หนังสือพิมพ์ The New York Times มีบทความเจาะลึกเรื่องแนวทางการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของซัมซุง ซึ่งแตกต่างจากแอปเปิลอย่างสิ้นเชิง เพราะในขณะที่แอปเปิลถือหลักว่า "ผู้ใช้ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร" ซัมซุงกลับศึกษาความต้องการของตลาดอย่างละเอียดยิบแล้วจึงนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
- Kim Hyun-suk ผู้บริหารระดับสูงของซัมซุงบอกว่าได้ไอเดียส่วนใหญ่มาจากตลาดนั่นเอง ตลาดเป็นแรงผลักสำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์ และซัมซุงไม่ต้องการนำพาตลาดไปยังทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
- งบวิจัยและพัฒนาของซัมซุงอยู่ที่ 10.5 พันล้านดอลลาร์ต่อปี หรือ 5.7% ของรายได้ ส่วนแอปเปิลมีงบวิจัยและพัฒนา 3.4 พันล้านดอลลาร์ต่อปี หรือ 2.2% ของรายได้
- ซัมซุงมีพนักงาน 60,000 คนในศูนย์วิจัยทั่วโลก 34 แห่ง มีการทำโพลถามความเห็นจากผู้บริโภค และซื้อรายงานวิจัยจากบริษัทภายนอก และจ้างพนักงานให้ลงพื้นที่ในบางประเทศเพื่อดูแนวโน้มตลาดหรือค้นหาไอเดียใหม่ๆ
- ดีไซเนอร์ของ Galaxy S III ได้แรงบันดาลใจจากการลงพื้นที่กัมพูชา เฮลซิงกิ จากการดูนิทรรศการภาพเขียนของ Salvador Dalí และการล่องบอลลูนเหนือป่าแอฟริกา (ซัมซุงมีดีไซเนอร์กว่า 1,000 คนจากพื้นเพที่แตกต่างกันมาก)
- Hangil Song ดีไซเนอร์คนหนึ่งเดินทางไปรีสอร์ท Marina Bay Sands ในสิงคโปร์ ดูวิวท้องฟ้า อาคารในเมือง และผิวน้ำ ได้ไอเดีย "ผิวน้ำบนหน้าจอ" ที่เราเห็นใน Galaxy S III
- ส่วน Galaxy Note ได้ไอเดียมาจากการทำโฟกัสกรุ๊ปกับผู้บริโภคโดยตรง โดยซัมซุงพบว่าคนจำนวนมากต้องการอุปกรณ์หน้าจอใหญ่ที่เหมาะกับการเขียนหนังสือ จดโน้ต และวาดภาพ โดยเฉพาะคนเอเชียที่เขียนตัวอักษรของตัวเองด้วยปากกาง่ายกว่าการพิมพ์
- ซีอีโอของ Sprint ให้ความเห็นในบทความนี้ว่า การทำงานกับซัมซุงง่ายกว่าแอปเปิลมาก เพราะซัมซุงรับฟังความต้องการของโอเปอเรเตอร์ในการพัฒนาโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ด้วย ในขณะที่แอปเปิลควบคุมการออกแบบของตัวเองทั้งหมด
ที่มา - The New York Times
Comments
ประเด็น คือหากตลาดอิ่มตัว แล้ว SS จะไปเอาแนวคิด หรือไอเดียใหม่ๆ มาจากไหน เพราะจะหวังพึ่งแรงขับจากความต้องการของตลาดไปตลอดไม่ได้หรอก?
ป.ล. ถ้า SS จะฟังผู้ใช้มากจริงอย่างว่า เค้าจะเลิกทำแพมั้ยอ่า - -"
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
กว่าจะได้ JB ก็รอจนซื้อตัวใใใหม่ไปแล้วครับ
คนถ้ามีการอัพเดดเร็วจะไม่ซื้อตัวใหม่เหรอครับ? ผมว่าไม่จริงคนส่วนใหญ่ซื้อใหม่เพราะชอบสิ่งใหม่ๆในรุ่นใหม่มากกว่า FW ใหม่ๆ ถึงจะอัพเดดบ่อยก็ยังซื้อเครื่องใหม่อยู่ดี
จริงครับ น้อยคนนะที่ซื้อเครื่องใหม่เพราะเหตุนี้
ไม่จริงสำหรับบางคนค่ะ ทุกวันนี้เพื่อนก็ใช้ SII รอมนอกอยู่(ซื้อมาตั้งแต่เปิดตัวใหม่ๆ) ตราบใดที่ยังลง app ใหม่ๆได้ เขาก็ไม่มีทีท่าจะเปลี่ยนสักนิดนะ
ผมว่าโลกไอทีไม่มีหยุด ไม่มีอิ่มตัวครับ มันมีเทคโนโลยีหรืออุปกรณ์เกิดใหม่ได้ทุกปี และอันไหนทำท่าว่าไปได้สวย ซัมซุงก็พร้อมจะไปร่วมขบวนด้วยครับ
ซึ่งแปลว่าทรัพยากรต้องดีจริง และมีความพร้อมที่จะไหวตัวตามกระแสความนิยมได้ตลอดสินะคับ
