อันนี้เป็นภาคต่อของ "ทำไม ผมเปลี่ยนจาก iPhone เป็น Android" หลังจากบล็อกต้นฉบับถูกเผยแพร่ออกมา ก็มีคนเขียนตอบหลายคน ผมคัดมาเฉพาะอันที่น่าสนใจคือ Robert Scoble บล็อกเกอร์ชื่อดังอีกคนหนึ่ง
Scoble บอกว่าเขาเห็นด้วยในหลักการกับ Louis Gray แต่เขายังไม่สามารถย้ายจาก iPhone ไปใช้ Android ได้ แม้ว่าจะลองมาหลายเครื่องแล้วก็ตาม
เหตุผลของ Scoble คือ
Scoble บอกว่าถ้าเป็นบริษัท เขานิยมกูเกิลมากกว่าแอปเปิล แต่สำหรับมือถือแล้วแอปเปิลทำได้ดีกว่า ณ ขณะนี้
บล็อกค่อนข้างยาวและมีเหตุผลประกอบอย่างละเอียดทุกข้อ ควรอ่านต้นฉบับประกอบอีกครั้ง
ที่มา - Scobleizer
Comments
ยังไม่เคยเห็นจอ iPhone 4 เลยบอกไม่ได้ว่าอันไหนดีกว่ากัน
แต่จอ Galaxy S สุดยอดดดดดด
ดู review ในเวบหลายๆ แห่ง เปรียบเทียบกันแล้ว จอ iPhone4 สีซืดกว่า Galaxy S อย่างเห็นได้ชัด
ยากที่จะบอกหรือดูจากที่เค้าถ่ายวิดิโอมาให้ดูเหมือนกันครับ ยกตัวอย่าง engadget ที่เคยเทียบจอของ iphone4 กับ gallaxy s ที่เล่นใช้กล้องถ่ายความละเอียดสูง (เข้าใจว่าถ่าย macro ได้ด้วย) มาจับภาพหน้าจอตอนเปิดเครื่องของทั้ง 2 เครื่อง ซึ่งดูในวิดิโอแล้ว gallaxy ดูแย่กว่า iphone4 แต่ก็มีคนตั้งข้อสังเกตุว่าตอนใช้งานจริงไม่มีใครมัวแต่เอากล้องจุลทรรศ์มาส่องหน้าจอมือถือหรอกเห้ย แถมการถ่ายหน้าจอด้วยกล้องวิดิโอมันจะเห็นเป้นลายๆ (เพราะ refresh rate ของหน้าจอกับ fps มันไม่ sync กันรึเปล่าไม่แน่ใจแต่สามารถทดลองได้ครับจะเห็นเหมือนกันเมื่อมาถ่ายวิดิโอพวกหน้าจอคอม) แต่พอไปดูของจริง เทียบกันจริงๆแบบตาต่อตา ภาพที่เรามองเห็นจะดูสวยคมชัดดูดีกว่าที่วิดิโอมันถ่ายมาเยอะแยะเลย ตรงนี้ผมว่าคงต้องดูกันที่ตัวจริงกันเลยมั้งครับเราถึงจะแน่ใจกันได้ว่าอันไหนดีกว่า สวยกว่า เหมาะกว่า บางทีไอ้ที่สีซีดๆ เพราะกล้องมันตั้ง contrast มาต่ำรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ หรือที่ว่าความละเอียดที่ตามดเท่านั้นจะแยกออก (ตาคนแยกไม่ออก a.k.a retina display) แต่ดูของจริงผมก็ดูไม่ออกหรอกครับว่าอันไหนมันจะละเอียดกว่ากันระหว่าง iphone4 กับ gallaxy s
ผมไม่ได้ดูแค่เวบเดียวคับ แค่ใน youtube หลายๆ อัน ถือไปถือมาก็ดูรู้ว่า จอซัมซุงเวิคกว่าสีสดกว่า
กลับกัน ผมมองว่า สีของ Galaxy S สดเกินไป(เกินจริง)
ในขณะที่ iPhone สีเที่ยงตรงกว่าครับ
งั้นอันนี้คงอยู่ที่ความชอบส่วนบุคคลแล้วล่ะ
ไม่งั้นหลายๆคน คงไม่อยากเปลี่ยนจอ TV จาก LCD เป็น LED กันหรอก
