หลังจากที่แอปเปิลได้เข้าซื้อ AuthenTec บริษัทที่เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีการอ่านลายนิ้วมือบนอุปกรณ์พกพาต่าง ๆ แล้ว วันนี้มีรายงานว่า AuthenTec ได้แจ้งให้ลูกค้าของตัวเองทราบว่าตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นไป AuthenTec จะไม่ขายชิ้นส่วนและเทคโนโลยีของตัวเองให้อีกต่อไปแล้ว โดยลูกค้าของ AuthenTec ได้แก่ซัมซุง, HP, Dell, Lenovo และ Fujitsu
ในรายงานยังบอกอีกว่า บริษัทที่เป็นลูกค้าของ AuthenTec เหล่านี้กำลังเร่งหาทางหาผู้ผลิตรายอื่นมาแทนที่ แต่ปัญหาอีกปัญหาที่ผู้ผลิตเหล่านี้จะเจอก็คือเรื่องของสิทธิบัตร ที่ AuthenTec เองก็มีอยู่มากมาย (และตอนนี้อยู่ในมือของแอปเปิล)
จนถึงวันนี้ แอปเปิลยังไม่ส่งสัญญาณออกมาว่าตัวเองต้องการทำอะไรกับ AuthenTec แต่เป็นไปได้ว่าเทคโนโลยีอ่านลายนิ้วมือของ AuthenTec อาจจะมีประโยชน์เมื่อแอปเปิลต้องการทำตลาดการจ่ายเงินผ่านโทรศัพท์มือถือหรือ NFC ก็เป็นได้
Comments
ตัดนิ้วไปติ๊ดแบบในหนัง
โอย อ่านข่าวนี้แล้วปวดใจ เยอะนะบริษัทเนี่ย
ผมไม่ชอบใจ ข่าวนี้เลย ในเมื่อ เทคโนโลยีนี้มันแพร่หลายไปแล้ว ปัจจุบันก็ใช้อยู่ วันดีคืนดี บอกว่าไม่ให้ใช้ พอจะทำเองก็ไม่ได้เพราะกัน ติดเรื่องสิทธิบัตรอีก มันจะดู เอาเปรียบไปนะ
เขาไม่ได้ห้ามไม่ให้ใช้ครับ แต่ไม่ขายให้ต่อในปีต่อไป
ผมคิดต่อ ยอดเอานะ จากที่ แอปเปิลทำๆมาก็แนวนี้ตลอด = = สยองล่วงหน้าครับ
Apple ได้ไป ขอคิดแนว Evil ไว้ก่อนหล่ะ
Oppa is Tim cook style.
ก็คงคล้ายๆ กับ LTE ของ Samsung
That is the way things are.
รวย>ซื้อ>กีดกัน == พัฒนา>เข้าสู่มาตฐาน>หมดความเป็นเจ้าของ?
my blog
+1
+1
อ้าว ปกติเห็นไมโครซอฟชอบ รวย > ซื้อคู่แข่ง > ดอง > ลืม > หมดคู่แข่ง
ผมชอบอันนี้อ่ะ XD
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
โอ้ววว นึกถึงเฟสบุ๊คเลย พี่แกซื้อใหญ่ 555
+1
Samsung ไม่ใช่กำลังไล่ถอน license จากผู้ผลิต chip หรือครับ ?
That is the way things are.
ต่อให้พยายามแต่เชื่อว่าสุดท้ายก็ทำไม่ได้ครับ
"เข้าสู่มาตฐาน>หมดความเป็นเจ้าของ"
ถ้าคิดแบบนี้กรณี Apple ก็คงเหมือนกันครับ มีกฎหมาย FRAND, anti-trust คอยควบคุมอยู่แล้วเหมือนกัน
That is the way things are.
