นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555 ของสภาผู้แทนราษฎร
คณะกรรมาธิการฯ สอบถามการใช้งบประมาณของกระทรวงไอซีที ว่ามีผลการดำเนินการงานปราบปรามเว็บไซต์หมิ่นสถาบันฯ อย่างไรบ้าง
คำตอบของนางจีรวรรณคือ กระทรวงไอซีทีได้ทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงยขอความร่วมมือไปยังผู้ดูแล Facebook, Google, YouTube
ส่วนของ Google/YouTube นางจีรวรรณไม่ได้ระบุตัวเลข แต่บอกว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนกรณีของ Facebook นางจีรวรรณบอกว่าไม่ได้รับความร่วมมือในช่วงแรก แต่ตอนนี้ได้รับความร่วมมือแล้ว โดย Facebook "ได้ยอมปิดบัญชีผู้ใช้ที่มีลักษณะหมิ่นสถาบันแล้วกว่า 6 หมื่นราย"
ที่มา - กรุงเทพธุรกิจ, เดลินิวส์
Comments
60000 ราย เยอะมาก
นับเริ่มตั้งแต่เมื่อไร?
ปล. ผมลอง search ใน facebook โดยใช้ google ดู ยังเจอเป็นพันเลยครับ
ปิดไปหกหมื่นไม่ได้หมายความว่าปิดจนหมดแล้วนี่ครับ
เชื่อว่าเว็บพวกนี้ปิดไปก็เกิดใหม่ได้ไม่ยาก เปิดกันได้เรื่อยๆ อยู่แล้ว ของแบบนี้มันสั่งสมและมีวิวัฒนาการ มีที่มาที่ไป และร่วมกันทำเป็นขบวนการ
อยากรู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงเมื่อไหร่เนี้ย 60,000 ราย
ยิ่งตัวเลขเยอะก็ยิ่งน่ากลัวสำหรับทุกฝ่าย
ลายเซ็นยาวเกินไปครับ
ที่ผมเจอคือปัญหาของพวกที่ก๊อปรูปคนอื่นไปสร้างเพจ
Facebook ให้ความร่วมมือด้วย แสดงว่าเรื่องการหมิ่นสถาบัน ก็เป็นประเด่นที่ต่างชาติเองก็ให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน
ถ้าวิจารสถาบัน โดยมีข้อมูลและหลักฐานที่แท้จริง มาเปิดประเด็น คงไม่โดนแบน
เท่าที่เห็นส่วนใหญ่ ปั้นน้ำเป็นตัว
+1
ผมชอบอ่านที่เค้าคิดจากหลายๆแหล่ง จะได้เอามาชั่งใจ แต่หลายอย่างตีความกันผิดพลาดไปเอง
มีเพจนึง ผมเคยไปโพสแสดงความคิดเห็น ถึงไม่ใช่เพจหมิ่นสถาบัน แต่ก็ที่มากดไลค์ก็เป็นเช่นนั้นกันส่วนใหญ่ และตัวเพจเองก็พูดเรื่องนั้นด้วยประปราย ชื่อเพจคือเบื่อพระอาจารย์คนนึง ซึ่งเป็นพระชื่อดังในยุคนี้ กับการตีความคำสอนของท่านไปในแง่ลบ ทั้งๆที่ผมอ่านแล้วก็เห็นว่าท่านกำลังสอนเรื่องดีๆอยู่ บอกว่าบิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า มันอยู่ที่มุมมองคนจริงๆ มองอะไรเป็นลบไว้ก่อน ก็เห็นเป็นลบหมด
ที่แสดงความคิดเห็นไปไม่ได้ใช้อารมณ์เลย พยายามพูดด้วยเหตุผล ว่ามันมองในแง่นี้ได้นะครับ แต่พอเริ่มยาวขึ้นๆ เค้าก็เริ่มไม่มีเหตุผลกันซะแล้ว
ให้เดา
คือพระที่พูดว่า "ฆ่าเวลา บาปกว่าฆ่าคน" ใช่ไหมครับ?