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
+1 ถูกครับ กำลังพยายามชี้ให้เห็นว่า เรื่องสีสันนี้ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนจริงๆ
เหมือนสีของ Nikon vs Canon vs Sony อ่ะครับ
บางคนชอบ Nikon บางคนบอก Canon ในขณะที่บางคนชอบ Contrast จัดจ้านแบบ Sony เป็นต้น
เห็นด้วยครับ ใครชอบอะไรก็แล้วแต่เขา ทำไมต้องมาเบ่งตามการแข่งขันของการตลาดก็ไม่รู้
นานาจิตตังครับ
คิดถึงสมัยก่อน
ฟิลม์ Fuji kodak
+1 ครับ
ที่เราเห็นแล้วมีความรู้สึกว่ามันสดเกินจริง แท้จริงแล้วอาจเป็นการสดแบบธรรมชาติมากขึ้น ทีนี้เราเคยใช้ LCD แบบธรรมดาที่สีซีดๆ มานาน พอมาเจออะไรที่แปลกออกไปก็เลยรู้สึกว่ามันเกินจริงครับ
ลองดู Retina display vs Super Amoled กับ Gallery ที่เปรียบเทียบระหว่างจอทั้ง 2 แบบครับ
ท้ายที่สุดแล้ว ผมว่าก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนอ่ะครับ คงว่ากันไม่ได้หรอก
LED TV ที่ขายปัจจุบันไม่ใช่ จอ LED ครับ เป็นจอ LCD ที่ใช้ LED เป็น backlight เท่านั้น (จอ notebook หลายตัวก็เป็น LED backlight อยู่แล้ว บางกว่า ประหยัดไฟกว่า สีดำดีขึ้น แต่ไม่ใช่ OLED อยู่ดี)
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
LED ไม่เท่ากับ OLED นะครับ
ที่สำคัญ iPhon4 ทีฟังชั่นก์ ตัดสายอัตโนมัติเวลาถือไม่ถูกวิธี
จริงๆน่าจะเรียกว่าฟังชั่นก์ตัดสายอัตโนมัติเวลาถือถูกวิธี ฮา
ถ้าเอา Super OMOLED ออกจาก SS GS มันจะเป็นแค่แอนดรอยด์ธรรมดาๆ ธรรมดาทันที...
กลายเป็น Nexus One บนเคส iPhone?
อันที่จริงผมว่า Super AMOLED กับ AMOLED ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่นะ (เทียบจาก N1 vs GS)
ท่านคิดถูกแล้ว
คุยกันแฟร์ๆ ดีนะครับ ;)
my blog
แสดงว่า แบตน่าจะอึดจริง
ปล.แบต 3GS รับไม่ได้จริงๆ
ปล2. Opera font ตัวเล็กได้ใจจริง
iPhone 4 แบตมันอึดตรงไหนอะครับ ผมใช้หมดวันต่อวันเลย แค่ฟังเพลงกับเข้า Safari เอง แถมปรับความสว่างที่ 40%
โห กี่ชั่วโมงอะครับนั้น
ฟังเพลงราวๆ 1-2 ชม. ต่อวัน เล่นเน็ตสัก 3 ชม.ได้ครับ แต่ผมใช้ 3G ด้วย ไม่ใช่ Wi-Fi
ผมไม่เคยใช้ยี่ห้ออื่นอย่างจริงๆจังๆด้วยครับ เลยไม่รู้ว่า iPhone 4 นี่เรียกว่าแบตอึดแล้ว
Talk time:
Up to 7 hours on 3G
Up to 14 hours on 2G
Standby time:
Up to 300 hours
Internet use:
Up to 6 hours on 3G
Up to 10 hours on Wi-Fi
Video playback:
Up to 10 hours
Audio playback:
Up to 40 hours
