัวละครชายเล่นแล้วเคืองตา ถถถถถถถ
แต่ต้องสวยนะ
ตัวละครหญิงเนี่ย ผู้หญิงญี่ปุ่นสุด ๆ ผมอยู่ญี่ปุ่นมาเกือบสามปีก็หน้าตาประมาณนี้แหละโดยทั่วไป ถือว่าดูดีสมกับเป็นคนญี่ปุ่นนะ
ถึงเวลาแอนตี้ว้กออกโรงหลอน
อันนี้มันตีกันเพราะเรื่องคัดคนมาแสดงเพราะนักแสดงเป็นฝั่งซ้ายจัดใช้คำแสดงตัวเป็น Gender : all pronouns และทีมงานหลายคนก็เป็นกลุ่มสายรุ้งมีแปะ pronouns ไว้ใน profile
แต่เอาจริงๆ เกมกับคนทำนักแสดงก็คนล่ะอย่างน่ะ แต่มันจะมีเรื่องกรณีถ้าไปยัดเยียดแบบตัวเกมไปตะโกนเรียกร้องความเท่าเทียมแบบไม่เข้ากับบท ถ้าเล่นแบบนี้รับรอง ip ลงหลุม
แปลกใจกับคนที่มีปัญหามากกว่า เพราะ Gender กับ Pronouns มันคนละเรื่อง ต่อให้เป็นชายทั้งแท่งสลับไปใช้ She/Her เฉย ๆ ยังได้เลย ส่วน Any Pronouns อันนั้นกะฟรีสไตล์อยากใช้อะไรก็ใช้ไม่ต้องคิดเยอะ
พอพูดถึงเรื่องนี้ทีไรผมก็ชอบหันกลับมามองประเทศตัวเองทุกที ประเทศเรานี่เสรีดีนะ ผู้ชายพูดคะค่ะไม่มีปัญหาอะไรเลย ผู้หญิงใช้ผมครับก็ได้เช่นเดียวกันไม่มีการออกมาประท้วงเหมือนตะวันตก (อย่างน้อย ๆ ก็สำหรับยุคปัจจุบัน)
แต่ถ้าเอาที่ว่าบุคคลที่แสดง Pronouns บนโพรไฟล์มักจะมีอะไรแปลก ๆ ให้เห็นตลอดอันนี้เห็นด้วย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
มองซะว่าเหมือนกินเจบ้านเรา กับวีแกนฝั่งบ้านเค้าน่ะครับ
บ้านเราจะทำอะไรก็ทำไปไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนจบ แต่ฝั่งตะวันตกคนเห็นต่างคือผิดจับแยกหาเรื่องตีกันตลอด
ส่วนหนึ่งก็เพราะสรรพนามในภาษาอังกฤษด้วยล่ะครับ อย่างภาษาไทยนี่เรามีสรรนามบุคคลที่หนึ่งให้เลือกใช้ตามที่ต้องการจะเป็นเพศสภาพอะไรก็เลือกเอาเองเลย และสรรพนามบุคคลที่สามที่ใช้กันบ่อย ๆ อย่างคำว่า "เขา" ก็เป็นสรรพนาม Genderless ด้วย (คำว่า "เขา" แม้จะใช้แปลคำว่า "He" แต่การใช้ในภาษาไทยเราใช้คำนี้กับแบบ Genderless) แถมนอกจากสรรพนามเราก็ยังมีคำลงท้ายที่บ่งเพศอย่าง ครับ/ค่ะ ซึ่งผู้พูดก็เป็นคนเลือกเองอีก
ในขณะที่ภาษาอังกฤษนั้นตรงกันข้ามกับไทยคือคำบ่งเพศดันไปอยู่ในสรรพนามบุคคุลที่สาม หรือก็คือการบ่งเพศสภาพขึ้นกับคนอื่นว่ามองตนว่าอย่างไรเวลากล่าวถึงตนกับบุคคลอื่น ก็เลยเกิดการไประรานคนอื่นเพื่อให้เขาใช้สรรพนามที่ตนต้องการหรือโมโหเวลาคนใช้ไม่ตรงตามที่ต้องการ ดังนั้นเพื่อเป็นการเลี่ยงปัญหาคนส่วนหนึ่งก็เลยเริ่มใส่สรรพนามใน profile กันแต่พอใครใส่ก็จะเกิดปัญหาจากคนอีกกลุ่มแทนว่า "แกเป็นพวก woke ล่ะสิ"
เมื่อก่อนผมเคยมองว่า feature นี้ทำให้ภาษาไทยซับซ้อนเกินไปแต่ตอนนี้มองว่าเราโชคดีมาก ๆ เลยนะที่เรามีสรรพนามบุคคลที่หนึ่งจำนวนมากเลยเลี่ยงปัญหานี้ไปได้
ไม่เหมือนกันเสียทีเดียวครับ
การที่ผู้ชายพูดแทนตัวเองด้วย "คำ" ของผู้หญิง เช่น ค่ะ ฉัน มันคือความตั้งใจของเจ้าตัว และไม่เคยบังคับให้คนอื่นมาเรียกเจ้าตัวแบบที่ตัวเองต้องการ
