Jay Sullivan รองประธาน Mozilla กล่าวกับผู้ฟังในงาน SXSW ว่า Firefox จะไม่ลงในแพลตฟอร์มของ Apple จนกว่า Apple จะอนุญาตให้เว็บเบราว์เซอร์ภายนอกสามารถใช้ตัวเรนเดอร์เว็บของตนเองได้
ปัจจุบัน เว็บเบราว์เซอร์จากนักพัฒนาภายนอกที่ไม่ใช่ Safari จะต้องเรนเดอร์เว็บไซต์โดยใช้คอมโพเนนต์ Apple’s UIWebView เท่านั้น แต่ในขณะที่ Apple เองกลับใช้เอนจิ้น JavaScript ของตนเองที่มีชื่อว่า Nitro ซึ่งเร็วกว่าได้
Apple ไม่เปิดให้นักพัฒนาภายนอกสามารถใช้ตัวเอนจิ้นนี้และไม่อนุญาตให้เขียนขึ้นมาเองด้วย ทำให้แอพ Safari นั้นเร็วกว่าเว็บเบราว์เซอร์ตัวอื่น ๆ ใน iOS (เช่น Chrome)
โดย Mozilla กล่าวว่าตนต้องการใช้โค้ดของตนเองซึ่งก็คือเอนจิ้น IonMonkey ที่ใช้อยู่ก่อนหน้านี้ใน Firefox รุ่น Desktop และ Android
ส่วนอีกแพลตฟอร์มหนึ่งซึ่ง Mozilla กำลังประสบปัญหาในขณะนี้คือ Windows RT (Windows 8 รุ่นแท็บเล็ตที่ใช้ CPU สถาปัตยกรรม ARM) ซึ่งไม่อนุญาตให้เว็บเบราว์เซอร์จากนักพัฒนาภายนอกสามารถเข้าถึง Win32 APIs ได้ ทำให้ไม่สามารถสร้างตัวเรนเดอร์ JavaScript ของตนเองซึ่งเร็วกว่าได้เหมือนกับใน Windows 8 รุ่นธรรมดา
ที่มา: The Verge
Comments
เรื่องนี้เหมือนได้ยินมานานมากแล้วนะครับ พี่แกน่าจะพูดอีกครั้งให้เข้าใจกันอีกครั้ง
น่าจะฟ้องให้ EU ปรับอีกนะครับ ฐานกีดกันทางการค้า
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เท่าที่ผมเข้าใจคือ Apple มีส่วนแบ่งทางการตลาดไม่มากพอที่จะฟ้องได้ครับ (ลอง Android ทำแบบเดียวกันรับรองเละ)
iOS ส่วนแบ่งตลาดไม่น้อยเลยในตลาด smartphone + tablet มันก็ duopoly ดีๆนั่นแหล่ะ หรือว่าต้องรอให้ monopoly ก่อนก็ไม่รู้
ปล. Search engine monopoly (de facto, not de jure) แบบ Google ก็ยังไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่นา เว้นแต่ว่า EU หน้ามืดหมดเงินอยากได้เงิน apple กับ google ก็อีกเรื่องหนึ่ง
google คงไม่โดนเพราะเปิดให้เขียนใด้ และมี firefox android ออกมาแล้ว
แต่ ios / wp8 / wrt อาจเข้าข่าย Anti-competitive อยู่
ส่วน chrome os ... ไม่รู้เหมือนกัน
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ประเด็นคือ Windows เปิดให้เขียนได้ และมีเจ้าอื่นออกมาเช่นกัน แต่ที่โดนคือตั้งมาเป็นตัวหลัก และไม่แนะนำตัวอื่นนะครับ ถ้านับเรื่องนี้ก็โดนกันทุก OS แล้วหล่ะครับ
ถ้าบอกว่าสามารถเขียนกรอบของ browser ใด้แต่ต้องไช้ render engine ที่กำหนด ก็อาจบอกใด้ว่า กีดกัน render engine ใด้นิครับ
จริงๆ ios ก็เปิดให้เขียน browser ได้และมีเจ้าอื่นออกมาเช่นกัน
