ปีการศึกษา 2557 รัฐบาลเผยแนวคิดอาจยกเลิกโครงการแจกแท็บเล็ต ป.1 และ ม.1 แต่เปลี่ยนมาเป็นการให้คูปองเงินสดมูลค่า 3,000 บาท แทน
นายเอนก รัตน์ปิยะภาภรณ์ ผู้อำนวยการเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “เงิน 3,000 บาท สามารถซื้อเครื่องตระกูลประเทศจีนได้ แต่หากผู้ปกครองต้องการได้ iPad, ซัมซุง หรือ Windows ก็ต้องเพิ่มเงินส่วนต่างเอง”
สาเหตุของการยกเลิกโครงการนี้ นายเอนก รัตน์ปิยะภาภรณ์ ชี้แจงว่าในปี 55 งบประมาณที่จัดสรรโครงการนี้ไม่เพียงพอ ขาดอยู่ 500 ล้านบาท จนทำให้ต้องไปเอางบประมาณจากค่านม ค่าชุดนักเรียน และค่าอื่นๆ มาเพิ่มเติมในโครงการ
Comments
แนวคิดไม่ได้แย่อะไร แต่บริหารไม่เป็น ไร้แผนงานรองรับ กลายเป็นโครงการที่ล้มเหลวไป
เห็นด้วยครับ เสียดายเวลา+งบ น่าจะเอาเงินไปลงทุนกับเนื้อหาก่อน (ไม่ใช่งานเผาอย่างปัจจุบัน) ถ้าเนื้อหาพร้อมจะ device หรือสมุดจดก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว
ไม่ได้เตรียมครับ แต่มี แนวคิด ว่าจะเปลี่ยนครับ ภาษาหนังสือพิมพ์คงเป็น "โยนหินถามทาง " มั้งครับ
ปล. เขียนข่าวนี้ด้วยอยู่ใน notepad จะเอามาวางข่าวมาซะแล้ว T_T
แล้วถ้ามีแท็บเลต OS ที่แตกต่างกัน แล้วเค้าจะทำเนื้อหารองรับยังไงหว่า สมมติผู้ปกครองไปซื้อ Surface RT ให้ลูก เนื้อหาของกระทรวงจะการันตีว่าสามารถเปิดบน WinRT ได้รึเปล่า?
หรือถ้ามีคนไปซื้อ Chromebook มา จะรองรับรึเปล่า?
น่ากลัวกว่าคือ iPad ที่รันแฟลชไม่ได้นี่แหละครับ ;3;
Blog | Twitter
เข้าใจว่า ถ้าให้มันรันบน Adobe Air น่าจะได้นะครับ? รึเปล่า? ผมไม่แน่ใจ
Adobe Air เป็น Flash ที่มา Build เป็น App ครับ
ถึงกระนั้นก็ไม่ค่อยมีคนใช้ Adobe Air เป็น App สักเท่าไหร่
ถ้าพูดถึง Flash เฉยๆ ก็คือ Flash บนเว็บ
ซึ่งสมัยนี้เว็บไหนถ้าใช้ Flash บนเว็บโดยไม่ใช่เป็นเกมหรือระบบเฉพาะผู้ใช้งาน ก็เป็นเว็บที่คิดสั้นนะครับ
ซึ่งเรื่อง Flash นี้ มันน่าจะเลิกเป็นประเด็นไปนานแล้วเหมือนกัน
เว็บเมลจุฬาครับ แฟลชล้วนเลย น่าฆ่ามาก
Android ตั้งแต่ 4.1 ขึ้นไป ก็ไม่รองรับ Flash ครับ เนื้อหาส่วนใหญ่ของ OTPC ซะด้วยซิ
ของจีนราคาถูกตอนนี้ 4.1 ล้วนๆ
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
4.1 พอเล่นได้ครับ (ลองมาแล้ว) แต่ 4.2 เนี่ยรันปุ๊บเจ๊งทันที
ทำเนื้อหาบน html5 น่าจะแก้ปัญหาได้บ้างนะครับผมว่า
ใช้ Unity ครับ
Chromebook รองรับ Flash นะครับ
ที่เหลือไม่ได้เลย :P
Surface ทั้ง RT และ Pro รองรับ Flash บนเบราเซอร์เต็มรูปแบบนะครับ
ข่าวนี้ถูกใจ ... กับ .... และ .... แน่นอนเเชร์กันกระหน่ำ facebook ชัว