ในทางกลับกัน พวกที่เปลี่ยนสรรพนามตัวเองนั้นไม่ได้พอใจแค่สิทธิ์ที่ตัวเองจะพูด แต่ลามไปถึงการบังคับให้คนอื่นพูดในแบบที่ตัวเองต้องการด้วย เป็นการละเมิดสิทธิ์คนอื่นแบบกลาย ๆ
แล้วสรรพนามภาษาอังกฤษมันก็มีความหมายเชิงจำนวนด้วย เช่น they ที่บ่งบอกถึงคนหลายคน ดังนั้นเวลาบางคนนำคำนี้ไปใช้แทนสรรพนามของคนเดียว มันก็ทำให้ผู้ฟังสับสนได้ กลายเป็นทำให้ภาษาที่ใช้สื่อสารมีประสิทธิภาพด้อยลง
That is the way things are.
นั่นมันปัญหาของภาษาอังกฤษแล้วล่ะ เหมือนกับที่คุณ blue111 ตอบกลับคุณ PandaBaka เลย
ผมเคยคุยกับฝรั่งสายกลางหลายรอบเกี่ยวกับปัญหานี้ มีตั้งแต่เราควรพูด Pronouns ของที่คน ๆ นั้นเลือกเพื่อให้เกียรติบุคคล ๆ นั้น ไปจนถึงว่าเปลี่ยนไปเรียกเป็นชื่อเล่นของคน ๆ นั้นจะง่ายที่สุดไม่ต้องจำ (ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องมีคนไม่พอใจอีกน่ะล่ะ) แต่สุดท้ายแล้วก็ลงเอยที่จุดเดียวกันคือ มันเป็นปัญหาของภาษาฝั่งตะวันตกที่กำหนดเพศให้กับ Third Party ตั้งแต่แรก แถมด้วยความที่เป็นภาษาแบบ Subject Prominent (ต่างจากภาษาส่วนใหญ่ในเอเชียที่เป็น Topic Prominent ทำให้เกิดการใช้สรรพนามไม่บ่อย) แต่ถ้าให้ผมตอบว่าตกลงแล้วเราควรจะใช้ยังไงผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน และผมก็เกลียดภาษาอังกฤษเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย ถถถถถ
ปัญหามันลึกกว่านั้น เพราะว่าการตั้งใจเรียก Pronouns ตามที่ตัวเองสะดวกก็มีต้นตอส่วนหนึ่งของ Transgender Hate (หรือศัพท์ใหม่คือ Transphobic) ด้วย ในหลาย ๆ สถานการณ์มันไม่ได้แยกยากขนาดนั้น มองปุ๊บก็รู้ได้เลยว่าคน ๆ นี้น่าจะใช้ Pronouns อะไร (แต่ They น่ะยากจริงยอมรับ แต่ส่วนใหญ่ที่เจอจะ Default เป็นเพศดั้งเดิมของคน ๆ นั้นก็ได้ ซึ่งก็ดี ปรับตัวกันไป) แต่คนเหล่านี้ก็เลือกที่จะพูด "แบบถูกต้อง" เพื่อตั้งใจจะเหยียดคน ๆ นั้นก็เพียบ จะว่าละเมิดสิทธิ์ก็พูดไม่ได้เต็มปากเสียทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราพูดถึงจริยธรรมความเป็นมนุษย์ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีบรรทัดฐานที่แตกต่างกันอยู่แล้ว ผมว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่านำมาเถียง แต่น่านำมาสังเกตการณ์กระแสสังคมว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป แต่ที่เห็นได้ชัดเลยคือภาษาไทยของเราไร้ปัญหาเรื่องนี้
ซึ่ง all pronouns นี่น่าจะไม่เข้าฝั่งบังคับให้คนอื่นพูดมั้ยนะฮะ
รอเล่นภาคนี้เลย ขี้เกียจเล่นภาคแรกเพราะตัวผุ้ชายนี่แหละ
อย่างน้อยก็ยังเป็นคนญี่ปุ่นจริงๆ อยู่นะครับพรี่
ที่เป็นประเด็นไม่ใช่เพราะนักแสดงต้นแบบนักกิจกรรมสาย woke ด้วยนี่นา.