ยกตัวอย่างกรณีสมมติ หากในอนาคต (อีกกี่ปีก็ไม่รู้) สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต อาจจะเริ่มดร็อปลงไปในแง่ของความนิยม ส่วน wearable device เริ่มฮิตกันมากขึ้น นั่นแปลว่า SS ต้องมั่นใจจริงๆ ว่าถึงตอนนั้นจะปรับตัวได้ทันอย่างนั้นสินะคับ
คือถ้าเป็นรายอื่น อาจพยากรณ์ล่วงหน้า แล้วประเมินความเสี่ยงเพื่อลงทุนเตรียมความพร้อมไว้ก่อน (พัฒนาฮาร์ดแวร์+ซอฟต์แวร์เตรียมเอาไว้ ซึ่งก็ต้องใช้เงินไม่น้อย) ซึ่งอาจจะแป้กก็ได้
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ถ้ายังจำกันได้ Samsung ก็ทำ โน้ตบุ๊คมาก่อนเหมือนกันนะครับ แล้วตลาดโน้ตบุ๊คก็อิ่มตัว Samsung ก็มาลงตลาดมือถือ ถ้าอิ่มตัวอีก Samsung ก็ย้ายไปอีก
ปัจจุบัน Samsung มีผลิตภัณฑ์หลายอย่างมากเรียกได้ว่าในบ้านเราสามารถซื้อ Samsung มาใช้ได้เกือบหมดเลยทีเดียว ทีวี ตู้เย็น มือถือ โน้ตบุ๊ค จอคอม เครื่องซักผ้า โปรเจ็คเตอร์ เครื่องปรินท์ ไมโครเวฟ แอร์ เตาอบ เครื่องดูดฝุ่น กล้องถ่ายรูป/วิดีโอ
เอาแค่สายผลิตภัณฑ์คอม จะเห็นว่า ขยับมาทีละนิด พัฒนาไปตามตลาด
ส่วนพวก อุปกรณ์ในครัวจะเห็นว่าก็พัฒนาไปตามสภาพตลาดเหมือนกัน
ถ้าอนาคตเปลี่ยนไป Samsung ก็คงออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตามนั่นแหละครับ Samsung ก็ผลิตมือถือมาตั้งแต่ก่อนจะฮิตทัชสกรีนอีกนะครับ พอสมัยเปลี่ยนไป ก็มาทำทัชสกรีน และใช้ระบบ Android ซึ่งเอาจริง ๆ ก็ถือว่าเข้าตลาดมาไวมาก ๆ เลยเหมือนกัน Windows 8 ออกมาใหม่ ก็มีแทบเล็ตจาก Samsung ตามออกมาอย่างน้อย 1 ตัว ถ้าไปได้ดีก็ทำต่อถ้าไม่ดีก็หยุดประมาณนั้น หรือแม้แต่ Windows Phone 8 ก็เป็นเช่นนั้น
อันนี้ไม่ได้อวยจนเว่อร์นะครับแต่จะเห็นว่า มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ อารมณ์คล้าย Google คืออะไรมาใหม่ดันออกมาก่อนเหมือนกัน ถ้าไปได้สวยก็ต่อยอด ถ้าไม่สวย ก็พับร่มกันไป
ผมเห็นว่ามันไม่มีอิ่มตัว มีแค่เปลี่ยนทางไป คนที่ปรับตัวได้คือคนรอด ก็เหมือนตอนแรกที่ iPhone มาสมัยนั้นยังฮิตแต่แบบปุ่มอยู่ โนเกียก็เกือบดับจนมาเปลี่ยนเป็น WP ตอนนี้ (แต่กว่าจะเปลี่ยนก็ให้ SS นำไปแหละ)
ก็ศึกษาตลาดแล้วว่า ตลาดต้องการมือถือแบบ iphone แต่ราคาไม่แพง
มันก็เลยออกมาได้แบบนี้ ไม่ได้ลอกมาซักกะหน่อย
จริงๆนะ
เชื่อฉันสิ
เดี๋ยวนี้ชัดกันไปข้างเลยครับว่าอันไหนแพไม่แพ (ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่มีแพมากกว่า) ตามนี้เลยครับ http://www.samsung.com/th/article/firmware-update-announcement
ผมไม่เคยเห็นคนอิ่มตัวซักที
มีแต่เปลี่ยนไปต่างจากที่ฮิตๆกันบ้าง แต่ไม่มีใครเลิกอยากซักที
ยอมรับว่า ทำการบ้าน และ การตลาดดี ถึงแม้ คุณภาพ บางส่วน ไม่น่าพอใจ
tab ของ ss ไม่ค่อยอยากจับ ที่บ้าน จับแต่ ipad
หมายความว่าแอปเปิ้ลใช้งบวิจัยและพัฒนาคุ้มค่ากว่าซัมซุง O.o
+100
Apple ไม่ติด top10 ของบริษัทที่ลงทุนวิจัยและพํฒนาองค์กรครับ อยู่ที่ประมาณ18
อันดับจากหนังสือ ของคุณรัฐภูมิ วุฒิจำนงค์ อันต้นก็พวก Microsoft Pfizer intel ibm cisco google oracle เป็นต้น (ไม่กล่าวถึง samsung แหะ)
apple ใช้ทุนวิจัย effective มาก หรือว่าซัมซุงกระจายงบให้สินค้าหลายชนิด
ผมว่างบ R&D ของแอปเปิล ก็คือเงินเดือน Jobs และ Ive
แซวเล่นนะครับ XD
อาจจะเพราะความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มีน้อยกว่าซัมซุงน่ะครับ งบตรงส่วนนี้เลยน้อยกว่า แต่ถ้าทำประมาณว่า งบพัฒนาต่อ 1 ผลิตภัณฑ์ แอปเปิ้ลอาจจะมากกว่า (ถึงตอนนั้นก็มีคนค่อนขอดอีกว่า ซัมซุงใช้งบพัฒนาน้อยไป เลยสู้แอปเปิ้ลไม่ได้รึเปล่า)
