USPTO ได้เปิดเผยสิทธิบัตรของแอปเปิลที่มีอายุ 1 ปี โดยสิทธิบัตรฉบับนี้ได้พูดถึง Smart Cover ของ iPad ที่จะมาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ที่ยืดหยุ่นได้และรองรับการสัมผัสของผู้ใช้ โดยหน้าจอ AMOLED สามารถนำไปใช้เพื่อแสดงการแจ้งเตือน (notifications) ต่าง ๆ ได้
รูปภาพที่แนบมากับสิทธิบัตรฉบับนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการใช้ด้านในของ Smart Cover เป็นคีย์บอร์ด, ทัชแพด, แผงรับแสงอาทิตย์และอื่น ๆ โดย Smart Cover นี้จะส่งข้อมูลกับตัวแท็บเล็ตด้วยการเชื่อมต่อลักษณะเดียวกับ MagSafe
แอปเปิลได้ลงชื่อผู้จัดการฝ่ายสินค้าของตัวเอง Fletcher Rothkopf เป็นผู้ประดิษฐ์ แต่การที่แอปเปิลมีสิทธิบัตรนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าแอปเปิลจะนำมันมาผลิตเป็นสินค้าจริง แต่ที่น่าเสียว ๆ หน่อยก็คือ Surface ของไมโครซอฟท์เองก็มีอุปกรณ์ลักษณะคล้าย ๆ กันออกมาแล้ว
ที่มา - Engadget
Comments
เหนือกว่า Surface ตรงจอ AMOLED
เจ๋ง!!! ตอนแรกผมคิดว่าอยากให้ mac รับ notification ได้โดยจะแสดงที่ไอ้รูป Apple แหว่งนั่นแหละ แต่ดันมาที่ iPad ก่อนแฮะ
comment เข้ากับ avt มากครับ :D
เอ่อ ขอถามอย่างโง่ๆหน่อยนะครับ avt คืออะไรครับ
น่าจะหมายถึง avatar
ถูกเป๋งเลยครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
นึกถึงที่ M$ เคยพยายามทำอยู่ช่วงนึง รู้สึก ASUS จะมีที่จอเล็กๆ
เหยดมาก
Coder | Designer | Thinker | Blogger
อ่านคุณสมบัติ SmartCover มันช่างไฮเลิศหรูดูน่าสะพรึงกลังมากมาก ..Surface, Sony CoverCase หนาวเลย
copy กันไปมา
สิทธิบัตรนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าแอปเปิลจะนำมันมาผลิตเป็นสินค้าจริง
มันนึกจะจดอะไรก็จดเหรอ
แล้วมีเหตุผลอะไรที่ต้องปล่อยไอเดียเค้าเสียไปแบบไร้ค่า เพื่อทำตามอุดมคติในความฝันของคุณกันละครับ
คิดก่อนจดก่อน ถ้าไม่ทำก็แปลว่าสละสิทธิเอง
ออกมาดูโลกได้แล้วครับ ทุกบริษัทก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น มันเป็นระบบที่ใช้กันอยู่ทั่วไปครับ อย่าไปหลงสื่อโดยไม่กรองว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติ
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
ผมว่ามันควรเปลื่ยนเงื่อนไขการจดสิทธิบัตรแล้วละ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี อย่างน้อยควรจะมีต้นแบบที่ใช้งานได้มาประกอบ ไม่ใช่คิดอะไรได้ก็จด แล้วก็การอนุมัติสิทธิบัตรควรจะเร็วกว่านี้
เอาจริงผมว่าแบบแฟร์ๆ ควรจะมีกำหนดไว้เลยนะว่าหลังจากจดแล้ว ต้องสามารถแสดง prototype ให้ดูได้ภายใน 6 เดือนหรือ 1 ปีอะไรงี้ จะได้ป้องกันการจดความเห็นแบบเพ้อเจ้อที่เทคโนโลยียังทำไม่ได้ แล้วพออีก 10 ปีมีคนทำได้ก็มาไล่ฟ้องเค้า
ป.ล. แต่อันในข่าวนี้ผมเข้าไปอ่านดูแล้วสมเหตุสมผลดีครับ ไม่ได้เว่อร์เกินเหมือนบางอย่าง
-ลบ-
รวม 2 เม้นเลยนะครับ
ก็ถูกอย่างที่คุณทั้งสองว่าครับ ระบบควรจะเปลี่ยนแปลงปรับปรุงให้เข้ากับลักษณะธุรกิจได้แล้ว
แต่ในตอนนี้ขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้นเราจึงไม่มีสิทธิจะไปว่าคนที่เค้าทำตามกฎจริงไหมครับ
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
มีสิทธิว่าครับ บรรทัดฐานทางสังคมไม่ได้มีแค่กฎหมายอย่างเดียวครับ
แต่อันนี้สมควรจดจริงๆ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
คำถามใหญ่ก็คือว่าอะไรคือบรรทัดฐานของสังคมในกรณีเช่นนี้ล่ะครับ?
