note: บทความนี้คือบทความรีวิวที่ทางไมโครซอฟท์ส่งเครื่องพร้อม Windows 8 ตัวจริงมาให้ผมก่อนงานเปิดตัว รีวิวนี้เขียนขึ้นจากข้อมูลในตอนนั้นจึงอาจจะซ้ำซ้อนไปบ้างต้องขออภัยครับ
เพียงช่วงเวลาสองปีกว่าหลังการบูมของตลาดอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต จากที่ก่อนหน้านี้ความยิ่งใหญ่ของตลาดพีซีไม่เคยถูกตั้งคำถามอย่างจริงจังว่า ตลาดพีซีที่นำคอมพิวเตอร์ออกจากองค์กรขนาดใหญ่ กลายมาเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมีมาได้กว่ายี่สิบปีจะสามารถคงอยู่ต่อไปได้ในระยะยาวหรือไม่ แต่วันนี้ที่ตลาดพีซีหดตัวด้วยความเร็วสูงกว่าที่ทุกสำนักคาดการณ์ สวนทางกับโลกของอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่มีตลาดขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และทุกคนดูยินดีที่จะอยู่กับมันทั้งวันทั้งคืน ตั้งแต่หลังตื่นจนถึงก่อนเข้านอน
แต่ไมโครซอฟท์ก็ยังคงความได้เปรียบที่ไม่อาจปฎิเสธได้ว่าเมื่อต้องการทำงานจริงจัง ไมโครซอฟท์ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในกรณีส่วนใหญ่ ระบบเมลที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในองค์กร, ชุดซอฟต์แวร์ออฟฟิศที่ความสามารถครบถ้วนและทำงานร่วมกับคนส่วนใหญ่ได้ง่ายกว่า, ไปจนถึงการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่สามารถควบคุมทั้งความปลอดภัยภายในและภายนอกได้ครบถ้วน ทำให้ไมโครซอฟท์ยังเป็นสิ่งที่ทุกคนแอบหวังว่าสักวันจะสามารถใช้แท็บเล็ตเพื่อความบันเทิงหรือการเชื่อมต่อแบบพกพา แล้วเมื่อต้องการทำงานก็สามารถทำงานได้เต็มรูปแบบเหมือนพีซีที่บ้าน ขณะที่ทุกคนเริ่มมีแท็บเล็ตและใช้มันแทนที่พีซีในบางเวลา มากขึ้นเรื่อยๆ
ไมโครซอฟท์เองก็ดูจะรู้ความต้องการของตลาดดี แต่ฐานตลาดขนาดใหญ่มหาศาล พร้อมกับลูกค้าองค์กรที่ปรับตัวได้ช้าทำให้ไมโครซอฟท์ต้องออกแบบอยู่บนความสมดุลที่ทำได้ยาก และ Windows 8 คือความพยายามครั้งแรกต่อระบบปฎิบัติการที่ครองตลาดส่วนใหญ่ของโลกมากกว่าสิบปี
อย่างที่เรารู้กัน ไมโครซอฟท์เลือกที่จะใช้ระบบหน้าจอที่เลียนแบบมาจาก Windows Phone แล้วปรับให้เป็นเดสก์ทอป ในอนาคตเราน่าจะได้เห็นแอพพลิเคชั่นจำนวนมากพอร์ตไปมาระหว่างระหว่างโทรศัพท์มือถือและเดสก์ทอปได้ ที่เคยเรียกว่าหน้าจอแบบ Metro UI แต่เมื่อใกล้ถึงวันออกตัวจริง ไมโครซอฟท์ก็พยายามเรียกมันว่า Windows 8 UI แสดงท่าทีว่าระบบหน้าจอนี้จะเป็นอนาคตของวินโดวส์ (เรื่องชื่อ UI ใหม่เป็นสิ่งที่ไมโครซอฟท์ทำได้แย่มาก จนบอกได้ว่าเรียก Metro ไปก็จบแล้ว ผมไปฟังการพรีเซนต์ได้ยินว่า Windows 8 UI จนตอนนี้ยังมีข่าวในชื่ออื่นๆ แต่ในบทความนี้ผมจะเรียกตามที่ผมฟังมาก่อนรีวิว)
