Eldar Murtazin บล็อกเกอร์ชาวรัสเซียแห่งเว็บไซต์ Mobile-review เปิดเผยว่า ไมโครซอฟท์ได้จัดตั้งทีมขึ้นมาพัฒนาพิมพ์เขียวของระบบปฏิบัติการรุ่นถัดไปสำหรับทั้งแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน โดยการพัฒนาระบบปฏิบัติการนี้จะเริ่มต้นจากศูนย์ (clean slate) และเป็นไปได้ที่ส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI) จะได้รับการพัฒนาภายใต้วิสัยทัศน์ที่ต่างออกไปจากของเดิม ทีมนี้จะนำเสนอคำแนะนำให้กับฝ่ายบริหารของบริษัทในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ และการพัฒนาระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่จะเสร็จสิ้นปี 2015
Murtazin กล่าวว่า การที่ไมโครซอฟท์ขยายเวลาสนับสนุนวินโดวส์โฟนเป็น 36 เดือน นั้นสอดคล้องกับการพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่จากศูนย์เป็นอย่างดี
หากเป็นจริงก็อาจจะเหมือนกับ Windows Phone 7.5 ไป Windows Phone 8 สงสัยต้องเริ่มเตรียมแพไว้ได้แล้วครับ
ที่มา: Mobile-review (ฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษ) ผ่าน Unwired View
Comments
ปี 2015 ก็โอเคนะ
ถ้าคนซื้อวินโดวส์โฟนตอนนี้ก็อาจจะไม่คิดอะไรมาก เพราะถึงเวลานั้นมือถือที่ซื้อตอนนี้คงมีอายุซัก 2 ปีแล้ว
แต่รุ่นที่ออกกลางปีหน้า ไปยัน ปี2015 ก็จะกลับสู่วงจรอุบาทว์เดิม สมัย wp 7 มาแล้วมีแต่คนรอ 7.5 รอ 8
แล้วรุ่นที่ออกหลังจากนี้อะ คือถ้ารุ่นใหม่จะไม่ได้ไปต่อรุ่นหน้า ไมโครซอฟท์ก็ไม่น่าจะมาเพิ่มการสนับสนุนเป็น 36 เดือน เอาตอนนี้นะ เป็น 18 เดือนแบบเดิมจะไม่ดีกว่าหรอ
หรือนี้คือเหตุที่ Lumia 1020 ถึงมีแรม 2G
เริ่มต้นจากศูนย์เลย แล้วแอพต่างๆ ที่อยู่ในสโตร์ยังใช้ได้เหมือนเดิมปะ
น่าจะรันไฟล์พวก APPX กับ XAP ได้นะครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
แอพน่าจะรันได้ครับ แต่อัพเกรดเป็นโอเอสรุ่นใหม่คงไม่ได้
ถ้าเป็นจริง แสดงว่าไม่ได้แคร์โนเกียเลยว่าจะขายของได้ไหม
หรือว่าเบื้องหลัง แตกหักกันเรียบร้อยแล้ว
ถ้าแยกแบบนี้ก็ดีนะครับปัญหาด้าน Hardware ก็จะน้อยลง คือแยกสาย pc กับ มือและแท็บเล็ต ออกจากกัน
เหมือน apple แยก osx กับ ios ออกจากกัน
ผมว่าแยก OS มือถือกับแท็บเล็ตดีกว่านะ ปี 2015 ถึงตอนนั้น Atom คงกินไฟน้อยมากๆและประสิทธิภาพสูง ควรสนับสนุน Windows ตัวเต็มลงแท็บเล็ตอย่างเป็นทางการและเลิกดัน Windows RT สักที ส่วน Windows Phone คงต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ อย่าพัฒนาทิ้งๆขว้างๆเดี๋ยวจะตามชาวบ้านเขาไม่ทัน