... แต่ข้อกำหนดเช่นให้ไช้ render engine ที่คุณภาพต่ำ พร้อมกันก็ไม่สามารถกำหนดให้ link จากที่อื่น มาไช้ browser ของตน อาจเข้าข่าย Anti-competitive ใด้นะครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมหมายถึง Windows Desktop น่ะครับ เปิดให้ทำได้ทุกอย่าง และ Android เองก็เหมือน Windows Desktop ตรงจุดนี้เลย จึงคิดว่า Android เองถ้าส่วนแบ่งตลาดสูงไปกว่านี้ก็ไม่สมควรรอดเช่นเดียวกัน
ถ้ามองเฉพาะตลาดbrowser บน iOS ส่วนแบ่ง safari น่าจะเกือบทั้งหมดนะครับ
กีดกันยังไงหว่า เครื่องก็ของ Apple, OS ก็ของ Apple
Microsoft ยังโดนเลยครับ OS ก็ของ Microsoft ... ขนาดกรณี Microsoft ผู้ใช้สามารถติดตั้งเพิ่มได้ แค่ติดตั้ง IE มาให้เป็นมาตรฐานเท่านั้น
นี่ iOS กีดกันไม่ให้คนอื่นทำตัว Render เลย นอกจากตัวเอง แต่ส่วนแบ่งการตลาดไม่ขนาด Windows ที่กินไป 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ เลยยังไม่โดน
แต่นี่มันเครื่องของ Apple เลยนะ
ก็ผิดกตหมาย Anti-competitive ใด้ครับ - ยิ่ง EU หิวๆอยู่ด้วย
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
คนเลือกซื้อเครื่องของ Apple ดังนั้น Apple เลยมีสิทธิ์ลง OS และ Browser มาให้
คนเลือกซื้อ OS ของ Microsoft ดังนั้น Microsoft เลย "ไม่" มีสิทธิ์ลง Browser มาให้
มันก็จะกลายเป็นขัด ๆ กันนะครับ
คือ Hardware ก็เป็นของ Apple อ่ะครับ ส่วน Windows ไม่ได้มี Hardware ของ MS เลย
เหมือนซื้อรถยี่ห้อนึง เราจะไปบอกว่าเขากีดกันไม่ยอมให้ใช้ระบบควบคุมความปลอดภัยของอีกยี่ห้อนึงได้รึ
เลิกแถดีกว่ามั้งครับ?
มันไม่เกี่ยวกันเลยจริงๆว่าใครเป็นคนผลิตฮาร์ดแวร์แต่จุดประสงค์ผลิตมาเพื่ออะไร แล้วกฏหมายต้องการควบคุมอะไรมากกว่า
แถตรงไหนหว่า ผู้ผลิต Hardware ควรมีสิทธิ์ควบคุม System ที่ใช้บน Hardware ที่ตัวเองผลิต ยังไงผมก็ว่ามันไม่ถูกที่ไปหาว่าเขากีดกัน และผมก็ยืนยันแต่แรกว่านี่มันเครื่องของ Apple ที่ทำงานได้กับ iOS เท่านั้น มันไม่เหมือน Windows ที่เอาไปลงกับเครื่ิองยี่ห้ออะไรก็ได้
กรณีนี้ถ้าผมบอกว่าคุณสีข้างถลอกแล้วจริงๆ จะโกรธไหมครับ คุณอาจกำลังเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่แค่ยังไม่รู้ตัว เพราะยังมีกรอบความคิดที่ว่า "เครื่องของ apple ดังนั้น apple จะทำอะไรก็ได้" ครอบไว้อยู่
กฏหมายผูกขาดจะมีผลกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูง ดังนั้นถ้า iOS มันเข้าข่าย ยังไงก็มีสิทธิ์ที่จะโดนได้
เขาไม่สนว่าใครจะเป็นผู้ผลิต ใครจะควบคุม system อะไรยังไง แต่เขาดูผลที่เกิดขึ้น ผลที่จะเกิดกับการแข่งขันตลาดและผลประโยชน์ของลูกค้าโดยตรง เรื่องนโยบายและผลประโยชน์ของผู้ผลิตนี่เป็นเรื่องรองไปเลย