อ่านข่าวดูดี ๆ จะพบว่าเป็นแค่แนวคิด หวังว่าคงไม่เอาไปขยายความเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต
เหมือนกรณีภาษีคนโสดน่ะครับ
รีบกระจายก็มีส่วนดีนะครับ
ไม่งั้นก็จะคิดกันอยู่ในวงแคบ ๆ แล้วก็บอกว่ามันดี
สุดท้ายก็ออกมาเป็นแนวปฏิบัติ
ถ้าจะแจกเงินแทนแล้วไม่ทั่วถึงก็อย่าแจกเลยครับ ยกเลิกโครงการไปเลยน่าจะดีกว่า
มีเงินแต่ไม่มีตรรกะ ยกเลิกโครงการไปเลยครับ ผมยังมองไม่ออกว่าเด็ก ป.1 จะได้อะไรจากโครงการนี้ นอกจาก จำ แตะ จิ้ม
ถ้าทำจริงนี่ content ก็จะลงให้เด็กไม่ได้เอานะครับ
แล้ว เอ่อ ที่โรงเรียนเอาแท็บเล็ตเด็กไปตั้งแต่ต้นเทอม (1 - 2 สัปดาห์หลังเปิด) บอกว่าจะเอาไปอัพเดตหรือลงโปรแกรมอะไรสักอย่าง ตอนนี้จะปิดเทอมแล้วยังไม่มีใครได้เห็นแท็บเล็ตนั่นอีกเลย ต้องฟ้องหรือเรียกร้องที่ไหนครับ? ตอนแรกนึกว่าเหมือนกันหมด นี่เห็นข่าวเด็กที่อื่นได้ใช้ที่โรงเรียนด้วย ที่บ้านด้วย หลานผมไม่ได้แตะมาเกินครึ่งปีแล้วครับ (เพราะของหลานส่งไปซ่อมตั้งแต่กลางเทอมก่อนหน้านี้อีก ซ่อมหรือบัดกรีออกหมดเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่บนบอร์ดเดิมครับ?)
จัดสรร
ข่าวนี้ขอเมนต์แค่ "หึหึ" ;d
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
ผมว่าเลิกทำเถอะครับโครงการนี้ เอางบไปซือหนังสือดีๆ ให้เด็กจะดีกว่าครับ ตามโรงเรียนบ้านนอก(รวมถึงโรงเรียนที่พ่อผมสอนอยู่) ขาดแคลนหนังสือดีๆมากเลยครับ แถม tablet ที่แจกไปก็ได้ไม่กี่เครื่องเมื่อเที่ยบกับจำนวนนักเรียนและตอนนี้ก็วางไว้เฉยๆ บางเครื่องก็พังไปเฉยๆเลย ผมถามว่าทำไมไม่เอาไปให้เด็กเล่นท่านก็บอกยังไม่มีหลักสูตรเลยไม่รู้จะสอนยังไง ผมว่าโครงการนี้มันล้มเหลวตั้งแต่ทำแล้วครับ
เห็นด้วยครับ คนละ 3000 เอาไปซื้อหนังสือดีๆ ทำห้องสมุดใหม่ให้น่าใช้ มีวีดีโอดีๆให้ดู การบำรุงรักษาง่ายกว่ากันมากครับ การจะปรับระบบการเรียนรู้ในห้องเรียนต้องการความจริงจังมากกว่านี้ เห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่รอด content ไม่พร้อมตั้งแต่แรก
แค่คิดก็ผิดแล้วครับ การให้ผู้ปกครองไปซื้อ tablet เอาเองมันจะมีปัญหาการใช้ content ร่วมกันอย่างแน่นอน
แต่ผมคิดว่านี่อาจจะเป็นข่าวเพื่อดูกระแสสังคมเพื่อหาทางลงเฉยๆ
ที่แน่ๆ มาม่าเส้นเยอะแน่นอน
จัดสรรค์งบไปทำหนังสืออิเลกทรอนิคก่อนเหอะ เป็น pdf หรืออะไรก็ได้ เอาให้ครบตั้งแต่อนุบาลยัน ม.6 อัพเดทปีละครั้ง เปิดให้ดาวโหลดฟรี เอาไปพิมพ์ขายก็ได้ ทุกวันนี้มีปัญหาคือมีเครื่องแต่หาเนื้อหาดีๆไม่ได้มากกว่า
พี่เล่นให้ผู้ปกครองแยกย้ายกันไปซื้อ tablet กันเอาเองโดยที่ไม่มีระบบส่วนกลางอะไรมารองรับแล้วมันจะไปได้อะไรครับ