หากเราลืมระบบเดสก์ทอปดั้งเดิม (จะพูดในช่วงถัดไปของรีวิว) เพราะจะพบว่าความท้าทายของการออกแบบ Windows 8 UI คือการใช้งานมันเป็นเดสก์ทอปไปพร้อมๆ กับแท็บเล็ต เพราะเดสก์ทอปจะเน้นการทำงานที่รวดเร็ว ผ่านการใช้เมาส์และคีย์บอร์ดมากกว่าที่จะเน้นการสัมผัสหน้าจอโดยตรง
สิ่งที่ไมโครซอฟท์ทำคือความพยายามทำให้ หน้าจอเริ่มต้นของ Windows 8 UI นั้นทำตัวคล้ายกับปุ่ม Start คือสามารถกดปุ่มวินโดวส์ เพื่อใช้ลูกศรหรือเมาส์เลือกแอพพลิเคชั่นที่ต้องการได้ และสามารถพิมพ์เพื่อค้นหาแอพพลิเคชั่นได้ทันทีเช่นเดียวกัน แนวทางนี้ดูใช้งานได้ดี การทำงานของระบบค้นหาทำความเร็วได้น่าประทับใจ ไม่มีกระตุกหรือให้ผู้ใช้ต้องรอการทำ index ที่เป็นปัญหาที่เจอบ่อยในลินุกซ์ที่พยายามฟีเจอร์พิมพ์เพื่อค้นหาแอพพลิเคชั่นในรูปแบบเดียวกัน
โดยส่วนตัวผมแล้ว หน้าจอค้นหาเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในวินโดวส์ใหม่นี้ มันทำงานได้เร็วและทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นได้อย่างดี คุณสามารถกดหาคำสักคำแล้วเลือกดูว่ามีแอพพลิเคชั่นตัวใดบ้างที่ให้ผลตอบการค้นหาได้
การควบคุมหลักมาจากการลากนิ้วจากขอบจอทั้งสี่ด้าน ได้แก่ ด้านซ้ายเป็นการเลือกแอพพลิเคชั่นที่รันอยู่, ด้านขวาเป็นระบบค้นหาและการตั้งค่า, ด้านบนและล่างคือเมนูของแต่ละแอพพลิเคชั่น ทั้งหมดมีคำสั่งที่ใช้เมาส์แทนที่ได้ โดยการสลับแอพพลิเคชั่น จะเป็นการคลิกจากมุมซ้ายบนหรือล่าง และเมนูบนล่างเป็นการคลิกขวา
ระบบการสลับแอพพลิเคชั่นจะเปลี่ยนจาก Alt+Tab เดิม ถูกแทนที่ด้วยการลากนิ้วจากทางซ้ายแล้วเลื่อนกลับ ทำให้มีรายการแอพพลิเคชั่นแสดงขึ้นมา
ระบบ multitask ใน Windows 8 UI เปิดให้เราสามารถแบ่งหน้าจอเป็น 75%+25% หรือ 25%+75% ได้ ทำให้เราสามารถแบ่งหน้าจอเช่นแสดงเว็บพร้อมกับโปรแกรมเมล หรือหน้าจอแชตพร้อมเว็บ รวมถึงการแบ่งหน้าจอกับเดสก์ทอป
