ภาพรวมของตลาดสมาร์ทโฟนในช่วงหลังชัดเจนมากแล้วว่า ตลาดมีสภาพ "ผูกขาดโดยผู้เล่นสองราย" (duopoly) นั่นคือ Android และ iOS
สถิติล่าสุดจากบริษัท Strategy Analytics ระบุว่าในไตรมาสที่สี่ของปี 2012 สองค่ายนี้กินส่วนแบ่งตลาดคู่แข่งรายอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีส่วนแบ่งรวมกันที่ 92.1% แล้ว (แบ่งเป็น Android 70.1% และ iOS 22%) เหลือที่ว่างให้ผู้เล่นรายอื่นเพียง 7.9% เท่านั้น
ถ้านับรวมทุกไตรมาสของปี 2012 ตัวเลขจะคล้ายๆ กันคือ Android 68.4% และ iOS 19.4% (รวมกัน 87.8%)
ยอดขายสมาร์ทโฟนตลอดทั้งปี 2012 ฝั่ง Android ขายได้ 479 ล้านเครื่อง, iOS 135.8 ล้านเครื่อง, รายอื่นๆ 85.3 ล้านเครื่อง รวมตลอดปีโลกเรามีสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น 700.1 ล้านเครื่อง
ที่มา - Strategy Analytics
Comments
รอขั้วที่ 3 มาต่อรอง
Coder | Designer | Thinker | Blogger
+1 เราชาว WP ก็รอกันต่อไป
+1
Android 70.1% และ iOS 22%
ตอบผิดที่ -*-
WP สู้
ทั้งที่ android มีส่วนแบ่งมากมายขนาดนี้ แต่ทำไมนักพัฒนากลับทำ app ลง ios ก่อนนะ
กฎ 80/20 มั้ง
มันเป็นยังไงเหรอคับ? กฏที่ว่านี้...
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ลองฟังดูครับ กฏ 80/20
ก็ 20% ทำรายได้เท่ากับ 80% ของทั้งหมด ประมาณว่า คนใช้ ios ซื้อเยอะกว่า android นั่นแหละครับ
กฏ 20/80 ผมว่ามันใช้ในลักษณะ ธุรกิจของเราคนเดียว แต่ในกรณี ios android ผมว่าควรจะดูกรณี mac windows จะใกล้เคียงความจริงมากกว่าครับ และจะเห็นอนาคตได้ง่ายกว่า (จะได้ประเมินไม่พลาด ว่าควรจะเดินไปทางไหนดี)
เพราะมันเปิดโอกาสให้นักพัฒนาทำเงินได้มากกว่าครับ ผมใช้androidยังรู้เลย ไม่รู้จริงๆหรืออะไรนิ :)
สำหรับ Business App ส่วนใหญ่จะเลือกใช้ iPad เพราะเป็น Native ( App ถูก Compile เป็น Machine Code ) ขณะ Android สำหรับ 2D ต้องใช้ Java เท่านั้นครับ ซึ่งง่ายต่อการ Decompile กลับไปเป็น Source Code ดังเดิมได้ถึง 90%
รวมทั้ง iOS มีขนาดจอ แน่นอน ปกติมี 2 รูปแบบ คือ iPad & iPhone ปัจจุบันเพิ่ม iPhone 5
ส่วน Retina Display # iOS จะมีการย่อขยายให้โดยอัตโนมัติ หรือ จะพัฒนาโปรแกรมรองรับก็ได้
ขณะ Android มีความหลากหลายกับขนาด ของ "หน้าจอ" ทำให้ Programmer ปวดหัว @ ต้องรองรับ รวมทั้ง App บน Android ใช่ว่า จะทำงานได้ทุกเครื่อง ขึ้นอยู่กับ ...รุ่นของ Android ( บน iOS สามารถ Update ได้อัตโนมัติ ส่วน Android ต้องรอผู้ผลิต ) ขนาดจอ อุปกรณ์ภายใน Device ต่างจาก iOS มาก ๆ ที่มีมาตราฐานแน่นอน ครับ
ผมว่า Business App ส่วนใหญ่เขียนด้วย Java นะ (ผมว่าเกิน 90%) ยกเว้นพวกที่โบราณ เขียนมาเกิน 15 ปี นั่นอาจจะเป็น C++ (อาจจะบน Win32) แค่ว่าพอพอร์ทลง iOS มันต้องเขียนด้วย C/C++/ObjC ก็เลยต้องเขียนใหม่หมด
เหตุผลที่ลง iOS ก่อนมันไม่ยากครับ คือมันมีจำนวนอุปกรณ์แน่นอน ก็เลยทดสอบได้ง่ายกว่า เท่านั้นเอง
ปล. เอาเข้าจริงขนาดหน้าจอของ Android ไม่ได้เป็นเรื่องสร้างความเดือดร้อนเท่าไหร่นะ เพราะว่าเฟรมเวิร์คของ Android ยืดหยุ่นมาก ๆ มีแค่พวกเกมเท่านั้นแหละที่เหนื่อยหน่อย ปัญหาจริง ๆ คือบน Android มันเขียน Layout ได้ลำบากหน่อยเท่านั้นแหละ
ส่วนตัว ...ผมกำลังรอ
Linux Phone หรือ Ubuntu Phone เพื่อจะได้กลับไปเขียน Graphic Programming ทำงานทั้งบน iDevice, Desktop & TV ได้พร้อม ๆ กัน ด้วย Widget จริง ๆ เสียที บน iOS มีขอจำกัดด้าน Security เยอะ เหมาะกับ Customer มากกว่า คนวงการ IT และ ยังไม่พร้อม กับ Multi-Screen
และ WebOS เช่น Firefox OS พวก HTML5, WebGL & JavaScript เพราะขณะนี้ โลก IT กลับมามีความหลากหลายมากเหลือเกิน เหมือนกลับไปยุคกว่า 20 ปีที่แล้ว ผมจึงเน้นพัฒนา App โดยฝั่ง Process เน้น MPP หรือ Cloud Computing ด้วย C++ 11 และ User Interface ผ่าน Web App เพื่อเป็น Cross-Plateform อย่างแท้จริง ( ความจริง เป็นแนวที่ Steve Jobs ต้องการให้เกิดกับ iPhone ตั้งแต่เริ่มต้น แต่ขณะนั้น โลกยังไม่พร้อม ซึ่งปัจจุบัน iOS & Android พร้อมแล้ว )
น่าจะมีอีกซักรายจะได้สนุก
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
M$ สู้ๆๆๆๆๆ
Firefox สู้ๆ
RIM จะเปิดตัว Blackberry 10 วันที่ 29 มกราคม 56 รอดูว่ามันดีพอจะแย่งส่วนแบ่งจาก iPhone และ Android กลับมาได้หรือไม่
ส่วน Window Phone ของ MS นี่ MS และ Nokia คงต้องทำงานหนักมากขึ้น
สถานการณ์คล้ายๆ Windows กับ Macs
น่าจะฟีเจอริ่งกัน แล้วออกซิงเกิ้ลมาเอาใจแฟนๆ ชุดนึง
ฝันไปซินะ
ฮา
ดีใจ เป็น hipster 555
ก็ตามนั้นนะ บนรถไฟฟ้าก็เห็นแค่ 2 เจ้าจริงๆ เดี๋ยวนี้ WP นี่ไม่เห็นเลย (เพื่อนเห็น Samsung Focus ผมบอกว่าทำไม Android หน้าตาแปลกๆ -*-)