ถ้าเล่นเนทไปด้วย ยังไงก็วันต่อวันครับ แต่ก็อึดกว่าเจ้าอื่นอยู่ดี
ที่มา - iPhone 4 Technical Specifications
วิเคราะห์เจาะลึกเรื่อง แบตฯของ iPhone 4 เทียบกับยี่ห้ออื่น เชิญทางนี้ครับ anandtech
สรุปว่า แบตฯของ iPhone 4 อึดกว่าเจ้าอื่นจริงๆคับ
5555 แถ ได้ใจ
แถ ยังไงหรือครับ ช่วยยกตัวอย่างซักประโยคจากสิ่งที่เขาแถหน่อยครับ
ผมว่าสำหรับคนที่ซื้อ App ไปเยอะแล้วอย่างผมนี่เปลี่ยนยากครับ เหมือนกับการทำสัญญากับแอปเปิลตลอดไปเลยประมาณนั้น เฮ้อ คือเวลาซื้อทีละ App มันดูเหมือนเงินน้อยนะ แต่ถ้าบวก ๆ ๆ ๆ ไปแล้วมันเกิน $200 แล้ว (บาง App โหลดมาเล่นตอนเบื่อรอเพื่อนครั้งเดียว)
และไอ้ iPod นี่ก็ตัดขาดจากมันยากจริง ๆ
นอกจากนั้นแล้วผมว่า Android ก็ทำได้ดีแล้วครับ ทั้ง BB และ Android การ Integrate ระบบ Notifications กับ Messages ทั้งหลายทำได้ดีกว่ามาก ๆ แต่ BB นี่บางครั้งเมื่อใช้ไอโฟนแล้วอยากโยนทิ้งจริง ๆ (ตอนนี้ใช้ Storm อยู่ โดนสถานการณ์บังคับ) โหลดก็ช้า Facebook ก็ค้าง ปุ่มให้กดบนจออย่างเล็กเลย นิ้วเราก็ควายใช่เล่น
@TonsTweetings
ใช่ครับ ถ้าซื้อ app มาเยอะๆ แล้ว ทำให้การตัดสินใจเปลี่ยน platform ยากขึ้นไปอีก หมดเงินไปเยอะกับ OS X app แล้วก็ iOS app เลยผม ^^'
เพราะพอย้ายไปปุ๊บ ทุกอย่างนับหนึ่งใหม่หมด ไหนจะต้องซื้อ app ใหม่ ไหนจะต้องทำความคุ้นเคยกันใหม่อีก
อารมณ์เหมือน เล่นเกมออนไลน์เกมนึง แล้วเติมเงินซื้อของไปเยอะ
มีเกมใหม่มาจะย้ายก็เสียดายที่จ่ายไป :3
ต่างจากคนจ่ายน้อย เปลี่ยนทีไม่เสียดาย เผลอๆ ขายเครื่องเก่าซื้อเครื่องใหม่เอา
ถ้ามีเงินซื้อได้แค่เครื่องค่ายเดียว ตอนนี้ผมก็ซื้อ iphone ครับ
แอนดรอย คงต้องรออีกซักปีสองปี องค์ประกอบ
โดยรวมถึงจะไล่ทัน
ผมว่าถ้าลำบาก ก็ใช้ทั้ง 3 อันเลยครับ เท่ห์ดี BB iPhone 4 android ฮาฮา
ผมคงไม่ใช้ BB แน่ๆ ถ้า OS และ Interface ยังล้าหลังคู่แข่งอยู่แบบนี้
ตอนแรกผมก็คิดงี้ล่ะครับ bb เป็นมือถือที่ OS และ UI ห่วยมากๆๆๆๆๆ แต่ถ้าเรื่อง Social น่าจะดีที่สุดกว่าเพื่อนเลย(เพราะ qwerty แท้ๆ)
ตอนนี้เลยเปลี่ยนจาก Android เป็น bb+ iPodTouch แทน
แต่ bb มันห่วยจริงๆน่ะล่ะ นอกจาก fb chat ห่วยเกือบหมด pushmail บางทียังมีปัญหาภาษาไทยด้วย
ผมว่า marketing ที่ดีที่สุดคือ ต้องโปรโมตให้สาวๆ หันมาใช้ android ครับ เดี๋ยวก็จะมาหนุ่มๆ ตามมาเพียบ แทบเรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นัด2ตัวเลยครับ เพราะผมคิดว่าผู้ชายหลายๆคนใช้ bb เพราะติด ญ ^0^
สำหรับผม..