ใช่ครับ :)
ถ้าเช่นนั้นก็มีแง่มุมให้พูดอีกเยอะครับ
เพราะแค่ประโยคที่ผมยกมา ก็ขัดหลักธรรมพื้นฐานแล้วล่ะเพราะการฆ่าคน ถือเป็นบาปขั้นสูงสุดของการฆ่าสิ่งมีชีวิต(ยังมีเลเวลตามระดับธรรมของคนที่ถูกฆ่าอีก)ผิดกับฆ่าเวลาซึ่งหมายถึงปล่อยเวลาไปโดยไม่เกิดประโยชน์(ไม่ทำอะไรเลย ก็คือแค่เสียโอกาส แต่ไม่ใช่การทำบาปร้ายแรงเหมือนการฆ่าคน) แต่บางท่านก็ปกป้องว่าเป็นการพูดแบบเซนอุปมาอุปมัย ซึ่งถ้าเป็นพระในนิกายมหายานพูด ก็อาจไม่ขัด(สายนั้นพระนักรบมีเมียได้ยังมีเลย) แต่ถ้ามองว่าเป็นพุทธเถรวาทยังไงก็ผิดหลักธรรมครับ
ยังไม่นับเรื่องที่ท่านพูดถึง"ประชาธิปไตย"แบบผิดๆถูกๆ คือเอาเรื่องศีลธรรมไปพูดถึงรัฐศาสตร์ ราวกับว่าจะให้ปกครองในระบอบศาสนจักร ใช้ศีลธรรมแทนกฎหมายซะงั้น
แต่ที่ท่านไปเจอ อาจไปเจอคนที่เขาไม่ชอบใจ เพราะการแสดงออกทางการเมืองของพระท่านนี้มากกว่า เลยคุยๆไปแล้วทะเลาะกันแทน
พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวจะนอกประเด็นมากไป แค่อยากจะบอกว่า สิ่งที่ท่านไม่เห็นด้วย มันก็มีแง่มุมอีกหลายมุมจริงๆครับ
ผมว่าเค้าบอกไว้แล้วว่ามุมมองต่างกันครับ เรื่องนี้เป็นการอุปมาอุปมัย มันเป็นแนวทางการสอนของแต่ละคน แต่ละท่านครับ
ถ้าคิดว่าทุกอย่างต้องเป๊ะ เหมือนจริงทุกกระเบียดนิ้ว แนะนำว่าคงต้องบวชแล้วเผยแผ่ธรรมะเองครับ
เข้าใจมุมมองด้านนั้นครับ อ่านแล้วเข้าใจทันที แต่ที่ไปโพส เพราะเห็นว่านี้เกิดจากเจตนาดีให้การสอนสั่ง ผมเป็นเถรวาท แต่ก็มองว่าพระธรรมเป็นแก่นครับ ซึ่งสามารถนำไปสื่อสารได้ด้วยวิธีการอันแตกต่าง ลักษณะการเขียนคำสอนข้างตน ก่อให้เกิดคำถามตามมาทันทีว่า ยังไงวะ แล้วก็คิด ซึ่งจะนำไปสู่คำตอบเฉพาะตัว คล้ายกับภาพวาดภาพนึงเราตีความสาระได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ร่วมของแต่ละบุคคล เพราะเห็นว่าเป็นเจตนาดีนี้เองเลยไม่อยากให้ด่วนสรุปว่าท่าน อยากให้มองหามุมมองดีๆครับแทนครับ
ประเด็นเจตนา คงขึ้นกับความคิดของแต่ละคนครับ คงพิสูจน์กันไม่ได้ แต่ถ้าเราจะพูดในเชิงศาสนา มันก็มีหลักการอยู่ ซึ่งการตีความพื้นฐานที่แตกต่างกัน ก็เลยแยกกลายเป็นนิกายต่างๆกันไงครับ
ขนาดในไทยเรา เถรวาท ยังแยกเป็นมหานิกาย กับธรรมยุติเลย แต่ละฝ่ายก็มีวัตรปฎิบัติบางอย่างที่แตกต่างกัน เคร่งครัดแตกต่างกัน ถ้าทำไม่ได้ก็แสดงว่าไม่ได้อยู่ในนิกายนั้นๆเท่านั้นเอง ซึ่งถ้าจะใช้การเปรียบเปรยที่ฟังดูขัดแย้งกับหลักธรรมพื้นฐาน คงต้องบอกว่า เป็นเซน หรือวชิรญาณมากกว่าครับ