ปัญหาสำคัญของการใช้ Windows 8 UI ในการใช้งานแบบเดสก์ทอปนั้นแทบไม่มีทางใช้งานอย่างสมบูรณ์ทุกฟีเจอร์โดยไม่มีเมาส์ได้เลย เช่นในภาพที่ไม่สามารถปิดเมลได้ (ไม่มีคีย์ลัดใน tooltip) ขณะที่วินโดวส์แบบเดิมๆ นั้นการใช้คีย์บอร์ดในแทบทุกฟีเจอร์นั้นเป็นสิ่งที่ทำได้เสมอมา (ถ้าคุณจำคีย์ลัดได้) อันนี้อาจจะเป็นความรับผิดชอบของผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นเอง แต่ในแง่ของการใช้งานปลายทางแล้วก็ถือว่าประสบการณ์การใช้งานผิดไปพอสมควร
ไมโครซอฟท์พยายามออกแบบการใช้งานเมาส์และคีย์บอร์ดให้เป็นธรรมชาติในรูปแบบของตัวเอง ไม่ได้พยายามทำให้การใช้งานเหมือนกัน อย่างที่บอกไปแล้วว่าในเรื่องของการสลับแอพพลิเคชั่นและการเข้าถึงเมนูที่เมื่อใช้เมาส์นั้นต่างจากการใช้นิ้วสัมผัส ระบบการเลื่อนหน้าจอที่อาศัยการเลื่อน scrollbar ด้านล่างหรือซ้ายขวา หรือการเลื่อนเมาส์ไปจนสุดขอบหน้าจอ ขณะที่การใช้นิ้วสัมผัสใช้ลากเลื่อนหน้าจอได้โดยตรง
Windows 8 อาจจะถูกมองว่าเป็นเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ทั้งหมด มีระบบ UI ใหม่ แต่ต่างไปที่มันสามารถรันแอพพลิเคชั่นแบบเดสก์ทอปได้ด้วย ทำให้สำหรับรุ่น x86 สามารถรันแอพพลิเคชั่นดั้งเดิมสำหรับวินโดวส์ได้ทั้งหมด ขณะที่ Windows RT สามารถใช้รัน Microsoft Office ได้
แต่สิ่งที่ไมโครซอฟท์เลือกคือไมโครซอฟท์เลือกพยายามทำให้ Desktop เป็นส่วนหนึ่งของ Windows 8 ไม่ใช่สองโหมดที่แยกกันเด็ดขาด แอพพลิเคชั่นสามารถรันร่วมกันไปมาได้ทั้งสองโหมด
ความตั้งใจดีและจำเป็นในเงื่อนไขที่ฐานลูกค้าของไมโครซอฟท์ต้องการเดสก์ทอป แต่มันกลับทำให้ไมโครซอฟท์ไม่สามารถออกแบบกระบวนการทำงานใหม่หมดได้อย่างสมบูรณ์เหมือนที่ตั้งใจไว้ แอพพลิเคชั่นสำคัญจำนวนมาก โดยเฉพาะ Office ของไมโครซอฟท์เองยังต้องรันในเดสก์ทอป ทำให้แทบจะรับประกันได้เลยว่าทุกคนที่ใช้งานจริงจังจะต้องมีสักแอพพลิเคชั่นที่รันอยู่ในโหมดนี้
ความไม่สมบูรณ์เล็กๆ น้อยๆ เช่น แอพพลิเคชั่นเดสก์ทอปไม่สามารถรันบน Windows 8 UI เมื่อแบ่งหน้าจอ 25% ได้ แต่จะแสดงเป็นตัวเลือกแอพพลิเคชั่นขึ้นมาแทน ทำให้ใช้ประโยชน์ได้น้อยกว่า หรือจะเป็นการสวิตซ์แอพพลิเคชั่น ที่ไม่สามารถเลือกสวิตซ์แอพพลิเคชั่นได้ตรงๆ ผ่านตัวเลือกแอพพลิเคชั่นทางซ้ายของหน้าจอ แต่ต้องเลือกผ่านการกด Alt+Tab เท่านั้น
การมีโหมดการทำงานสองโหมดยังทำให้บางแอพพลิเคชั่น เช่น Internet Explorer นั้นมีสองตัวในเครื่องเดียว แต่ตัวในหน้าจอ Windows 8 UI สามารถส่งแท็บมายังตัวบนเดสก์ทอปได้