ตอนนี้เราไม่ต้องพูดถึงฮาร์ดแวร์ เรากำลังพูดถึง OS ตัวนึงในตลาดที่ "มีส่วนแบ่งการตลาดสูง" และกำลัง "กีดกันการแข่งขันจากนักพัฒนารายอื่น" คุณว่ามีสิทธิ์เข้าข่ายไหมครับ
ผมเข้าใจว่าคุณกำลังบอกว่า ก็มันเป็นผลิตภัณฑ์ของ apple ตัวเองก็มีสิทธิ์ควบคุมได้ทุกอย่างสิ ..อันนี้น่าจะจริงครึ่งนึง เพราะถ้าแอปเปิลไม่ใช่ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด ก็มีสิทธิ์ทำเช่นนั้นได้ แต่เมื่อใดที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูง มีอิทธิพลต่อตลาดสูง มันก็เข้าข่ายกรณีดังกล่าวล่ะครับ
ผมมองแบบประโยคสุดท้ายนั่นแหล่ะ และคิดว่ามันมีสินค้าอีกหลายประเภทที่เป็นแบบนี้ เช่น รถยนต์ เครื่องเล่นเกมส์ ส่วนกฎหมาย EU อะไรนั่น ผมยังไม่ได้ศึกษา แค่รู้สึกว่าถ้าผมทำสินค้าเองตั้งแต่ Hardware ยัน Software แล้วโดนหาว่ากีดกัน มันดูไม่ค่อยสมเหตุผล
ปล.แล้วทำไมมองต่าง = แถ ไม่เข้าใจจริงๆ
ก่อนอื่นขออภัยที่ไปกล่าวหาคุณว่า "แถ" ผมเข้าใจผิดไปเอง
แต่ส่วนที่จะแย้งคุณคือเรื่องมุมมอง ที่ว่าตัว Apple ไม่ได้ผิดที่บังคับให้ อุปกรณ์(Hardware)ของตัวเองใช้ iOS(Software) ของตัวเอง
กรณีนี้เราจะมองไปที่ตัว App Store ที่เป็นตลาด Software ซึ่ง Apple ทำการกั๊กคุณสมบัติบางอย่างไว้สำหรับ software ของตนเองถึงจะมีสิทธิที่จะเข้าถึงและใช้งานได้ซึ่งมันดูไม่แฟร์เลย ทั้งยัง"อาจจะ"เข้าข่ายการกีดกันการผูกขาด(antitrust rule) เนื่องจากผู้อื่นไม่สามารถเข้าใช้งานคุณสมบัตินั้นได้เนื่องจากไม่มีสิทธิในการเข้าถึง ทำให้ไม่สามารถทำการแข่งขันกับ software ของ Apple ได้
ซึ่งผลเสียจะเกิดกับผู้เขียนโปรแกรม เนื่องจากไม่สามารถขาย application ของตัวเองได้ทั้งที่เสียเงินค่าพัฒนาและอุปกรณ์ลงไป และกับผู้บริโภค ที่ไม่สามารถเลือกทางเลือกอื่นที่ศักยภาพพอๆกันหรือเหนือกว่าอันเดิมได้
ป.ล.กฏหมายมันแล้วแต่การตีความครับ
แอบเปิ้ล มีสิทธิ์ทำอะไรกับเครื่องของตัวเองก็ได้ แต่เมื่อใดที่ แอบเปิ้ลกลายเป็นเจ้าตลาด
หากมีการกระทำใดทำให้
ผู้บริโภค ได้รับผลประโยชน์ น้อยกว่าที่ควรจะเป็น นั่นคือความผิดของแอบเปิ้ลครับ
ผมอ้างจากคำพูดของคุณ illusion นะครับ
ถ้าแบบนั้นผมก็จะบอกเหมือนกันครับว่า มัมันเป็นผลิตภัณฑ์ของ Microsoft ตัวเองก็มีสิทธิ์ควบคุมทุกอย่างได้สิเช่นกันครับ
ผมให้ระดับสูงเป็นผู้ใช้ ต่ำลงอีกก็ Hardware ต่ำไปเรื่อย ๆ คือส่วนควบคุมการทำงานของระดับสูงไล่ลงไป มุมมองของคุณคือระดับที่ต่ำลงไปเรื่อย ๆ จะถูกคุมโดยระดับที่สูงกว่าได้ ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะซื้อเครื่องของเจ้าไหน ถ้าผู้ใช้เลือก Apple ดังนั้น Apple มีสิทธิ์บังคับลง OS X ติดไปกับเครื่องได้ทันที OS X บังคับลง Safari ได้ทันที เนื่องจากผู้ใช้เลือกแล้วที่จะซื้อเครื่องจาก Apple
