กระแสความนิยมเพลงจากประเทศเกาหลีหรือที่เรียกว่า K-Pop ยังคงแรงต่อเนื่อง โดยหลังการประกาศความร่วมมือกับ YouTube ในการนำเพลงมาเผยแพร่ในช่องพิเศษตั้งแต่ปีก่อน จนนำมาสู่การจัดคอนเสิร์ตใกล้กับสำนักงานใหญ่ของกูเกิลแล้ว ล่าสุดอุตสาหกรรมดนตรีเกาหลีได้ประกาศความร่วมมือกับ Facebook และ Google+ เพิ่มเติมอีก
ในส่วนของ Facebook นั้นได้มีการสร้างเพจพิเศษ KPOP on Facebook ซึ่งเป็นความร่วมมือของ Facebook กับค่ายเพลง SM Entertainment โดยนำเสนอเนื้อหาในภาษาอังกฤษและเกาหลี มีทั้งรูปภาพ, วิดีโอ และสื่ออื่นๆ โดยเรื่องราวที่นำเสนอนั้นมีศิลปินทั้งในสังกัด SM เอง และศิลปินเกาหลีอื่นๆ ด้วย
ขณะเดียวกัน Google+ เองก็ได้สร้างพื้นที่พิเศษเช่นกันคือ K-Pop hub เพื่อให้แฟนเพลงสามารถเข้าถึงศิลปินได้ง่ายมากขึ้น โดยขณะนี้มีศิลปินแล้ว 4 กลุ่มคือ Beast, SISTAR, After School และ INFINITE อย่างไรก็ตามเนื้อหาในนั้นใช้ภาษาเกาหลีเป็นหลัก ทั้งนี้ Google+ เคยร่วมมือสร้างหน้าของ วง AKB48 จากประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว
ในส่วนของ Twitter นั้น แม้ยังไม่มีความร่วมมือเป็นพิเศษเหมือนรูปแบบข้างต้น ซึ่งอาจเพราะข้อจำกัดของ Twitter เอง แต่ศิลปินหลายคนก็ได้ใช้มันเป็นช่องทางสื่อสารกับแฟนเพลง อย่างเช่นนิชคุณ แห่ง 2PM ก็มีผู้ติดตามมากกว่า 1.2 ล้านคนแล้ว
ปัจจัยที่ทำให้เครือข่ายสังคมออนไลน์ต่างยินดีร่วมมือเป็นพิเศษกับค่ายเพลงเกาหลีใต้นั้น ก็เพราะความสำเร็จบน YouTube ได้พิสูจน์ตัวมันเองแล้ว โดยมีตัวอย่างคือวิดีโอเพลง Gee ของวง Girls' Generation ที่มีผู้ชมแล้วมากกว่า 75 ล้านครั้ง ซึ่งเมื่อพิจารณากลุ่มผู้ชมก็จะพบว่ากระจายอยู่ทั่วโลก ทั้งในอเมริกาและออสเตรเลีย เป็นทั้งผู้หญิงวัย 13-24 ปี และผู้ชายวัย 35-44 ปี แสดงว่าตลาดเพลงนี้สามารถเข้าถึงคนในวงกว้างได้ทั่วโลกจริงๆ
กรณีศึกษานี้ทำให้เห็นความพยายามของอุตสาหกรรมดนตรีเกาหลีใต้ที่สามารถก้าวข้ามพรมแดนภาษา และขยายตลาดของตนออกไปสู่ลูกค้าทั่วโลกได้สำเร็จ รวมทั้งความพยายามครั้งใหม่นี้ก็ทำให้เห็นว่าอุตสาหกรรมเพลงเกาหลีใต้พยายามรักษาพื้นที่ของตนบนอินเทอร์เน็ตไว้ให้มากที่สุดด้วยเช่นกัน
ที่มา: The Next Web
Comments
อ่านแล้วก็สะท้อนวงการบันเทิงไทย ที่เหมือนจะปรับตัวใช้ Youtube หรือเครือข่ายสังคมอื่นๆ ช่วยโปรโมตช้าเกินไป ตอนแรกนี้ไล่ลบคลิปที่คนอื่นอัปโหลดกันเลยทีเดียว