เห็นคุยกันประเด็นนี้แล้วชวนให้สงสัยว่า Apple เคยพัฒนาอะไรแล้วได้เข้าสู่มาตรฐานบ้างนะ
Nano Sim 555+
เอาจริงๆ น่าจะทำใด้ครับ โดยการถอน license ที่จำเป็นต่อการไช้งาน แต่ไม่ติด frend
ตัวอย่างที่มีมาแล้วเช่น GSM ของ nokia และ fat ของ microsoft ไม่ติด frend แต่ไช้แพร่หลายจนจำเป็น ตอนนี้ก็มี Google เพิ่งฟ้อง การดู video clip บนมือถือ
สุดท้ายผมอยากให้ cross กันเสียที iphone จะใด้ไช้สิทธบัตรเจ้าอื่นอย่าง dlna ด้วย
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมอ่านหัวข้อข่าวแล้วสบถเลยนะ ถ้าจริงนี่ผมด่าจริง ๆ ด้วยเอ้า
แก้ไข ของเก่าเวิ่นเว้อไป
+512 ถ้าข่าวนี้จริง ผมก็ด่าครับ
ดีครับทำให้ตัดสินใจได้แล้วว่าจะไม่มองแบรนด์นี้อีกต่อไปและจะโน้มน้าวให้คนที่บ้านเลิกสนด้วย
ปล.แม่กะลังจะซื้อ iPad แต่ผมห้ามไว้ก่อนรอดูท่าที ดีเลยตัดออกจากช้อยซ์
ตอนนี้ก็เริ่มขายไม่ดีตามที่นักวิเคราะห์คาดแล้วด้วย กระแสต่อต้านก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ไม่พูดอะไรดีกว่า... เดี๋ยวดราม่า...
ผมอยากรู้อยู่อย่างนึงครับ ถ้าแอปเปิ้ลได้สิทธิบัตรไปอยู่ในมือแล้ว บริษัทที่เคยมีเทคโนโลยีนี้และใช้ตั้งแต่ก่อนที่แอปเปิ้ลจะได้สิทธิบัตร บริษัทธินั้นๆจะยังมีสิทธิในการใช้เทคโนโลยีนั้นอยู่หรือเปล่าครับ(หมายความว่าเครื่องที่ใช้นั้นได้ใช้ก่อนที่แอปเปิ้ลจะถือครองสิทธิบัตร) หรือว่ามันสามารถฟ้องย้อนหลังได้เลย ผู้รู้ช่วยตอบคำถามผมทีครับ ขอบคุณครับ
ตามความเข้าใจของผม ตอนที่เจ้าของสิทธิบัตรเดิมอนุญาตให้ผู้ผลิตรายอื่น ๆ ใช้สิทธิบัตรดังกล่าว ถือว่าเจ้าของสิทธิบัตรได้รับค่าตอบแทนจากการใช้สิทธิบัตรไปแล้ว แม้ภายหลังแอปเปิ้ลจะมาซื้อสิทธิบัตรดังกล่าวไป ก็ไม่ทำให้แอปเปิ้ลมีสิทธิฟ้องย้อนหลังในผลิตภัณฑ์ที่ได้ผลิตภายใต้สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิดังกล่าวครับ (แม้ว่าจะหมดสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิแล้วก็ตาม แต่ไม่ใช่การผลิตเครื่องขึ้นมาใหม่โดยไม่มีสิทธินะครับ)
แต่ในภายหน้าแอปเปิ้ลมีสิทธิที่จะอนุญาต หรือไม่อนุญาต ให้บุคคลอื่นใช้สิทธิบัตรดังกล่าวครับ
ทั้งนี้หากเป็นการกีดกันทางการค้า หรือใช้สิทธิบัตรในลักษณะที่เป็น abusive use แอปเปิ้ลอาจจะโดนฟ้องภายใต้กฎหมาย anti-trust ได้ครับ
อยู่ที่เงื่ออนไขในสัญญาอนุญาติที่เคยให้ไว้ครับ ถ้าให้แบบไม่มีการกำหนดอายุก็ใช้ได้ตลอด แต่ถ้ากำหนดอายุก็จะใช้ได้ตามเวลาที่กำหนดครับ ส่วนมากสัญญาอนุญาติให้ใช้สิทธิจะมีการกำหนดเวลาครับ ถ้าไม่กำหนดราคาสูงกว่ามาก
ถ้า apple ไม่ห้ใช้ต้องรอให้ หมดอายุสิทธิบัตร 15 ปี