ที่ผมไม่เข้าใจคือ Microsoft ต่างกันแค่จุดเดียวครับ ผู้ใช้ เลือกซื้อเครื่องตามใจชอบ และ "เลือก" ที่จะซื้อ Windows จาก Microsoft ถ้าใช้เหตุและผลตามแบบด้านบน Microsoft ก็ต้องมีสิทธิ์ติดตั้ง Internet Explorer ไปกับ Windows ได้ทันทีครับ เพราะเป็นความตั้งใจของผู้ใช้เช่นกันที่เลือกที่จะซื้อระบบปฏิบัติการจาก Microsoft
เรื่องมองมุมต่าง จึงต้องแสดงจุดยืนของตัวเอง กับแถ ต่างกันตรงที่อย่างแรกใช้เหตุและผลถูกต้อง ส่วนอย่างหลังคือเหตุไม่ค่อยเข้ากับผลครับ กรณีนี้ผมขอข้ามแล้วกันว่าคุณเป็นประเภทไหนเพราะผมมองว่าเหตุและผลที่คุณให้ก็สมกันอยู่บ้างถ้าใช้ความเข้าใจแบบที่คุณคิด (ซึ่งก็ไม่ผิดซะทีเดียวนะ)
ผมชักงง ในความคิดผมระบบปิดแบบแอปเปิลที่ควบคุม Hardware ยัน Software มันต่างกับ Windows มากเลยนะ ไม่น่าจะต่างแค่จุดเดียว แล้วเหตุผลที่ผมเสนอมันไม่สมเหตุผลกับระปิดตรงไหนหว่า? เอาเป็นว่าถึงเป็นระบบปิดมันก็คงผิด EU ได้เหมือนกันถ้าคนใช้เยอะมากๆ (ทั้งๆ ที่คนใช้เลือกใช้ระบบปิด)
ทำใจรับไม่ได้กับความจริงหรอครับ หุหุ
ทำใจกับความยุติธรรมที่ไม่ยุติธรรมกับทุกฝ่าย ที่ทำงานผมโดนมาแล้ว ทีมการตลาดกับทีมขายเก่งมากจนขายสินค้าตัวนึงได้ดีมาก สุดท้ายรัฐบาลออกกฎหมายการบังคับใช้สิทธิตามสิทธิบัตร คือทุกคนสามารถละเมิดสิทธิบัตรนี้ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย และมีการนำเข้าสินค้าเลียนแบบมาขายมากมาย
กฏหมายในบางกรณีมันก็คือการเอาเปรียบคนกลุ่มนึง เพื่อให้คนอีกกลุ่มนึงได้ผลประโยชน์ครับ
กฏหมายที่ดีผู้ได้ผลประโยชน์คือคนหมู่มาก(ประชาชน) และไม่เอาเปรียบคนกลุ่มน้อยนั้นเกินไปแต่อุดมคติก็คืออุดมคติยิ่งหันกลับมามองบ้านเราแล้ว... ถัมเพื่อใคร
แต่ในกรณีผมมองว่าไม่ได้เป็นการเอาเปรียบนะครับ Apple เปิดตลาดให้คนเข้ามาค้าขายนอกจากจะเก็บค่าหัวคิวแล้ว แล้วคุณยังโกงผลการแข่งขันอีกซึ่งดูเหมือนจะเป็นการเอาเปรียบ
ผมคิดว่าพอถึงจุดนั้น โดนฟ้อง EU แอปเปิลก็คงให้คนอื่นใช้ Nitro ได้ แต่ระหว่างนี้คงจะใช้สิทธิ์ความเป็นเจ้าบ้านไปก่อน
ผลประโยชน์จากตลาดที่แข่งขันกันสูงเป็นของผู้บริโภคยังไงครับ ไม่ใช่ของแอปเปิล
มุมมองของคุณมันมองแบบนายทุนนะครับ
ของที่นิยมมากๆในต่างประเทศบางครั้งเค้าจะมองเป็น "กึ่งสาธารณะ"ครับ
การที่ Apple ทำแบบนี้ ตัวเองจะได้แต่ผลประโยขน์ แต่ผู้ใช้(ที่ไม่คิดจะใช้ Safari)เสียผลประโยชน์
กฏหมายเค้าเข้าข้างผู้ใช้มากกว่านายทุนครับ
ถ้า iOS ถัดๆ ไป ยอมให้นักพัฒนาเข้าถึง Nitro ได้ แต่ไม่อนุญาติให้ทำ Engine กันเอง เพื่อความเสถียรและปลอดภัยต่อระบบปิดของแอปเปิล ยังถือว่ากีดกันคู่แข่งอีกหรือเปล่าครับ?