จริงๆมีประเด็นปลีกย่อย และตัวอย่างดังๆแบบธรรมกายอีก ว่าคำสอนบางอย่างตีความไม่เหมือนเถรวาท แต่ก็มีผลทำให้คนจำนวนมากเกิดจิตที่จะบริจาคทาน ไม่ยึดติดทรัพย์ได้จริงๆ จะบอกว่าเป็นเจตนาดีได้หรือเปล่า? ถ้าคุณจะอ้างว่ามีมุมมองที่เห็นว่าดี และมองข้ามบางส่วนไปเสีย ก็น่าจะ imply กับเคสธรรมกายได้เช่นกันนะครับ
สุดท้ายถ้าคุณสรุปแบบเหมารวมว่าความคิดคนอื่น(ที่ไม่เห็นด้วยกับพระท่านนั้น)เป็นความคิดที่เป็นลบ ก็เลยมองในแง่ลบ คนอื่นก็อาจจะสรุปความคิดของท่านได้เช่นกัน ว่ามองคนที่คิดแตกต่างกันเป็นมองในแง่ลบไปเสียหมด
ไม่ได้สรุปว่าจะเห็นแย้งไม่ได้ เห็นแย้งแล้วจะเป็นลบ เราสามารถเห็นแย้งได้กับทุกสิ่ง แต่จะดีกว่าไหม ถ้าตั้งคำถามว่า ทำไมคำสอนถึงเป็นแบบนี้ มันสามารถยังประโยชน์แก่ชีวิตเราอย่างไร อันนี้ให้คุณค่ามากกว่าแยะเลย ดูคำสอนย้อนดูตน ดีกว่าดูคำสอนแล้วแย้งเพราะถือตัวตน ถือเป็นครู
เรื่องของคำสอนลักษณะนี้เป็นแบบอุปมาอุปไมยซึ่งมิใช่เพียงแค่ฟังประโยคแล้วแปลความหมายเลย
แต่มันต้องฟังรายละเอียดที่ท่านอธิบายและตีความด้วย คำสอนลักษณะเช่นนี้มักจะใช้กับคนที่คิดชั้นเดียวไม่ได้
เหมือนเวลาฟังพระป่าเทศน์ ยอมรับเลยว่าบางครั้งไม่เข้าใจ เพราะระดับความคิดของผมยังไม่ลึกซึ้งพอ
งั้นช่วยอธิบายหน่อยสิครับ ว่า "ฆ่าเวลาบาปกว่าฆ่าคน" มีความหมายทางธรรมอย่างไร ไม่เอาแบบตีขลุมนะครับ ขอตรงๆชัดๆเลยครับ
อ้อ พระป่าท่านเวลาเทศน์ท่านก็สอนธรรมตรงๆ บางอย่างเป็นการปฎิบัติที่ถ้ายังไม่เคยทำแล้วจะนึกไม่ออก แต่จะไม่มีการยกตัวอย่างที่ขัดศีลธรรมพื้นฐานมาครับ
อ้อกำลังจะยกตัวอย่าง วาทกรรมที่อ้างว่าเจตนาดีแต่จริงๆขัดศีลธรรม แบบ "ฆ่าคอมมิวนิสต์ ไม่บาป" มาอยู่เชียว ข้างล่างยกมาก่อนแล้ว(พอดีเมื่อวานผมโควต้าตอบกระทู้หมด) ตอนนั้น คนจำนวนมากก็ช่วยปกป้องอ้างว่าคอมมิวนิสต์หมายถึงหลักการไม่ใช่คน แต่ไอ้คนพูด(ตอนหลังโดนสึกไปแล้ว)ไปพูดปลุกระดมให้กระทิงแดง นวพล ไปไล่ฆ่านักศึกษาตอนเหตุการณ์ 6 ต.ค.19 น่ะซี
http://www.youtube.com/watch?v=8Y2jZ1GEjMc
ฟังท่านอธิบายให้จบความอย่าเอาแค่วลีว่าวิจารณ์
+100 คลิปนี้ อธิบายชัดเจน
ฆ่าคอมมิวนิสต์ก็ไม่บาปครับ โดย พระเทพกิตติปัญญาคุณ (กิติศักดิ์ กิตฺติวุฑฺโฒ)
เพราะ FB กลัวโดนบล็อคจากประเทศไทย ซึ่งมีฐานลูกค้าคนไทยที่ใหญ่พอตัวและกำลังเติบโตเรื่อยๆ
เขากลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแบบ youtube ช่วงนั้น เลย play safe ดีกว่าไปขัดขากับรัฐบาลเข้า มันไม่คุ้มกันกับธุรกิจ