จริงๆ Samsung ไม่เคยเอามาประกาศเท่าไหร่ครับว่าใช้งบเท่านั้นเท่านี้ แต่ก็ไม่ใช่ความลับอะไร ท้ายสุดอย่ามาดูกันตรงนี้เลยครับ ดูกันว่าผลิตภัณฑ์ออกมาตอบโจทย์ผู้บริโภคแค่ไหนดีกว่า
เข็ดกับการบริการหลังการขายของ Samsung มากกว่าครับ และ QC ที่แย่มาก ผมใช้มาหลายตัวไม่ประทับใจเท่าไหร่
แต่ต้องยอมรับครับหลังๆ Feature Samsung ทำออกมาได้เยอะจริงครับ แต่โดยปกติผมไม่ได้ใช้เท่าไหร่ครับ เพราะบาง feature เท่ห์ดี แต่ใช้งานจริงไม่ได้ ( ไอ้ที่บอก Shoot!! Shoot!! ใน ทีวีนะผมทำมาหลายรอบละมันไม่ถ่ายซักที) กล้องของ Samsung ก็ยังแย่ครับ โดยส่วนตัวใช้ Pure Google , iPhone ผมว่ามันพอดีกับชีวิตครับ
สังเกตหน้าจอกล้อง มุมขวาบนมีไอคอนอะไรอยู่บ้างรึเปล่าครับ?
ไอ้ที่ใช้เสียงสั่ง ใน NOTE 2 ต้องไปเปิดโหมดการทำงานก่อนนะครับถึงจะใช้ได้ ลองหาในคู่มือดูนะคับ
S3 ของแฟนผมก็ใช้งานได้ปกตินะครับ แต่ในความเป็นจริงไม่ได้ใช้เลย - -*
ผมจามมันยังถ่ายเลยครับ
ไอ้เสียงชูตๆ นี่ทำเป็นมุขสนุกๆ ครับ คิดว่าฝึกภาษาอังกฤษเล่นๆ แต่หลายๆ อย่างที่ทำก็ได้รับฟีดแบคดีนะครับ อย่าง Smart stay ที่คนอ่าน Kindle นานๆ แล้วไม่ดับนี่ก็โอเค, smart rotation, direct call ฯลฯ ถ้าชอบ Pure Google ก็ใช้ Nexus ไปครับ
เหมือนจะยอมรับกลายๆว่าพร้อมจะก้อบอะไรที่มันนิยม
ชื่อ : Not Available at this Moment (N/A)
+1 ตอนนั้นตลาดกำลังต้องการ iPhone :D
ก็เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อกันไป ดีออกผู้ใช้จะได้มีทางเลือกเยอะๆ
แสดงว่าตลาดอยากได้ iPhone ละซิ =_=
คิดเหมือนกันเลยครับ 555
@TonsTweetings
ฮิ้วววววว
555555
product ก็ใช่ว่าจะน้อยนะ
"Galaxy S III ได้แรงบันดาลใจจากการลงพื้นที่กัมพูชา เฮลซิงกิ จากการดูนิทรรศการภาพเขียนของ Salvador Dalí และการล่องบอลลูนเหนือป่าแอฟริกา"
รู้แบบนี้ผมคงต้องพยายามมอง Galaxy S III ให้สวยแล้วสินะ (- -")
ในมุมหนึ่งผมก็ไม่ชอบตรงที่การแบ่ง product code ของซัมซุงนะ คือมันก็ดีที่ตามใจผู้ให้บริการในการปรับแต่งซอฟท์แวร์
แต่มันก็ทำให้การออกรอมอัพเดทให้ครอบคลุมทั่วโลก จึงใช้เวลานานเกือบสองสามเดือนนับตั้งแต่รอมทางการตัวแรกหลุดออกมาจากที่แรกในโลก และในมุมของผมก็ไม่เห็นสาเหตุว่าทำไมรอมทาง SEA ถึงได้ถูกทิ้งห่างจากยุโรปนานหลายสัปดาห์ทั้งๆที่น่าจะมีโค้ดพื้นฐานชุดเดียวกันแท้ๆ
ยิ่งล่าสุด i9300 4.1.2 นี่เห็นชัดมาก ประเทศใน South East Asia ออกไม่พร้อมกันทุกประเทศเหมือนรุ่น 4.1
อยากให้ซัมซุงมุ่งไปทาง software มากกว่านี้ครับ (ถึงตั้งแต่ S3 มาจะพัฒนาขึ้นเยอะก็ตาม)
แต่ว่าความไม่สมบูรณ์เล็กๆน้อยๆก็ยังมีปรากฏให้เห็นอยู่ตลอด
ส่วนเรื่องฮาร์ดแวร์ทำใจแล้วครับ 55555 ขอกล้องดีๆอย่างเดียวพอแล้ว วัสดุผมพอรับได้
อ่อ ดีไซน์ S3 ทุ่มงบไปเยอะ ต้องใช้ให้คุ้ม อิอิ
ผมว่าแนวมันมาอย่างงั้นเลยนะ Sony นั่นก็เช่นกัน กลัวโดนฟ้องมั้ง รุ่นใหญ่รุ่นกลางรูปร่างคล้ายกันมาก
ดีไซน์ดี แต่วัสดุดูกาก ดูไม่พรีเมียมก็เท่านั่น ดูตัวอย่างได้จาก SIII
ที่ว่าเท่านั้นนะกี่ล้านเครื่องเหรอครับที่ขายได้ไป ผมจำไม่ค่อยได้ เป้าหมายของการขายคือทำให้ได้กำไรที่สุด SS เค้าเลือกที่จะเป็นที่หนึ่งของโทรศัพสาวยวัสดุไม่พรีเมียมซึ่งง่ายกว่าจะไปแข่ง กับappleสายพรีเมียม ซึ่งก็ประสพความสำเร็จมาก ไม่ได้จะแค่ "ก็เท่านั้น"