ด้วยตัวของระบบสิทธิบัตรเองที่มีมาไม่กี่สิบปี แถมยังถูกตัดสินโดยคนที่รู้เกี่ยวกับระบบของมันแค่ผิวเผินโดยยึดความรู้สึกเป็นหลักผมไม่เรียกว่าเป็นบรรทัดฐานหรอกนะครับ นี่ยังไม่รวมอคติอีกนะ
คุณให้เหตุผลมาถูกทางแล้วครับว่าบรรทัดฐานทางสังคมไม่ได้มีแต่กฎหมายอย่างเดียว แต่สิ่งที่ว่ามามันยังนำพาไปไม่ถึงข้อสรุปของคุณที่บอกว่า มีสิทธิ เลยนะครับ
ถ้าคนเราคิดว่าความรู้สึกของตัวเองอยู่เหนือกฎหมายผลลัพธ์ก็คือประเทศไทยในปัจจุบันนี่แหละครับที่โดนแนวคิดปัจเจกชนแบบครึ่งๆ กลางๆ มาหลอกใช้อยู่ร่ำไป
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
คุณกำลังจะบอกว่าเราไม่มีสิทธิ์ว่า ไม่มีสิทธิ์วิจารณ์ เพราะศาลยังไม่ได้ตัดสินว่าผิด หรือกฎหมายไม่ได้บอกว่าผิด ใช่ไหมครับ?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
คุณอย่า Imply แบบ 1 กับ 0 สิครับ ผมไม่ใช่คอมพิวเตอร์นะครับ :D
ผมจะบอกว่าการที่คุณไปฟันธงไปแล้วว่า มีสิทธิ นั่นแหละที่ไม่สมควรครับ อย่างที่ผมพูดว่าการให้เหตุผลของคุณมาถูกทางแล้ว "แต่มันยังนำไปไม่ถึงจุดนั้น" เท่านั้นเองครับ
และการพูดจาให้ร้ายคนอื่นโดยไม่มีหลักหรือการอ้างอิงที่ชัดเจนก็ไม่ใช่ Freedom of Speech ด้วยครับ
การที่ผมบอกว่าไม่ควรจะมีสิทธิว่าในการที่เขาตามกฎตามระเบียบนั้นมันเป็นเรื่องทั่วๆไป ที่ใครก็เข้าใจได้ครับ แต่ถ้าหากคุณจะหักล้างคำพูดผมคุณก็ควรจะหาเหตุผลหรือหลักการที่หนักแน่นมากกว่านี้มาครับ ไม่ใช่คุณจะอ้างคำๆ หนึ่งมาแล้วหักล้างระบบได้ทั้งหมดผมถึงบอกว่า มันยังได้ไม่ถึงขั้นนั้น คุณควรจะอธิบายคำว่าบรรทัดฐานของสังคมที่คุณยกมาอ้างว่ามันเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรมากกว่านะครับ
ย้ำอีกครั้งนะครับ Freedom ไม่ใช่การทำอะไรก็ได้โดยปราศจากความรับผิดชอบครับ ถ้าคุณกระทำอะไรไปแล้วมันกระทบต่อคนอื่น สิ่งนั้นมันก็ไม่ใช่ Freedom ครับ
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
Freedom of Speech ก็เป็นบรรทัดฐานทางสังคมไม่ใช่หรือครับ หรือคุณว่าไม่ใช่? แล้วการวิจารย์ว่าควรหรือไม่ควร โดยใช้ข้อดีข้อเสียมาประกอบเหตุผล ถือว่าเป็นการให้ร้ายหรือครับ?