อย่างแรกคือ รัฐบาลต้องยอมรับความจริงก่อนครับ มองความจริงว่าเป็นยังไง โครงการนี้ผมไม่ใช่ไม่เห็นด้วยนะครับ แนวคิดดี แต่รัฐไม่ถามตัวเองว่าพร้อมแล้วรึยัง คิดจะทำอะไรแต่ละอย่างไม่มองความเป็นไปได้ การจัดการในภายหลัง และอีกหลายๆอย่าง
การทดลองโครงการบางอย่างสามารถทำได้ครับ แต่ต้องไม่ทุ่มเงินให้มันสุญเปล่าขนาดนี้ มันอาจดูไม่น่าเสียดายในสายตาท่านๆทั้งหลาย เพราะไม่ใช่เงินคุณเอง แต่คุณไม่คิดถึงประชาชนที่ลงคะแนนให้คุณบ้างว่าเค้าเดือดร้อนยังไง
โครงการนี้อยากให้วางระบบจัดการให้มันดีก่อน ถึงค่อยเอามาใช้ก็ไม่สายครับ อย่ามองว่าล้าหลังเพื่อนบ้าน เพราะถ้าเป็นแบบนี้จะยิ่งล้าหลังเพราะไม่มีเงินไปพัฒนาอย่างอื่น มัวแต่เอามาผลาญเล่นกันแบบนี้
“แต่หากผู้ปกครองต้องการได้ iPad, ซัมซุง หรือ Windows ก็ต้องเพิ่มเงินส่วนต่างเอง”
ประโยคหน่อยบ่งบอกได้เลยว่าผู้ใหญ่ท่านนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องโทคโนโลยีเท่าที่ควร "iPad" เป็นชื่อเรียกของอุปกรณ์, "SAMSUNG" เป็นชื่อบริษัท และ "Windows" เป็นชื่อระบบปฏิบัติการ
เอาง่ายๆ แท็บเล็ตยี่ห้อ SAMSUNG ที่รันด้วย Windows ก็มีนะครับ เพราะฉะนั้นพูดว่า "ซัมซุง หรือ Windows" มันฟังทะแม่งๆ พิกล
ไม่แปลกหรอกครับ ขนาด รัฐมนตรี ICT ยังให้สัมภาษณ์ว่ามีระบบปฏิบัติการ ISO เลยครับ เพลีย
โยนหินถามทาง ก็ตอบให้เลยครับว่าเลิกไปเหอะ โดยส่วนตัวไม่เห็นความจำเป็นตั้งแต่แรกแล้วครับ
ผมว่าสิ่งที่ควรมีก่อน tablet คือเรื่องพื้นฐานเหล่านี้ครับ
หนังสือดีๆ เป็นเล่มๆ
ห้องสมุดให้เด็กอ่านหนังสือแบบแบ่งปันกันได้ทั่วถึง
PC และห้อง Lab
บุคลากร ครู บรรณารักษ์ ที่ช่วยแนะแนวให้ใช้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้อย่างเหมาะสม
พวกนี้มันเป็นพื้นฐานที่ช่วยฝึกทักษะให้เด็กนำไปใช้ในสังคมได้มากกว่าครับ
ผมว่าโครงการนี้มันเวิร์คนะครับ
คือให้เปลีย่นจากหนังสือเป็นเล่่มๆ
เอาเข้ามาใส่ไว้ในระบบ แล้วเปลีย่นมาอ่านจาก Tablet แทน
แล้วอายุการใช้งาน Tablet มันอยู่ได้กี่ปีล่ะครับ?
อย่าถามว่ากี่ปีเลยครับ บางเครื่องที่โรงเรียนพ่อผมสอน ไม่ถึงเดือนพังแล้ว 5555+
ฺอย่าพูดถึงปีเลยครับ
จะอ่านหนังสือบน Tablet มันอ่านได้กี่ ชม.กัน
คนอ่านไหวโดยไม่ปวดตาก่อน vs Battery Tablet
concept มันเวิร์คครับ เรื่องที่คุณพูดถึงนี่ก็มีคนพูดถึงตั้งแต่แรกแล้ว
โครงการผ่านไปเป็นปีๆ ได้ดำเนินการหรือไม่? อันนี้ผมไม่ทราบรายละเอียดครับ
แต่เข้าใจว่าวงการตำราแบบเรียนมีเจ้าประจำอยู่ การดำเนินการไม่น่าจะง่าย เพราะเจ้าประจำคงสูญเสียรายได้มหาศาล?
