เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Blake Ross หัวหน้าฝ่ายสินค้าของ Facebook ได้ตัดสินใจลาออกจากบริษัท โดย Ross ได้เขียนว่าเขาเลือกที่จะลาออก หลังจากที่ทราบจากผู้เขียนของ Forbes ว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่ชอบ Facebook เลยแม้แต่น้อย และเขาก็คิดว่าอนาคตของ Facebook อาจจะไม่ไกลอย่างที่หลายคนคิด
แต่หลังจากที่คนเริ่มเห็นข้อความนี้ได้ซักพัก Ross ก็ได้ถอดข้อความนี้ออก ข้อความของ Ross นี้ บังเอิญไปตรงกับรายงานความเสี่ยงที่ Facebook ได้ส่งให้ กลต. ของสหรัฐว่าบริษัท เริ่มที่จะเสียลูกค้าที่มีอายุน้อยให้แก่สินค้าและบริการอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกับ Facebook
แล้วอะไรคือปัญหาของ Facebook ล่ะ?
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า Facebook เป็นบริการที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และความเป็นส่วนตัวนี้กลับทำให้ "การแชร์" ทำได้ยากขึ้น อีกเหตุผลที่เป็นไปได้ก็คือเด็กรุ่นใหม่เริ่มสรรหาสิ่งที่สนุก ตื่นเต้น และน่าติดตามมากกว่า
ก่อนหน้านี้ เด็กรุ่นใหม่คิดว่าการที่แชร์ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเองเป็นเรื่องที่เจ๋ง เช่น เราชอบภาพยนตร์เรื่องอะไร แฟนเราคือใคร เรากำลังทำอะไรอยู่ เราไปเที่ยวที่ไหน โดยทั้งหมดนี้สามารถทำได้โดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้วิธีการใช้ HTML เหมือนกับ MySpace ที่โด่งดังมาก่อนที่จะมี Facebook แต่ในขณะเดียวกัน การที่คนเราได้แชร์เรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับตนเองมากเกินไป มันเริ่มเปลี่ยนจากการ "แชร์" ไปเป็น "การโอ้อวด" แล้วมันเริ่มบังคับให้ผู้ใช้เห็นสิ่งที่เขาไม่อยากเห็นหรือรับทราบ สิ่งที่เคย "แจ่ม" เลยกลายเป็นน่าเบื่อไปทันที
แย่ไปกว่านั้น การใช้ Facebook มันเริ่มจะเหมือนการเข้าไปทำงานเข้าไปทุกที เพราะการสร้างภาพให้แก่ตัวเองตลอดเวลามันกลายเป็นเรื่องที่ลำบากและน่าเบื่อ เด็กอายุ 15 รายหนึ่งกล่าวว่า "มันเป็นเรื่องที่งี่เง่าพอสมควร ที่คนเราจะต้องคอยโพสต์รูปภาพเกี่ยวกับชีวิตของตัวเองตลอดเวลาโดยไม่มีเหตุผล ผมใช้ Facebook เพื่อพูดคุยและติดต่อกับเพื่อนมากกว่า และตอนนี้ก็ใช้มันแค่สัปดาห์ละครั้งสองครั้งเท่านั้น"
แล้วตอนนี้คนรุ่นใหม่หันไปใช้อะไรแทน?
วัยรุ่นยุคนี้หมดเวลาไปกับการใช้บริการใหม่ ๆ อย่าง Tumblr, Snapchat หรืออินสตาแกรมในการติดต่อหรือสื่อสารกับเพื่อนหรือคนรู้จักมากขึ้น เพราะว่ามันให้ความรู้สึกว่าเรา "แชร์" เนื้อหากัน มากกว่าการ "โอ้อวด"
แหล่งข้อมูลบางสำนักเชื่อว่า Tumblr ตอนนี้ได้แซงหน้า Facebook ไปแล้วในกลุ่มลูกค้าอายุระหว่าง 13-25 ปี และสิ่งหนึ่งที่วัยรุ่นชอบเกี่ยวกับ Tumblr ก็คือความสามารถในการสร้างตัวตนของตัวเองได้หลายตัวตน ในขณะที่บน Facebook ทุกคนมีตัวตนเพียงตัวตนเดียว (อิอิ) Tumblr เป็นเว็บที่ทำให้วัยรุ่นสามารถหาคนที่มีลักษณะนิสัยและความชอบใกล้เคียงกันได้ และทำให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกเหงา
เช่นกัน การปรับความเป็นส่วนตัวได้เพียงแค่ Private กับ Public ทำให้ Tumblr ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ Facebook กลายเป็นพื้นที่ที่ทุกคนตั้งแต่พ่อแม่ผู้ปกครอง ครู หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน หรือแม้กระทั่งคนที่เราไม่ค่อยรู้จัก จะต้องเห็นสิ่งที่ผู้ใช้โพสต์ขึ้นไปตลอด Tumblr จึงเป็นพื้นที่ที่คนรุ่นใหม่สามารถระบายความเป็นตัวของตัวเองออกมาได้โดยไม่ต้องกังวลกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับชีวิตจริง
อีกเทรนด์หนึ่งที่ต้องจับตามองก็คือการใช้ชีวิตของเด็กรุ่นใหม่ ที่เริ่มย้ายมาจากคอมพิวเตอร์มาเป็นอุปกรณ์พกพาอย่างโทรศัพท์มือถือ (ในยุค Post-PC) แอพอย่าง Snapchat ได้เข้ามาแทนที่ Facebook ในการส่งข้อความและรูปภาพให้แก่คนรู้จักที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง สิ่งที่ส่งไปก็จะถูกลบไปในทันทีเมื่อผู้ใช้อีกฝั่งเปิดอ่าน ต่างกับ Facebook ที่ทุกสิ่งที่ถูกอัพโหลดขึ้นไป จะอยู่บนอินเทอร์เน็ตตลอดไป เด็กรุ่นใหม่ นิยมใช้ Snapchat กับ Instagram คู่ ๆ กันไปในการแชร์รูปภาพ
แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร?