หรือทำไมการพูดให้ร้ายจริงๆ คุณไม่ไปบอกบ้างหล่ะครับ ว่าไม่มีสิทธิ์ เอาจริงๆผมไม่เคยเห็นคุณว่าอะไรคนพวกนั้นเลยนะ แต่ดันมาว่าคนที่วิจาร'ตัวบริษัท' ที่เค้ามองว่าแนวทางที่บริษัทนี้ทำให้อนาคตเค้าอาจจะอยู่ยาก หรือลำบากมากกว่าเดิม
Freedom of Speech นั้นผมก็ต้องรับผิดชอบคำพูดของผมเหมือนกันครับ ไม่ใช่ปราศจากความรับผิดชอบ ถ้าตาม'กฎ'ที่คุณพูดแล้ว หากผมพูดให้ร้าย Apple หรืออื่นๆจริง Apple หรืออื่นๆก็มีสิทธิ์ฟ้องหมิ่นประมาทผม(ซึ่งอาจจะโดนศาลตัดสินว่าถูกหรือผิดก็ได้)ครับ ไม่ใช่ออกมาบอกว่า'ห้ามพูด คุณไม่มีสิทธิวิจาร' ถ้าแบบนี้ผมก็พูดได้ครับ ว่าคำพูดที่คุณพูดให้ร้ายผม คุณไม่มีสิทธิ์พูดอะไรเกี่ยวกับผม หรือถ้าวิจารไม่ได้โลกนี้มันก็คงอยู่แบบนั้นไปหล่ะครับ ไม่ต้องหรอกมีวิถีประชา จารีต กฎหมาย ผมชักสงสัยแล้วสิว่าบางทีอยู่ๆบรรทัดฐานพวกนี้ก็คงเกิดขึ้นมาเองได้มั้ง
ผมว่าผมไม่ได้ imply 1 กับ 0 นะ เพียงแต่คุณมี logic 'บางอย่าง'ซะมากกว่า
เอาจริงๆเวลาคุณพูดถึงกฎหรือระเบียบ คุณพูดถึงเสมอว่าศาลยังไม่ตัดสิน กฎระเบียบยังไม่นู่นไม่นี่ แต่ตัวคุณเองเอาสิทธิอะไรมาห้ามคนอื่น หรือบอกว่าคนอื่นไม่มีสิทธินู่นนี่หล่ะครับ คุณเป็นศาล?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมไม่ได้พูดสักคำว่า Freedom of Speech ไม่ใช่บรรทัดฐานนี่ครับ? กลับกันซะหากผมบอกว่าเรื่องที่คุณพูดเนี่ยมันพูดลอยๆไปกระทบคนอื่นมันจึงเริ่มจะไม่ใช่บรรทักฐานต่างหาก
จริงครับถ้าผมอยู่ๆมาห้ามคุณพูดมันก็คงไปขัดกับ Freedom ของคุณเช่นกัน แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่ว่าตรงไหนของ Comment ผมที่บอกคุณว่า ห้ามคุณพูด ครับ? ถ้าจะพูดถึงส่วนที่ผมบอกว่า "ไม่มีสิทธิที่จะไปว่าคนที่ทำตามกฎจริงไหมครับ" ล่ะก็ ผมว่าผมพิมพ์ชัดเจนนะครับว่าเป็นการเปิดช่องให้โต้แย้งอย่างเต็มที่ ต่างกับการห้ามโดยชัดเจน ซึ่งถ้าคุณไม่เห็นด้วยและคิดว่ามีสิทธิก็อธิบายมาครับ แต่การยกคำๆหนึ่งมาลอยๆ ถึงจะดูสวยหรูแต่มันไม่ใช่การอธิบายครับ
กลับกันซะอีกผมบอกชัดเจนแล้วว่ามาถูกทางแต่ควรให้น้ำหนักมากกว่านี้เพราะสิ่งที่คุณพูดมันขัดกับการคิดของวิญญูชนทั่วๆไปครับ เท่าที่อ่านคือคุณมีสิ่งๆเดียวที่ค่ำยันคำพูดของคุณอยู่คือคำพูดลอยๆว่า บรรทัดฐานของสังคม แล้วพอผมถามว่าบรรทักฐานของสังคมอันไหนที่มอบสิทธิให้คุณไปพูดจาให้ร้ายคนที่ทำตามกฎ คุณก็ไม่อธิบายสักทีแถมไปๆมาๆ ก็เปลี่ยนประเด็นมาโจมตีตัวบุคคลซะอีก ที่นี่ไม่ใช่สภานะครับจะโจมตีตัวผมก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา สู้ไปอธิบายเรื่องที่มันยังไม่มีน้ำหนักก่อนเสียดีกว่า ซึ่งผมก็ชี้ช่องทางออกให้คุณซะขนาดนี้แล้วแต่ผมไม่เห็นคุณจะวกกลับมาอธิบายสักที
แน่นอนว่าการพูดจาให้ร้ายคนที่ทำถูกต้องตามกฎ มันย่อมเป็นอะไรที่ไม่สมควร ซึ่งคนทั่วไปเข้าใจได้ใช่ไหมครับ ดังนั้นถ้าคุณต้องการที่จะทำขัดต่อสิ่งที่วิญญูชนควรจะทำนั้นมันจะมีอยู่ 2 หลักๆที่ทำได้ครับ หนึ่งคือกรณีมันผิดปกติ สองคือคนพูดผิดปกติ หรือถ้าคุณมีเหตุอะไรเป็นพิเศษก็ช่วยอธิบายด้วยนะครับว่าทำไม บรรทัดฐานของสังคม ที่คุณยกมาอ้างมันจึงต่างกับที่คนทั่วไปเค้าเข้าใจกัน
สรุปว่าเราพูดถึงบรรทัดฐานของสังคมหรือบรรทัดฐานของคุณกันแน่ครับ จึงไม่อาจอธิบายให้คนอื่นฟังได้ว่าการไปให้ร้ายคนที่ทำตามกฎอย่างถูกต้องนี่มันเป็นสิ่งที่สังคมยอมรับได้เป็นมาตรฐานตรงไหน?