เป็นความผิด ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ... แสดงให้เห็นว่า One Microsoft ยังแย่เหมือนเดิม ... ถ้าจะเอาอย่าง Apple ก้อเริ่มจากอันนี้ก้อได้ แคร์เงินและความรู้สึกของลูกค้าให้มาก ๆ หน่อยนะ
อีกสองปี ผมว่าผมอาจเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นแทนแล้วแน่ๆ
ฮาจริง
มีข่าวแพบ่อยครั้งที่โนเกียออกรุ่นใหม่ ตอน 7.5ไป 8 ก็มีข่าวประมาณนี้เลย (ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง) MS ตั้งใจเตะตัดขาโนเกียอยู่รึเปล่านิ
ยุทธการทำให้หุ้นตก บริษัทย่อยยับ แล้วเข้าครอบครองเบ็ดเสร็จ
Me จินตนาการล้วนๆ
ขอแค่ตั้งใจทำให้มันดีๆ หน่อยก็แล้วกัน หลายครั้งละชอบออกมาพูดทำลายยอดขายวินโดวส์โฟนเสียเอง
นึกว่า Windows Phone 8 นี่คือตัวจริงแล้ว สุดท้ายก็กลายเป็นแพลำใหม่
เป็นไปได้ที่ส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI) จะได้รับการพัฒนาภายใต้วิสัยทัศน์ที่ต่างออกไปจากของเดิม
^
^
ถ้าข่าวนี้จริง นี่คืออวสานของ Metro สินะ
แสดงว่า Microsoft เริ่มยอมรับความจริงได้แล้วว่ามันไปไม่ีรอด
งั้น UI ของค่ายอื่นจะมาใช้คอนเซป(ใกล้เคียง) metro ทำไมถ้ามันไม่สำเร็จ สังเกตุจาก play store เวอร์ชั่นใหม่
ปล. UI ปรับมาตลอดแทบทุกเวอร์ชั่นไม่ได้สังเกตุหรอครับ ตั้งแต่ DOS ละ
แค่กราฟฟิกไปทาง Flat ไม่ได้เกี่ยวกับ Metro เลยครับ
ทุกสำนักบอกตรงกันเลยว่าแนวทางการออกแบบ Flat Design นั้นเกิดได้เพราะแนวทาง Metro UI (ชื่ออย่างเป็นทางการคือ Microsoft design language) ของ Microsoft ที่เป็น trendsetter ที่ชัดเจนมาก เกิดมาตั้งแต่รุ่น Zune แล้ว ยุดหลัง Windows 8 ออกมา ก็เห็นชัดว่าทุกค่ายก็พยายามมาแนวทางนี้ เพราะก่อนหน้านีทุกคนก็ไปในแนวทางของ Skeuomorph Design ที่ทุกๆ คนก็บอกว่า Apple คือ trendsetter เช่นกันครับ
เสริมนิดนึงว่า Microsoft design language เป็นการนำแนวคิดพื้นฐาน 3 ตัวมาผสมกัน Flat Design, Typography design และ Motion design มาเป็นฐาน
ต้องมองแยกกันนะครับ flat design เป็นแค่ ส่วนหนึ่งของ Metro UI
การที่ flat design ได้รับความนิยมไม่ได้หมายความว่า metro จะแจ้งเกิดได้
ผมพูดในความหมายเชิง trendsetter หรือ "ผู้นำเทรนด์" นะครับ
เข้าใจครับ แต่การเป็น "ผู้นำแฟชั่น" นี่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยกับความสำเร็จของ ui อ่ะครับ
ผมยังไม่ได้พูดถึงว่ามันจะประสบความสำเร็จหรือเปล่านะครับ จริงๆ ต้องเสริมด้วยว่ามาตรวัดการประสบความสำเร็จนั้นอยู่ในด้านไหนด้วยครับ ถ้าในด้านการนำตลาดถือว่าทำได้ดี แต่ถ้าประสบการณ์ในการใช้งานมันยังแน่อยู่
เข้าใจครับ แต่การเป็น "ผู้นำแฟชั่น" นี่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยกับความสำเร็จของ ui อ่ะครับ