ปัญหาคือของขายครับ Apple ไม่ขายให้ ผลิตเองก็ไม่ได้ครับ เขาไม่ได้อนุญาติให้ใช้สิทธิ์ครับ เขาขายของเขาให้ใช้ครับ
ก็ดูกันต่อไป ผมเชื่อว่า Apple มีสิทธิ์ที่จะทำหรือถ้ามันผิด
ก็ต้องมีบริษัทอื่นๆมาฟ้องร้องอีกที ถึงตอนนั้นค่อยไป
ดูคำตัดสินของศาลอีกทีครับ มาวิเคราะห์ตอนนี้กลัวจะ
เงิบกันทีหลัง
มันไม่เหมือนตลาด เพราะตลาดเก่าปิด คุณก็ไปหาตลาดใหม่ได้ แต่เทคโนโลยีนี้ คล้ายกับว่า คุณสั่งห้ามเปิดตลาดใหม่ที่อื่นแม้จะเป็นที่ของคนอื่นก็ตาม ไม่งั้นอาจโดนฟ้องข้อหาสร้างตลาดเลียนแบบ
แต่คิดว่ายังไงสุดท้าย ก็คงไปจบที่FRAND (กรณีที่EU) จ่ายค่าสิทธิบัตรในราคาที่ไม่เป็นการกีดกันการแข่งขัน ส่วนในเมกาแม้จะมีกฎหมายanti-trust แต่ดูจากเรื่องการฟ้องpinch-zoomแล้วเดาผลยาก
เข้าใจว่าบางคนย้อนไปเรื่องSS ฟ้อง3G/LTE แต่คนเริ่มสงครามสิทธิบัตรคือapple ก่อนนั่นแหละ(โดยเฉพาะกรณีpinch-zoom,bounce-back)
ซึ่งมองอีกแง่ apple ต้องการสิทธิบัตรนี้ไว้ฟ้องแก้ก็เป็นได้
ถ้าไม่ลอกกันเลยคงดีกว่า ส่วนเทคโนโลยีถ้าจำเป็นต้องใช้
ก็น่าจะหาข้อตกลงร่วมได้ แต่ผมไม่เห็นมีใครทำเท่าไหร่
อาจเป็นเรื่องของผลประโยชน์
เอาจริงๆต้องตกลงเรื่องค่าสิทธิบัตร แต่ดูจากผลงานเก่าๆอาจเรียกค่าสิทธิบัตรแพงเว่อๆ หรือไม่ก็ห้ามคนอื่นใช้มันเสียเลย
คือถ้าคิดเองใหม่ แล้วตั้งราคาแพงๆเพื่อไม่อยากให้คนอื่นใช้อันนี้ fair แต่ถ้าเคยขายให้คนอื่นใช้มานาน แล้วจู่ๆกีดกันไม่ขายต่อแล้ว หรือจะขึ้นราคาเว่อๆเพื่อกีดกัน มันก็ไม่fairล่ะครับ ซึ่งตรงนี้EU มีกฎFRAND ช่วยแต่ในUSAดูจะไม่มีกฎคล้ายกันโดยตรง เพราะในความเข้าใจผม anti-trust ก็จะมองระดับภาพรวม คือห้ามทุ่มตลาดจนมีผลให้ลดจำนวนผู้เล่นในตลาดทำให้ไม่เกิดการแข่งขัน แต่ไม่ได้ห้ามการกีดกันด้วยสิทธิบัตร
เรื่องผิดกฏหมายไหม ไม่ผิดหรอกครับ แอปเปิ้ลใช้การฟ้องศาลต่อสู้มาหลายครั้งแล้ว คงไม่พลาดกับเรื่องแค่นี้
แต่ที่พยายามชี้กันคือเรื่องจริยธรรมที่หลายครั้งหลายคนมองว่าน่าเกลียดไปเท่านั้นเอง
เราเป็นผู้ใช้ครับมีสิทธิ์เลือกได้ ผมว่าตราบใดที่ของมันยังตอบโจทย์
และบริษัทนั้นๆไม่ได้ทำผิดกฏหมายเพื่อให้ได้สิ่งต่างๆมาขาย ผมว่า
ก็ยังมีเหตุผลพอในการซื้อต่อไป
ถ้าแอปเปิลคิดแบบคุณจริงๆ ก็เตรียมลงจากบัลลังค์เลยครับ (ซึ่งผมคิดว่าไม่ น่าจะแค่เอาไว้ต่อรองเฉยๆ)
วิธีคิดแบบการตลาดยุคเก่าที่พลิกพลิ้วกับกฏหมายในยุคที่ตลาดเริ่มให้ความสำคัญกับจริยธรรมขององค์กรแล้ว นี่ถอยหลังเข้าคลองเลยนะครับ
จากที่โดน counter attack มาหลายครั้งก็คงเตรียมสะสมเขี้ยวเล็บเอาไว้ต่อรองบ้างแหละครับ
หรือที่ AuthenTec จะไม่ขายชิ้นส่วนให้คนอื่น เป็นเพราะเริ่มผลิตล็อตใหญ่ให้ Apple?
