เดลล์ประกาศอย่างเป็นทางการวันนี้ว่าจะมีการขอซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นเดิมเพื่อทำเรื่องออกจากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตรงกับข่าวก่อนหน้านี้ โดยจะทำการซื้อหุ้นคืนในราคา 13.65 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าราคาเฉลี่ย 90 วันย้อนหลัง 37% ซึ่งทำให้ขนาดของดีลซื้อหุ้นคืนครั้งนี้สูงถึง 24.4 พันล้านดอลลาร์
สำหรับแหล่งเงินทุนที่จะนำมาซื้อหุ้นคืนนี้ ประกอบด้วยเงินสดส่วนตัวของซีอีโอและผู้ก่อตั้ง ไมเคิล เดลล์ (ตามข่าวลือ), เงินจากกองทุน Silver Lake, เงินจากกองทุน MSD Capital ซึ่งเป็นของไมเคิล เดลล์เอง, เงินให้กู้ยืม 2 พันล้านดอลลาร์จากไมโครซอฟท์ (ข่าวนี้ก็ตรง) และเงินกู้จากธนาคารอีก 4 แห่ง โดยเดลล์คาดว่าดีลนี้จะสิ้นสุดในไตรมาสที่สอง ตามปีปฏิทิน 2014 ของบริษัท หรือในอีก 6 เดือนข้างหน้า
ซีอีโอเดลล์กล่าวว่านี่เป็นการก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเดลล์ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถดำเนินงานต่างๆ คล่องตัวมากขึ้น และวางแผนกลยุทธ์ในระยะยาวได้สะดวกมากขึ้น
Comments
เห็นข่าวนี้แล้วตกใจ!
blog
ผู้บริหารรวยจริง
วิธีนับเค้านับยังไงเหรอครับถึงได้ 6 เดือน หรือเป็นปีตามแผนการทำงาน งงๆ
ผมไม่อยากลงรายละเอียดเยอะครับเลยรวบรัดไปให้เห็นกรอบเวลาเฉยๆ แต่ถ้าอยากรู้เพิ่ม ปีปฏิทินบริษัท Dell เริ่มต้นไตรมาส 1 ของปีเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน และนับปีเป็นปีถัดไป เช่น
ขอบคุณครับ ขอถามเพิ่มครับ
ทำไมเค้าถึงนับเป็นปีถัดไปครับ
ส่วนใหญ่ใช้กันแบบนี้รึเปล่า
ขอถามเยอะหน่อยครับ
ใช่ครับ ของบริษัทใหญ่น่าจะเป็นแบบนี้ ของนิคอน (ไตรมาส 1/2013) จะเป็นเดือน เมษายน - มิถุนายน
มีหลายปัจจัยครับ กรณีบริษัทประเทศญี่ปุ่นจะเป็นแบบความเห็นข้างต้นคือ เริ่มต้น Q1 ในเดือนเมษายน-มิถุนายน เนื่องจากให้เป็นไปตามการกำหนดไตรมาสตามปีงบประมาณของรัฐบาล
กรณีบริษัทด้านไอทีจะมีการกำหนดปีปฏิทิน และกำหนดช่วงไตรมาสค่อนข้างหลากหลาย (ซึ่งเขาอนุญาต) เหตุผลหลักมักมากจากความสะดวกในการตัดรอบทำบัญชีครับ พวกนี้จึงพยายามหลบไตรมาส 4 ซึ่งเป็นการปิดบัญชีประจำปี ออกไปจากเดือนตุลาคม-ธันวาคม เนื่องจากยอดขายค่อนข้างสูงในช่วงเวลานั้น มีรายการค่อนข้างมาก เป็นต้นครับ
มาตรฐานก็คือ Q1-Q4 รันตามปีปฏิทินทั่วไปครับ 65% ของบริษัทในอเมริกาใช้แบบนี้ ที่เหลือก็ตามสะดวกของฝ่ายบัญชี
โอ้ เหตุผลกระจ่างมากครับ ขอบคุณครับ