ขายได้เยอะ มันเกี่ยวอะไรกับไม่พรีเมี่ยมครับ
ไม่พรีเมี่ยมก็คือไม่พรีเมี่ยม
ผมว่าเขาติดคำว่า"ก็แค่นั้น"นะ ไม่ใช่เรื่องพรีเมียม
แค่เอา swarovski มาติดรอบๆ ตัวเครื่องก็ พรีเมียม แล้วครับ แล้วอีกอย่า พรีเมียมหรือไม่มันอยู่ที่คนมองครับ เช่นบางคน ขับเบนซ์ ก็ดู พรีเมียม แล้ว แต่บางคนบอกว่า ชั้นต้อง โรสรอย ถึงจะ พรีเมียม แต่ดันมีอีกคนบอกว่าต้อง บูกัตติ สิ อะไรทำนองเนี้ย
Swarovski ก็เป็นแค่ crystal ซึ่งถือว่ากระจอกมากเมื่อเทียบกับพลอยจริงๆ พลอยเนื้ออ่อนยังมีค่ามากกว่าเลย
ไอมือถือพลาสติกถูกๆ กากๆ ไม่ทราบว่าได้แรงบันดาลใจจากไหนคร้าบ
ผมสนใจเฉพาะบริการหลังการขายเป็นหลักๆเลย ต่อให้ฟีเจอร์ดีขนาดไหนผมก็ไม่สนใจ เพราะผมใช้โหดๆ
มีใครบอกหรือยังครับว่าถ้าเอาไปตอกตะปูแทนค้อนไม่รับประกัน :D
สิ่งที่ซัมซุงต้องกลับไปทำการบ้านให้ดีกว่านี้คือ
หมายเหตุ: ผมเคยใช้มือถือซัมซุงแค่รุ่นเดียว 3 เครื่อง (หาย, หาย และให้คนอื่นไป) บอกตามตรงว่าสมัยก่อนประทับใจกว่าปัจจุบันนี้ อยากถามว่าเอกลักษณ์ของซัมซุงหายไปไหนแล้ว?
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เรื่อง Store พี่ samsung ก็แรงบันดาลใจคล้าย Apple store เกินเหมือนกันครับ =_= blog เมืองนอก drama สนุกเลย ผมเห็นแว่บๆที่ Digital gateway แต่นั้นเล็กกว่าเมืองนอกมาก
UI, Feature ถ้าจะก๊อบก็ให้มันออกมาดีหน่อย ประสิทธิภาพแย่เป็นแค่bloatwareรกเครื่อง
ผมชอบแบบเปลี่ยนแบตได้เอง ถ้าไม่ให้ใช้พลาสติกมันก็ถอดฝาหลังไม่ได้ซิท่าน แล้วแต่ละข้อมันเป็นเอกลักษณ์ของ Samsung ถ้าเลิกไปหมดมันก็ไม่ต่างกับ Apple มันยิ่งกว่า copy แล้ว มันเป็น clone เลยน่ะนั้น
ท่านจะเอาค่ายที่เหมือนกันทุกอย่างสองค่ายไปทำไม มีดีมีแย่มีข้อแตกต่างกันให้ลูกค้าเลือกไม่ดีกว่าเหรอ
คือถ้าทำพลาสติกก็ให้มันดี ๆ กว่านี้หน่อย แบบนั้นก็อบแก็บไป
Coder | Designer | Thinker | Blogger
แล้ววัสดุ S3 ต่างจากวัสดุ Lumia 920 ยังไงครับ?
จะบอกว่า S3 ไม่ใช่ polycarbonate หรือ Lumia 920 ไม่ใช่ polycarbonate ดี
หรือเพราะว่ามันเป็น Samsung ไม่ใช่ Nokia หรือ Windows Phone?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ความหนาบางของพลาสติกก็มีส่วนนะครับ S III แม้เป็น Polycarbonate เหมือนกับ Lumia 920 แต่มันต่างกันเรื่องความบาง ทำให้ S III ดูเปราะบางไปหน่อย
Coder | Designer | Thinker | Blogger
S3 มันบางไป มันเลยดูเปราะ?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
Samsung เน้นทำให้เบาหรือเปล่า
ถอดฝาหลังไม่ได้ไม่น่าจะเกี่ยวกับไม่ใช้พลาสติกนะครับ จำได้ว่าเมื่อก่อน Nokia Series 8 ฝาหลังอลูมิเนียมยังถอดได้ อยุ่ที่การออกแบบครับ
เออท่าน Nokia Series 8 เครื่องที่ไม่ใช่พลาสติกมันเครื่องละ 35,000 - 50,000 ขึ้นไปนี้ท่าน ทำจาก stainless steel มันแข็งและไม่งอง่ายแต่หนักขั้นเทพ ถ้าเป็นอลูมิเนียมอัลลอยแล้วถอดฝาหลังออกมาเกิดทำมันงอแล้วมันไม่คืนรูปด้วยท่าน ราคานั้นเค้าก็ไม่กล้าเอาอลูมิเนียมอัลลอยมาใส่ให้หรอก กลัวโดนว่าวัสดุกาก
สงสัยต้องใช้ "ศักดิ์สิทธิ์ อัลลอย" แทน
ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามา นั่นคือผลของ market share ของ Samsung ในตอนนี้ครับ :D
~ HudchewMan's Station & @HudchewMan~
ดีใจจังเจอผู้รู้ด้านซัมซุงตัวจริงแล้ว เอกลักษณ์ของซัมซุงที่หายไปคืออะไรหรือครับ?