ถ้าให้เรียกง่าย ๆ เราอาจจะเลยยุค "แชร์ไม่ยั้ง" ไปแล้ว และการโม้โอ้อวดบนโลกออนไลน์อาจจะไม่สนุกเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป ผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ในตอนนี้ก็เริ่มที่จะไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ต่อการโอ้อวดเหล่านี้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กยุคใหม่
อย่างไรก็ตาม Facebook ก็มีความพยายามที่จะปรับตัวเพื่อที่จะเอาตัวรอดอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเราสามารถสังเกตได้จากความสามารถที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ของแอพ Facebook Messenger ซึ่งเด็กยุคใหม่หลายคนยังยอมรับว่ายังใช้บริการนี้อยู่เป็นประจำ
ทุกวันนี้ การโพสต์ "selflies" (หรือการแชร์รูปหน้าตัวเองที่ถ่ายด้วยกล้องมือถือ) มันไม่เจ๋งอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ใด ๆ ก็ตาม (อาจจะไม่รวมเมืองไทย ที่เรายังเห็นทำกันทุกวัน) เว้นแต่ว่าผู้โพสต์ selfies ทำเพื่อประชดประชันเท่านั้น ตอนนี้เนื้อหาที่คนสนใจเปลี่ยนมาเป็นการบอกให้คนอื่นรับรู้ถึงความรู้สึกและความคิดของเรามากกว่า
ทางออกทางเดียวของ Facebook ในตอนนี้ อาจเป็นการปรับบริการของตัวเอง ให้ตรงกับเทรนด์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น ถ้า Facebook สามารถปล่อยคุณสมบัติและบริการใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ให้ตรงกับเทรนด์ Facebook ก็อาจจะสามารถรอดชีวิตต่อไปได้ซักพัก
หมายเหตุ: เนื้อหานี้อาจจะไม่ตรงกับเทรนด์ของประเทศไทย ยกตัวอย่างจากสมัยก่อน ที่คนไทยไม่นิยมใช้ MySpace เลย แต่กลับนิยม Hi5 มากกว่า Facebook เองก็แจ้งเกิดในเมืองไทยช้ากว่าหลายประเทศพอสมควร
ที่มา - The Verge
Comments
สำหรับอีก 1 social network ที่ปรับแต่งเรื่องความเป็นส่วนตัวง่ายมากก็คือ New MySpace ครับ ง่ายจริง ๆ ไม่กี่คลิกก็จำกัดได้ครับ ผมลองแล้วชอบมาก
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ต่อการโอ้อวดเหล่านี้แล้ว โดยเฉพาอย่างยิ่งเด็กยุคใหม่ > ต่อการโอ้อวดเหล่านี้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กยุคใหม่
ขอบคุณครับ
บทความยาว ๆ เขียนตอนง่วง ๆ มีอะไรอยากให้แก้ช่วยบอกด้วยนะครับ
@TonsTweetings
ผลกระบทบ > ผลกระทบ
ปรับได้แค่ Private กับ Public มันดียังไงอะ
ส่วนตัวชอบระบบ circle ของ google+ มากกว่า
ปล.ไปหาว่า Snapchat คืออะไร กำลังจะลองลง อ่าา ลงมือถือกับแท็บเล็ตผมไม่ได้ลาก่อน
G+ ทำระบบดีมากครับ...
พร้อม ง่าย เป็นระเบียบ ครบ
เสียแค่...ร้าง...
ร้าง........