ขอขยายความนิด การเป็น TrendSetter ในกรณีนี้ ผมถือว่ามัน ไร้ค่า ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ไม่ว่าจะกับ Microsoft หรือ ผู้ใช้
User Friendly ต่างหากที่สำคัญ ซึ่งดูเหมือน Win8 จะขาดตรงนี้ไปมาก ๆ
เหมือนเด็กเสิรฟร้านอาหารร้านหนึ่งแต่งตัวดี มีร้านอื่นแต่งตามหลายร้าน แต่ไม่ได้ทำให้ร้านขายดี รสชาติอาหารต่างหาก ที่จะทำให้ร้านอยู่รอด
ถ้าเป็นร้าน Maid Café ผมค่อนข้างเชื่อว่ารสชาติอาหารไม่ได้สำคัญกว่าชุดเด็กเสิร์ฟขนาดนั้นครับ :p
Microsoft ใช้ Flat ในการออกแบบ Metro UI มากที่สุดแต่นั้นไม่ได้แปลว่า Microsoft เป็นต้นตำหรับ Flat เลยนิครับ ถ้าให้พูดถึงแนว Flat Design มีมาเนิ่นนานก่อน Microsoft จับมาทำ Metro ด้วยซ้ำ พูดอีกอย่างคือแนวความคิด Flat Design เกิดก่อน Metro UI ซะอีก ไม่จำเป็นว่าพูดถึง Flat ต้อง Metro ก็ได้ครับ คนละส่วน คนละความหมายเลย
Flat = Concept
Metro = User Interface
ความหมายของ trendsetter คือ "ผู้นำเทรนด์" นะครับ ไม่ใช่ "ต้นตำหรับ Flat"
แต่ rep เริ่มต้นของโควทยาวๆนี้ มันเริ่มที่การใช้งาน UI นิ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการออกแบบ Flat
ผม reply "แค่กราฟฟิกไปทาง Flat ไม่ได้เกี่ยวกับ Metro เลยครับ" ครับ ซึ่งอธิบายเรื่อง Flat กับ Metro ว่ามันเกี่ยวกันไหม แล้วใครเป็น trendsetter เสริมเข้าไป แค่นั้นครับ
อ้างถึง http://www.amazon.com/Survival-Guide-Enterprise-Architectures-Silverlight/dp/1849683425
ผมอ่านหนังสือ MVVM Survival Guide for Enterprise Architectures in Silverlight and WPF ผู้แต่แนะนำ HTML5 ดีกว่า XAML แต่จุดเด่นของ XAML คือ พลังของ .NET ในการประมวลผลของ VM ที่ดีกว่า JavaScript Engine เท่านั้น และ แนะนำให้ใช้ WPF ดีกว่า Silverlight ( Metro UI ถือว่าเป็น Silverlight เพียงแต่เปลี่ยน IO API เท่านั้น ) หากจะใช้ Silvelight จริง ๆ แนะนำ HTML5 ดีกว่า ( Windows 8 / RT ก็รองรับการพัฒนา App ด้วย HTML5 เช่นกัน )
อ้างถึง
http://www.amazon.com/Windows-Apps-HTML5-JavaScript-Unleashed/dp/0672336057
http://www.amazon.com/Programming-Windows®-Apps-JavaScript-ebook/dp/B009WS8FCG [ Kindle นี้ฟรี ครับ ]
อะไรของคุณครับ
เป็นผู้นำเทรนด์คงใช่ครับ แต่ประสพความสำเร็จหรือไม่ก็ต้องดูกันต่อไป (ถึงตอนนี้หลายคนจะฟันธงแล้วก็เถอะ)
ใช่ครับ ประสบความสำเร็จในแง่นำตลาด แต่อาจจะไม่ได้เป็นคนปิดงานก็ได้ แนวๆ นั้น คือมันยังขาดๆ เกินๆ ค่ายอื่นๆ อาจทำได้ดีกว่าก็ได้ ซึ่งก็คงคล้ายๆ กับตัวอื่นๆ ในตลาดที่ทำออกมาได้ดูดีกว่าอย่า iOS 7 ที่ตอนแรกออกมาขาดๆ เกินๆ แต่ beta ล่าสุดก็เริ่มดูดีแล้ว