จริงๆเรื่องนี้มันก็เป็นผลจาก Freedom of Speech ที่คุณกล่าวอ้างมานั่นแหละครับ แต่ดูเหมือนคุณจะคิดว่าตัวเองมี Freedom อยู่คนเดียวหรือไร ทำไมจึงไม่รับการถกเถียงของ Speech ที่ัไม่ตรงกันเพราะผมเองก็มี Freedom of Speech เองเช่นกันแต่คุณกลับเบี่ยงประเด็นมาโจมตีตัวคนที่เถียงด้วยแทน นี่หรือครับ Freedom of Speech ของคุณ? Freedom of Speech ควรจะคุยกันด้วยเหตุผลหรือเบี่ยงประเด็นมาโจมตีตัวบุคคลครับในความหมายของคุณ
อนึ่งผมไม่เคยกล่าวว่าใครว่าห้ามพูดเลยนะครับ สิ่งที่ผมบอกคือ ควร หรือ ไม่ควร ซึ่งมันเป็นความเห็นของผมหากคุณเห็นไม่ตรงกันก็ยกเหตุผลมาสู้ครับ ไม่ใช่ลอยๆ แบบนี้
การที่ผมบอกว่าคุณ Imply เป็น 1 กับ 0 ก็มาจาก Comment ของตัวคุณเองนั่นแหละครับ
แต่สิ่งที่ว่ามามันยังนำพาไปไม่ถึงข้อสรุปของคุณที่บอก
คุณให้เหตุผลมาถูกทางแล้วครับว่าบรรทัดฐานทางสังคมไม่ได้มีแต่กฎหมายอย่างเดียว แต่สิ่งที่ว่ามามันยังนำพาไปไม่ถึงข้อสรุปของคุณที่บอกว่า มีสิทธิ เลยนะครับ
ชัดเจนนะครับ อยู่ๆคุณก็ใส่ถามคำถามที่เป็น Yes or No มาเองเลยทั้งๆ ที่ผมก็พูดชัดเจนว่ามันอยู่ระหว่าง 1 กับ 0 แถมไม่ได้พูดเรื่องศาลหรือกฎเลยด้วยซ้ำ ไม่ทราบไปยกมาจากไหนครับ?
ลองกลับไปอ่าน Comment ใหม่ดูนะครับแบบไม่ต้องเสริมเติมแต่งตัวอักษรที่ผมพิมพ์แล้วมาอ่าน Comment ล่าสุดของคุณดูว่ามันตรงกันมั้ย?
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
พอดีกลับมาอ่าน comment นี้แล้วตลกครับ :))
การกระทำของ Apple เป็นสิ่งที่ถูกต้องทั้งหมด คุณไม่มีสิทธิ์ว่าหรือวิจารณ์การกระทำของ Apple การวิจารณ์การกระทำของ Apple ถือเป็นการให้ร้าย
คงไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมนะครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมกลับตลกที่เวลาผ่านไปกว่าสองปีไม่ได้ช่วยอะไรคุณเลย
เพราะที่ผมพิมพ์ชัดเจนมากคือ การกระทำของทุกคนที่เป็นลักษณะนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง(อย่างน้อยก็ในปัจจุบัน)โดยไม่ได้พูดถึง Apple เลยสักนิดกลับไปอ่านตามตัวอักษรและอย่าใส่จินตนาการน่าจะเข้าใจครับ
ผมว่าหลุม Apple นี่ลึกเหมือนกันนะครับตกมาหลายปียังไม่หลุดเลย...
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
ลองไล่อ่านที่ตัวเองพิมพ์มาดูนะครับ
ไม่ก็ลองเปลี่ยนจาก Apple เป็น รัฐบาลไทย หรือ NSA ดูครับ
คุณจะยังใช้คำว่า ไม่มีสิทธิ์ อยู่หรอเปล่า?
ผ่านมา 2 ปี คุณก็ยังไม่ตระหนักถึงสิทธิ์ที่คุณพึงได้รับ ยังไม่พอคุณยังไปกีดกันว่าคนอื่นไม่สมควรได้รับสิทธิ์นั้นๆตามคุณเหมือนเดิม
ผ่านมา 2 ปี คุณก็ยังแยกแยะคำว่า วิจารณ์ กับ ให้ร้าย ไม่ออกเหมือนเดิม
ผมลองเปลี่ยนข้อความให้ดู
ลองถามตัวเองดูครับ ว่าคำว่า'เราจึงไม่มีสิทธิจะไปว่าคนที่เค้าทำตามกฎจริงไหมครับ' มัน make sense หรือเปล่า? จริงๆแล้วเรามีสิทธิ์วิจารณ์สิ่งที่เราไม่เห็นชอบ สิ่งที่เราคิดว่าจะกลายเป็นผลเสียต่อเราหรือคนอื่น แม้ว่าสิ่งนั้นจะถูกกฎหมายหรือเปล่า? หรือจริงๆแล้วเราไม่มีสิทธิ์ ต้องยอมรับสภาพในปัจจุบัน ห้ามส่งเสียงต่อต้านใดๆอย่างสิ้นเชิง?