(ถ้าGoogle glassออกอาจจะมีคนเริ่มหันมาเล่นก็เป็นได้)
Google glass ไม่ได้ตอบโจทย์นะครับเพราะมันเข้าไม่ถึงทุกระดับ (แพงเอาเรื่องนะ 20000+ บาท) ผมว่าตอนนี้เหมือนรังผึ้งนะกระจุกอยู่ที่เดียวพอวันหนึ่ง facebook หมดยุคเดียวก็ไปที่อื่นต่อ ^^
20000+ หาซื้อได้ที่ไหนเหรอครับ >.< อยากได้บ้าง ตอนนี้เห็น Google ขาย 45,000 - -* แถมยังจำกัดเฉพาะ Dev อีก
ไม่ได้ร้างน่ะครับ G+ ของผมส่วนใหญ่คนที่เล่นจะเป็นเพื่อนวัยทำงาน
เหมาะสำหรับติดตามข่าวที่เรื่องที่สนใจมากๆ ผมมีเพื่อนกลุ่มหนึ่งเล่น G+
เนื่อหาที่เเชร์กันจะมีประโยชน์ไม่ไร้สาระเหมือน facebook
ไม่ร้างน่ะครับ เพียงแค่ไม่มีเพื่อนท่านเท่านั้นเอง เหมือนไปบ้านหลังหนึ่งคนเดียว อาจจะมีคนอื่นๆอยู่ แต่เราแค่มองไม่เห็น ก็ เป็น ด้ายยยยยยย
ผมเข้า google plus ไปเล่น แต่ what's hot อย่างเดียวเลยครับ เพราะไม่รู้จะคุยกับใคร
โหมด nearby ก็ไม่สนุก เพราะงง ว่าพวกที่ขึ้น ๆ มาแถวนี้ มันใครกัน (ฟะ)
ในพลัสไม่ค่อยมี ก๋วยเตี๋ยวฉัน อาหารกลางวันฉัน ที่ทำงานฉัน ห้องน้ำฉัน แฟนฉัน อกหัก รักคุด หารายได้ออนไลน์ โฆษณาบลาๆ ฯลฯ
คนส่วนมากในนั้นกีคครับ
+4k
Google+ มีแต่ Geek ไร้ซึ่งสาวสก๊อยขารอยท่อ
สำหรับผมมันเหมือน twitter + WebBoard
ส่วนใหญ่ผมก็นั่งตามอ่านผู้มีชื่อเสียงทั้งหลาย แล้วก็ก็พุดคุยใน group เป็นหลัก
ยอมรับว่าช่วงแรกๆ บ้าเห่อ เล่นทุกวัน จนวันหนึ่งเพื่อนๆ เลิกเห่อ จนผมแทบจะไม่ได้เข้าไปอีกเลย แต่แปลก เด๋วนี้ผมกลับมาเข้า Google+ เกือบทุกวันเหมือนเดิม เข้าไปอ่านนู้น อ่านนี่ของคนที่ผม Follow ไว้ สำหรับผมมันไม่ได้ร้าง
ไม่ร้างค้า ลองเข้าไปที่ชุมชน มีชุมชนคนไทยอยู่เยอะค่ะ
+1 ชอบ Google+ มากๆครับ :)
ถ้าต้องเปิดเผยตัวตนอย่างชัดแจ้ง ทั้งข้อมูลส่วนตัว กิจกรรม ความคิดเห็น อารมณ์ความรู้สึกต่อสิ่งใด ๆ หรือต้องมานั่งรับรู้ชีวิตส่วนตัวของคนอื่นล่ะก็ เฟสบุ๊คก็ไม่น่าใช้จริง ๆ นั่นแหละ นอกซะจากสร้าง account ปลอม ๆ ขึ้นมาเพิ่ม เพื่อลดความกังวลถึงผลกระทบต่อชีวิตจริง (เชื่อว่าหลาย ๆ คนในนี้น่าจะมีมากกว่า 1 บัิญชี)
+1 บางคนเปลี่ยนชื่อทุกอาทิตย์ ผมก็เซ็งเหมือนกัน น่าจะบังคับใช้ชื่อจริง ID จริงไปเลยลดปัญหาพวกลวงโลกด้วย
พยามชวนเพื่อนในที่ทำงาน เล่น Snapchat มาสักระยะ แล้วแต่ไม่มีใครเล่นด้วย
ผมเลิกเล่น Facebook ได้ซัก 2-3 เดือนแล้ว หลังจากรู้สึกว่าติดมันจนเกินไป =_="
G+ ทำระบบ privacy ได้ดีกว่ามาก ตอนนี้เริ่มมีคนใช้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
กำลังจะบอกว่าเด็กยุคใหม่ชอบลวงโลกมากกว่าจะเผยตัวจริงสินะ...