... อยากบอกว่าไม่ค่อนแปลกใจกับการเปลี่ยน Play Store เป็น Card สีขาวตาม Google Now เลยครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ถ้ามีการเปลี่ยนแนวทางการออกแบบ UI ผมมั่นใจอย่างหนึ่งว่า Metro จะยังอยู่
คุณอาจจะต้องเข้าใจกับ Metro กับ UI Element ต่างๆ ใหม่นะครับ แนวทาง Metro คือการออกแบบที่ "ตัดสิ่งรบกวน" ออกไปให้มากที่ ส่วนพวก Live Tiles, Pivot Navigation, Panorama UI อะไรพวกนี้คือ UI Element ที่ออกแบบมาในแนว Metro
ลองอ่านอันนี้ดูครับ Metro UI บน Windows Phone แท้จริงแล้วคืออะไร?, แอพ Twitter ยังคง Metro UI ไว้สมบูรณ์
คุณไม่ได้ไปต่อ
ผมหมายถึง ms นะ อิอิ
แพ... แพ everywhere
//ชูกล้วยให้ MS รัวๆ
กล้วยหลายต้นซะด้วยครับ
2 ปีกว่าๆมันนานมากเลยนะครับสำหรับนักเล่นโทรศัพท์ ซึ่งก็เหมาะสม ส่วนคนที่ไม่ใช่นักเล่นโทรศัพท์เค้าก็ไม่มีความจำเป็นต้องอัพเพราะที่มีก็ใช้ได้อยู่แล้ว จะมีทิศทางต่างจาก iPhone ที่อัพได้หมดก็จริง แต่ถ้าคนใช้ไอโฟน ถามจริงจะมีสักกี่คนที่ไม่ยอมเปลี่ยนเครื่องเลยมาตั้งแต่ 3G
ถ้าได้ตามเทรนของ Microsoft จะทราบว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ สมัยช่วง Vista ยังไม่เกิด นี่ Windows Longhorn ได้ชื่อว่าอนาคตของ Microsoft เลย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เกิด หรือ WinFS ก็เงียบหายไป คือเรายังไม่ชัดเจนว่าอะไรเกิดหรือดับ หรือจะมา ทุกคนก็ได้แต่คาดการณ์ไปต่างๆ นาๆ ซึ่งข่าวนี้ก็ข่าวลือ แถมกว่าจะรู้ว่าจริงหรือไม่ก็ 2015 และอาจจะเห็นชัดๆ ก็ช่วงปลายปี 2014 ซึ่งก็อีก 1-2 ปี ซึ่งสำหรับโลกไอทีนั้นยาวนานมาก
ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ถามว่าเป็นไปได้ไหมที่ Microsoft จะรวมสายทั้งหมดกลับ Windows ตัวเดียว ผมบอกได้เลยว่า มันเป็นไปแล้ว ในตอน Windows 8, Windows phone 8 และล่าสุด Xbox ONE ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องใหม่เลย แค่ฝั่งคนใช้งานทั่วไปยังไม่ได้เห็นผลชัดเท่าฝั่ง Developer แค่มันยังไม่เนียน ไม่สามารถสร้างซอฟต์แวร์ให้ทำงานข้ามกันไป-มาได้โดยไม่ต้องปรับแต่งใหม่ เพราะฉะนั้นผมมองว่ามันเป็นไปได้ ด้วยกำลังของ CPU ความจุของ RAM ที่มากขึ้นในราคาที่ถูกลง ความเร็ว/ราคา SSD ที่จับต้องได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้ทุกอย่างเป็นไปได้