2.1 ความยากง่ายในการอัพเกรด Firmware + Compatibility
ความเป็นมาตรฐานของ Android
สำหรับผม ไม่ชอบเลยที่มี UI ของแต่ละค่าย
ช่วยกันสร้างเป็น Add-on ให้ Android จะดีกว่าไหม
หรือจะเอาแต่สร้างเพื่อดึงดูดลูกค้าให้ยี่ห้อตัวเอง
(Pre-installation UI ได้ก็ดีนะครับ) ไม่อยากยืนมอง Android 10 เครื่องแล้ว UI หน้าตาต่างกันไปหมด
ภาษาไทย มีคนถามผมว่า จะทำยังไงให้ใช้ภา๋ษาไทยได้
เขาใช้ Android 2.1 ซื้อมาเครื่องมันไม่มีภาษาไทย ผมมองไปที่เว็บ Official
ผมรู้สึกว่าเว็บ Official ให้ข้อมูลผู้ใช้น้อยไป (เน้นผู้พัฒนามาเกินไป ไหม ??)
ผมไปดูวิดิโอเกี่ยวกับแนวคิดของ HTC Sense มาแล้ว รู้สึกว่าเค้าคิดมาดีนะครับ แล้วก็ทำมาดีด้วย (ไม่เหมือน MOTO Blur)
แล้วผมก็กลับคิดว่า ถ้าแอนดรอยด์ออกมาหน้าตาเหมือนกันหมด มันคงน่าเบื่อน่าดูครับ
ปล. บริษัททำของมาขายเอาเงินนะฮะ ไม่ได้ทำเครื่องมาเชิดชูระบบปฏิบัติการ ดังนั้นเค้าจะไม่ช่วยกันก็ไม่แปลกหรอก ถ้าไม่ทำให้แตกต่างสิแปลก
2.2 มีภาษาไทยแล้ว เย่ แต่ห่วยสู้ที่เคยๆ ใช้ไม่ได้อ่ะ
การเชิดชูระบบปฏิบัติการน่ะมันเป็นเรื่องสำคัญมากถ้าเน้นขายเอาเงินจริงมองข้ามจุดนี้แล้วไม่ช่วยกัน อยู่ได้ไม่นานหรอกครับ บริษัทหลายบริษัทต่างก็ต้องการระบบปฏิบัติการที่ดีเข้าถึงผู้ใช้ง่ายอยู่แล้ว แต่ความสามารถในการพัฒนาระบบปฏิบัติการมันแตกต่างครับ บริษัทส่วนใหญ่เลือกใช้ระบบปฏิบัติการสำเร็จรูป อย่างเช่น android ให้นักพัฒนาอิสระเป็นเสมือนผู้กำหนดทิศทางของแอปเพราะมีการ screen app น้อยหรือแทบไม่มีเลย แตกต่างกับบริษัทแอปเปิลที่เน้นในส่วนการพัฒนาระบบปฏิบัติการอย่างมากและตัวนักพัฒนาที่มีส่วนร่วม ก็ไม่ได้กำหนดทิศทางของ app เลยแต่เป็น apple เอง
เรื่องคุณภาพของ Apps เห็นด้วย ทาง Google ควรออกกลยุทธ์แล้วล่ะ ให้แอพมีคุณภาพและสวยมากกว่านี้ ใช่ว่ามีเยอะๆ แล้วคุณภาพจะตามมา เพราะผมเชื่อว่าถ้าน้อยแล้วเราควบคุมทิศทางบ้าง พอเยอะๆ จะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยที่หลังในการทำ
เรื่อง Firmware UI และการควบคุม มันก็เป็นกระบวนตามของโอเพนซอส แน่นอนกูเกิลก็ต้องมีการควบควมอยู่บ้างแต่คงไม่ทั้งหมด ซึ่งผมก็เห็นด้วย เพราะจะได้มีความหลากหลายของตัวสินค้าและแพร่กระจายได้ง่าย
เอาง่ายๆ เรื่อง UI ท่านไม่เคยเบื่อธีมหรือ wallpaper อันเดิมเหลือหรือครับ