กีดกันอยู่ดีครับ
แล้วเขียนแบบ Native App ที่ไม่ได้ใช้ภาษา Objective-C เหมือนเขียนเกม แทนไม่ได้หรอครับ
รวมถึงวินโดส์ด้วย เห็นบอกเขียนแบบ Native ได้
รู้สึกว่าเขียนได้นะ แต่จะโดนปัดตกที่ App Store
ว่าจะถามนานแหละ จังหวะที่โดนปัดตกที่ไอ้คนตรวจAppนี้...
คือappleมันแงะcodeเราดูได้เลยหรอครับว่าประกอบด้วยอะไร ใช้libอะไร บลาๆ งง
เขาแกะ ขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย
ผมว่าเขาก็ต้องตรวจทั้งหมดอ่ะแหล่ะ
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
appleบอก"เราไม่สนใจเรามีchromeแล้ว" 55
น่าจะ user มากกว่าแหะ apple คงไม่สนเรื่องนี้
นี่คือเคล็ดลับที่ทำให้ safari เร็วที่สุดใน iOS สินะ
น่าคิด
นั่นน่ะสิ ยิ่ง me เป็นสาวก Firefox อยู่ด้วย 555+
ถึงว่า Chrome ใน iPad มันช้าจริง
ถ้าใช้ chrome แนะนำใช้ android ดีที่สุดครับ
ถ้าจะใช้ chorme บน android แนะนำ AOSP Stock Browser ดีที่สุด...
เพราะคุณไช้ ipad ครับ คุณจะค่อยๆถูก apple บีบให้ไช้สินค้าจากผู้ให้บริการอื่นไม่สดวก ยกเว้นสินค้าของ apple เองซึ่งก็มักจะลงท้ายด้วยการจ่ายแพงกว่าเจ้าอื่น
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
safari มันฟรีนะครับ
และโปรแกรมอื่นๆทำงานเช่น page ก็ถูกกว่า microsoft office ตั้งหลายบาท
MS Office ใน iOS มีแล้วหรอครับ
เห็นว่าจะลง MS office 2013 ลงทุก platform เลยครับ ทั้ง Android และ IOS (mac osx ด้วย) กำลังพัฒนาอยู่ครับ
แต่ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่คาดการณ์เดือน11ปีนี้ แต่คงคาดหวังไม่ได้เรื่องเวลา ไส้เลื่อนได้เสมอ
แต่ Mac osx คงมีชัวร์ตามธรรมเนียมเดิม
และก็มีข่าวออกมาแล้วครับว่าความสามารถถูกตัดทอนไม่เท่า Windows :P
ผมเทียบราคาจากใน mac มาด้วยครับ ว่าเปิดตัวมายังไงก็ต้องแพงกว่าแน่นอน
ผมว่าไม่เห็นเกี่ยวเลย ผมมองกลับกัน คือ คงไม่มีใครทำของดีที่สุดให้คนอื่นมากกว่าของๆตัวเองหรอกครับ เหมือนทำไมMS ไม่ทำ MS Office ลง Platform อื่นนอกจาก WP นั่นแหละครับ
ไม่ได้ให้ทำให้ครับ ให้เปิดให้ทำต่าวหากคือประเด็น
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ถ้าไม่นับ hardware ตัว software ของmacถือว่าถูกนะครับ
แต่ก็เห็นหลายๆคนยอมให้บีบนะครับ ถ้ามันดีจริง
Chrome บน iOS ประมวลผล Javascript บางคำสั่งได้ไม่สมบูรณ์ด้วย แต่พอใช้ Safari ผ่านฉลุย
เพราะค่ายผลไม้เตะถ่วงลูก pokemon ครับ เหมือนกับแมรว 850 เตะถ่วง TxT 2100 ครับ
มันอาจจะปลอยภัยกว่าให้พัฒนากันเอง ว่ามั้ย ?