แล้วก็คิดถึงว่าต่อไป Google+ น่าจะเอาดีทางนี้แหละ คนทั่วไปไม่ค่อยใช้กัน :P
ตะวันตกเดี่ยวนี้ บ้าแนวเพลงเกาหลีเยอะมาก ..แม้แต่ตัว MV สีสันจัดจ้านขึ้นยอะ(คิดไม่ถึง)
ผมว่าค่ายเพลงจากเกาหลีเขาหยิบใช้อะไรได้ถูกที่ถูกเวลา ทำให้ไปถึงระดับโลกได้อย่างเต็มที่ขนาดนี้
เป็นข่าวร้ายของคนแอนตี้ K ต่อไปคงจะมีแชร์เต็มหน้าวอลล์กันให้พรึ่บ
ศิลปินเรายังไม่ดีพอ เพลงเราก็สู้เค้าไม่ได้ เงินเราก็สู้เค้าไม่ได้ การโปรโมตเราก็แพ้ ตรงนี้ต้องยอมรับว่าอีกสิบปีเราก็ยังไปไม่ทันเค้า มีแต่ช่องว่างจะห่างเพิ่ม วงการเพลงเมืองไทยต้องเริ่มจากพูดความจริงไม่ใช่ให้กำลังใจตัวเอง
มีคนบอกว่าแค่ GMM ค่ายเดียวก็ใหญ่กว่าค่ายเพลงในเกาหลีทั้งหมดรวมกันอีกอะครับ แต่เรื่องเพลงอันนี้ผมไม่รู้แฮะ เพราะผมฟังแต่เกาหลี ผมไม่ค่อยฟังเพลงไทย
อันนี้คงไม่จริงนะครับ ถ้าใหญ่กว่าคงเป็นที่สายโครงสร้างธุรกิจและพนักงานมีมากกว่า แต่ถ้าวัดด้วยมูลค่ากิจการตามราคาหุ้นแล้วเนี่ย Grammy ตอนนี้ 17,498.74 ล้านบาท ส่วน SM Entertainment ค่ายเดียวตอนนี้ 854,860 ล้านวอนหรือเท่ากับ 22,989 ล้านบาทครับ
ผมว่าเรื่องคุณภาพของศิลปินคนไทย คุยกันจนผมแก่ตายก็คงคุยกันไม่จบครับ ผมว่าศิลปินไทยมีคุณภาพก็มีครับ แต่ช่องทางที่จะทำให้เขาไปยืนระดับอินเตอร์มันไม่ค่อยจะมีมากกว่า ผมว่าถ้ามีความจริงจังที่จะทำคงไม่น้อยหน้าใคร แต่ปัญหาคือไม่มีใครทำนี่แหล่ะครับ เพราะคิดว่าจะได้(กำไร)ไม่คุ้มกับที่เสียไป
ผมว่าพวกมีคุณภาพมักจะไม่ได้อยู่ค่ายใหญ่ๆพอที่จะโปรโมทนี่สิ
ค่ายใหญ่พอฟังแล้วก็
เฮ้อ
ผมรอวันที่คนไทยเลิกผลิตเพลงที่ผมเดาจังหวะได้ทั้งเพลงหลังจากฟังแค่ 10 วิ ... แต่วันนั้นยังไม่ถึงซะที
@TonsTweetings
ผมเห็นด้วย ไทยมีเด็กเก่งเยอะนะ แต่การโปรโมตต่างกันมาก เกาหลีนำเด็กมาเก็บฝึกไว้หลายๆปี โดยบางบริษัทใช้ทีมงาน"ระดับโลก"เลย ฝึกหนักการแข่งขันสูงกว่าจะออกมาเป็นวงๆ ก็ทำให้ตอนเปิดตัวมี story การฝึกหัดแสนจะยากลำบาก (story ... Star ของไทยจะเป็นอีกแนวนึง...) เรื่องอุปกรณ์เข้าฉากต่างๆก็ต่างกันมาก เกาหลีใช้ของที่ค่อนข้างสากลเลย บางทีใช้รถสปอร์ตหรูๆ ใช้เสื้อผ้าชิ้นละเป็นแสนๆ มาอัดใน MV เห็นจนชิน ในขณะที่ไทยนับ mv ได้เลยหรูสุดๆ ก็ไอโฟนโทรหากัน ผมกล้าพูดนะว่าตอนนี้วงการบันเทิงเขามีคุณภาพมากกว่ามาก ไม่ใช่คนไทยไม่เก่งนะ แต่ยังแพ้ Marketing อย่างแรง แพ้เงินทุน อ่ออีกอย่างนึงสื่อเกาหลีกีดกันการใช้ศิลปินต่างกับไทยด้วยครับ คือ ศิลปิน "ต่างบริษัท" สามารถทำงานร่วมกันได้ดีเลยหล่ะ ไม่แบ่งค่ายแบบบ้านเรางานของ RS นะ .. GMM นะ.. Exact นะ