ผมว่า woke มันไม่ใช่เรื่องผิด แต่ too woke, over woke นะอะไม่โอเค
The Dream hacker..
นอกเรื่องหน่อย Shawn Layden นี่หน้าบางมุมก็คล้ายๆอีลอนอยู่เหมือนกันนะเนี้ย
ตาลุงนี่บางทีก็พูดเอาง่าย ไม่ถูกใจก็ไม่ซื้ออะแน่นอนอยู่แล้วแต่การวิจารณ์มันก็ย่อมทำได้ยิ่งในกรณีที่กระบวนการทำเกมออกมาแปลกๆไม่น่าไว้ใจ เอาจริงๆไม่มีเกมเมอร์คนไหนอยากให้ทำเกมกากๆออกมาหรอกเค้าก็อยากได้เกมดีๆกันทั้งนั้นเค้าถึงได้ลงมาออกความคิดเห็นกันเพราะไม่อยากให้เกมออกมาแย่จนเค้าไม่อยากซื้อไม่อยากเล่นมั้ย หน้าที่ของคนทำเกมก็ต้องเอาฟีดแบ็คไปรับฟังแล้วมาคิดวิเคาะห์กันว่าอันไหนมีประโยชน์อันไหนน่าจะต้องแก้ไขหรือเมินมันไปไม่ใช่ออกมาโต้เถียงกับผู้เล่นให้เกมมันดราม่าจนคนเค้าบอยคอตกัน
ผมเล่นเกมใดๆถ้ามีตัวละครหญิง ผมก็เล่นแต่ตัวละครหญิง เล่นตัวละครชายแล้วตาจะเป็นมะเร็ง
ส่วนตัวผมไม่เล่นเกมที่ตัวเราเป็นผู้หญิงเท่าไร เพราะว่ามันไม่ใช่เราอะ คือฟีลลิ่งมันไม่ได้จริงๆ เคยอยู่เกมส์เดียวคือ Black dessert เพราะอาชีพมันบังคับเพศแต่ก็นั่นแหละไม่อิน
สงสัยคนที่ anti woke unironically เหยียด ไหมครับ ผมเห็นคนไทยหลังๆ เริ่มมาทางนี้และเห็นเด็กวัยรุ่นมัธยมก็เริ่มมาทางนี้เพราะเหมือนไปเชี่อตามๆ มา น่าเป็นห่วงนะครับถ้า anti ไม่มีขอบเขต ไม่นึกว่าบ้านเราจะมี right wing แบบนี้จนกระทั่งคนไทยเริ่ม expose to social media นี้แหละ
ในมุมมองของผม การเหยียดน่าจะมาหลังจาก "เหตุ" ก่อน ในความคิดเห็นของคุณ shub เองก็บอกไว้ชัดเจนเลยว่ามันเป็นเพราะผู้ผลิตไม่ยอมฟังความคิดเห็นของผู้เล่นตั้งแต่แรกและปล่อยให้เกมออกมาพัง สาเหตุแม้จะไม่แน่ชัดในทุกราย แต่มูลก็ชัดเจนว่าผู้พัฒนาเอาเวลาไปใส่ใจในสิ่งที่ไม่สมควรใส่ใจตั้งแต่แรก ซึ่งก็คือ DEI นั่นแหละ ทำให้เกมแย่ ๆ ในปีนี้ถูกเชื่อมโยงกับ DEI ไปโดยปริยาย แม้จะมีเกม DEI น้ำดีออกมาอยู่ด้วยก็ตามแต่ก็ทานกระแสต่อต้านไม่ไหว
ปล. ผมจำได้มีกระทู้หนึ่งที่เกมไหนสักเกมนี่แหละพูดถึงทีมพัฒนาเป็น DEI แทบทั้งทีม ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า สรุปแล้วเขาขายเกมหรือขายทีมผู้พัฒนากันแน่
จำได้ละ Starfield"ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้อ"
ประโยคนี้คุ้นๆ...