เมื่อพูดถึงระบบปฏิบัติการ เราคงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องพูดถึงการจัดการทรัพยากรของระบบ Windows 8 ในโหมด Windows 8 UI นั้นทำงานได้ “ลื่น” อย่างน่าประทับใจ แต่หลายแอพพลิเคชั่นยังคงทำงานอย่างในรูปแบบที่คาดเดาได้ลำบาก เช่น Wikipedia ที่โหลดหน้าที่เพิ่งโหลดเสร็จไปหลังการสวิตซ์แอพพลิเคชั่นบ้างในบางครั้ง
เช่นเดียวกับระบบปฎิบัติการสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่สมัยใหม่ ความได้เปรียบของ Windows 8 UI คือ มันรู้ได้ว่าผู้ใช้กำลังใช้งานแอพพลิเคชั่นตัวใดอยู่จริงๆ บ้าง ในขณะที่ระบบเดสก์ทอปนั้นไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะแม้ผู้ใช้จะโฟกัสหน้าจอไปที่หน้าต่างหนึ่ง แต่ความจริงแล้วอาจจะกำลังดูการแสดงผลของอีกหน้าต่างก็ได้ ความได้เปรียบนี้ทำให้ Windows 8 สามารถเปลี่ยนสถานะของแอพพลิเคชั่นที่ผู้ใช้ไม่ได้โฟกัสอยู่ให้เป็น Suspended ทำให้มันแย่งทรัพยากรของเครื่องน้อยลง ส่งผลดีต่อความลื่นของเครื่องโดยรวม
ระบบมอนิเตอร์แอพพลิเคชั่น ทำให้เรารู้ว่าแอพพลิเคชั่นตัวใดใช้ทรัพยากรมากน้อยแค่ไหน ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มันสามารถดูได้กระทั่งเวลาการใช้ซีพียู CPU ซึ่งจะฟ้องว่าแอพพลิเคชั่นใดใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง ถือเป็นข้อดีของระบบปฎิบัติการอย่างมาก น่าเสียดายที่การมอนิเตอร์แบบนี้ทำได้กับแอพพลิเคชั่นแบบ Windows 8 UI เท่านั้น
ผมมีโอกาสได้งาน Windows 8 นี้จริงจังหนึ่งสัปดาห์ ตั้งแต่ความประทับใจแรกที่หน้าจอเริ่มต้นที่ทำงานค่อนข้างเร็ว ระบบหน้าจอสัมผัสที่ต้องเรียนรู้ใหม่บ้างแต่ก็ไม่ได้ยากเกินไป และให้พื้นที่ใช้งานที่ค่อนข้างมาก แอพพลิเคชั่นไม่เสียพื้นที่ไปกับการแสดงเมนูหรือข้อมูลอื่นๆ
แต่ Windows 8 ยังคงต้องเป็นวินโดวส์ต่อไป จากการพัฒนาการมาต่อเนื่องถึง 17 ปีนับแต่ Windows 95 ประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของมันทำให้การเปลี่ยนผ่านทำได้ยากและสุดท้ายต้องคงความเข้ากันได้กับแอพพลิเคชั่นเดิม การต้องทำงานสลับไปมากลายเป็นข้อเสียสำคัญ