คหสต. เพลงบ้านเราโปรโมทผ่านยูทูปช้าไปเนื่องจากช่วงแรกห่วงเรื่องลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่มากเกินไป กลัวว่าปล่อยไปจะโดดดูดแล้วคนเอาไป convert แล้วไม่ Download ไม่ซื้อแผ่น
แต่ของเกาหลีที่คิดต่างเลยเขาอยากให้ชาวโลกรับสื่อของเขาเยอะๆ ปล่อย 1080i/1080p ออกมาเลยภาพแจ่มเสียงดีมันน่าสนใจกว่าคนมันติดง่ายกว่า เขาขาย download เหมือนกันแต่เขาก็ทำ CD/DVD ออกมาด้วยซึ่ง packing สวยงามเหมาะแก่การสะสม ตั้งกลุ่ม fanclub มีชื่อกลุ่มเป็นจริงเป็นจริง เพื่อผลการ download เพลงจะถูกส่งเข้า chart ให้นักร้องที่ตัวเองชื่นชอบมี Rank สูงๆไว้ให้ภูมิใจกันไป มีคอนเสิร์ตย่อยตามเมืองต่างๆบ่อยมาก มีรายการวิทยุ มีวาไรตี้โชว์ที่ไม่แบ่งค่ายเพลง
จะเห็นได้ว่านักร้องกลุ่มจะเยอะมากวงนึง 5 คนขึ้นไปและหลากหลายสไตล์เพื่อให้เป็นตัวเลือกในการชื่นชม อย่าง SNSD 9 คนก็ 9 แบบมีแฟนที่เป็นเมนของแต่ละคนย่อยลงไปอีก การตลาดทั้งนั้น มี fan web ย่อยไปอีก
ที่สำคัญรัฐบาลเกาหลีให้การสนับสนุนอย่างจริงจังในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ บ้านเราทำการตลาดแบบของใครของมันเพราะค่ายเพลงต่างมีสื่อวิทยุและโทรทัศน์เป็นของตัวเอง จึงไม่สามารถมีรายการที่รวบรวมนักร้องจากทุกๆค่ายได้ซึ่งผมว่าเป็นจุดอ่อนของตลาดโดยรวมหากต้องการจะขยายออกนอกประเทศ
+1 แค่ความละเอียดวีซีดียังหวงแล้ว รูปแบบดีวีดีก็ไม่ค่อยทำ บรูเรย์ไม่ต้องฝันถึง แต่ขายจอ LCD กันเต็มห้าง เปิดอวดเพื่อนมาบ้านทีต้องเกาหลีเอ็มวีนอก
..แต่บ้านเราก็มี MV 720p (upscale) แล้ว แต่แทนจะดังเป็นดับ เพราะก๊อปเขามาอีกที
ใช่ครับ รัฐบาลเกาหลีเค้าเข็นสุดๆครับ
เมื่อก่อนเคยฟังบทวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศของคุณจักรภพ เพ็ญ...(ตอนนั้นยังไม่มีสี)เมื่อซัก9ปีก่อนได้
เค้าบอกเป็นข้อๆเลยว่าทางรัฐบาลเกาหลีเค้ากำหนดนโยบายระดับชาติไว้ยังไง
และทำได้จริงด้วยสิในตอนนี้ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวตามรอยซีรียส์ทั้งหลาย และการบันเทิง
เห็นได้แล้วก็ได้แต่..