ถามว่าเป็นแพไหม ต้องบอกว่า มือถือ Smartphone ที่ขายๆ ในปัจจุบัน ก็เตรียมตัวแพกันอยู่ทุกยี่ห้อทุกเครื่องอยู่แล้ว อย่างผมใช้ Android เครื่องเก่า ผมโดนปล่อยแพตั้งแต่ 6 เดือนแรกที่ออก แถมเป็น flagship ด้วย (แค้นไม่หาย และลาขาด Android เพราะเหตุผลนี้ และเวลาใครมาขอคำแนะนำ ก็มักให้เลือกยี่ห้อที่มีประวัติแพน้อยที่สุด หรือ Nexus brand ไป) แน่นอนหลายๆ คนคาดหวังว่ามันจะได้อัพเกรดไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่มันยังไม่พัง ซึ่งมันคงเป็นไปได้ยาก ด้วยความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุด ข้อจำกัดทางด้าน H/W ที่ออกมาไม่ทันต่อความต้องการของ S/W ในฝั่ง smartphone เลย ซึ่งในมุมมองของผม แค่มันอัพเกรดต่อเนื่อง 2 ปีผมก็แทบกราบแล้ว เพราะอายุของ OS ในปัจจุบันแม้แต่ฝั่ง PC เองก็มีอายุเพียง 18 เดือนถึง 2 ปีกันอยู่แล้ว (ถ้าเป็น Windows จะได้รับการ update patch ต่อไปอีกถึง 5-6 ปีก็ตาม แต่ไม่ใช่การ upgrade ความสามารถ)
สรุปรอดูครับ ผมเป็นคนใช้และ developer ก็เตรียมตัวรับมือกันไป
+1
สำหรับลูกค้า Windows RT และ Windows Phone คงไม่มีผลเท่าไรครับ เพราะถึงเวลานั้นคงเปลี่ยนเครื่องใหม่แล้ว แต่ปัญหา คือ คงไม่มีใครกล้าซื้อ App เพราะ New OS คงไม่ ...รองรับ App เดิม ๆ เหมือนเช่นเคย
แต่หนักสุด คือ Programmer จะไปทิศทางไหน จาก Dos, Win16, Win32, ActiveX, DCOM, VB, MFC, WinFroms จนมาถึง XAML ทำให้ Windows ไม่เคย Compatible กันเลย โดยเฉพาะ XAML ยังแบ่งแยกรุ่นย่อยเป็น WPF, Silverlight ที่สำคัญ Metro UI ยังเปลี่ยน API ของ IO ใหม่ด้วย
ความจริง จะเปลี่ยน UI ก็เปลี่ยน Shell ไป ทำไมต้องเปลี่ยน Kernel ด้วย
ง่าย ๆ แค่ให้ .NET ทำงานได้ทั้ง Desktop, Tablet & Mobile ทั้ง x86 & ARM มันก็จบแล้ว
ข่าวนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเปลี่ยน kernel ใหม่นะครับ ;)
ส่วน XAML และ .NET เข้าใจว่าต้องการให้มัน optimize กับ H/W หรือ S/W ที่ ontop บางตัวที่จะเอาไปรัน ไม่งั้นมันจะโหลดตัว VM ด้านหลังหน่วงเกินความเป็นจริงซึ่งหลายๆ ตัวที่ใช้แนวคิดแบบนี้ก็เจอปัญหาใช้หน่วยความจำและโหลดมากเกินไป
.NET พัฒนาครั้งแรก สมัย Windows XP ตอนนั้น RAM แค่ 256 MB ก็หรูแล้ว
ปัญหา Java บน Android ทำให้ต้องใช้ RAM ถึง 2 GB ส่วน Surface RT ก็เริ่ม 2GB แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหา หากมีก็ทำให้ VM คืนหน่วยความจำเร็วขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ App ของ Apple ปกติแม้จะเป็น Native แต่ iOS จะไม่รองรับ GC เหมือน OS X ทำให้ทำงานได้ตั้งแต่ RAM แค่ 256 MB ได้สบาย ๆ เหมือน iPad 1 ( ตอนนี้ผมสนใจ Xamarin มันเป็นการพัฒนาด้วย C# แบบ Native เพื่อทำงานได้ทั้ง OS X, iOS & Android โดยเฉพาะบน Android รองรับ XAML เหมือน Windows 8 )
ความจริง Windows 7 & 8 ก็ Optimize ให้ ...เล็กลง และ ใช้ Resource น้อยลงกว่าเดิม เกือบเท่าตัว แต่ต้องเริ่มต้น RAM 2 GB เพราะเน้นรองรับ Memory แบบ GC นี่ละครับ