ไม่งั้นเดี๋ยวก็เหมือนแอนดรอยตอนนี้
Jailbreak แล้วใช้ Nitro ได้ เร็วขึ้นเยอะเลยครับ ฮ่าๆ
ผมก็รอ firefox บน iOS มิน่าไม่มาซักที
safari for iOS มันห่วยมาก แต่จะใช้อันอื่นก็ช้า
YouTube for iOS ก็ห่วย
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
ห่วยยังไงครับ
Safari for OSX ห่วยแตกของแท้ครับ วันไหนไม่ปิดเองนี่ ผมแปลกใจเลยทีเดียว
บน Mac ผมก็ใช้ Safari ตลอดไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรครับ
ใช้ ML สินะครับ เห็นว่า Safari มีปัญหาเลยล่ะครับตัวนั้น จนคนใช้ต้องไปเอา safari version เก่ามาใช้ก่อน (แต่ Lion ปกติดี)
แต่ผมใช้ Firefox เท่านั้นครับ ชินมือและสะดวกที่สุดกับผมล่ะ
ใช่เลยครับ หลังจากอัพเป็น ML แล้ว Safari ปิดตัวเองบ่อยมาก ก่อนนี้ที่ใช้ Lion แทบจะไม่เคยเป็นเลย
ผมใช้ ML มันก็ไม่ล้มนะ
ใช่ ฟีเจอร์อย่างปาดขอบจอเพื่อเปลี่ยนแท็บก็ไม่มี จะเปลี่ยนแท็บทีลำบากชิบ แต่ก่อนยังไม่มีโครมชีวิตลำบากมาก
ว้ากก ios/rt กากจุงเบยไม่กล้าหละดี้ กิ้วๆ (ปล.ขออภัยครับ ตั้งใจเกรียน)
ย่อหน้าสุดท้าย Arm >>> ARM
เหมือนเป็นพื้นที่สงวนสำหรับ Safari เลยแฮะ
เพราะบน OS อื่น สู้ส่วนแบ่งทางตลาดกับ 3 พลังประสาน IE, Chrome, Firefox ไม่ได้เลย
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
มันอาจเป็นปัญหาเรื่อง Security ไหมครับ เหมือนกับที่ไม่ยอมให้มี Flash บน iOS
อาจจะประมาณนั้นก็ได้ครับ แต่กรณี Flash นั้น Apple ไม่ได้ห้ามนะ แต่สิทธิที่ให้ App ปกติใช้ได้มันไม่พอนะสิ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
จะบอกว่า apple กีดกันก็ไม่ค่อยถูกนะ เพราะเค้าก็ให้ทำ browser อื่นมาลงได้นี่
browser อื่นทำได้แค่ประมาณทำ UI ครอบ แต่ตัว render ต้องใช้งาน Safari ที่ไม่มี engine javascript ช่วย
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
Safari ขนาดแฮกเกอร์ยังไม่มองเลย ถ้าทําออกมาดีจริงก็ว่าไปอย่าง เห็นทําการตลาดก็ไม่เหมือนแต่สมัยก่อน ยุคเปลี่ยนก็น่าจะเปิดๆใจกันนะพี่แอพ ถ้าไม่เห็นแก่ผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม ก็เห็นแก่ ไอแซก นิวตัน บ้างเถอะ
ถ้าบอกว่า ขนาดแฮกเกอร์ยังไม่มองเลย ผมว่านั่นเป็นเรื่องดีเป็นจุดแข็งเลยนะ ล่าสุดน่าจะมาจากเหตุการณ์แอพใน Android ที่ทำให้มีอีเมลจากหลายธนาคารพร้อมใจกันส่งมาเตือนซึ่งนั่นก็เป็นสัญญานที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