Dream high, work hard.
เราอาจจะได้เห็นข่าวใหม่ Google เตรียมซื้อบริษัท.... เพื่อซื้อสิทธิบัตร
ถ้าเอามาฟ้องหรือกีดกันจริงๆ งานนี้อาจจะรบกันยันลูกหลานเหลนโหลน
ใครอยากใช้ ก็เข้าไปจ่ายตังค์ขอทำข้อตกลงคุ้มครองสิทธิบัตร แบบที่หลายๆ เจ้าทำกับไมโครซอฟต์ก็จบแล้ว
ถ้าซื้อมาเพื่อกีดกัน มันทุเรศเกินไปแอปเปิ้ลถ้าทำแบบนี้จริงมันน่าขยะแขยงมาก
น่าสงสารแอปเปิล
จากที่แค่ แหว่ง ตอนนี้ คงเหลือแค่ แกนซะแล้ว
Apple ขี้งก!!!
น่าสน ยืนยันตัวด้วยลายนิ้วมือเวลาจายเงิน
เกรงว่า คนเราจะต้องระวังนิ้วตัวเองให้มายิ่งขึ้น เพราะอาจจะมีคนร้ายตัดนิ้วมือเพื่อเอามาเป็นกุญแจจ่ายเงินแทน
เหมือนกับที่เคยเป็นข่าวเมื่อนานมาแล้ว เรื่องคนร้ายตัดนิ้วมือเจ้าของรถเพื่อเอาไปสแกนลายนิ้วมือในรถยนต์ (ที่ใช้ระบบปล็อดล็อกด้วยลายนิ้วมือนี้) แล้วโจรกรรมไป
เคยมีการพิสูจน์ใน Mythbusters ด้วยนะครับ ว่าการจับลายนิ้วมือมา print ลงกระดาษสามารถหลอกเครื่องตรวจพวกนี้ได้ ใน episode หลอกเอาลายนิ้วมือได้จากแผ่น CD แต่ก็หลายปีมาแล้ว
ดีที่สุดตอนนีคือลายม่านตาครับถ้าคนที่ปลดลอคใด้ โดนควักตาออกมา หรือ ตายแล้วตอนแสกน ม่านตาจะหุบ ทำให้ scan ไม่ผ่าน ... แต่ก็ยังลอคคอไป scan แล้วเชือดทิ้งใด้อยู่ดี
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
The Avengers
ยังไม่ใด้ดูเลย = ="
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
scan คลื่นสมองเลยครับงั้น ตกอยู่ในสภาวะควมคุมตัวเองไม่ได้ไม่ให้ผ่าน
ไม่นะ ลายนิ้วมือมันเปลี่ยนได้ เราใช้พวกแสกนนี่ไม่ได้เลย
ผ่านไปหลายเดือนมันบอกว่าไม่ใช่เราละ
อันนี้เห็นว่าแล้วแต่คนนะครับ แต่โดยปกติ แม้ว่าจะลอกลายนิ้วมือออกมาแล้ว (หนังที่นิ้ว) พอหนังขึ้นใหม่ลายจะเหมือนเดิมครับ
โถ นิ้วเรามีปัญหาเองเหรอ T^T เวลาไปทำบัตรประชาชนจะมีปัญหา เจ้าหน้าที่บอกว่าแสกนนิ้วแล้วไม่เหมือนเดิม - - เขาบิดจอมาให้ดูรอยเก่าและรอยใหม่ เออ มันต่างกันจริงๆ มีรอยขีด้พิ่มมาจากไหนไม่รู้ เลยโดนไล่กลับบ้านเลย TT
โหดส_ -"- มันจะทำได้หรอเนี่ย อย่างมากก็แค่ทำแบบ MS ไหมอะ แต่ห้ามใช้เลยมัน.... นี่เขาเอาไปใช้กันนานแล้วอะ -.-" เพลีย
เหอะๆ โลกอนาคต จะมีบริษัทรักษาความปลอดภัย อยู่แห่งเดียวคือ Apple