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ผมว่าบทความไม่ได้สื่อยังงั้นนะครับ
บทความเคยออกมาตรงข้ามเลยนะคะ
ใจเสาะจังงงงง ตาคนนี้หนีปัญหาซะงั้น อย่าไปรับเข้าทำงานเชียว
FB มันเข้ากันได้ดีกะกิเลสมนุษย์ จะให้มันเป็นไงขึ้นอยู่กะเรา จะโอ้อวด หรือ อวดพอประมาณ หรือไว้สื่อสารเพียงเรื่องสำคัญ ๆ ก็แล้วแต่เราไม่ใช่เหรอนะ แต่ตอนนี้มันก็มีสิ่งที่จำเป็นให้ครบแล้ว อีกหน่อย Tumblr ก้อเจริญรอยตามเอง
เห็นด้วยมากๆๆๆ เฟซบุคคือไม่กล้าแชร์มาก กลัวคนอื่นหาว่าโอ้อวด แล้วก็มันไม่ส่วนตัวเหมือนเมื่อก่อน ตอนแรกๆมีแต่เพื่อนสนิทอยากพิมอะไรก็พิม ตอนนี้เพื่อนเยอะมาก+ไม่สนิทกัน ก็ไม่รู้จะพิมทำไม ชอบIGที่แชร์ได้(แต่ก็มีบ้างที่กลัวคนอื่นมองว่าอวด) ส่วนtumblrพึ่งเล่นจริงจัง รู้สึกไม่เหงาจริงๆเพราะหาคนที่มีความสนใจเหมือนเราได้ง่าย
ผมว่าบางทีคนเราก็คิดมากเกินไป ถ้าอะไรที่มันเป็นตัวตนของเราจริงๆ แล้วเอาไปโพสต์มันก็ไม่ได้ถือว่าโอ้อวดนะ (สำหรับผม) อย่างกรณีของคุณถ้าเป็นเพื่อนของคุณจริงๆ ก็น่าจะเข้าใจคุณว่าคุณเป็นคนยังไง คนอื่นๆ นอกจากนั้นผมว่าไม่ต้องไปใส่ใจ (เราไม่สามารถบังคับความคิดของใครได้) ถ้าเค้าจะ unfriend เพราะไม่ชอบในตัวตนที่คุณเป็น
+1 เห็นด้วยครับ เรื่องการอวดหรือไม่อวด ไม่ได้จำเป็นสำหรับคนเล่น facebook เลย แต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเอง บางคนโพสเรื่องราวดีๆ ความสำเร็จ หรือเรื่องที่น่าประทับใจในชีวิต ก็เพื่อให้เพื่อนๆ หรือญาติพี่น้อง ได้รับรู้ ได้ร่วมแสดงความยินดีกัน เป็นการสร้างความสัมพันธ์มากว่า
เพื่อนที่ไม่อิจฉาเพื่อน จะไม่คิดว่าเพื่อนเราอวดหรอก (ผมชอบเพื่อนแบบนั้นที่สุด)
อาจจะลาออกไปสมัครงานแถวบริษัทพวกนี้ก็ได้อิอิ
ไม่รู้เมืองนอกเป็นเหมือนกันไหม แต่คนไทยชอบโชว์เพื่อน รับดะ ใครขอ "เพิ่มเป็นเพื่อน" มารับหมดเลย ทั้งที่ไม่รู้จักกันเลย
แรกๆ มี 3 A/C เอาไว้เล่นเกม ^_^ ตอนนี้เหลือ 2 A/C อันหนึ่งเอาไว้ติดต่อคนรู้จักจริงๆ อีกอันเอาไว้ตลุยยุทธจักร
ข้อดีของ FB สำหรับผมก็คือ เข้าใช้งานเว็บ/เว็บบอร์ดได้ง่ายขึ้น จากที่ต้องสมัครทุกเว็บ/เว็บบอร์ด กดเชื่อมต่อกับ FB ที่เดียวจบ
G+ เอาไว้เก็บรูป ก่อนเอาไปแปะที่อื่น บ้านเราอาจจะมองว่าร้าง แต่ต่างประเทศมีผู้ใช้ที่ใช้งานจริงๆ จังๆ เยอะครับ (หรือข้อดีจริงๆ ของมันคือ การที่มันยังไม่ฮิตในบ้านเรานี่แหละ)
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
ผมว่าผมเห็นด้วยกับเค้านะ
เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยกล้าจะแชร์อะไรในเฟสบุ๊คแล้ว
facebook เริ่มเป็นที่ ๆ เราโพสในสิ่งที่คนอื่นอยากจะเห็นมากกว่าที่จะโพสในสิ่งที่เราอยากจะแชร์จริง ๆ
แต่เด็กไทยชอบอวดนะ
ไม่มีใครพูดถึง SO.CL ของ Microsoft บ้างเหรอ
น่าสงสารจัง เหมือนถูกลืม หรือปลุกไม่ขึ้น
feature กับ target มันคนละเรื่องเลย
ผมใช้ Tumblr ไว้ดูภาพ.... เอ๊ย !! ไว้ศึกษา Anatomy ครับ ปล.หาคนที่สนใจเรื่องเดียวกันได้เยอะจริงๆ (^___^)
รีบกดไปสมัครเลย อยากรู้ว่า censor คำว่าอะไรไว้ ^^
ไม่รู้นะ แต่ในในไทยผมยังเห็นว่า facebook ยังจะไปได้ไกล!