เฮ้อ
ฮาจังง่าว เกาหลี
ตลาดรับกระแสไปแล้ว ตอนนี้ก็ต้องคงความนิยมให้ได้ต่อเนื่อง
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ผมว่าเกาหลีใต้เค้าเก่งมากนะที่ผลักดันตัวเองได้มาถึงขนาดนี้ ยอมรับในฝีมือของรัฐบาลเค้าเลย
That is the way things are.
เพลง Twinkle ของ Girls' Generation นี่ยอดดูมีคนคลิกเกือบทั่วโลกเลย
บอกแล้ว ผมสนใจแต่โลกตะวันตก
Coder | Designer | Thinker | Blogger
วันก่อนเพิ่งอ่านข่าว กระทรวงวัฒนธรรมของเกาหลีติงกระแสเกาหลีฟีเวอร์จะแผ่วในอีก 5 ปีข้างหน้า เพราะความจำเจของทั้งรูปแบบ แนวเพลง ศิลปินที่เหมือนกันไปหมด
จากรูปประกอบข่าวสังเกตว่าอเมริกาจะเปิดรับดีกว่าประเทศทางยุโรป บ้านเรายังเปิดรับดีกว่าประเทศยุโรปหลายๆ ประเทศเสียอีก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ไม่รู้ว่าไม่ตรงรสนิยมคนยุโรปหรือเปล่า ทั้งๆ ที่มองแล้วอเมริกากับยุโรปไม่น่าจะแตกต่างอะไรกันมากเลย ฝรั่งเหมือนกันแท้ๆ
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมประเทศไทยถึงไม่โปรโมทผ่านทางสื่อออนไลน์บ้าง อันนี้ผมมองว่าเป็นเพราะว่าเค้ามองที่ยอดขายมากกว่าการตลาด เพราะว่าตอนที่ mp3 ออกมาค่ายเพลงก็เสียรายได้ไปกับแผ่นผี และพอมีเวปอย่าง youtube ขึ้นมาเค้าก็มองว่ามันจะเป็นเหมือน mp3 อีก เลยไม่อยากให้มีคนอัพขึ้นไป เพราะว่ายังยึดติดกับการหารายได้จากการขายแผ่นเพลงอยู่ แต่เดี๋ยวนี้ผมว่าก็เริ่มมีปรับแล้วนะ อย่างเวลาพูดถึงว่าเพลงฮิตก็ยังมีเอาจำนวน view ใน youtube มาอ้างเลย
แต่เกาหลีมองว่าทำอย่างไรให้มีคนรู้จักเยอะๆ ยิ่งเป็นแผนที่จะโกอินเตอร์ด้วยแล้ว ช่องทางของเวปก็เป็นอีกช่องทางนึงที่จะทำให้คนทั่วโลกสามารถฟังเพลงของเกาหลีได้โดยใช้การลงทุนที่น้อยมาก ไม่ต้องไปติดต่อทีวีของแต่ละประเทศเพื่อขอลงเพลง ไม่ต้องเสียค่าออกอากาศ
สรุปว่าผมมองว่าวงการเพลงไทยและเกาหลีต่างกันตรงที่มุมมอง ซึ่งของไทยมองในแง่รายได้มากกว่าการตลาด แต่เกาหลีมองการตลาดมากกว่าซึ่งผมคิดว่าที่มองมุมนี้เพราะว่าต้องการโกอินเตอร์ด้วย ซึ่งตรงนี้ก็ต่างกับค่ายเพลงไทยที่เหมือนว่าไม่เน้นเรื่องโกอินเตอร์เท่าไหร่ เอาแค่ขายได้ในประเทศก็พอละ