หลักๆ มันก็มีแค่นั้นแหละครับ
เราคงเอากรอบความคิดไทยๆ ไปยัดเยียดให้ฝรั่งไม่ได้ เขาไม่ได้คิดแบบคนไทยหัวอนุรักษ์นิยม แต่ที่เขาตามใจเพราะเขาก็ห่วงธุรกิจเขาเหมือนกัน
อันนี้ขอพูดกลางๆ ไม่เกี่ยวกับกรณีใด ..การวิพากษ์วิจารณ์บุคคลสาธารณะ ไม่ใช่การหมิ่นประมาท โดยการวิพากษ์วิจารณ์ต้องมีประเด็นในขอบเขตที่เป็นสาธารณะซึ่งมีผลต่อคนหมู่มากในสังคม โดยที่ไม่พาดพึงเรื่องส่วนตัว ถือเป็นเสรีภาพทางการแสดงความคิดเห็นในระบอบประชาธิปไตยที่อารยประเทศยึดถือ ซึ่งไม่ใชการหมิ่นประมาท และไม่สามารถเหมารวมได้ การหมิ่นประมาทคือการให้ร้ายบุคคลโดยไม่มีมูลความจริงทำให้ผู้ถูกพาดพึงเสียหาย ถือเป็นความผิด ..สองการกระทำนี้แตกต่างกัน การพิจารณาต้องทำอย่างถี่ถ้วน รอบคอบ และไม่ควรเหมารวมการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการหมิ่นประมาทเป็นอย่างยิ่ง
พูดความจริง แต่ทำให้เค้าเสียหาย ก็เข้าข่ายหมิ่นประมาทได้ครับ
เพราะ facebook กลัวโดน block จากประเทศไทยนี่มีหลักฐานหรือว่าพูดเองครับ?
ต่างชาติให้ความเคารพความเป็น "ส่วนตัว" เป็นอย่างมาก ไม่เฉพาะสถาบันฯ หรอกครับ มันรวมถึงคนทุกๆ คน หากเราไปหมิ่น หรือให้ร้ายใคร มันก็ย่อมไม่ดีทั้งนั้น
ต่างชาติเขาก็มีกฏหมายหมิ่นประมาทครับ
ไม่ว่าหมิ่นประมาทใคร ถ้ามีคน Report แล้วเช็คเจอจริง เขาก็ปิดให้
ไม่ได้เกี่ยวเลยว่าต้องเป็นสถาบัน อย่าสำคัญผิด
+1 เพราะที่เข้าเคสโดนปิดนี่
ไม่ใช่การ "วิจารณ์บุคคนสาธารณะ" โดยมีข้อมูลตามวิชาการ หรือแนวคิดแบบตั้งคำถามสงสัย
แต่เนื้อหา 99% จาก page ที่โดนปิดไป เป็น "หมิ่นประมาทบุคคนสาธารณะ" โดยส่วนใหญ่เป็นการใส่ร้าย ป้ายสี และด่าทอหยาบคาย
นอกจากนี้ยังมี page "ปลอม" ที่นำรูปบุคคลอื่นๆ มาสร้าง page แล้วทำการหมิ่นประมาทสถาบัน ทำให้เจ้าของรูปที่แท้จริง เกิดความเสียหาย ซึ่งกรณีนี้ ผมมองว่าร้ายแรงมาก
+1 ครับ
ผมว่าการปิดหรือบล็อคเว็บพวกนี้มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย และบางครั้งการปิดเว็บพวกนี้มันขัดกับหลักการอธิปไตยอีกต่างหาก
ผมว่าควรเอางบที่ใช้บล็อคหรือปิดเว็บพวกนี้ไปทำเว็บ, เขียนบล็อก หรือประชาสัมพันธ์ถึงคุณงามความดีของท่านยังจะดีกว่านะครับ
อธิปไตย การโกหกสาธารณะ เหรอ
สิทธิมนุษยชน ก็คือผู้ถูกกล่าวหาควรจะต้องได้ผ่านกระบวนการยุติธรรม ก่อนจะมีคำสั่งปิดกั้นใดๆ
เราจะรู้ได้ยังไงว่าใครทำผิดจริงๆ หรือว่าคุณอ่านแล้ว"รู้สึก"ไม่ชอบ ก็เลยเหมาว่าผิดแน่ๆ?