ผมว่าระบบพวกนี้มันเปลี่ยนไปตามยุคสมัย อยู่ยืนยาวยาก ถ้าจะมีอะไรที่ดูว่าน่าจะอยู่กินยาว ๆ ได้จริง ๆ คงเป็น IM ที่ Microsoft พลาดไป พลาดที่ในคอมบวม + อืดลง พลาดที่ไม่ออกแอพโทรศัพท์ให้ครอบคลุม จนมาถึงปัจจุบันก็ยังพลาดที่รวบ Skype ไปแล้วยังไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้น
ไมโครซอฟท์กำลังจะปิด WLM หากท่านต้องการใช้ต่อไปกรุณาอย่าส่งอีเมลลูกต่อกันเป็นโซ่ เพราะไม่ว่าผู้ใช้ทุกคนจะส่งกันคนละล้านฉบับไมโครซอฟท์ก็จะไม่รับรู้และปิดมันอยู่ดี สวัสดี ราตรีสวัสดิ์ครับ
ต้องเรียกว่าย้ายจาก WLM ไปใช้ Skype แทนซะมากกว่า ไม่ใช่ไม่มีที่ให้ไปต่ออย่างตอนที่ goole ปิด wave .. ใครอยากย้ายสามารถเปิด Skype ใช้ได้เลย เพราะสามารถเข้าใช้ด้วย microsoft account ได้ ไม่ต้องไปสมัคร account ของ Skype ใหม่แต่อย่างใด
แต่มันมีปัญหาตรงที่มันไม่ย้ายอัตโนมัตินี่แหละ.. ถ้า contact ไม่ได้คอนเฟิมว่าจะย้ายไปด้วย ต่อไปมันอาจจะร้างและทำให้คนที่ย้ายพลอยไม่เข้าไปใช้ด้วยอีกต่อ (อีกปัญหาคือยังพัฒนา Skype ให้ใช้ได้กับกลุ่มตลาดอื่นๆ ได้ไม่ไวพอ ทำให้พลอยโดนรายอื่นเข้ามาชิงฐานผู้ใช้ไปและอาจยิ่งทำให้ Skype มันร้าง แต่ถ้าต่อไปเปิดให้รายอื่นๆ มาขี่ Skype ได้นี่อาจพอช่วยได้บ้าง เนื่องจากรายอื่นๆ พอฐานผู้ใช้ยิ่งโตจะยิ่งเพิ่มฟีเจอรลำบากเพราะขยาย infra ตามไม่ได้)
ทว่าโดยรวมแล้ว ส่วนตัวคิดว่าการรวม WLM กับ Skype เข้าด้วยกันน่าจะดีกว่าปล่อยแยก (น่าจะรวม lync ด้วยอีกตัว) .. เพราะมีหลายแอพแล้วเวลาใช้แอบมึนแอบยุ่ง (แต่ต้องมีกระบวนการย้ายและรวมที่ดีด้วย ไม่งั้นคงมึนและยุ่งไปอีกแบบหากรวมแล้วใช้ยากหรืออะไรๆ หายไปเยอะ)
ผมบอกตามตรง Skype ไม่เหมาะสำหรับทำ IM เลยสักนิดครับ หากไมโครซอฟท์ไม่ขยับตัวเร็ว ๆ นี้ลูกค้า WLM ที่เหลือน้อยนิดก็จะหายไปอีก
ยกเว้น Skype for Windows 8 ผมว่ามันก็ฝีมือพอ ๆ กันทุกแอพ
แต่เรื่อง VoIP นี่กินขาดครับ
ถ้าไม่นับเรื่อง UI (เพราะมันเปลี่ยนได้) .. จุดไหนที่ Skype ไม่เหมาะสำหรับใช้ real-time communication บ้าง ?