ฝาพับสมัยก่อนนี่ Samsung เป็นเอกลักษณ์มากครับ ระบบดูดีมาก และมีความคิดเป็นของตัวเองมากกว่าปัจจุบันนี้ครับ (ผมชอบฝาพับซัมซุงมาก
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ใช่ครับ ตอนนั้นมองว่า Samsung มีความพรีเมี่ยมในแบบของตัวเองมากจริงๆ
จำยุดที่ Samsung เปิดตัวโทรศัพท์ Slide เครื่องแรก Samsung E800 ได้ไหมครับ
นั่นหล่ะครับ ดีไซน์ที่เอกลัษณ์ของตัวเอง เป็นโทรศัพท์เครื่องแรกของผมด้วย
(First Impression ตอนที่เห็นในโฆษณาเมื่อ 7 ปีก่อน เป็นความรู้สึกที่ประทับใจมากครับ)
ตราบใดที่เด็กนักเรียนยังได้เกรดเกือบท็อปของชั้นเรียน คงไม่มีวันที่เด็กคนนั้นจะส่งการบ้าน
ยังไง แนวคิด "Thinks Different" ของจ๊อบส์ ก็ยังไม่ตายสินะ
ถามผู้บริโภคก็ดีนะครับ แต่ไปถามพวกเครือข่ายใน us เนี่ย แย่สุดๆ ข้อนี้ปรบมือให้แอปเปิลที่ตบพวกนั้นได้
งบวิจัยเยอะนะ... แต่รู้สึกว่าทำไมมันไม่มีอะไรล้ำๆ...
Good artist ก็แบบนี้แหละ
แล้วใครเป็น Best artist ดีล่ะคับ?
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ผมชอบ Tommy Emmanuel
/me: ถูกถีบ
ที่อยู่รัชดาน่ะรึ ?
/me หนีเท้ามือกีตาร์ทั่วโลก
apple ไง..
Great artist steal..
designed for humans, inspired by nature ...
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
Apple comes from nature.......
ฮา 55555
+1 ต้องรอดูว่าจะใช้การออกแบบของ S3 ไปอีกนานเท่าไร เชื่อว่าถ้ามีต้นแบบอื่นมาอีกก็จะก็อบเหมือนเคย
สรุปวงจรมันเป็นอย่างนี้หรือเปล่าหว่า?
ผู้บริโภคไม่รู้ว่าตลาดต้องการอะไร -> Apple ชี้นำว่าอะไรเป็นสิ่งที่ตลาดควรจะต้องการ และออกผลิตภัณฑ์ -> ผู้บริโภคพอใจ สินค้าลักษณะนี้เป็นที่ต้องการ -> Samsung ศึกษาว่าตลาดต้องการอะไร แล้วก็ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ตอบสนองผู้บริโภค
ตามนั้นครับ ผมก็จะมาเมนท์แบบนี้แหละ - -"
=_= เป็นแบบนี้นี่เอง มิน่า...