เรื่องปิด น่าจะใช้ข้อตกลงของทาง fb มากกว่า เพราะงั้นมันไม่ต้องขึ้นศาล หากผิดข้อตกลงในการใช้ fb ก็สามารถปิดได้โดยไม่ต้องรอศาลสั่ง
คนทำผิดต้องไม่จับหรอ เพราะถ้าจับจะผิดหลักอธิปไตยหรอ
ผมก็บอกไปแล้วนะครับว่ามันผิดในบางครั้ง
และประเด็นของผมจริงๆ คือควรเอางบไปทำการประชาสัมพันธ์ จะเป็นวิธีที่ฉลาดกว่า เพราะไม่ผิดหลักอธิปไตยแน่นอน
ผมว่ามันต้องทำควบคู่กันไปแหละท่าน(ควบคู่กันไป...ฟังดูอุดมคติมาก)
สมมติเช่นเรื่องยาเสพย์ติด ฝ่ายปราบมีหน้าที่ไล่จับก็จับไป(เอ่อ แล้วแบบนี้จะขัดหลักอธิปไตยไหมครับ?) ฝ่ายรณรงค์เยาวชนก็รณรงค์ไป แบบนั้น
จะบอกว่าแบบนี้ไม่เวิร์ค มาทำอันนี้ดีกว่าก็อาจไม่จริงเสมอไปครับ มันคนละฝ่ายกัน ฝ่ายนึงปราบปราม(สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว) อีกฝ่ายหนึ่งป้องกัน(สิ่งที่ยังไม่เกิด)
+1 ควบคู่กันไปครับท่าน
นั่นก็เลวร้ายครับ
เหมือนเอามือปิดปากอีกจำเลยไม่ให้แก้ตัว(Block Web) แล้วฝ่ายโจทย์ได้พูดอยุ่คนเดียว(Propaganda)
ผมว่าเมืองไทยนี่ ใช้งบประชาสัมพันธ์มากมายมหาศาลอยู่แล้วนะครับ
ตกใจไม่คิดว่าจะมีเว็บหมิ่นขนาดนี้ แต่ไอ 6 หมื่นรายที่ปิดไปนะ เพราะคนที่รักพ่อช่วยกดละเมิด หรือ ไอซีที ยื่นเรื่องกันนะ =w=
เฉพาะใน FB กระมัง
ยังมี เว็บอื่นๆ หรือ ฟอรั่ม อีกที่อยู่นอกเหนือนะเนี่ย
Good
มันมีเยอะขนาดนี้เลยหรอครับเนี่ย ตัวเองเคยเจอแค่ในYouTube นะ ในเฟสไม่ค่อยเจอ ก็เห็นด้วยเรื่องการปิดเพจหมิ่นสถาบันนะครับท่านไปทำอะไรให้พวกนั้นหรือเปล่าก็เปล่านะท่านอยู่เฉยๆของท่านไม่รู้ตั้งกันมาตีความกันมาได้ไง แต่ก็อยาจะให้มีการให้เสรีกับการแสดงออกทางความคิดเห็นด้วย รวมถึง พรบ คอมที่ให้เสรีภาพแต่ว่าอยู่ในกรอบศีลธรรมและความเชื่ออันดีงามของสังคม
มองในมุมมองของผลที่ได้นะครับ (ไม่ได้มุมว่าที่ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยที่มีการบังคับใช้กฏหมาย)
ปิดไปเป็นพันเป็นหมื่นก็สร้างใหม้ได้อยู่ดี เหมือนเดินไปแกะใบปลิวที่ติดตามท้องถนน ที่เดี๋ยวก็แปะกันใหม่ได้อีก
สู้ขอความร่วมมือ Website แล้วสืบหาตัวคนทำเพื่อดำเนินคดีดีกว่า
ปิดได้ปิดไปเถอะ เกิดไวมากๆๆๆ
ยิ่งมี Live feed ด้านขวาด้วยนะ ใครไปเม้นด่าโพสอะไรที่ไหน รู้กันหมด กระจายเร็วมาก
คำถามที่ควรถามคือ ICT ใช้อำนาจอะไรสั่งปิดบัญชีหรือหน้าเพจเหล่านั้น ได้มีการดำเนินการทางกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ศาลตัดสินแล้วออกคำสั่งหรือไม่?