คือผมไม่ใช่พวกสนับสนุนรัฐบาลสุดติ่งนะครับ
แค่คิดว่า มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
แต่มันขาดการดูแล การเอาใจใส และ ความโปร่งใส
ทำให้มันก็ยังติดๆ ขัดๆ ไม่ไปไหนซักที
3,000 ซื้อ Tablet โดนรัฐ ..
ซึ่ง แจกนักเรียนทั้งประเทศ ปริมาณมหาศาล
ยังไงมันก้ได้ราคาถูกกว่าราคาตลาด
เพราะงั้น ได้เครื่องที่คุณภาพดีแน่นอน
แต่ .... มันติดอยู่ตรงที่กลุ่มผู้นำประเทศนี่แหละ
เป็นมาทุกยุคทุกสมัย ... เห็นแก่ตัวที่สุด
คุณเข้าใจผิดรึเปล่าที่ว่าของรัฐซื้อแล้วเป็นของดีแน่นอน? ปัญหาหลักๆคือทำแบบประชานิยม(ฉิบหายนิยมชัดๆ)แจกๆไปจบ แต่คุณภาพของตัวเครื่องมันไม่ได้เรื่องเลย อุปกรณ์ไอทียุคก่อนหน้าที่สัมผัสกันได้ก็เครื่องสินธุ์สมุทรสุดกาก ใช้ได้ไม่กี่เดือนก็มีอาการเสียเพียบ เทียบกับหนังสือที่ใช้ได้หลายๆปีนอกจากขาดแล้วก็แทบจะไม่มีปัญหาเลย
ถ้าผมจะโจมตีคุณว่าเป็น Technology Addict เกินไป ไม่ใช่ว่าเพราะผมเป็น conservative หรือพวกล้าหลัง แต่เป็นเพราะเหตุผลในส่วนของการเรียนรู้ของเด็กว่าไม่ควรติดอยู่กับจอเพราะมันจะทำให้เกิด "อาการเด็กติดหน้าจอ" และ "สมาธิสั้น" แล้วระบบการรับรู้ของเด็กมันจะต่ำลงไปอีก เพราะฝึกให้เกิดความมักง่าย (แตะๆไปจบ)
หาเป็น e-reader สักตัวน่าจะดีกว่า
+1 ครับ (เน้นหนังสือดีๆ)
เห็นด้วยครับ ทำไมผู้มีอำนาจเขาไม่คิดกันบ้างหรือไง ขนาดเราๆท่านๆยังคิดกันได้
เห็นด้วยครับ ทุกโรงเรียนควรจะมีพื้นฐานพวกนี้ให้ครบก่อน แล้วทำเนื้อหาเป็น Digital ให้เป็นทางเลือก คู่ไปกับเนื้อหาปกติ ส่วง tablet ไว้หลังสุดเลย มองโดยรวมโรงเรียนในไทยยังไม่พร้อม และ content คือหัวใจของการศึกษา Tablet มันส่วนเสริม
โยกงบสร้างเขื่อนมาใช้
คงได้ ipad กันทั่วประเทศ
จ.บ.
เจ๊งบ๊ง
ถึ่ง!
ข่าวประเภทนี้ควรเขียนให้เคลียนะครับ
เพราะในประเทศเรา การเมืองเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนมาก พอๆ กับศาสนาเลย
เตรียม กับ แนวคิด ความหมายมันต่างกันโดยสิ้นเชิงนะครับ
เหตุผลจริงๆคือแบบคูปองโกงกินง่ายกว่า
ตามนั้น
ผมก็คิดในblognoneไม่มีเรื่องการเมือง
แต่พออ่านcommentsข้างบน.....