เห็นด้วยอย่างยิ่ง เคยใช้ของซัมซุง สองอย่าง กล้อง กับ ทีวี พังเร็วมาก...หลังจากนั้นไม่เคยซื้ออะไรที่เป็นซัมซุงอีกเลย
ทำไมถึงต้องเสียค่านู่นค่านี่เปลืองงบไปเปล่าๆ ถ้าบอกว่าทำตามที่ตลาดต้องการ ก็ไปดูมือถือที่ขายดีที่สุดในตอนนั้นๆ ก็พอแล้ว หรือว่าที่ยอมจ่ายออกไปเพียงทำไปเพราะแก้เขิน
อะไรที่คนอื่นทำแล้วรุ่ง ซัมซุงก็ทำอันนั้นแหละ แล้ววิจัยให้มันลึกเข้าไป จนสร้างเป็นของตัวเอง
iPhone รุ่ง ซัมซุงทำ Galaxy ที่รุ่นแรกๆ แทบจะก็อปหน้าตากันมาสู้ พอสู้จนเริ่มติดตลาด ก็ขยายจอ ซอยรุ่น ให้มันไปเรื่อยๆ เยอะกว่าต้นฉบับ แล้วเอาปากกากลับมาให้มันดีในโน้ต มันก็รุ่งขึ้นมา
ที่สำคัญคือการตลาดครับ ตั้งแต่อยู่วงการมาไม่มีแบรนด์บ้าที่ไหนอัดการตลาดบ้าระห่ำขนาดนี้ (ถ้าดูข้อมูลเมืองนอกงบส่วนนี้จะสูงกว่าแอปเปิ้ล 10 เท่า และสูงกว่า coca-cola อีก) สามารถเปลี่ยนบางรุ่นที่ห่วยๆ ให้กลายเป็นดูดีขึ้นมาในระยะหนึ่งเลย (รุ่นไหนห่วย คือรุ่นที่จบการโปรโมตแล้วเฟดหาย)
ลูกบ้าซัมซุงน่ากลัวมาก ก็อป-พัฒนา-อัดการตลาด-สร้างใหม่ (ถ้าไม่รอด) ก็ก็อป-พัฒนา-อัดการตลาด-สร้างใหม่ ลูปไปเรื่อย
ญาติพี่น้อง และคนแถวบ้านผม จะซื้อมือถือใหม่ตอนนี้ ซัมซุงมาอันดับ 1 โนเกียอันดับ 2
การตลาดได้ผล
สุดท้ายเวลาจะเป็นการพิสูจน์เองว่าแผนการตลาดแบบนี้ได้ผลรึเปล่า
โลกทุกวันนี้ไม่เหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนที่อินเตอร์เน็ตยังไม่แพร่หลาย การอัดตลาดแรงๆแบบซัมซุงอาจจะทำให้ติดตลาดได้โดยง่าย แต่ทุกวันนี้กลับละเลยสิ่งที่สำคัญที่สุดในฐานะผู้ให้บริการ จากกระทู้เดียวในพันทิปกลายเป็นสิบกระทู้ในไม่ถึงสัปดาห์ กลายเป็นว่าคนเกือบร้อยเกือบพันที่ติดตามข่าวสารด้านมือถือในห้องมาบุญครองแทบจะแบนซัมซุง การกระจายข่าวสารแบบปากต่อปากย่อมให้ผลดีกว่าโฆษณาจากตัวบริษัทเอง โดยเฉพาะในประเทศแบบนี้ ไฟไหม้เศษฟางอาจเผายุ้งฉางวอดวายได้นะครับ
3 ปีมานี่ เปลี่ยน Samsung TV 3 เครื่องพอดี
ใครทำ Note รุ่งก่อนซัมซุงเหรอครับ
การตลาดจะหลอกคุณว่าใช้แล้วจะดูดี พอซื้อมาใช้จริงๆ คุณก็ไม่ได้ใช้ สุดท้ายคุณก็จะมาคำนึงถึงคุณภาพและบริการหลังการขาย
แบบนี้ ซัมซุง ก็เป็นได้แค่ผู้ตามเท่านั้น
จริงอย่างแรง
แต่ยังมี Google ที่เป็นผู้นำอีกหลายๆด้านอยู่ สบายตรงนี้แหละ
สงสัยว่า Note ตามใคร?
ตาม Windows Mobiles ยุคที่ใช้ปากกาไงครับ แค่แนวคิดปากกาไม่ใช่เรื่องใหม่ ที่ iPhone เลิกใช้เพราะมันห่วย แต่โน้ตเอากลับมา แล้วทำให้มันดีขึ้น จนสามารถใช้วาดรูปหรือทำงานละเอียดได้
แล้ว Apple ไม่ตาม?
ผมมองว่าเหมือนเอา Cintiq มาใส่ในมือถือ มากกว่าแค่สไตลัสเหมือนพวก WM นะ
ยังจำได้เลยช่วงนั้นยุค BB,Plam,Windows Phone โทรศัพท์ต้องมีปุ่ม พอ iphone ออกมาปุ้ปเป็น multi-touch, virtual keyboard ไม่มีปุ่มอะไรเลย คนบ่นกันระงมว่า ห่วย ไม่ intuitive แต่ดูจากนั้นถึงตอนนี้สิ...
ผมว่า Note มันเป็นการต่อยอด stylus ไปอีกขั้นนะครับเพราะงานบางอย่าง stylus ทำได้ดีกว่ามือเช่นการเซ็น แม้มือจะเซ็นได้แต่เราถนัดใช้ปากกามากกว่าอยู่แล้วครับ
ส่วนเลียนแบบมั้ยผมมองว่าไม่ใช่เพราะไม่งั้นทุกเครื่องคงเลียนแบบ ลูกคิดกันมาหมดอะครับ คำนวณเลขได้เหมือนกัน
จะว่าไปของแบบนี้มันยกตัวอย่างเห็นยากครับ ถ้าเปรียบเหมือนนิยายกำลังภายในจีน(พอดีผมชอบกำลังภายใน) มีคำว่า "ทุกวิชามาจากต้นตอเดียวกัน" ลูกคิดมันก็เหมือนวิชาต้นตอครับ คอมพิวเตอร์ก็มาจากลูกคิด แต่คำนิยายจีนเค้ามีคำว่า"บุกเบิกเส้นทางใหม่" คือ เอาวิชาต้นตอหลายๆอย่างๆมาผสมให้เป็นวิชาใหม่ เหมือน เอี้ยก่วย สร้างวิชาฝ่ามือใหม่ มาไงครับ(เปรียบไปก็เหมือน Apple) ส่วนบางคนก็ใช้วิชาเก่าแต่ปรับปรุงวิชาเก่า คายกากที่ไม่จำเป็นออกหรือแย่ๆออกไป เพื่อให้ดีกว่าเดิม อย่างอั้งชิกกงไงครับ ปรับปรุงท่าฝ่ามือจนดีกว่าเดิม แบบนี้ไม่ได้บุกเบิกแต่ทำให้ดีกว่าเดิม เปรียบไปก็เหมือนซัมซุงน่ะครับ
ใช้งบเยอะขนาดนี้แต่ทำได้แค่นี้เองหรอ
แค่นี้นี่คือ มี market share เป็นที่ 1 ของตลาดโทรศัพท์น่ะนะ ?