แม้จะมีเสียงบ่นบ้างในช่วงเปิดตัว แต่ Windows 8 คงมียอดขายจำนวนมากอย่างไม่ต้องสงสัยผ่านช่องทางของคู่ค้าจำนวนมากของไมโครซอฟท์ แต่งานของไมโครซอฟท์กำลังจะเริ่มต้นหลังจากนี้ ที่ต้องทำให้ Windows 8 UI กลายเป็นของมาตรฐาน และระบบเดสก์ทอปกลายเป็นการใช้งานสำหรับแอพพลิเคชั่นยุคเก่าเท่านั้น งานนี้จะเป็นงานที่ใหญ่และยาก แม้แต่แอพพลิเคชั่นสำคัญของไมโครซอฟท์เองอย่างออฟฟิศก็ยังทำไม่ทันจนกระทั่งต้องรองรับเดสก์ทอปบน Windows RT
การยอมออกวินโดวส์ที่ผู้ใช้น่าจะบ่นอย่างมากเช่นนี้ เพื่อชิงเวลาการใช้งานกลับมาจากแท็บเล็ต ไมโครซอฟท์กำลังบอกกับผู้ใช้ว่าคุณสามารถใช้งานเบาๆ บนเครื่องที่ไม่มีคีย์บอร์ดและเมาส์ ไปจนถึงงานจริงจังหน้าจอซับซ้อนจนกระทั่งซอฟต์แวร์เก่าที่ใช้งานมาเป็นเวลานานแล้วได้ และหากคุณต้องการทำงานบนเครื่องเพียงเครื่องเดียว Windows 8 คือทางเลือกเดียวที่คุณมี ความสำเร็จของไมโครซอฟท์ จึงอยู่ที่ว่ามันจะสามารถชดเชยเสียงบ่นกับความ "จบในตัว" ของมันได้หรือไม่
เพราะ Windows 8 ไม่ใช่วินโดวส์เดิมๆ ในแบบที่เรารู้จักอีกต่อไป แต่มันคือระบบปฏิบัติการใหม่ที่มีหน้าอินเทอร์เฟซแบบใหม่ทั้งหมด แต่คงความเข้ากันได้กับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เดิมไว้เท่านั้น
Comments
ผมได้ใช้ metro แล้วแรกๆก็รู้สึกงุนงง แต่พอเริ่มๆคลิกทำความเข้าใจหน้าที่แต่ละหน้าที่ของมันแล้ว ตอนนี้ชอบมากครับ มันเป็นส่วนผสมระหว่าง PC และการทำงานบนอุปกรณ์พกพาได้อย่างลงตัว ผมแนะนำให้ใช้ในหน่วยงานเล็กๆที่งานไม่เยอะก่อนจะได้มีเวลาเรียนรู้ แต่ถ้าหาใช้ในหน่วยงานใหญ่ๆอย่างข้าราชการไทย อาจจะต้องถึงขั้นส่งไปอบรมกันตั้งแต่วิธีเปิดปิดเครื่องกันเลย ถ้าเกิดต้องเปลี่ยนระบบขึ้นมานะ
อ่านบรรทัดนี้แล้ว งง มากครับ ...
"ไมโครซอฟท์พยายามออกแบบการใช้งานเมาส์และคีย์บอร์ดให้เป็นธรรมชาติในรูปแบบของตัวเอง ทำให้ไม่การใช้งานไม่ได้พยายามทำให้การใช้งานเหมือนกัน "
คือ การใช้งานเมื่อเปลี่ยนไปมาแล้วจะงงๆ ครับ เช่นว่า เวลาเลื่อนหน้าจอเมนูเริ่มต้น ปกติเราก็แตะลากได้เลยสำหรับการสัมผัส, แต่เมื่อใช้เมาส์ หลายคนอาจจะพยายาม "คลิกเลื่อน" เพื่อเลียนแบบจอสัมผัส ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะไมโครซอฟท์ออกแบบไว้อีกแบบ
lewcpe.com, @wasonliw
ตอนสัมผัสแรกๆ ผมถึงกับงงเลย คิดว่าเป็นความไม่สมบูรณ์เล็กๆ น้อยๆ แต่บทความนี้ของคุณลิ่วก็ได้ให้คำตอบกับความกังขานี้(แปลว่ามันจะลากไม่ได้..แต่ต้องยอมรับว่าใช้ scroll ก็เลื่อนเร็วและประหยัดการเคลื่อนไหวกว่าการลากดด้วยเมาส์มาก)
ที่พยายามฟีเจอร์พิมพ์ ?