ตอนแรกผมไม่ชอบ UI ของมันมากๆ พอ HTC ทำ Sony ทำ มันทำให้ผมกลับติสถ์แตกหันมามอง Android ขึ้นมาทันที
เรื่องอับเกรด Rom มันก็เป็นตามอายุขัยไม่ใช่หรอซื้อมามันจะอับรอมได้ตลอดคงไม่ใช้ iPhone รุ่นแรกอับ iOS4 ได้หรือปล่าวครับ ฉันใดก็ฉันนั้นนั้น
เรื่องภาษาไทยอันนี้ต้องทำใจคนไทยคนกลุ่มน้อย แม้แต่ iPhone มันก็เพิ่งมีรุ่นหลังๆ ไม่ใช่หรือครับ
ผมกลับมองว่า Android เดินมาทางนี้ดีแล้วนะ ในเรื่องความหลากหลายของ ROM (แค่อย่าให้มันถี่ไป หรือหลากหลายจนเกิดปัญหา)
ถ้าลองไปอ่านบทความเกี่ยวกับ Windows Phone 7 จะเห็นเลยว่า...สาวก Windows Phone ด่ากันกระจาย (Windows Phone เปลี่ยนไป แทบจะเหมือน iPhone)
คือลดความหลากหลาย customize ไม่ได้... จนมีคำพูดที่ว่า.. "This is not Windows Phone 7, this is Zune Phone 1.0"
ผมว่า..ความสามารถในการ Customize ของ Android มันเป็นเสน่ห์ของ Windows Mobile ที่กำลังจะหายไปใน Windows Phone 7
ผมก็เป็นคนนึงที่เล่น WinMo อยู่ แต่ก็คงไม่ตามไป WP7 แล้ว เพราะมันดูเหมือน iPhone จนเกินไป (มีสาวก WinMo พูดอีกว่า "If I want an iPhone, I will buy an iPhone") เครื่องต่อไปผมก็คงจะไป Android
ในมุมมองของผม
ยอมรับว่า iphone กล้าให้ hardware ที่ แปลกใหม่ มีคุณภาพค่อนข้างสูง(ความละเอียดของ touch screen, สารพัด sensor ในเครื่อง) ในยุคที่ wm ยังวนเวียนอยู่กับ hardware แบบเดิมๆ ไม่มีอะไรที่พูดได้เต็มปากว่า "นวัตกรรม"
ทำให้ผู้ผลิตหลายเจ้า ต้องหันมามองโครงสร้างของ wm ว่าจะพัฒนาอะไรให้ดึงดูดได้มากกว่าแค่ "ขายเครื่องที่เร็วขึ้นกว่าเดิม" ก็มองไม่เห็นหนทางอันใกล้ (wm7 เลื่อนแล้วเลื่อนอีก, kin เจ๊ง) จึงหันมามอง "กระป๋องเขียว" ที่มีความสดใหม่กว่า น่าจะรองรับ ลักษณะการใช้งานในยุคใหม่ๆได้ดีกว่า ก็เริ่มเบนเข็มมาทางนี้ไม่น้อยเลยในระยะเวลาเพียงแค่ปีเดียว
แต่ iphone ทั้งหมดมีคนขายคนเดียวคือ apple ผิดกับ android ที่มีผู้ผลิตหลายเจ้า การแข่งขันย่อมสูงกว่าแน่นอน
ผมเชื่อว่า หลังจาก 3.0 ออกมา ui ก็คงจะไม่หนีกันเท่าไหร่ในแต่ละยี่ห้อ การ uprom ก็น่าจะรวดเร็วไม่ต้องรอแต่ละยี่ห้อทำของตัวเองออกมานะ
ทิ้งไม่ลงเพราะความรัก ^w^
ศรัทธาต่อศาสดาเต็มเปี่ยม ยากที่ใครจะทำลายได้
อย่างเช่น ประโยคไหนหรือครับ