งบเยอะขนาดนี้ นับจำนวนผลิตภัณฑ์ของเค้าก่อนก็ดีนะครับ
ผลิตภัณฑ์ 1 ชิ้น ก็ต้องมีการวิจัย ลองเอาจำนวน รุ่นของ Samsung / งบวิจัย ดูครับ
น่าจะเห็นอะไรมากขึ้นครับ
แล้วงี้ผู้บริหารที่ออกมาคุยตัวเลขงบวิจัย... เพื่อ..?? (ดูเหมือนแกภูมิใจที่ได้ใช้งบเยอะ แต่แบ่งให้หลายๆรุ่นเนี่ยนะ?)
ถ้าอย่างนั้น SS ควรจะประสบความสำเร็จในระดับไหนดีครับ คุณจึงจะเห็นว่าคุ้มกับงบที่ลงทุนไป?
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
แอปเปิลมัวทำอะไรอยู่ ไม่รู้หรือไงว่าตลาดต้องการแค่กล้องธรรมดา ตัวเรือนพลาสติกที่มีจอใหญ่ๆ และใช้ปากกาได้ บริการหลังการขายเป็นเรื่องรองเพราะเปลี่ยนเครื่องบ่อย แค่มีรุ่นให้เลือกเยอะก็พอ
ปกติซื้อของใช้ electronic บริการหลังการขาย สำคัญเป็นอันดับต้นๆพอที่จะทำให้เราเลือกซื้อแบรนด์ๆนั้นเลยนะครับ เพราะบริการหลังการขายห่วยเมื่อไหร่ ก็เข็ดและเกลียดไปอีกนาน
เหตุผลเปลี่ยนรุ่นบ่อยผมเลยว่าไม่เกี่ยวแล้วล่ะ หากซื้อมา ไม่เกินครึ่งปีเครื่องมีปัญหา ไปศูนย์จัดการบริการห่วยแตก อย่างที่อ่านใน pantip เป็นใครก็ไม่อยากยุ่งกับแบรนด์นั้นแล้วล่ะ ยกเว้นใจมันยังรักหาข้ออ้างให้ได้ตลอด
ผมพูดประชดนะ ;D
แจ็กผู้ฆ่ายักษ์ ปีนไปขโมยไข่แอปเปิลมาใช้ ประเทศเล็ก ๆ อย่างเกาหลีนี่มีความพยายามได้สุดยอด
ลูกค้า "ที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร" เจอการออกแบบที่มาจากคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรแล้วรับไม่ได้กันใหญ่
-> แอปเปิลถือหลักว่า "ผู้ใช้ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร" ซัมซุงกลับศึกษาความต้องการของตลาดอย่างละเอียดยิบแล้วจึงนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเอง <-
บางคนชอบให้จูงจมูก บางชอบที่มีทางเลือกเยอะ
อันไหนคือจูงจมูกครับ ทุกคนต่างมีเหตุผลต่างๆ กันไปในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ โดยปกติก็ไม่มีใครมาจี้บังคับให้ใช้ ต่างคนต่างมีอิสระในการเลือก เปรียบเทียบแบบนี้มันดู Agressive มากเกินไปนะ
คนที่ซื้อ ios แบบไม่ลืมหูลืมตาคือชอบโดนจูงจมูกครับ (ซึ่งเป็นส่วนน้อย) โดยเฉพาะพวกชอบบ่นว่ายี่ห้ออื่น (Samsung, Sony) ซอยยิก ทั้งที่เค้ามีมาให้เราเลือก (บางคนรู้ทั้งรู้ว่าได้แพแต่ก็พอใจจะเลือก ก็มีคนเดือดร้อนแทน)
ถ้าซื้อเพราะเลือกแล้วผมว่าโอเค ผมเองก็มี ipad3
ผมว่าแม้แต่คนที่คุณบอกว่าซ์้อ iOS แบบไม่ลืมหูลืมตาเค้าก็มีเหตุผลของเค้านะครับ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่่เราจะไปวุ่นวายเพราะถ้าซื้อมาแล้วมันตอบโจทย์ของเค้าแล้วมันก็ดูสมเหตุสมผลแล้ว
+1 ครับ เหมือนว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
ผมก็ไม่ได้ไปวุ่นวายกับเค้า เงินเค้าผมไม่ว่าไรหรอก แค่ดูไว้เป็นตัวอย่างว่าจะไม่ทำตามน่ะครับ
-1
คุณรู้ไหมครับว่าสำนวนจูงจมูกนั้นเปรียบเปรยเทียบเคียงสัตว์ประเภทไหนที่ถูกมนุษย์จูง ?
รอบตัวคุณคนที่คุณรู้จักโดยส่วนตัวมีใครซื้อ iPhone แบบไม่ลืมหูลืมตาไหมครับ ? ถ้ามีช่วยเล่าหน่อยว่าทำไมคุณถึงคิดว่าเขาเป็นแบบนั้น ? ถ้าไม่มีคนรู้จักเป็นการส่วนตัวไม่ได้เจอด้วยตนเองแล้วทำไมคุณถึงคิดว่าคนประเภทนี้มีอยู่จริงครับ ?