ผมกลับคิดว่าปัญหาของ Android เกิดจากการที่ Task Scheduler ของ Android ค่อนข้างใจดีมาก เมื่อเทียบกับ Mobile OS อีกสองตัวที่เหลือ Android แทบจะไม่ผลักให้ App ไปอยู่ในสถานะ Pause/Stop เลย (ในขณะที่ WP8/W8 นี่ดันไปตลอด iOS แรก ๆ Terminate ไปเลยด้วยซ้ำ) ทำให้พบว่ามี process รันอยู่เป็นจำนวนมาก
นี่เป็นแค่การคาดเดาครับ ไม่มีหลักฐานสนับสนุน 555
ปล. แต่เครื่องผมแรม 1GB ก็ลื่นนะ ใช้ได้สบาย ๆ
ตอนผมใช้ Xoom แล้วมาต่อ Nexus7 ผมเคยคิดว่า 1GB นี่สบายๆเหลือนะ
จนกระทั่งผมได้จับเครื่องที่ไม่ใช่ pure google ของเพื่อน
แรมที่เหลือนี่น้อยกว่าโทรศัพท์ของผมที่แรม 512 แล้วลง CyannogenMod ซะอีก
ทำให้ผมมองว่าคนที่ดันแรมไปจนถึง 2GB ไม่ใช่ตัว Android หรอกแต่เป็นผู้ผลิตต่างหาก =_=
ผมว่าอยู่ที่การจัดการ Resource ครับ ที่เป็นแบบ Full Multitasking ขณะที่กำลังดูจาก App Switcher แล้วยังลื่นได้อีกก็เห็นจะมีแต่ตระกูล MeeGo นี่แหละครับ (เศร้า T_T)
ผมว่ายังไงก็ใช้ App เดิมได้ OS ใหม่แต่ผมว่า Kernel น่าจะใช้อันเดิม ขนาด WP7 มา WP8 เปลี่ยน Kernel WP8 ยังใช้ App ของ WP7 ได้เลย
แต่ App ของ WP7 ไม่สามารถทำงานบน Metro UI ของ 8 / RT ได้ครับ
จริง ๆ แล้ว WP8 ไม่ได้เปลี่ยน Kernel แค่พัฒนา Kernel ของ WP7 ให้รองรับได้ทั้ง Silverlight และ Metro UI ได้ เท่านั้นครับ หากดูมาตราฐาน API ของ WP8 ระดับ Systems Programming ยังคงคล้าย ๆ กับ WP7 ครับ ซึ่งไม่เหลือนกับ WinRT API เลย รวมทั้ง Metro UI ของ 8 / RT ไม่รองรับ Silverlight แม้จะเป็น UI แบบ XML ( XAML ) เหมือนกัน
ตามข่าว [ลือ] เป็นการเปลี่ยน Kernel สำหรับผม Microsoft ไม่สร้าง OS ใหม่หลอก แต่หมายถึงการสร้างมาตราฐานใหม่ของ Kernel ครับ นั้นคือ API มันจะไม่ Compatible กัน เช่น App ของ XP หลาย ๆ ตัวไม่สามารถทำงานบน Windows Vista & 7 ได้ และ App ของ Windows เดิม ๆ ทำงานได้เฉพาะ Windwos 8 ใน Dekstop Mode เท่านั้น ( เชื่อว่า Windows รุ่นต่อไป อาจไม่มี Desktop Mode แล้ว หรือ ไม่สามารถติดตั้ง App ต่าง ๆ บน Desktop Mode ได้เหมือน Windows RT ยกเว้น App ของ Microsoft เท่านั้น )
อ้าว ผมนึกว่า WP8 ใช้ NT Kernel เหมือน W8 ในขณะที่ WP7 ใช้ Windows CE นะ? สงสัยว่าจะจำผิด
ผมว่าไม่ผิดนะครับ
WP8 ไม่ใด้ ...ใช้ NT Kernel เหมือน Windows 8
แต่ WP8 ใช้ Components ของ NT Kernel ของ Windows 8 หลาย ๆ ตัว ครับ
ด้วยเหตุนี้ Microsoft จึงพยายามรวม WP8 และ RT เป็น Kernel เดียวกัน จะได้ใช้ App ร่วมกันได้เหมือนกับ iOS