Blognone สนับสนุนอย่างเต็มที่ให้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายสาธารณะด้านไอซีทีนะครับ
แจกแทปเล็ต เห็นข่าวงบออกไปแล้วแต่ยังแจกเด็กไม่ครบเลย
ผมว่ายกเลิกไปเถอะ ยอมกลืนน้ำลาย ยอมโดนด่า
มันให้ประโยชน์น้อยกว่าเอาไปซื้อสมุดหรือหนังสือดีๆให้เด็กเยอะเลย
..: เรื่อยไป
3000 นี่ได้ชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน ครบเลยนะครัช
ถ้าเป็นเด็กประถม โรงเรียนรัฐเขาแจกครบๆอยู่แล้วนะครับ หรือว่าลูกหลานท่านเรียนโรงเรียนประถมนานาชาติ?
เท่าที่สัมผัสมาจากเด็กรอบๆ ตัว มันไม่ฟรีจริงอ่ะครับ เก็บเป็นค่าโน่นค่านี่เยอะเท่าเดิม
มีลูกในวัยเรียนหรือเปล่าครับนี่??
ค่าชุดนักเรียนนี่ซื้อได้แค่ชุดเดียว (เด็กมีชุดเดียวพอใส่?) แล้วต้องเป็นเด็กผอมแกร็นด้วยนะ ถ้าตัวโตหน่อยเสื้อผ้าตัวใหญ่ งบที่ให้มาไม่พอต้องจ่ายเพิ่มค่าส่วนต่างเองครับ
แต่ผมเข้าใจว่า รัฐบาลคงกะว่าเด็กประถมเรียนถึง ป.3 ก็ได้ปีละชุด สามปีได้สามชุดพอหมุนเวียนพอดี แต่รัฐบาลลืมไปว่า ป.1-ป.2 ต้องซักผ้าทุกวัน แล้วเด็กประถมตัวไม่โตขึ้นเลยละหรือ?
อันนี้เป็นนโยบายตั้งแต่รัฐบาลท่านอภิสิทธิ์ โครงการเรียนฟรีอย่างมีคุณภาพ ผมก็นึกว่าเพื่อไทยมาบริหารแล้วมันจะมีคุณภาพมากขึ้น...
บอกได้เลยว่าไม่พอครับ คนงานบริษัทผมบ่นอยู่ทุกวันว่าเรียนฟรีบ้าอะไร ต้องจ่ายเองทุกอย่าง ( โรงเรียนรัฐ แน่นอนครับ)
ชุดได้แค่ครึ่งตัวผมเองนะครัช อุปกาณ์การเรียนด้วย สมุดตังค์ที่ให้มาก็หมดแล้ว
เคยเห็นแว๊ป ๆ ของหลาน
ค่าเทอม -
ค่าหนังสือ -
ค่ากิจกรรม -
ค่าบำรุงการศึกษา 1000
อื่น ๆ 2000
โรงเรียนรัฐ 100%
อ่านแต่ข่าวตามเว็บสินะ ไม่รู้ว่าชีวิตจริงเป็นเยี่ยงไร
คุณเอาข้อมูลมาจากไหน อย่าเชื่อรัฐบาลครับ ถ้าลองสัมผัส จะรู้ว่ามันไม่ฟรี
มายืนยันอีกคนว่า ไม่ได้แจกครบครับ แค่ให้ส่วนลดมาเท่านั้นเอง ซึ่งมันไม่มีทางพอแน่นอน นอกจากจะให้ใส่แค่ชุดเดียวทั้งเทอม T^T
กระหน่ำมากันเชียว
เอาเป็นว่าตอบรวมๆแล้วกัน นโยบายเรียนฟรี มีมาก่อนมาร์คแล้วครับ แต่มาเพิ่มเป็นเรียนฟรี12ปีตอนมาร์ค เลยวุ่นๆที่ม.ปลายกลายเป็นภาคบังคับไปด้วย
ส่วนเงินช่วยเหลือ ก็ขึ้นกับว่าจะมองว่ามากหรือน้อย และคุณเรียนโรงเรียนขนาดไหน ถ้าเรียนโรงเรียนเล็กๆระดับชุมชน อันนี้แทบไม่ต้องจ่ายเพิ่มครับ แต่ถ้าเรียนระดับประจำอำเภอ หรือจังหวัด ก็อาจมีขอการสนับสนุนค่าห้องคอมฯ ค่ากิจกรรมเสริมฯลฯ ซึ่งเงินส่วนนี้ก็มีมาตั้งแต่สมัยผมเรียนเมื่อหลายสิบปีก่อนแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะโรงเรียนใหญ่ๆที่งบหลักจากรัฐไม่เคยเพียงพอกับอุปกรณ์การเรียนดีๆครับ