ที่น่าแปลกใจก็คือ บางคนคิดว่าการที่คิดแตกต่าง หรือการที่ชอบ/ไม่ชอบ คือการ"หมิ่น" โดยไม่ได้มีหลักฐานอื่นใดเลยว่า ที่ๆโดนปิดไป มีการใช้หลักฐานเท็จโจมตี หรือกล่าวหากันอย่างไรกันไปทั้งหมด?
ตรงนี้น่ากลัวนะครับ
ป.ล. FB มีข้อห้ามเรื่องการใช้เพจสร้างความเกลียดชัง ตรงนี้เป็นจุดที่ FB นำมาอ้างเพื่อลบ account ได้ซึ่งรวมถึงเำพจของผู้ใช้ที่ ด่ากันเรื่องการเมืองแรงๆใช้คำหยาบคาย หรือรูปภาพตัดต่อที่หยาบคาย ก็โดนลบไปเยอะด้วยเช่นกัน(อันนี้เคยเห็นทั้งสองฝั่งโดนกันเยอะเลยทั้งแดงและหลากสี)
ICT มีกฏหมายให้ใช้งานครับ
ประชาชนที่ถูกปิดบัญชีก็มีกฏหมายคุ้มครองครับ
แต่ไม่เคยเห็นใครเลยที่จะออกมาบอกว่า ICT ทำผิด
ข้อกฏหมายคือสิ่งที่ประชาชนต้องเข้าใจและ้ต้องรู้
ไม่ใช่ต้องการแต่ความยุติธรรมในมุมมองของตัวเอง และสรุปทุกๆสิ่งให้ผิดทั้งหมด เพราะตัวเองต้องการให้ผิด ไร้หลักในการอ้างอิง
ช่วยยกข้อกฎหมายของ ICT ที่มีอำนาจในการปิดกั้นเวบมาให้ดูหน่อยครับ :P อย่าอ้างกฎหมายความมั่นคงฯนะครับ เพราะมันกว้างเกินไป
ส่วนประเด็นไม่มีใครบอกว่า ICT ผิด เท่าที่ได้เห็นข่าว ก็มีคนฟ้องศาลไปสองสามคนเกี่ยวกับการสั่งปิดกั้นเวบ ไม่แน่ใจว่าสุดท้ายผลออกมาอย่างไร
ไม่แน่ใจว่าวิธีการแบบ "ขอความร่วมมือ" พวกนี้ สามารถ track ย้อนหลัง/มี record หรือเปล่า ไม่งั้นก็จะกลายเป็นว่าเราตรวจสอบการทำงานอะไรของ ICT ไม่ได้เลย ปิดมั่วหรือเปล่าก็ไม่มีทางรู้
pittaya.com
บัญชีหมิ่น 600,000 ราย ถูกปิดไปแล้ว 60,000 ราย....?