ไม่ขอตอบต่อแล้วนะครับ เพราะรู้ดีว่าคำตอบของคุณคือ 'เราไม่มีสิทธิจะไปว่าคนที่เค้าทำตามกฎ' อยู่ดี
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ช่องโหว่ขนาดคนเดินผ่านได้ของความคิดเปรียบเทียบของคุณมันอยู่ที่ว่า Apple ออกกฎเองเหมือนรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐหรือเปล่าละครับ?
คุณเปรียบเทียบกันข้ามสถานะแบบนี้มันเลยไม่เมคเซนส์ไงครับ และน่าขำด้วยเหมือนจะพยายามเขียนให้ตัวเองดูดีซึ่งมันก็กลายเป็นแปลกสุดๆ ไปเลย ผมยังแปลกใจว่าให้ผมไปอ่านข้อความตัวเองแล้วคุณอ่านที่เพิ่งจะพิมพ์มามันยิ่งตลกเข้าไปใหญ่เพราะจากเรื่องเดิมที่คน Play by the rules ดันโดนว่าจากคนที่ไม่สามารถทำได้หรือไม่อยากทำ กลายเป็นเรื่องของคนที่ Make rules โดนว่าจากคนที่ต้องมา Comply with Rules ซึ่งเห็นชัดๆ เลยว่าการ Role playing แบบตลกๆ ของคุณมันไม่สมเหตุสมผลและไม่สะท้อนอะไรเลยครับ
กลับกันถ้าเปลี่ยน Apple เป็น Google, Samsung, Sony หรือ MS หรือแม้แต่ตัวคุณไปจดเองความเห็นผมก็เหมือนเดิมอยู่ดีว่าเค้าทำได้และมีสิทธิโดยชอบด้วยตามกฎหมาย (ที่ไม่ได้ออกเอง) ทุกประการ
แล้วก็อีกอย่างนึงนะครับ กฎหมายเรื่องสิทธิบัตรเนี่ย มันอยู่ในยุคของกฎหมายที่เป็นลักษณะเทคนิคที่ตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะเจาะจง บางอย่างไม่เกี่ยวกับศีลธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีความดีงาม และไม่เกี่ยวกับหลักกฎหมายทั่วไป ดังนั้นการที่คุณเอาความรู้สึกของตัวเองมาตัดสินว่าสิ่งนี้ถูกหรือผิดหรือว่าควรหรือไม่นั้นมันเหมือนคนหลงยุคนะครับ ถ้าจะพูดให้เห็นภาพในเรื่องคล้ายๆ กันและเกือบเทียบเคียงกันได้ (เทคนิคเหมือนกัน)ลองดูกฎหมายจราจรดูครับ ส่วนตัวผมชอบขับรถเร็วและรู้สึกว่า Speed limit มันล้าหลังและช้าเกินไปแต่ผมก็ "ไม่มีสิทธิ" ไปด่าหรือตำหนิคนที่เขาขับรถตาม Speed limit จริงไหมครับ? ถ้าคุณบอกว่าไม่จริงช่วยอธิบายด้วยละกันครับว่าคุณมีสิทธิอะไรไปตำหนิ (หรือคุณจะเลี่ยงคำว่าวิจารณ์ ก็แล้วแต่นะครับแต่สุดท้ายก็เหมือนกัน) คนที่เขาขับรถตามกฎหมายที่มีอยู่
ทีนี้ผมมีคำถามนะครับ การที่คุณเห็นด้วยกับการให้จดแล้วต้องทำ Prototype มาก่อนเนี่ยมันแฟร์ในมุมมองไหนครับ? ถ้าผมเป็นนายทุนผมก็คงเห็นด้วยแหละครับเพราะผมมีเงินจะทำตัวอย่างกี่ร้อยกี่หมื่นอันขนหน้าแข้งก็ไม่ร่วง แต่กลับกันผมเป็นนักเรียนธรรมดาที่มีแนวคิดริเริ่ม แต่กว่าจะเก็บหอมรอมริบได้กว่าจะได้ครอบครองสิทธิในไอเดียที่คิดดีไม่ดีโดนคนขโมยเอาไปจดเสียก่อนด้วยซ้ำ ผมถามว่าแฟร์ไหมละครับถ้าเป็นแบบนี้ คนจนไม่มีสิทธิครอบครองไอเดีย?