ตรงที่ผมถาม คือคคห.ก่อนหน้าพูดเหมือนว่าตอนนี้ไม่ฟรี หรือไม่มีเงินช่วยเหลือ จะให้โยกงบtablet มาจ่าย ซึ่งผมมองว่าคนละเรื่องเดียวกันน่ะครับ เอาแค่เงินช่วยเหลือตอนนี้ผู้ปกครองก็โกงกระทั่งลูกตัวเองก็มี ปัญหาไม่รู้จบกับวิธีจ่ายเงิน เปลี่ยนมาหลายรอบแล้วครับ
อ้อ ผมไม่ได้อ่านข่าวจากเวบครับ เพราะมีญาติสนิทมีตำแหน่งระดับบริหาร โรงเรียนประถมประจำจังหวัดของรัฐที่นึงครับ แต่ตัวเลขเป๊ะๆผมจำไม่ได้ อันนี้เพราะไม่มีลูกหลานที่เรียนชั้นปกติในตอนนี้ครับ (มีหลานคนนึง เรียนห้องสองภาษา แน่นอนว่าแพงกว่าปกติอยู่แล้ว)
เราต้องยกเลิกชุดนักเรียนครับ นอกจากจะเปลืองเงินแล้ว มันคือสัญญะแห่งการกดขี่ทางความคิด
เราจะคาดหวังความคิดสร้างสรรค์จากคนที่ไม่มีแม้แต่พื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นผ่านเครื่องแต่งกายได้ยังไงครับ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เรื่องการแจกของให้เด็ก มันมีปัญหาทุกวิธีนะครับ
ผมจะยกตัวอย่างจริงจากญาติที่เป็นระดับผู้บริหารของโรงเรียนประถมประจำจังหวัดที่นึงแล้วกัน เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจริง แต่เกิดจากประสบการณ์หลายๆโรงเรียน
คือรัฐมีนโยบายเรียนฟรี ก็มีงบหนังสือ ชุดนักเรียน เครื่องเขียนมาให้จำนวนหนึ่งนะครับ(ผมจำไม่ได้เป๊ะๆว่ากี่บาท คุยนานแล้ว) ทีนี้วิธีจะแจกจะแจกยังไงดี?
เริ่มแรกก็แจกเป็นชุดๆไปเลย วัดsize สั่งร้านคู่ค้ากับโรงเรียน จัดชุดเครื่องเขียนแจก ก็โดนร้องเรียนว่าฮั้วกับร้านค้า และผู้ปกครองบางคนก็อยากซื้อของเกรดดีกว่าที่แจก อยากซื้อเองโดยใช้เงินนี้ช่วยsupportส่วนหนึ่งจะดีกว่า
โรงเรียนก็เปลี่ยนมาแจกเงินสดแทน ก็กลายเป็นว่ามีคนร้องเรียนว่า ผู้ปกครองบางคนรับเงินสดไปแล้ว ไม่ได้ซื้อเครื่องเรียนให้ลูกตัวเอง แต่เอาเงินไปกินเหล้าอีก
ก็เลยเปลี่ยนวิธีเป็นแจกคูปอง ที่เอาไปซื้อกับร้านค้าที่ขายเครื่องแบบ หรือเครื่องเขียนได้เท่านั้น(เอาเป็นส่วนลดได้) ก็มีร้องเรียนกันมาอีก อ้างว่าร้านค้าที่รับมีแค่เฉพาะในจังหวัด แต่อยากไปซื้อกทม.ไม่ได้บ้าง หรือมีคนเอาคูปองไปขายต่อกับร้านค้า เช่นคูปองมูลค่าพันนึง ก็ขายต่อแค่5ร้อยโดยไม่เอาของ ร้านก็ได้ประโยชน์ได้คูปองมาขึ้นเงินพันนึงแต่จ่ายเงินให้ผู้ปกครองแค่ห้าร้อย(เคสนี้เช็คช่วยชาติสองพันก็เคยเจอปัญหาแบบเดียวกัน)