ปิดไป ใช้ว่าจะหมดวิธีแก้มี วิธีเดียว แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า เข้าจะทำหรือไม่ทำ
เพจที่เข้าค่ายสร้างความแตกแยกหรือมีการวิจารณ์บุคคลอื่นๆ ผมมีความเห็นให้สามารถปิดได้เลย ขืนรอคำสั่งศาลก็คงจะต้องใช้เวลา
มันเป็นการรักษาผลประโยชน์ของ Facebook เองที่จะทำตามกฎหมายของแต่ละชาติ แม้กฎหมายจะไม่ได้สิทธิบังคับก็ตาม ...แค่นั้นแหละ
+1
แต่ละประเทศก็จะมี culture ต่างกัน เพราะฉะนั้น facebook ก็ควรทำตามนั้น
+1 ถูกต้องนะครับ facebook เป็นบริษัทหวังผลกำไรครับ
ปิดแล้วจับด้วยมั๊ยครับ
++++++++++++++++++++++ ล้าน = ใช่ครับอยากรู้ด้วยคน
เห็นด้วยมากๆ ปิดไป 60,000 แต่จับไม่ได้สักคน เดี๋ยวก็เกิดขึ้นมาใหม่ 60,000++
แถมต่อไปอาจจะแทรกซึมตามยากขึ้นอีกก็ได้
(ปิด page ยังพอปิดได้ .. แต่ความข้องใจที่อยู่ข้างใน มีใครสนใจจะปิดมั๊ย?)
ถึงจับไปก็เกิดใหม่อยู่ดีครับ สมมุติพ่อตัวเองโดนจับ ลูกก็หนีไปอยู่เมืองนอกแล้วสร้างเพจมาด่าเรื่อยๆก็ทำได้ (ไม่ได้พูดในบริบทผิดถูก แต่ถามว่าถ้าเป็นพ่อแม่คุณโดนจับไป คุณจะไม่รู้สึกอยากแก้แค้นหรือ?)
ใช้วิธีไล่จับไล่ปิดกับคดีที่เกี่ยวกับความเชื่อความคิดที่แตกต่างกัน มันก็ซ้ำรอย พคท. แหละครับ ถ้าตอนนั้นป๋าเปรมไม่ออกคำสั่ง 66/23 มา ป่านนี้ผมว่ายังรบกันอยู่เลยครับ
กับเรื่อง 112 ผมก็เชื่อว่าใช้วิธีนี้มันไม่มีประโยชน์ ตายสิบเกิดแสนอยู่ดี แล้วยิ่งเป็นแค่เว็บเพจด้วย ถ้าคนทำอยู่ต่างประเทศตลอด โดนปิดไปเพจนึงเค้าก็สร้างมาได้อีกนับไม่ถ้วนเลยล่ะครับ
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ปิดไปเถอะ ต่อให้ไม่ใช่ในหลวง แต่การตั้งเพจละเมิดผู้อื่นก็ถือว่าผิดอยู่แล้ว
"most resilient parasite is an idea"
อยากทราบที่มาของตัวเลข 60,000 นี้อ่ะครับ มีวิธีอะไรตรวจสอบได้ไหม?
มีรายละเอียดไหมครับว่าที่ปิดไป มีเว็บไหนบ้าง...
กลัวไม่มีผลงานอะไรเลยกับเงินงบประมาณที่ขอๆ ไปทุกปี
ผมสงสัยทำไมเพิ่งมาปิดและเป็นข่าวเอาช่วงนี้?
ลองอ่านข่าวใหม่ดูดีๆนะครับ
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
ตั้งแต่เข้ามาทำงาน 5 เดือน 6หมื่นเพจ นี้เยอะโคตรๆ ตกเดือนละหมื่นกว่า วันละ 400เพจ ชั่วโมงละ 17เพจ นาทีละ 3เพจ จำนวนเพจผมว่าเยอะมากแบบมีนัยสำคัญ
คนพูดเป็นข้าราชการประจำครับ บอกไม่ได้ว่า 5 เดือนหรือไม่ และตัวเลข 60,000 ก็ออกมาลอยๆ ไม่ได้มีบริบทประกอบว่านับตั้งแต่เมื่อไรถึงเมื่อไรครับ
มาโชว์ตัวเลขข่มกันแบบนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เพจเดี๋ยวนี้สร้างใหม่ได้รวดเร็วว่องไว โดนปิดก็เปิดใหม่ได้ ตั้ง KPI กันผิดจุดนะ
pittaya.com
+1 ครับ
{$user} was not an Imposter
มันกลายเป็นเกมแห่งความจงรักภักดีไปตั้งแต่ตอนที่ประชาธิปัตย์ออกมาเกทับตอนแรกแล้วแหละครับ
เลยเป็นว่าพรรคไหนจับได้เยอะกว่า = จงรักภักดีมากกว่า
เพลีย!
