ประธานาธิบดี Donald Trump กล่าวกับผู้ว่าการรัฐที่เข้าพบว่า Tim Cook ซีอีโอแอปเปิล ได้ให้คำสัญญาว่าจะย้ายโรงงานผลิตจากเม็กซิโกมาที่สหรัฐอเมริกา โดย Trump บอกว่าแอปเปิลจะหยุดโรงงาน 2 แห่งที่นั่น พร้อมกับลงทุนหลายร้อยล้านดอลลาร์เพิ่มในอเมริกา เพราะไม่อยากเจอกำแพงภาษีนำเข้า
Tim Cook ได้เข้าพบหารือกับ Trump เมื่อวันก่อน ซึ่งไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการพูดคุย
แอปเปิลปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวนี้ และไม่ได้ชี้แจงว่าโรงงาน 2 แห่งในเม็กซิโกที่ Trump พูดถึงคือโรงงานอะไร โดยโรงงานที่ผลิตสินค้าให้แอปเปิลและอยู่ในเม็กซิโกเป็นโรงงานของ Foxconn ซึ่งทาง Foxconn ก็ประกาศแผนขยายการลงทุนที่นั่นด้วย
ที่มา: Bloomberg
Comments
ทำไมมันดูเละเทะไปหมดบริษัทเทคฯ อเมริกายุค Trump
เปลี่ยนชื่ออ่าวโดยไม่สนคนทั้งโลกจะว่าไงบอกตัวเองว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยแต่ทำตัวอยากได้ยึดมาดื้อๆ บริษัทเทคไม่เปลี่ยนชื่อก็พลอยซวย
อยากจะตั้งภาษีก็ตั้งเดียวไปขึ้นราคาขายภาระประชาชนล้วนๆ
กฎหมายละเมิดสิทธิมนุษยชน (IACHR) ทีเอาไปบังคับใช้กับประเทศอื่นละบ่อย
แร่หายากของยูเครนอยากได้ก็ขู่เหมือนปล้นให้เอามาแลกกับอาวุธ
เข้ายึดครองและเป็นเจ้าของฉนวนกาซาหน้าไม่ด้านทำไม่ได้นะ
ยังมีอะไรที่ Donald Trump ทำให้เละได้อีกสินะ
เพราะคุณมองไม่เหมือนคนเลือกทรัมป์ไง มองไม่เห็นภาพรวมอีกด้านหลังจากนั้น
คงใกล้ถึงเวลาค่อยๆ ล่มสลายของอิทธิพลของสหรัฐแล้วล่ะ การเป็นมหาอำนาทมันไม่ใช่แค่การข่มขู่เพื่อให้ได้มา แต่เป็นการช่วยเหลือเพื่อสร้างอิทธิพลของตัวเองในพื้นที่นั้นๆ พอได้ประเทศนั้นเป็นพวกในเวทีโลก ก็ค่อยรวมตัวไปกดดันกับคู่แข่งอื่นให้มีอำนาจน้อยลง ถ้าใช้แต่การข่มขู่มิตรก็จะเปลี่ยนเป็นศัตรู อิทธิพลในเวทีโลกก็จะลดลง แนวทางนี้เป็นวิธีแบบตะวันออกที่จีนใช้ และเป็นวิธีที่สหรัฐเคยใช้ในช่วงสงครามเย็นในการต่อสู้กับโซเวียตเดิม
บางทีผมก็สงสัยนะครับ ทุกฝ่ายในไทย(ฝ่ายซ้ายเสรีนิยมจะหนักหน่อย) ต่างต้องการสลายอำนาจจักรวรรดินิยมอเมริกากันทั้งนั้น แค่กลับเดือดร้อนกันทั้งที่มันเกิดขึ้นแล้ว ผมอยากรู้ว่าฉากทัศน์ที่วาดหวังไว้มันเป็นยังไงเหรอครับ
I need healing.