Samsung และ เจ้าอื่นๆ ต้องไปซื้อแสกนม่านตาแล้วละ -*-
ถ้าซื้อกิจการมากๆจนเป็น monopoly เมื่อไหร่เดี๋ยวก็โดนศาลสั่งแยกบริษัทออกครับ
เดี๋ยวผู้ก่อตั้งก็ลาออกมาตั้งบริษัทใหม่ Apple เก็บผู้บริหารเก่า ๆ ไม่ค่อยอยู่นิ (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ)
Google นี่ผู้บริหารบ.ที่ตัวเองซื้อไปจะไม่ค่อยลาออกมาเท่าไหร่ (ก็มีบ้าง)
ตั้งแต่ทิมคุกเข้ามาเป็นceo apple ดูจะหนักขึ้นทุกวัน เบาๆลงหน่อยก็ดีนะ ไม่ทำแบบนี้ก็ไม่มีใครว่าๆ บริหารตลาดไม่เป็นหรอกนะ
เดี๋ยวนี้การสร้างนวัฒกรรรมใหม่ๆคือการกีดกันไม่ให้คนอื่นสร้างได้ด้วยยกเว้นแต่ตัวเองผู้เดียว สินะๆ
คิดใหม่ไม่ได้เลยต้องไปเอาของเก่ามากีดกัน
pinch-zoom ฟ้องได้ การ roll นิ้วมือก็มีสิทธิ์ฟ้องได้อะนะ ต่อไปเจ้าอื่นอาจต้องสแกนเฉียง 45 องศาแทน 555+
แต่ก่อนผมรู้สึกกับ Apple ก็แค่เหมือน Sony ในสมัยก่อน คือ แพงและใช้อุปกรณ์ไม่มาตรฐาน (เช่น memory stick)
ตอนนี้ผมพร้อมรับ Sony กลับเข้ามาในชีวิตแล้ว แต่ Apple นี่ไปไกลๆ เลย (จนกว่าจะเปลี่ยนท่าที) ใช้อุปกรณ์ไม่มาตรฐานยังพอรับได้ ขี้กั๊กเทคโนโลยีที่ตัวเองก็ไม่ได้พัฒนามานี่มันน่าเกลียดเกินนะ
new ipad คงเป็นอุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายจาก Apple
ผมว่าไม่เป็นไรครับยังเหลือลายนิ้วเท้า #ห๊ะ
/ควักจู๋มาแสกนเข้าเครื่อง
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
ยินดีด้วยครับ ท่านอ่านเกมขาดมาก 555
หรือว่า iPhone 5S ปลายปีหน้า 2013 ตัว S จะมาจาก Scan fingerprint ตัวถังเหมือนเดิมแค่เพิ่ม Scanner มา 1 ตัว สาวกก็คงรอซื้อกันเช่นเคย
ว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้ = =
แอปเปิลแทบไม่สนคุณค่าทางธุรกิจ/แบรนด์ ของบริษัทไหนเลย ซื้อมาแล้วยุบทิ้งเป็นแอปเปิลเดียวหมด สนใจแค่เทคโนโลยี+สิทธิบัตร รอดูว่าแอปเปิลจะทำอะไรต่อไป
Acer ด้วยนะครับ (รวมถึง 4740G ของช้านก็ใช้ด้วย T_T)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เอ๋ ผมพึ่งนึกขึ้นได้ว่า Macbook ปกติก็ไม่มี Fingerprint Reader ใช่ไหมครับ
น่าจะเป็นเพราะเหตุนี้หรือเปล่าหนอ เอามาใส่ Macbook ของตัวเอง