เป็นเป็นระบบปฏิบัติการ => เป็นระบบปฏิบัติการ
สำหรับผมคงต้อง Windows 7 ต่อไปก่อน ยิ่งใช้งาน 2 จอแล้วลำบากเวลาเปิดอะไรลากเมาส์ยาวตลอด
ผมก็ 2 จอ แถมเป็นตั้งจอนึงนอนจอนึง 555
metro mode มันทำงานที่จอเดียวครับ อีกจอจะเป็น desktop mode
แต่ถ้าใช้งาน desktop mode ก็เหมือนปกติครับ
อย่างหนึ่งที่ชอบ w8 คือ desktop mode 2 จอมันจะมี taskbar ทั้งคู่ครับ
นี้ครับที่ผมหมายถึง
การใช้งานผ่าน keyboard shortcut สามารถทำได้แบบ Windows รุ่นก่อนๆ ครับ http://lifehacker.com/5955162/how-to-not-get-lost-in-windows-8-the-best-shortcuts-and-tricks
คีย์ทั่วไปใช้ได้ครับ แต่บางแอพ (แม้แต่ของไมโครซอฟท์เอง) ไม่ทำมาให้ครบทุกฟังก์ชั่น เห็นปุ่มแต่ไม่รู้จะกดคีย์ลัดยังไง
lewcpe.com, @wasonliw
ผมอ่านเจอวลีว่า "ทำให้ไม่การใช้งานไม่ได้" แล้วงงครับ ช่วยอธิบายด้วยครับ
^ผู้เขียนได้อธิบายไว้ข้างบนละครับ โดยตอบคำถามของผม ^
ยิ่งพัฒนายิ่ง งง ใหญ่ =.=
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
รูปหายหมด
+1 หายไปไหนหว่า
การใช้งานดีไหมครับ
มีอะไรเปลี่ยนแปลงน้อยไปหน่อยนะ นอกจาก UI แล้วไม่เห็นอะไรจะเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่
ฟอนต์ไทยน่าเกลียด เปลี่ยนบ้างไม่ได้รึไง
ตั้งแต่วินโดส์ 7 แล้ว เหอะๆ -*-
ต้องลองใช้ไปนานๆจึงจะรู้ว่าดีหรือไม่ดี
Alt + F4 มันก็ปิดโปรแกรมได้เหมือนเดิมนะครับ
ใช้แล้วชอบ จนต้องบอกต่อครับ
มีใครสังเกตุไหมครับ ... W8 เปิดแอพเร็วขึ้นเยอะ .... แต่ Task Management มันยังไง ๆ อยู่ - เวลา Copy File เยอะ ๆ มันดึงให้งานอื่นช้าลงแบบรู้สึกได้ ทั้ง ๆ ที่ I/O มันทำงานช้า มีเวลาเหลือเยอะที่จะแบ่งเวลา CPU ไปให้งานอื่น ๆ
อื่น ๆ ก็สวยดี แต่ว่า หน้า App List นี่มันไม่ละลานตาไปหน่อยหรือครับ เพราะ Start Menu แบบเดิม ๆ มันจัดโปรแกรมไว้เป็นหมวดหมู่ จะ Collapse หรือ Expand ออกมาก็ได้ พอเอา Style Mobile Phone มาใช้นี่ ถ้ามีโปรแกรมเยอะ ๆ ซัก 100 ชิ้น กว่าจะหาเจอคงจะตาลาย หรือว่า จะจงใจให้เอาไอ้ที่ใช้บ่อย ๆ ไป Pin ไว้ใน Start Menu...แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นนี่นะ - Style iPhone ยังจัดโปรแกรมเอาไว้ใน Group ได้เลย
App Metro เปิดช้ามาก ไปแหง่กอยู่หน้า Splash เกือบนาที เหอะๆๆ
อยากรู้รายละเอียดการอัพเกรดลายเส้นอะครับ -0-
https://windowsupgradeoffer.com/th-TH/Registration
อัพจาก Windows 7 เป็น Windows 8 จากโปรนี้ก็จะเหลือประมาณ 470 บาทครับ
ถ้ายัง Ctrl + Alt + Del ได้ก็โอละคับ
ได้ลองเล่นที่ Shop Sony มาแล้ว
รุ่น 44000 บาทที่เป็น touch screen trackpad ไม่มี มีแต่ censor เล็กที่กลางแป้น keyboard ในการควบคุม cursor
เท่าที่ลองเล่น Window8 มา UI แบบ Metro ผมยังมึนๆอยู่เลย พอลองไปใช้ UI แบบ Window ปกติ ก็ไม่มี Start เลยกดปุ่ม window ออกไปก็กลับมาที่ Metro อีกที
Shop Sony มีให้เล่นแล้วหรอครับ
โอ้ Lew ได้เครื่อง "Microsoft IT" มาเล่นเลยเหรอ
ถ้าเข้าใจไม่ผิด Win 8 Enterprise?