ป.ล. เผื่ออ่านแล้วยังไม่โป้ะ ย่อหน้าสุดท้ายผมเขียนเอาประชดนะครับเผื่อจะไม่เก็ต :)
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
ไม่ต้องชักแม่น้ำทั้ง 5 ครับ มันไม่เข้าประเด็น และเป็นมุมมองที่คิดเองเออเองล้วนๆ ถ้าคุณอ่าน comment ของผมทั้งหมดจะพบว่าใน topic นี้ผมเห็นด้วยที่ Apple จดมาตั้งแต่แรก สิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยคือ'เราจึงไม่มีสิทธิจะไปว่าคนที่เค้าทำตามกฎ'อย่างเดียวเท่านั้น อย่าคิดเองเออเองว่าผมคิดยังไง
ตกลงคนเรามีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์วิจารณ์ครับ?
อย่างตอนนี้ CP ทำแบรน 7Select มาแข่งคู่ค้า เรามีสิทธิ์วิจารณ์หรือไม่ครับว่าดีหรือไม่ดี?
เรื่องที่คุณยังแยกแยะไม่ออกมีอีกเรื่องนะครับ คือสิทธิ์ในการวิจารณ์ กับความสมควรในการวิจารณ์ ในกรณีนี้ 20km/s เป็นการขับตาม speed upper limit ที่ 80km/s หรือไม่? สมควรถูกวิจารณ์หรือไม่? และคุณมีสิทธิ์วิจารณ์หรือไม่?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ถูกครับ มีตั้งหลายบริษัท ที่ไม่ได้จดแต่ ทำขึ้นมาจริงๆ เป็นชิ้นเป็นอัน แล้วค่อยจด กับ Apple ที่ไม่มีอะไรเป็นชินเป็นอัน แค่คิดได้ ก็จด ผมว่ามันไม่เกินไปหน่อยหรอครับ ถ้างั้นผมคิดได้มากกว่า Apple ตั้งเยอะ ผมก็เป็นเจ้าของ สิทธิบัตรมากมายในอนาคต เลยละสิ เฮ้ออ
ผมว่าที่เขาจดได้อะเขามีต้นแบบ ของของชิ้นนั้นอยู่แล้ว แค่ยั่งไม่ได้เอาออกมาขายจริง ด้วยเหตุผลหลายหลายด้าน
มากกว่านะครับไม่งั้นก็อย่างที่คุณว่าอะละครับ มีอะไรลอยยมาก็ไม่รู้ จดมันได้หมดเลย
ครับ น่าจะเป็นยังงี้มากกว่า ดูมีเหตุผลมากกว่าเยอะเลย
มีสามคำถามครับ
-คุณแน่ใจหรือว่าอันนี้ยังไม่มี Prototype เลย?
-คุณแน่ใจหรือว่ามีแค่ Apple ที่จดฯ ในลักษณะแบบนี้?
-คุณแน่ใจหรือว่าคุณสามารถคิดได้จริงๆ คิดก่อนจริงๆ คิดเยอะกว่าเค้าจริงๆ?
ถ้าคิดได้คุณก็มีสิทธิเต็มที่ที่จะจดฯ ครับไม่มีใครเค้าห้ามยกเว้นเสียแต่คุณเองที่เห็นว่าไอเดียของคุณมันไม่มีค่าพอที่จะไปจดฯ ก็เลยเลยเสียเองไม่ยอมไปจดเท่านั้นแหละที่ห้ามคุณครับ
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
+1
touchpad นี่ไม่น่ามี แต่ keyboard ก็ไม่แน่ แต่ที่แน่ๆคือ Apple เป็น 'copycat' เสียแล้ว อิอิ
ข่าวบอกยื่นจดตั้งแต่ 1 ปีที่แล้วนะครับ ก็น่าจะจดไว้ตั้งแต่ก่อนเห็น Surface จาก MS (?)
@mamuang
วิศวกรของ MS น่าจะหลุดปากโม้ถึง Cover ที่เป็นคีย์บอร์ดของ Surface ออกมา
วิศวกรของ Apple เลยออกแบบมา แล้วไปจดสิทธิบัตรซะเลย 55+
ผมยังนึกไม่ออกว่าตัวนี้ Apple ไปลอกใครมา...
Dream high, work hard.
ฮาเลย เจอเม้นนี้ 55555+
+1
Apple เป็น Copycat มานานแล้วครับ ยังมีวลีเด็ดว่า "Cuppertino, start your photocopier" เลย
อย่าไปซีเรียสมากครับ แรงบัลดาลใจมีอยู่รอบตัวเรา ;-)
ในเมื่อมันมีจอ จะมี accessory ที่เป็น cover มาปิดมันอีกทีรึเปล่า - Coverception
กำลังคิดอยู่เหมือนกัน ต้องติดฟิล์มบนเคสด้วยรึเปล่านะ.....
น่าจะเป็น cover ที่มาปิดฟิล์มที่อยู่บนจอของ cover ที่อีกฝั่งเป็นจอที่มีฟิล์มอยู่และปิดฟิล์มที่อยู่บนจอของ iPad อีกทีนะครับ?
Dream high, work hard.
??????????????????