โอ แล้วออกไปแล้วไม่แย่ลงหรอครับ แทนที่จะมีทุนเยอะๆ ยังไงก้อมีคนมาซื้อหุ้นลงทุนอยู่แล้ว ผมไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ ใครก้อได้ช่วยอทิบายทีครับ
ตามข่าวเก่าเขาบอกว่าจะได้บริหารคล่องตัวมากขึ้นนะครับ
จะเปลี่ยนแนวการดำเนินงาน ออกจากตลาดหุ้นจะทำได้ง่ายกว่า
ผลประกอบการลดลงนิดหน่อย แต่ราคาหุ้นอาจวูบได้
การวางแผนการตลาดระยะยาว เช่น ออก Tablet แต่แผนการคือ ค่อยๆ ไต่ระดับยอดขาย เช่น 3 - 6 เดือน ผิดกับผู้ถือหุ้นเมื่อเห็นยอดขายครั้งแรก แล้วไม่ประทับใจก็เทขา่ย หุ้นก็ตก
คล้ายๆ Apple แต่เพราะ Dell ต้องฟังผู้ถือหุ้นเลยต้องเปลี่ยนแปลงแบบนี้แต่ธรรมเนียม CEO Apple ไม่ฟังใครอยู่แล้ว 555
ถ้าพูดแบบคร่าวๆ บริษัทจะได้ทุนเพิ่มจากตลาดหุ้นก็เฉพาะเวลามีการออกหุ้นใหม่มาขายนะครับ (ที่เห็นชัดๆ ก็คือแบบเวลา IPO) ส่วนการซื้อขายของนักลงทุนเนี่ย ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อขายในตลาดรองซึ่งเป็นการซื้อขายจากนักลงทุนรายหนึ่งไปอีกรายหนึ่ง บริษัทไม่ได้ระดมทุนจากการซื้อขายในตลาดรอง หน้าที่ของตลาดรองคือการเพิ่มสภาพคล่องให้กับหุ้นครับ
ขอเสริมอีกนิดครับ
ถ้าจะมีการปรับโครงสร้างบริษัทจะทำได้ง่ายกว่า เพราะไม่ต้องรอความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น อีกทั้งกำไรที่ได้มาไม่ต้องปันผลให้ผู้ถือหุ้นด้วย แต่ถ้าอยากจะได้เงินทุนเพิ่มขยายธุระกิจแบบไม่ต้องกู้ ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยก็เอาเข้าตลาดอีกรอบได้ครับ
"ผมจะปิดบริษัทและคืนเงินให้กับผู้ถือหุ้น"
บริษัทไทยบางแห่งอาจจะเป็น ผมจะปิดบริษัท(แต่ไม่บอกให้ใครรู้)และเชิดเงินหนี
เจ็บปวดเลย เงินก็ลงทุนไปแล้ว แต่ยังชวนใครไม่ได้เลย(รึปล่าว) ^^
กำหนดแนวทางได้คล่องตัวกว่่า โอกาสกลับมาได้อีกครั้งสูง
ไม่มีลายเซ็น
ซื้อคืนตอนนี้ ที่ดัชนี DOW 14000
แล้วกลับมา re-ipo ใหม่ ตอนตลาดซัก 20000 ขึ้น
กู้ยืมเงินจาก microsoft แล้วจะยังเป็นพันธมิตร กับ Ubuntu ต่อไปใหมนี่
http://www.ubuntu.com/partners/dell
ดีเลยคครับ Dell ควรจะฟังตัวเองมากขึ้นครับ ผมเชื่อว่าผู้ถือหุ้นมองแต่กำไร ทำให้ต้องบริหารตามเกมมากกว่าบริหารตามวิสัยทัศน์ (ซึ่งทำให้ Dell เป็น Dell ได้) ครับ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
เห็นด้วยที่ Dell จะออกจากตลาดหุ้น มาฟังเสียงทีมของตัวเอง เพราะคนที่เห็นแก่เงินไม่น่าจะมีความคิดพอที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมยอดเยี่ยมขึ้นในโลกไอทีได้