ถ้าจะแรงควรอธิบายเหตุผลประกอบด้วยก็ดีนะครับ ไม่อย่างนั้นอาจกลายเป็นการกล่าวหาผู้อื่นลอยๆ ได้
That is the way things are.
ผมมีเพื่อนคนนึง ซื้อ iphone มาตั้งแต่ตัวคลาสสิค 3g 3gs จนตอนนี้ 5 (ข้าม 4, 4s ไป) โดยให้เหตุผลว่า iphone ดีที่สุดแล้ว แต่แทบไม่ได้ใช้อะไรเลยนอกจากโทรเข้าออกกับ chat (กว่าจะใช้ whatsapp ก็ช้ากว่าเพื่อนคนอื่นเป็นปี ต้องให้เพื่อนสอนว่าใช้ดียังไงถึงใช้ แต่ก่อนใช้โทรอย่างเดียว)
อีกคนนึงก็บอกว่า Android ใช้ยาก ทั้งที่ไม่เคยลอง (กลัวไว้ก่อน) แถมซื้อ iphone ใหม่ตอนเปิดตัวที่ MBK ทุกครั้งแบบแพงหูฉี่
ผมก็ไม่รู้จะตัดสินคนพวกนี้ไปในทางอื่นได้ยังไงน่ะครับ ถ้ามีคนบ้าซัมซุงซื้อทุกอย่างของซัมซุงผมก็จะมองคนนั้นว่าไร้สาระเช่นกัน
เขามายืม/ใช้เงินคุณรึเปล่าครับ คุณถึงมีสิทธิ์ไปตัดสินคนอื่นด้วยบรรทัดฐานของคุณ
ก็เขายกตัวอย่างให้อ่านไงครับ
ถ้าไม่ยกตัวอย่างก็หาว่ากล่าวลอยๆ พอยกตัวอย่างก็ไปว่าเขาอีก เฮ้ออออออ
เค้าไม่ได้ว่าผมหรอกครับ ผมไม่ได้ยืมเงินเค้า :)
ผมคนนึงล่ะให้แม่ใช้ iPhone แทนที่จะเป็น Android เพราะมันง่ายจริงๆ ครับ Android บางทีก็ต้องการการดูหยุมหยิม สำหรับคนที่ชอบเทคโนโลยีอย่างเราๆ เรียนรู้ได้เร็วมันไม่ยากหรอกครับ แต่สำหรับบางคนมันไม่ใช่
อีกอย่างนึงคือ ถ้าเขาพอใจที่จะซือ ก็ให้เขาซื้อไปครับ ถ้าเขามองว่าสิ่งนั้นดีที่สุดสำหรับเขา ไม่ใช่พอเขาซื้อมา "แล้วมันไม่ถูกใจเรา" ก็ไปหาว่าเค้าถูกจูงจมูก
Dream high, work hard.
เหมือนกันแหละครับ ถ้าคนเงินถึงและไม่มีความสนใจเทคโนโลยีมาก ผมก็เชียร์ iphone แต่นั่นคือคนที่ได้คิดได้เลือกแล้วไงครับ ผมว่าเฉพาะคนที่ไม่ดูตัวเลือกอื่นเลยครับ
ตัวอย่างก็เพื่อนคนเดิมที่ผมยกเป็นตัวอย่างด้านบน มีเพื่อนอีกคนย้ายจาก iphone 3GS มาใช้ HTC One V เพราะคิดว่าพอใช้งานแล้ว มันก็บอกว่าไม่มีใครเค้าใช้ Android กันหรอก ต้อง iphone เท่านั้น
แบบไหนถึงเรียกว่าไม่ลืมหูลืมตาหรือครับ? ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนมีเหตุผลในการซื้อ ไม่ว่าจะเรื่อง software หรือ hardware ก็ตามแต่ อย่าตัดสินให้คนอื่นพร้อมกับว่าคนอื่นเมื่อเค้าซื้อในสิ่งที่ไม่ถูกใจเราทั้งๆ ที่เราไม่ได้เป็นคนที่ใช้สิ่งที่เค้าซื้อครับ (ถ้าซื้อให้เราใช้แล้วจะบ่นก็อีกเรื่อง)
Dream high, work hard.
กระทู้ samsung นี่แฟนเยอะจริงๆ ไม่ว่าเว็บไหนๆ มีน่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
เอาเหตุผลอะไรมาวัดครับว่า คนนี้เป็นแฟนมือถือยี่ห้อไหน
เค้าบอก แฟนตามกระทู้น่ะนะ = แฟนจริง + แฟนฝั่งตรงข้าม + แอนตี้ ตามมาใส่กันนัว
จริงๆ มันไม่มีอะไรหรอก แต่ตอนนี้มันเริ่มดราม่า Apple-Samsung มันเลยลงเองเช่นนี้แล กระทู้ Apple ก็เป็นเหมือนกันครับ
สำหรับผมมันดราม่ามาตั้งแต่ Mac VS Windows แล้ว แนวทางมันขัดกับแนวคิด อย่ามาคิดแทนตรู ของผม
เป็นกรรมการ ตามอ่านอย่างเดียว -..-
ขอเป็นแค่ไทยมุงแล้วกัน เพราะมีทั้ง 2 ในครอบครอง อิอิ
+1
ไอเดียทางธุรกิจก็อยู่รอบตัวเรานี่เอง