ใจเย็นครับ........ค่อยๆอธิบายทีละขั้นนะครับ
ได้ครับ ->
- cover
- ฟิล์ม
- จอ
- smart cover
- จอ
- ฟิล์ม
- ฟิล์ม
- จอ iPad
ห๊ะ
Dream high, work hard.
เข้าใจง่ายกว่าเดิมอย่างน่าแปลกใจ = =
ปล.ลืม cover หลังป่าวฮะ
จะมี cover ที่มีจอมาปิด cover ที่มีจอมาปิด cover ที่มีจออีกทีครับ
แปลกๆแฮะ เห็นคำว่า AMOLED แล้วนึกถึงแซมซังขึ้นมาทันที
ใครๆ ก็ใช้ได้ ซื้อมาใช้อะนะครับ
น่าคิดถ้า SS เป็นเจ้าของจอสิท Amoled แบบยืดหยุ่น แต่ดันมีคนจดผลิตภันที่ SS ยังไม่รู้ว่าจะขายให้รึปล่าว แล้วมีคนยื่นจด ทุกๆสินค้าที่มีอยู่ในปัจจุบันโดนนำเอาไปใช้ร่วมกับสินค้าทัวไป คนที่คิดได้คงไม่ต้องเอาไปทำอะไรอีกต่อไปแล้วสิ เพราะการจดแค่คิดได้ก็พอ ไอเดียคนเราคิดได้ไม่รู้จบถ้าคิดแล้วจดง่ายแบบนี้ น่าคิด
แล้วคิดว่า จอของค่ายอื่นเขาไม่มีหรือไงครับ ที่ยืดหยุ่นได้อ่าครับ
แค่มันอาจจะไม่มีชื่อ amoled ก็ได้
จริงๆ amoled ไม่ได้มีแต่ซัมซุงครับ แต่เท่าที่ทราบ โรงงานที่ผลิตได้เยอะและต้นทุนต่ำพอตอนนี้มีแต่ซัมซุงเท่านั้น ก็เลยดูเหมือนไม่มีใครผลิต
แต่ในข่าวเป็น Amoled ที่ยืดหยุ่นได้ ซึ่งน่าจะเป็นที่ SS เปิดตัวในปีที่แล้ว แล้วน่าจะจดแล้ว
สิทธิบัตรตัวนี้ไม่ได้จดเรื่อง amoled ยืดหยุ่นได้ แต่จดเรื่องการเอาจอมาประยุกต์ใช้บน cover ครับ
อ่าวข่าวก็เขียนเป็นแบบที่บอกนะ Cover ipad ลอกเขามา จอ Amoled ยืดหยุ่นได้ก็ลอกเค้ามา เอามารวมกันแถมยังไม่มีของจริง ส่วนคนคิด ของที่จะทำขายได้จาก cover ipad หรือ Amoled ยืดหยุ่นได้ ก็หายไป 1 อย่างละนะ
ข้อนี้ผมทราบครับ เพียงแต่ชอบเห็นผ่านตา ss กับ amoled อยู่ข่าวเดียวกันเสมอ
ระบบสิทธิบัตรสหรัฐอเมริกามันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เป็นระบบจดก่อน ค่อยเผยแพร่ และหากได้รับอนุมัติก็ถือว่าย้อนไปคุ้มครอง ณ วันจดเลย ดังนั้นคิดอะไรได้ก็ต้องไปรีบจด ไม่จำเป็นต้องทำขายจริง (ปล่อยให้สาธารณะชน คาดเดาไม่ถูกว่ามันจะขายอะไร ขายหรือไม่ขาย) จดง่ายแบบนี้แหละ เราต้องทำความเข้าใจกับระบบสิทธิบัตรต่างๆ กรณี iPhone ที่ Apple เปิดตัวในเดือน มกราคม 2007 Apple จดสิทธิบัตรแนวคิด UI และ อื่นๆ ไว้ล่วงหน้าก่อนการเปิดตัวแล้วไม่น้อยกว่า 200 ชิ้น และต้องเอาสิทธิบัตรของเจ้าอื่นๆมาใส่เข้าไปอีก ต้องไปเจรจาบ้าง ขอ License บ้าง ถ้าไม่ทำก็โดนฟ้องอย่างกรณีของ Nokia ก็ต้องจ่ายเงินให้ Nokia ไป เรื่องการทำงานในลักษณะ Muti-touch บนหน้าจอ Apple ไม่ได้คิดขึ้นก็จริง แต่ไปซื้อสิทธิบัตรมาเป็นของตัวเอง ซึ่งซื้อมาเก็บไว้นานแล้วก่อนการออกขายสินค้าจริงๆ
ข้อมูลเน้นๆ :)
อ่านความสามารถแล้วครอบคลุมมากเหมือนจดดักไว้ก่อนโชคดีที่ยังไม่สามารถหุงข้าวได้ แต่ถ้าสามารถทำออกมาจริงได้ก็ถือว่าน่าสนใจมากพลิกโฉมสินค้าในกลุ่มนี้ไปเลย เรื่องราคาตกเป็นภาระของผู้ใช้อีก เพราะคงไม่ใช่น้อยและไม่มีทางที่จะแถมมากับตัวเครื่องแน่นอน
ข่าวต่อไป: แอปเปิลฟ้องไมโครซอฟท์ ?