ปล. ส่วนตัวชอบแบบที่มันเชื่อมรวมถึงกันได้หมด.. เริ่มจากจอแบบแชท แต่สามารถเปลี่ยนไปโหมด voice/video ได้ แชร์จอและรัยส่งไฟลได้ รวมถึงเชื่อมไปสนทนากับกลุ่มอื่นๆ ได้ด้วย (เช่น ผ่านโทรศัพท์ทั้งเสียงและ sms)
คุยหลายคน/กลุ่ม แยกหน้าไม่ได้ (ถ้าจะวางเทียบกัน) ไม่มีคีย์ลัดเปลี่ยน ต้องเอาเมาส์ไปกดอย่างเดียวครับ
ที่บอกในป.ล. นั่น WLM ก็ทำได้เกือบหมดนะครับ
WLM ตอนหลังนี่ต่อเข้าโทรศัพท์ทั้งเสียงและ sms ได้แล้วด้วยหรอ.. ตกข่าว >.<"
พอดีหลังๆ เพื่อนย้ายไปแชทใน fb กันเกือบหมด ส่วน voice/video คุณภาพมันสู้ skype ไม่ไหว (และคงเพราะมันใช้ andriod/iOS กันเยอะกว่าอยู่หน้าจอด้วย) .. เลยห่างๆ WLM ไป แล้วใช้ fb+skype กันแทน (แชทชิวๆ ใช้ fb แต่ถ้าจัดหนักเปิด skype)
ส่วน UI แบบที่บอกมานั่น คงต้องลุ้นดูว่าเค้าจะสนใจสไตลแบบ IRC ที่ user เปิดหลาย session พร้อมกันมั้ย.. ทำได้คงดีเหมือนกัน ไม่น่าขัดไรกับสไตลการใช้งาน skype แบบเดิม เพียงแค่เดิม skype มันเน้น voice/video ซึ่งทำหลาย session พร้อมกันไม่ได้ ส่วน UI เลยลืมรองรับ user กลุ่มนี้ไป
โทร/SMS ได้นานแล้วนะครับ แต่คนไม่ค่อยรู้กัน
ช่วยชี้โพรงให้กระรอกด้วย ทำไงอ่ะค้าบบบ.. เคยแต่โทรทีละคน พึ่งรุว่าทำ group call กับโทรมือถือได้ด้วย (รุเมื่อสาย >.<")
Group call ไม่ได้นะครับ ตรงนี้ Skype เป็นตัวเลือกเดียวที่ผมมีเลย ส่วนโทรเข้ามือถือก็ต้องเติมเงินก่อนครับ
.. กระรอกน้อยหลงดีใจ ;'(
กระรอกน้อยเลยทีเดียว ...
O_o
อืม... ทำไมผมรู้สึกว่ามันไม่จริงยังไงไม่รู้
Jusci - Google Plus - Twitter
Facebook ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นของเล่นเด็กนี่ครับ คนใช้ Facebook เยอะ พ่อแม่ญาติเข้ามา เด็กๆ ก็ออกไปหาโลกของตัวเองใหม่แค่นั้นเอง
เห็นมาเยอะและ ผัวเมียเล่น Facebook เมียเล่น Instagram เพิ่ม ผัวเล่น Twitter เพิ่ม แบ่งโลกส่วนตัวของตัวเองออกไป
พารากราฟที่ 8 วรรคสุดท้าย
"...ต้องกังวลกับผลกระบทบ..."
ผมเคยวิเคราะห์นะว่า Facebook จะเป็นได้แค่กระแส และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างตามนั้นแล้ว
+1 tumblr มันหาคนที่สนใจเรื่องเดียวกันได้ง่ายจริงๆ
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
สนใจเหมือนกันไหม อิอิ
ผมก็เบื่อนะ แต่ก็จะโพสต์ตลอด
ตอนนี้ไม่สำคัญไม่โพสต์
บางครั้งเล่น fb โพสต์รูปถ่ายแต่ตัวเอง ไม่รู้จะโพสต์ทำไม ไม่มีอะไรให้น่าสนใจ
บางครั้งกด Like อะไร คนอื่นเห็นหมด ไม่ส่วนตัวเอาซะเลย!! มาเล่น twitter IG แทนและ
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
อ่านๆไปผมว่าผลกระทบก็เพียงแค่ฐานลูกค้าใหม่ไหม? ผมอ่านไปผมเห็นด้วยในหลายๆจุดสำหรับเรื่องเด็กรุ่นใหม่ แต่ไม่รู้สึกว่าเฟสบุ๊คต้องรีบปรับตัวขนาดนั้น เฟสบุ๊คจำเป็นในแง่ว่าต้องออกappที่สอดคล้องกับเด็กมากยิ่งขึ้น แค่นั้นเองเพราะของเดิมผมกล้าพูดเลยที่คนมีอายุเล่นกันเพราะพวกเค้าอยู่กันเป็นแผง(มาทั้งตระกูล) ถ้าจะเปลี่ยนวงกันทีเป็นไปได้ค่อนข้างลำบากมาก อย่างเช่นG+ผมชัดเจนสุดแล้ว เพราะดูน่าสนใจมีกระแส แต่ย้ายไม่ได้(เพราะเพื่อน ญาติผูกกันเป็นแผงอยู่อีกที่นึง)
ซึ่งจะต่างจากเด็กที่ยังมีการยึดโยงกันต่ำอยู่ และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงเสมอ
ผมว่า FB มันก็ยัง ขลังในตัวมันอยู่นะครับ :D
ไม่เห็นมี Social network ไรที่เราต้องปรับตัวใหม่เพื่อไปใช้เลย
นอกจาก Google + นอกนั้นก็คือพวกบริการเฉพาะ อย่าง instagram tumblr ? -*-
ผมเล่นน้อยลงไปประมาณ 95% แล้วคับ อาทิตย์เปิดสักครั้ง จากคนเคย Update facebook ตลอดเวลา
แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเล่นอื่น
ผมใช้ fb เพื่ออ่าน message กับอ่านพวก fan page เท่านั้นครับ
"ตอนนี้เนื้อหาที่คนสนใจเปลี่ยนมาเป็นการบอกให้คนอื่นรับรู้ถึงความรู้สึกและความคิดของเรามากกว่า"
ประเด็นนี้น่าสนใจจริงๆ
ถ้าจะเอาแค่นั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับ twitter สิครับ
แต่จะว่าไปหลังๆ นี่ไม่ค่อยเล่น fb เหมือนกัน เดี๋ยวนี้เล่น fb บนคอมฯ อย่างเดียว ก็นานๆ เข้าที ส่วน social ที่เล่นบนมือถือติดๆ จะเป็น instagram ซะมากกว่า
@toandthen สนใจเรื่องทำนองนี้หรือว่าทำวิจัยหัวข้อแนวนี้อยู่หรอครับ.. คุ้นๆ มาจากโพสเก่า (www.blognone.com/node/40237) พอย้อนไปดูอีกที "อ้าว! คนเขียนคนเดียวกัน"
เดี๋ยวนี้เฟซบุคกลายเป็นเว็บโป๊ไทยแล้วครับ ยังไงก็มีคนใช้หายห่วง
+1
FB ของผมมีคนแปลกหน้าเต็มไปหมด ทั้งๆ ที่ไม่รู้จัก ทั้งๆ ที่คุยกันคนละภาษา ทั้งๆ ที่อยู่กันคนละซีกโลก
เพราะเกมที่เล่น มันบีบให้เราต้องเพิ่มเพื่อน พวกเพื่อนที่รู้จักร คบกันจริงๆ มันก็ไม่ได้เล่นเกมพวกนี้ ก็ต้องไปแอดคนที่เล่นเกมเดียวกันแต่ไม่รู้จักกัน....ซะงั้น
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ผมเล่นทั้ง Tumblr กับ Facebook ชอบการใส่ภาพเคลื่อนไหวไฟล์ .Gif ใน Tumblr มากครับ ไอเดียใหม่ๆมันใส่ลงไปได้เยอะ ส่วน Facebook มันทำตรงนี้ไม่ได้
อวดใน Blognone แทนได้ไหม
facebook อย่าเพิ่งล่มสลายเลย วงการโฆษณาในเพจยังไม่ได้โกยเลย ♥
ประเด็นเพื่อนเยอะแต่ไม่สนิทแล้วไม่ส่วนตัวนี่ มันผิดตั้งแต่เราเลือกรับคนที่ไม่สนิทมาเป็น "เพื่อน" แล้วครับ
แต่ก็เข้าใจได้นะ ยุค Mafia Wars นี่แหละตัวการ
Google+ ไงครับ
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
Facebook บนไอโฟนผม Update แล้วกระตุก+ค้าง ตลอดเลย สงสัยจะหมดยุคแล้วจริง ๆ
ผมเองใช้ social network เพราะ เพื่อบอกให้คนอื่นรับรู้ถึงความรู้สึกและความคิดของเราเนี่ยแหละ
กะอีกอย่าง ผมไม่เคยเล่น Hi5 เพราะมันไม่มี smartphone app แต่ผมเล่น Facebook ตั้งแต่ยังไม่มีใครเล่น โหลงเหลง คนไทยหาแทบไม่ได้ เพราะว่ามันมี app iOS มาค่อนข้างเร็วเนี่ยแหละ
facebook มีคนรู้จักในโลกจริงมากเกินไป ต้องสร้างภาพจนเกร็ง
เกมส์ก็เล่นแต่ LINE,Kakao Talk,Gree เกมส์คุณภาพเยอะดี
ไม่น่าเบื่อเหมือนเกมส์บน Facebook
App ต่างๆบน Facebook ค่อนข้างใช้ยาก
ส่วนพวก status updates ใช้ผ่าน Twitter
ไม่ค่อยใช้ Facebook เพราะ update เยอะๆเพื่อนใน Facebook เค้ารำคาญ
บางทีเค้าไม่ได้สนใจเรื่องเดียวกับเรา
Tumblr เอาไว้ Reblog เก็บภาพแฟชั่น/หนัง/เพลง ไว้เป็นแรงบันดาลใจ...มีเยอะมาก
G+ ชอบตรง Hangout กับ Communities ใช้บ่อยสุด
สรุปก็คือไม่ได้ใช้ Facebook เท่าไหร่แล้ว
มีเอาไว้ใช้กับปุ่ม "Connect to Facebook" กับ "Sign in with Facebook" ตามเว็บเท่านั้น
เอ่อ...แถวนี้ใครเล่น Pinterest มั่งนี่???
