DeepSeek บริษัทปัญญาประดิษฐ์ของจีนที่เพิ่งเปิดตัวโมเดลคิดเป็นขั้นตอน R1 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กลายเป็นหัวข้อสนทนาหลักในวงการ AI ถึงความก้าวหน้าครั้งใหญ่ เพราะโมเดลมีขนาดเล็กที่สุด 1.5B แต่ความสามารถหลายด้านสูงกว่า OpenAI o1-mini ขณะที่ต้นทุนในการฝึกฝนโมเดลนั้นต่ำมาก โดยบริษัทบอกว่าใช้เงิน 5.6 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
กระแสข่าวที่ออกมาทำให้ DeepSeek ตอนนี้ขึ้นอันดับ 1 แอปยอดนิยมของ App Store ในสหรัฐอเมริกา แซงหน้า ChatGPT ไปเรียบร้อย
อย่างไรก็ตามความสามารถสูงของ DeepSeek-R1 ยังเป็นคำถามเรื่องต้นทุนที่ใช้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ประเด็นนี้ Garry Tan ซีอีโอของ Y Combinator ให้ความเห็นว่าหาก DeepSeek สามารถทำต้นทุนได้ต่ำจริง ก็เป็นประโยชน์ต่อวงการ AI เพราะทำให้บริษัทขนาดเล็กสามารถฝึกฝนโมเดลใหม่ ๆ ได้เร็วและใช้เงินน้อยลง การทำ Inference ก็เติบโตมากขึ้นเพราะเข้าถึงทรัพยากรได้ทั่วถึง
Yann LeCun หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์ AI ของ Meta (ซึ่ง DeepSeek ก็พัฒนาบน Llama ด้วย) บอกว่าตอนนี้การถกเถียงกันเป็นมุมมองเรื่องบริษัทจีนกับบริษัทอเมริกาค่อนข้างมาก แต่สิ่งที่เราเรียนรู้จากความสามารถ DeepSeek แท้จริงคือ โมเดล AI แบบโอเพนซอร์สสามารถแซงหน้าโมเดลแบบปิดได้แล้ว ทีมพัฒนามาพร้อมไอเดียใหม่ ต่อยอดจากโอเพนซอร์สที่มีอยู่ และเนื่องจาก DeepSeek ก็เป็นโอเพนซอร์ส ทุกคนจึงล้วนได้ประโยชน์จากสิ่งนี้
ที่มา: TechCrunch
Comments
ไม่ต้องห่วงไม่นานเดี๋ยวก็ถูก Ban แบบ Tiktok เพราะ US เค้ากลัวข้อมูลที่คนใช้เอาไปใส่ รั่วไหล
บังคับขายให้อเมริกา
นึกถึง ไจแอนท์ พูดกับ ซูเนโอะ
"ของของนาย ก็คือของของฉัน
ของของฉัน ก็คือของของฉัน"
😁
DeepSeek เป็น open source เมกาใช้ฟรีอยุ่แล้ว
หมายถึง App ครับ
ต้นทุนค่าแรงก็ถูกกว่าด้วยไหมนะ
ทุกคนเค้ามี ChatGPT กันหมดแล้ว คนโลหดเพิ่มไม่มาก ก็ไม่แปลกที่แอพใหม่จะขึ้นอัน 1 ป่ะ
ของดีจริง ไม่แปลกใจ
WE ARE THE 99%
ระวัง โดน แบน อีกนะ
วันนี้ลองใช้อยู่ก็ดีกว่าบางเรื่องนะแต่เรื่องภาษายังงงๆอยู่ไม่ค่อยเป๊ะแบบgpt
ลองไปใช้มาเหมือนว่า feature ของ Deep Thinking (R1) เหมือนจะใช่เทคนิค Self-Refine Prompting เลยทำให้ model เล็กๆมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
ส่งข้อความโครตช้าเลย
แกล้งถามเรื่องไต้หวัน เหมือนกำลังจะตอบ แต่โดนเซ็นเซอร์ตัดบทไปดื้อๆ 🤣
ตามข่าวนี้ ไปเจอ 5 อันดับ APP Store มา 1. DeepSeek 2.ChatGPT 3.Paramount+ 4.Threds 5.Temu ที่สนใจเป็นพิเศษและสงสัยคือ Threds มันมีคนสนใจใช้งานขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