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
แต่มันก็เป็น KPI ที่เห็นชัดดีนะครับ วิธีวัดผลก็ง่ายด้วย ใช้นับจำนวนเอา และด้วยเหตุนี้ โครงการประเภทนับหัวคนเข้าร่วม นับจำนวนชิ้นงานของราชการถึงได้มีมากมาย
ไม่เชื่ออะ
จำเพจที่เจอละมั้งครับ คงไม่ใช่แบนหรือลบแน่ ๆ
ที่ fb ยอม เพราะกลัวคุณมัลลิกาไปปิดเวบรึเปล่า? :)
หรอยๆ
ตอนที่ยังไม่มีข่าว ก็กระแหนะกระแหนว่าทำไมไม่มาดูแลเรื่องนี้บ้าง พอมีข่าวคืบหน้า ก็กัดต่อไปอีกปิดไปก็เท่านั้นทำไมไม่จับมาลงโทษ ทั้งๆที่ความเป็นจริงเค้ากำลังดำเนินคดีกันอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก็ขอให้ได้ติเถอะจริงๆนะครับแบบนี้ ผมมองในฐานะคนทำงานเจอพรรค์นี้บ่อยๆก็นอยด์เหมือนกัน ฮ่าๆ
ส่วนตัวผมเองเจออะไรแบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องสถาบันแต่รวมถึงอะไรที่ทำให้คนขัดแย้งผมก็ Report ไปนะครับ ไม่ชอบเหมือนกันแต่ข้อจำกัดทางกฎหมายมันเยอะจริงๆ กด Like กด share ก็ซวยแล้ว
ส่วนเรื่องที่ว่าจะตรวจสอบยังไงผมเชื่อใจฝ่ายค้านครับว่าคงทำหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาลได้ดีแน่ๆ ถ้าไม่มัวไปสนใจแค่เรื่องไม่กี่เรื่องหนะนะ
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
ผมไม่ชอบพวกหมิ่นมากๆไม่รู้ว่ามันจะเป็นอะไรกันหนักหนา ส่วนตัวผมก็ไม่ได้ยึดมั่นในสถาบันสักเท่าไรนัก แต่ผมก็จะไม่ไปว่าใครโดยที่ไม่มีมูลเหตุหรือแค่หมั่นใส้หรือเพราะอะไรก็ตาม แต่ในความคิดคิดผมบ้านเราน่าจะทำแบบอังกฤษไปเลยนะผมชอบแบบนั้นมากกว่าอาจเป็นเพราะกฎหมายบ้านเรามันค่อนข้างจะ......มากไป ไอ้พวกหมิ่นๆนี้เลยออกมาเยอะ
มันเป็นจริตของคนที่เห็นคนอื่นดีไม่ได้เลยออกมาหมั่นไส้ แล้วพอมันตั้งปุ๊บก็จะมีพวกหัวอ่อนบ้าจี้ตาม (เหมือนกรณีคลิปบาดคอแหละ)
ผมเป็นแฟนเพจนี้ครับ สมาคม Report แห่งประเทศไทย ช่วยกันบอกข่าวแฟนเพจหมิ่น แล้วช่วยกัน Bomb report https://www.facebook.com/reportthailand
เป็นผม ขอชมเชยครับ มีความคืบหน้าให้เห็น และขอให้ปิดได้เยอะขึ้นเรื่อยๆ ผมว่าพูดแบบนี้คนทำงานจะมีกำลังใจมากกว่านี้นะครับ ไม่ใช่ไม่ทำก็ด่า พอทำแล้วก็ติ แบบนี้ไม่มีกจิตกะใจทำหรอกครับ
สุดยอดไปเลย รัฐบาลของประชาชน
ใช้ศพไพร่เป็นบันได พอถึงจุดหมายก็ไปซูเอี๋ยกับอำมาตย์สบายไป
ไพร่ก็นั่งงง เขาขึ้นกันไปตามๆกัน
ปิดเว็บหมิ่นฯ = ซูเอี๋ยอำมาตย์ !!!
ตรรกะประหลาดดี
แบบนี้ผมเรียกว่าปลุกปั่นครับ พอมันน้ำเริ่มใส ก็จะมีคนมากวนให้ขุ่นเสมอ จนกว่าจะได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
พิมพ์ผิดคร้าบ - -"