ข่าวนี้อาจจะยังใช้กับประเทศไทยไม่ได้ = =""
Ps. ไม่ว่าตัวอื่นจะดีกว่าแค่ไหน แต่ถ้ามันร้าง .... มันก็ไม่มีประโยชน์ นะผมว่า
เมื่อวานฟังเพลง เป็นเพลงพูดถึงเฟสบุ้ค 2 เพลงต่อกัน ในใจก็คิด จะอะไรกับเฟสเยอะนักหว่า
ส่วนตัวไม่ค่อยได้อัพอะไรกับเค้า เอาไว้นัดเพื่อนไปโน่นนี่นั่นกันมากกว่า
ส่วนที่ดีที่สุดส่วนหนึ่งสำหรับผมคือจัดการนัดคนได้ง่ายครับ ใช้ค่อนข้างบ่อย และมันทำให้เจอเพื่อนหรือคนที่เราไม่ได้ติดต่อกันนานมากแล้ว ซึ่งผมว่าตรงนี้มันยังเป็นจุดแข็งของ facebook อยู่ แต่เอาจริงๆ ผมไม่แคร์นะว่าจะเป็นอะไร เพื่อนใข้ตัวไหนผมก็จะไปตัวนั้นแหละ
+1 ครับ เพื่อนใช้อะไรก็ใช้อันนั้นล่ะ
ตอนนี้เวลาจะแชท หรือชวนกินเหล้าก็ชวนในไลน์กันละ มีอีเวนท์พวกงานแต่งถึงจะตั้งในเฟสกัน
ผมเล่นแต่ Foursquare อะ
ที่ผมเล่นเฟสก็แค่เอาไว้ติดตามข่าวสารที่กด Like แล้วแบ่งไว้เป็นหมวดหมู่ แค่นั้นก็ก็เอาไว้คุยกับเพื่อนๆ Google+ ก็อยากลองเล่นนะแต่มันยังไม่ถึงเวลาที่จะย้ายไปเล่นไม่มีเพื่อนเล่นด้วย ฮ่าๆๆๆ Google+ อาจจะพลาดตรงที่มาเปิดแข่งกับเฟสบุ๊คตอนกำลังบูมอยู่เลยทำให้คนไม่ค่อยหันไปใช้กันซะส่วนใหญ่ แต่ได้ข่าวว่าคนต่างชาติชอบใช้กันเยอะ
เซ็งทุกที ที่มี feed การเมือง lol
ส่วนตัวผมว่าระบบของ Google+ ทำออกมาดีมากๆ เรื่องการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว ติดอย่างเดียวคือกลุ่มเพื่อนของผมยังใช้กันน้อยเมื่อเทียบกับ Facebook
ปล. เห็นด้วยเหมือนกันว่าบทความนี้อาจจะใช้กับประเทศไทยไม่ค่อยได้เท่าไร เหมือน BB ที่ดูเหมือนจะดับผมก็ยังเห็นคนไทยใช้กันเยอะอยู่ดี
mass ประเทศไทยเราเป็น laggards เสมอแหละครับ จำได้ตอนเป็นวัยรุ่น พอแว๊นเริ่มใช้ MySpace ผมหนีไปใช้ Hi5 สักพักแว๊นตามมา Hi5 ผมหนีไปเฟซบุค พอแว๊นมาฟลัด Facebook ผมก็เลยหนีมา G+ (แต่คิดว่า G+ นี่ แว๊นคงไม่ตามมานะ เพราะอินเตอร์เฟซมันไม่เป็นมิตรกับวัยรุ่นอย่างแรง)
Facebook ในตัวของมันเองเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ดีมากครับ ตอนที่ผมไปอยู่ต่างประเทศก็มีเฟซบุคนี้แหละให้อัพโหลดรูปและเชื่อมกับเพื่อนๆ + ครอบครัว อัพเดทความเป็นไปกันตลอด ทุกวันนี้กลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว แต่พอเปิดเฟซบุคก็เห็นความทรงจำเก่าๆ ได้อยู่ตลอด ที่มันมั่วซั่วกันทุกวันนี้เพราะผู้ใช้นี่แหละที่ abuse กันเอง เล่นเกมชวนคนเข้าเกมไร้สาระกันเยอะ ผมใช้เฟซบุคแอดคนไม่เคยเกิน 100 คนเลย ล้างทิ้งตลอดด้วย
ส่วนเรื่องวัยรุ่นหนี facebook ตอนนี้นี่ ไม่แปลกอะไรหรอกครับ เพราะ ต่อให้เป็น tumblr หรือ instagram อะไรก็ตาม ฟังก์ชั่นหรือหน้าตาดีแค่ไหน ถ้าโฆษณาและธุรกิจบุกเมื่อไหร่ มันก็ไม่ cool ทันที และพอพ่อแม่และคนแก่บุกเข้ามาด้วย เมื่อนั้นแหละ ตายสนิท
สุดท้าย เห็นข่าวนี้ใน the verge แล้วบอกได้เลยว่า...
Thai startup entrepreneurs, brace yourselves- winter is coming!!