หลังจากที่ลองใช้พบว่า Metro ใช้งานได้ง่ายกว่าที่ใครหลายๆ คนบ่น เรียนรู้การใช้งานได้เร็วและออกแบบมาได้ฉลาด เหมือนรู้สึกว่าใช้งาน Mountain Lion ผสม Andriod 4.0 ผสม Gnome 3 ผสม Windows 7 อยู่สับสนเล็กน้อยแต่ใช้งานเร็วดีมากครับ ใครที่ปรับแต่งเก่งๆ หน่อยก็จะได้ความรู้สึกเหมือนเป็นเครื่องที่รู้ใจได้ไม่ยาก
การใช้งานเร็วขึ้นเมื่อทำงานหลายๆ แอ็พลิเคชั่นพร้อมๆ กัน แต่ตอนโหลดแอ็พครั้งแรกเร็วสู้ Windows 7 ยังไม่ได้ บูทเครื่องช้ากว่า Windows 7 ค่อนข้างมาก การรองรับภาษาก็ดีกว่า Windows 7 ไปมาก Metro Style App ก็ออกแบบได้ดีมากๆ
อะไรต่ออะไรก็เหมือนจะดีไปหมดแต่สิ่งหนึ่งที่ Microsoft ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยก็คือ BSOD นี่สิครับ
ผ่านไปแค่เพียงสองวันผมโดน BSOD ไปถึงเจ็ดครั้งเนี่ย ขอเงินคืนได้ไหมครับ ค่าตัวผมแพง การรอ Restore เครื่องนานๆ นี่ไม่คุ้มค่าแรงของผมเลย
โดน BSOD ไป 7 ครั้งใน 2 วันนี่ไม่ธรรมดา
zip/rar ตัว memory.dmp มาให้ดูหน่อยครับ ผมว่าเคสนี้น่าสนใจมาก
ผม restore ทิ้งไปแล้วครับ เข้าใจว่ามีปัญหากับ driver ของ hardware หลายๆ ตัว
ที่โดนไปสองทีก็ปุ่มเพิ่ม/ลดแสงบน keyboard กับปุ่มเพิ่มลดเสียงแล้วก็กล้องครับ hardware ล้วนๆ เลย
หลังจากที่ได้ทดลองใช้ windows 8 ทั้งแบบใช้งานบน desktop (mouse+keyboard) และ tablet (ใช้ tablet remote ไป pc โดยใช้งานแบบ touchscreen) ผมปรับตัวไม่ถูกจริงๆครับ
เพราะการใช้งานโดยการใช้ touchscreen บน metro(หรือชื่ออะไรก็แล้วแต่) นั้นใช้งานได้ง่ายมาก แม้ตอนแรกจะงงๆ กับ gesture บ้างเล็กน้อย แต่พอทำความเข้าใจแล้วก็รู้สึกเลยว่าใช้งานได้ง่ายมาก ซึ่งต่างจากตอนใช้ mouse+keyboard ราวฟ้ากับเหว หน้ามือกับหลังทีน เลยทีเดียว ยิ่งใช้ไปนานๆแล้วรู้สึกว่าทำไมเหมือนตัวเองเป็นลูกเมียน้อยจริงๆ
จริง ๆ คุณขาดอีกโหมดนึงนะครับ
mouse + keyboard + touchscreen ผมลองที่งานเปิดตัว Sony แล้วเมื่อวาน สุดยอดมากครับ
ถ้า Driver รองรับหมด
ผมคงย้ายไป ถาวรแล้วครับ -.-
เพราะ ใช้ แล้ว มีปัญหา จอฟ้า แล้ว รีสตาท์ เท่ห์ๆ 55