มันเร็วไม่ทันใจเขาไงครับ ด้วยอำนาจที่สะสมมาเป็นเวลานานมันต้องใช้เวลา เหมือนก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่เมื่อก่อนเราได้แค่เอาเทียนรนเพื่อให้มันละลาย แต่พอทรัมป์เข้ามาตอนนี้มันกำลังจะกลายเป็นคบเพลิงที่กำลังรวมตัวกันเพื่อละลายน้ำแข็งก้อนนั้น รวมถึงจะต้องมีขั้วอำนาจนึงขึ้นมาทดแทนด้วยเพื่อให้เกิดสมดุลอำนาจ และให้ประเทศขนาดเล็กได้พึ่งพิง มันเป็นสมดุลของอำนาจ หากมีแค่ฝ่ายใดถูกลดอำนาจลงไป แล้วไม่มีอีกฝ่ายขึ้นมาทดแทน มันจะเกิดความวุ่นวาย เกิดสงครามไปทั่วโลกเนื่องจากไม่มีใครที่มีบารมีมาปราม
ทฤษฎีสมดุลอำนาจมันอธิบายได้หลายเรื่องครับ ถ้าเข้าใจมัน จะพอพยากรณ์สิ่งทีจะเกิดขึ้นถัดไปในแวดวงอำนาจ ทั้งในองค์กร การเมือง และระหว่างประเทศได้ แต่อย่างที่บอกครับมันเป็นแค่การพยากรณ์ ยังมีตัวแปรอีกมากมายที่เรายังไม่ทราบอาจเกิดขึ้นระหว่างนั้นได้ มันก็เหมือนอัลกอริทึ่มของ AI นั่นแหล่ะครับ ถ้าสมการมันยังไม่สมบูรณ์ตัวแปรยังไม่ครบ มันก็มีโอกาสเกิดความแปรปรวนได้เสมอ หากเกิดปัจจัยที่เราไม่ได้ประเมินไว้แทรกขึ้นมา ตัวอย่างง่ายๆ ก็พวกพยากรณ์น้ำท่วมนั่นแหล่ะครับ ปรกติเขาใช้แค่ค่าฝนสูงสูงสุดในรอบ 50 ปีเป็นตัวสร้างขอบเขต แต่วันหนึ่งเกิดฝนที่ตกสูงมากเป็นประวัติการณ์ในรอบ 100 ปีขึ้นมา มันก็จะทำให้สมการที่เคยพยากรณ์ได้ถูกต้องผิดเพี้ยนไป
อาจตอบไม่ตรงคำถามนะครับ แต่ผมตั้งใจเพื่อให้คุณคิดต่อเอาเองมากกว่า เนื่องจากสมดุลอำนาจมันไม่สามารถกำหนดขอบเขตได้ชัดเจนว่าอะไรเป็นตัวแปรบ้าง เพราะสมการนี้ X อาจไม่ได้เท่ากับ Y เสมอไป
"ประชาธิปไตย" ขอบเขตคือประชาชนภายในประเทศครับ
กับต่างประเทศแล้วทุกชาติก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ
ผมว่าดีกว่าการทำเป็นว่าห่วงความเป็นอยู่ของคนชาติอื่น แต่ไม่สนความเดิอดร้อนของคนในชาติตัวเองนะครับ (ไม่ยอมตัดไฟ)
ถ้าบอก "ประชาธิปไตย"" มีขอบเขตแค่คนในประเทศอันนี้ถ้ามองแบบ Nationalist ก็ถูกครับ แต่ที่ผผ่านมาเมกานโยบายต่างประเทศอยู่บนพื้นฐานของ Humanist มาโดยตลอดตั้งแต่ Clinton,Bush,Obama USAID คือตัวอย่างของการทำ Soft Power แล้วส่งเสริมค่านิยม Humanist
เอาเป็นว่า Sentiment ของทั่วโลกตอนนี้ผผมว่าไม่ต่างจากตอนก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สองเท่าไหรซึ่งผมก็ยังไม่เกิดหรอกแต่เท่าที่อ่านประวัติศาสตร์มาพอสมควร ที่ขวามีอำนาจแล้วดำเนินนโยบายขยายไอเดียสุดท้ายด้วยไอเดียของขวาที่ยึดเรื่องประเทศก็จะตีกันเอง วนลูปกลับมาซ้ายแล้วซ้ายก็ใจดีเกินปล่อยฟรีอิสระแล้วก็เละเหมือนเดิม แต่ตอนนี้ในหลายประเทศอาจจะไม่ได้อำนาจเยอะเท่าตอนนั้น
ทรัมป์แค่แสดงธาตุแท้ของประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกาก็แค่นั้น เมื่อก่อนนั่นชอบแอ๊บ อยากได้อะไรก็ชอบอ้างสิทธิมนุษยชน,อ้างประชาธิปไตย บลาๆๆ แต่ทรัมป์พุ่งตรงๆไปเลย ไม่ต้องแอบอ้างให้เสียเวลา
ผมมองว่านั่นเป็นแค่คนบางกลุ่มเท่านั้น ที่เขาเรียกว่า vocal minority ซึ่งท้ายสุดส่งผลกระทบต่อคนกลุ่มใหญ่ เขาจึงเลือกทรัมป์กัน คนกลุ่มนี้ก็พวก activist ฝั่งซ้ายซึ่งมันชัดเจนอยู่แล้ว
ปธน ดำรงอยู่แค่ 4 ปี มันคุ้มขนาดยอมปิดโรงงานเพื่อไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าขนาดนั้นเลยหรอ
มันก็ไม่มีอะไรรับประกันว่า4ปีหน้า อำนาจจะกลับข้างนะครับ เพราะงั้นมันอาจจะแค่4ปี หรืออาจะจะ40ปีก็ได้ ไม่่มีใครรู้
สมัยที่ 3 ทรัมป์หมดสิทธิแล้วป่าว 2 สมัยก็อยู่ 8 ปี แล้ว
อาจจะแก้กฏหมาย หรือมีคนรับสืบทอดอำนาจต่อก็ได้นะครับ ถ้าแก้ 2 สมัยไม่ได้ ก็แก้ให้เพื่อนซีั้พี่ Elon รับทำงานต่อ ฮ่าๆ
ปิดโรงงานจะคุ้มเหรอ
ฝั่งเม็กซิโกน่าจะเป็นพวกโรงงาน accessories พวกที่ชาร์จสายเคเบิลน่ะครับ ยอมจ่าย Trump Tax ปิดย้ายมาเอาใจนิดหน่อย คุ้มกว่าโดนหมายหัวอยู่ครับ บริษัทใหญ่ๆ มีเรื่องที่ยังต้องพึ่ง ปธน. อีกเยอะ
งี้ปิดโรงงานอินโดเอาใจ trump ไหมจ๋ะ