Firefox ไม่มีอะไรใหม่ตั้งแต่ 3.0 จะบอกได้ว่า 3.0 เป็นยุคที่ดีที่สุดเลยนอกจากนั้น Chrome พัฒนาเรื่อยๆ โดยเฉพาะระบบ Sync ที่ทำให้ทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียว (ระบบ Sync ของ Firefox เน่ามาก) และทำมันทุกระบบ ผมว่ากลยุทธ์ของ Firefox กำลังแย่หนักเลยออกข่าวนี้มาพูดดูเหมือนจะอยากให้ iOS ได้รับผลประโยชน์แต่จริงๆ ตัวเองกำลังอยากได้ประโยชน์ซะมากกว่า
คาดว่าอนาคต Firefox จะแย่ลงเรื่อยๆ เพราะ Chrome จะครองโลกด้วย Ecosystem ที่สุดยอดจากทุกๆ อุปกรณ์
ที่ออกมาบอกก็เป็นการอธิบายว่าทำไมถึงมี Firefox browser บน ios ซึ่งก็เข้าใจใด้ เพราะ Firefox เน็นเรื่อง Engine ของตัวเองค่อนข้างชัดเจน
และบนมือถือ Mozilla มี ทั้ง browser บน Android และ Firefox OS
แต่ยอมรับว่าระบบ Sync ของ Firefox เน่าจริง จนผมกลับไปไช้ xmark
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ทำไมผมถึงรู้สึกว่า Chrome มันเร็วและง่ายแต่ก็กลวง
Firefox ถึงจะสู้ไม่ได้ด้านความเร็ว แต่นอกเหนือจากนั้นมันให้ประสบการณ์การใช้ที่ดีมากๆ โดยเฉพาะฟีเจอร์หลายอย่างที่ออกแบบมาตอบโจทย์การใช้งานจริงๆ ซึ่งของอย่างนี้ใช้สองตัวคู่กันไปจะสัมผัสได้ชัดเจน
ล่าสุดที่เพิ่งสาบแช่งโครมไป คือเปิดแทปเว็บไว้มากมายเพราะค้นคว้าข้อมูลอยู่ ทั้ง firefox และ chrome อยู่ดีๆ เผลอไปกดให้มัน restart เพราะ windows update กลับมาอีกที firefox เก็บข้อมูลแทบไว้ให้ครบ พร้อมช้อความที่พิมพ์ไว้ข้างใน และทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ หมาไฟก็รักษาแทปไว้ให้ทุกครั้ง ในขณะที่ chrome มาหน้าว่างเปล่า (ทั้งๆ ที่ใน settings ก็สั่งให้มัน restore last session แล้ว แสดงว่าไม่เสถียรเลย)
มีอีกเยอะครับ ที่ใช้ๆ ไปแล้วรู้เลยว่า chrome ยังกลวงกว่า firefox เยอะ มีโอกาสจะไล่รายการให้ดู
แต่เรื่อง sync นี่ดีจริง บนมือถือผมก็ใช้ chrome sync กับบน PC อันนี้เวิร์คจริงๆ
เครื่องใคร Jailbreak มันมี app ตัวนึงชื่อ Nitrous ครับ ทำให้รัน javascript ในทุกแอปใน iOS ได้เร็วขึ้นเทียบเท่า Safari (เช่น Chrome และ Cydia)
อ้างอิงจากที่นี่นะครับ
http://www.idownloadblog.com/2012/07/30/nitrous/
มีวิดีโอแสดงผลทดสอบด้วยครับ ว่ามันรัน javascript เร็วขึ้นจริง ๆ
เวลาใช้ safari ลูกเล่นบางอย่างสะดวกดี ส่วน firefox เหมาะสำหรับนักพัฒนาแต่เสียอย่างเดียวมันใช้ฟิเจอร์แบบ safari ไม่ได้ เลยต้องใช้ควบคู่กัน
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
คาดว่าน่าจะไม่มีทางปล่อยเว็บบราวเซอร์ค่ายอื่นได้ส่วนไปแน่ จนกว่าส่วนครองตลาดของระบบจะเข้าใกล้ผูกขาด ซึ่งอาจจะอีกนานหรือตลอดไป จุดเป็นตายมันอยู่ที่เว็บบราวเซอร์นะ
ตอนนี้ safari ios 386+9 ใกล้แซง chrome android 390+11 ครับ