ปกติ NT Kernel พัฒนาต่อมาจาก VAX/VMS OS ของ Digital มีการแบ่ง Kenel ออกเป็นส่วนย่อย ๆ เรียกว่า Microkernel แล้วมี Components เรียงต่อขึ้นมาเป็น ชั้น ๆ เรียกว่า Level โดยพยายามให้แต่ละ Microkernel ทำงานเป็นอิสระต่อกันคล้าย ๆ กับ Minix แต่จะมีจุดอ่อนเรื่อง Control ในการใช้ Resource ร่วมกัน ทำให้มีปัญหาเรื่อง Multi-thread ไม่สมบูรณ์ ( ไม่ใช่ Multi-tasking )
ทำให้ Linux เลือกใช้ Kernel แบบ Single Core แม้ปัจจุบัน Kernel จะมีการผสมผสานต่าง ๆ มากมาย แต่โครงสร้างหลัก ๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก ( ผมยังเก็บ หนังสือ Operating Systems, Design and Implementation ซึ่งรวม Source Code & Architecture ของ Minix ไว้เลย และ ทำงานด้าน System Programming ซึ่งเน้น Multi-thread, Concurrency & Massively Parallel ตั้งแต่บน NT 3.5 ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก แต่ดีขึ้นแน่ ๆ ครับ )
รู้แค่ว่า ถ้าเปลี่ยนรุ่นแบบหักดิบเหมือน WP7 ไป WP8 นี่ ย้ายค่ายแน่นอน
ขนาดข่าวลือคนยังหุงมาม่ากันอร่อยเลยนะ ถ้าเป็นจริงขึ้นมาจะแซ่บขนาดไหน
ส่วนตัว 36 เดือนนี่ถือว่าโอเคแล้ว เพราะปกติคนก็ใช้งานราว ๆ นี้อยู่แล้ว และไม่น่าหักดิบเกินไป ส่วนตัวมองว่าพวกแรม 512 MB นี่โดนแน่ ๆ ส่วนแรม 1GB ก็เสียว ๆ อยู่ ขณะที่แรม 2 GB นี่ลอยลำไปแล้ว ได้ชัวร์ ๆ (ความเห็นส่วนตัว)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผมก็ดูอยู่เหมือนกันครับ ข่าวลือยังต้มมาม่ากันขนาดนี้ ...
//เหมือนไม่มีใครเห็นคำว่าข่าวลือ
เป็นไปได้ที่เมื่อเห็นไมโครซอฟท์จะนึกถึงภาพเชิงลบไว้ก่อน
ผมถึงหยอดไว้นิดนึงว่าถ้าข่าวเป็นจริง ไงครับ
แบบนี้ Windows Phone 8 ในปัจจุบันก็คงไม่ได้มีการพัฒนาต่อไปอีกซักเท่าไหร่แล้วสิ
เพราะยังไงก็ต้องโดนโล๊ะทิ้งอยู่แล้ว
ถ้าทำใหม่จาก 0 จริง ผมว่า 3 ปีไม่พอหรอกครับ
ยิ่ง MS ชอบใส่อะไรมากมายวุ่นวายมาเยอะ ๆ อยู่ 555
ทำใหม่หมด ผมว่าบริษัทล่มสลายแน่นอน ผิดวิสัย Microsoft มากไปเยอะมากๆ จริงๆ
ถึงเวลานั้น อาจจะไม่มีไมโครซอฟท์แล้วก็ได้ ... เท่าที่ผ่านมาช่วง 12 เดือนก็เห็นแล้วว่า คุณบาล์มเมอร์ เขาขาดความสามารถในการทำธุรกิจด้านนี้ ความผิดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเรื่อง Windows Phone 7.5 มา 8.0 แล้วก็มาเวอร์ชั่นใหม่ครั้งนี้อีก ... เรื่อง XBox ที่ประกาศนโยบายกร้าวจนลูกค้าหนี ... เรื่องการพัฒนา Windows RT ... เรื่องการออก Windows 8 แต่ละเรื่องก็ชัดเจนแล้วว่า ไม่ประสพความสำเร็จ เดินผิดทาง ทำลายความเชื่อมั่นของลูกค้า และแก้ไขปัญหาไม่ถูกแนวทาง
ที่ว่ามานี่ตลาด consumer ทั้งนั้นเลยครับ แต่ถ้าไปมองตลาด enterprise ที่ทำกำไรเยอะ และยังแข็งแกร่งมากครับ