เกรงว่าฟ้องแล้วจะไม่คุ้มซะมากกว่าครับ 555+
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
คู่นี้คงไม่ฟ้องกันง่ายๆหรอก ขนาดร่วมมือกันไปประมูลสิทธิบัตร โกดักเพื่อสู้กับ Google ก็เห็นๆอยู่ สามารถ Cross License ได้สบายๆ หรือ iPhone ที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ Apple เองอาจจะต้องจ่าย MS ต่อเครื่อง 5 USD ก็ได้ เราอาจจะไม่รู้
ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร
รอให้ android ตายก่อนค่อยเจอกัน.. :-)
ไม่มีใครอยากเปิดศึกหลายด้านพร้อมๆ กัน ผมว่าตอนนี้ Google เป็นคู่ต่อสู้ที่ M$ กับ Apple ต้องร่วมมือกันโค่นก่อนครับ
อนาคต Android อาจจะเจ๋งพอที่จะเป็นบริษัทมีมูลค่าในตัวของมันเองก็ได้นะครับ >< (รอวันนั้น)
ถ้าใช้ในที่ไม่มีแสงหรือแสงน้อย บน cover ต้องมี battery ด้วย?
ก็ไฟจาก connector ที่ต่อจาก iPad ไงครับ
Dream high, work hard.
ครับ คือแบบว่าไม่รู้จักชื่อ magsafe เพิ่งไปหามา ก็อ๋อทันที MagSafe
ส่งพลังงานแบบไร้สาย
loss กระจายแน่ครับ
AMOLED ใส ที่ยืดหยุ่นได้ นั่นมันซัมซุงหนิ
$299?
ก๊อบเสร็จแล้วก็อย่าลืมพรีเซ้นต์ให้ตัวเองเป็น Original นะครับ
"USPTO ได้เปิดเผยสิทธิบัตรของแอปเปิลที่มีอายุ 1 ปี"
ก็ไม่ใช่ออริจินอลอยู่ดีนั่นแหละครับ
ไหนคือ original ครับ?
Dream high, work hard.
ก็ไม่ได้ก็อปอยู่ดีนั่นแหละครับ :)
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
งั้น สินค้าที่ออกกันมา1ปีให้หลัง คงก๊อปแนวคิด Apple ในสิทธิบัตรที่รอการอนุมัติสิครับ
นี้มันสิทธิบัตรการนำจอที่ยืดหยุ่นได้มาใช้งาน ไม่ใช้สิทธิบัตรในตัวจอ amoled ยืดหยุ่นได้วะหน่อย
เท่าที่ดูมันว้าวมากกก
ถ้าออกมาเป็นสินค้าจริงเร็วๆ จะดีมาก
ตกลงเราซื้อแท๊บเล็ต หรือหน้าจอโน๊ตบุ๊คแยกคีบอร์ด? --********
เห็นรูปเคสที่เป็นแป้นพิมพ์แล้ว...
ข่าวต่อไป : Apple ยุติสายการผลิต iPad หันมาทำ Smart Cover ที่เป็นจอสำผัสทั้งอัน Tim Cock บอก "ถึงยุคของ Tablet ที่พับได้แล้ว" o_O
ผมว่าต้องรอดูยาวๆครับ ผมว่า ทาง Microsoft คงต้องมีเหตุที่ทำอยู่แล้ว กับรอดูของจริงว่า Smart Cover จะเป็นไง :)
ใครจะก๊อปใครก็ช่าง ผมไม่สน ไปฟ้องกันเอาเอง
ผมแค่รอใช้งาน :)
ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน appleจะทำให้ ipod nanoเป็น wireless notification device
แล้วทุกคนก็ใส่มันแทนนาฬิกา ไว้ดูnotificationได้เลย
ผมรอมันอยู่ครับ อยากให้มันเป็น Clicker ได้ด้วย T^T
เพิ่มรูปช่วยก่อไฟ
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
ถ้าตัดปุ่มhome กับ แผ่นขาวๆก่อนถึงคีย์บอร์ดนี้เปะเลย :]
ถ้าทำออกมาจริงคงเป็นcoverราคา6000บาท ซื้อมือถือกระล่วยได้เลย
งั้นต้องอย่าให้รีบขาย รอเทคโนโลยีพัฒนาไปอีกหน่อย อะไรๆ จะได้ถูกลงๆ
เจ๋งมากกกกกกกกกก
ใครคิดว่าจดได้จดเลย ใครคิดว่าทำได้ทำเลยครับ อย่าไปกลัว ทำให้ดีจนลืมเจ้าของเก่าเลยครับ อิอิ