ตอนนี้สุดท้าย ก็ใช้วิธีให้ไปซื้อของที่ไหนก็ได้แล้วเอาใบเสร็จร้านค้ามาขึ้นเงินแทน ฟังดูเหมือนดี แต่ก็กลายเป็นมีคนไปซื้อใบเสร็จvat เช่นไปซื้อของแค่ห้าสิบแต่ให้ลงใบเสร็จสองร้อย แล้วจ่ายเงินค่าซื้อใบเสร็จให้ร้าน เรื่องนี้กระทู้พันทิปยังเคยเอามาลง
สรุปจะแจกแบบไหน ผู้ปกครองก็สรรหาวิธีจะโกงรัฐ และโกงแม้แต่กับลูกตัวเองอยู่ดี
การแจกเงินสด คูปอง ไปซื้อtablet ต้องได้เจอปัญหาแบบเดิมๆมาอีกแน่นอนครับ
บอกผู้ปกครองไม่ซื้อให้เด็ก ก็ให้เด็กแก้ผ้ามาโรงเรียนเลยครับ
ก็ซื้อแค่ชุดเดียวที่เหลือลงขวดไงครับ
แนวคิดนี้ เป็นไปได้ยากเพราะ โครงการซื้อแท็บเล็ต เป็นโครงการจัดซื้อขนาดใหญ่โดยส่วนกลาง ไม่ถึงที่สุดจริงๆ ไม่ยกเลิกหรือเปลี่ยนหรอกครับ เพราะอะไรก็รู้ๆกันอยู่
แต่ถ้าจะแจกคูปองเงินสดไป สุดท้ายทางโรงเรียนก็จัดหามาบังคับขายนักเรียนจนได้อยู่ดี เหมือนงบอื่นๆที่โรงเรียนเป็นฝ่ายจัดซื้อนั่นแหละ เพราะอะไรก็รู้ๆกันอยู่อีกเหมือนกัน เพียงแต่คนละระดับกันแค่นั้น
ผมว่าสามพันบาทนี่เอาไปทำอย่างอื่นให้ฟรีจริงๆดีกว่าครับ
ซื้อหนังสือได้เป็นสิบเล่มเลยนะครับ อายุการใช้งานหลายปีแน่นอน ไม่พังง่าย (แต่ขาดได้)
มองว่าศักยภาพในการบริหารงานในแต่ละระดับตั้งแต่รัฐบาลจนถึงพ่อแม่เด็กจะยังมีไม่พอ
ซื้อหนังสือแทนละกันครับ (ไม่เกี่ยวกับข่าวเลย 555+)
ปล.ผมค้านโครงการ Tablet นี้ตั้งแต่มันออกข่าวแรกสุดมาเลย
ถ้าทำจริง มั่นใจแล้วเหรอว่าตัวแทนจำหน่ายจะยอมรับคูปอง
ให้ไปซื้อกันเอง ก็เละสิครับ สาระพัดยี่ห้อ สาระพัด os แล้วมันจะเอามาเปิดไฟล์สื่อการสอน
ได้เหมือนกันเหรอ
Happiness only real when shared.
เพราะว่างบ 3000 ต่อเครื่องนั้นน้อยไปที่จะได้เครื่องดี ๆ มีคุณภาพพอ คนคิดโครงการครั้งแรกสุด เขาได้ idea จาก ipad ครับ แต่ด้วยวิธีการประมูล ไม่มีทางจะได้ของดีได้เลย ซื้อกันเอง กันจะดีกว่า รัฐก็อุดหนุนให้ส่วนหนึ่ง
ทำก่อนแล้วค่อยวางแผน มันก็ได้แบบนี้แหละ
อาเจนตินา อียิปต์ คือ Model ที่นานาชาติเห็นมาแล้ว ผมละเสียวพี่ไทยจริง ๆกับนโยบาย อภิมหาประชานิยมเหล่านี้ ...
ส่วนนโยบายแท็บเบล็ตนี้ ขนาดเกาหลีใต้ยังยกเลิกไปแล้ว
ขอโทษนะครับ ไม่ได้กวนนะครับ ขอข้อเท็จจริง(ต้นเรื่องของเรื่องเกาหลี)ด้วยครับ พอดีสนใจมาก และรู้ว่าเกาหลีใต้ทุ่มงบมหาศาลลงไปกับ content ต่างๆ อยากรู้ว่า ขนาดเกาหลีใต้ที่เอาจริงเอาจังกับทุกเรื่อง แต่มาล้มเหลวในเรื่องนี้ได้อย่างไรครับ
เท่าที่จำได้ เขาเลิกใช้สำหรับเด็กเล็ก แต่เด็กโตยังแจกอยู่นะครับ ถ้าเอาชัวร์ต้องค้นดู
ผมหาไม่เจอแล้วครับ น่าจะประมาณปีที่แล้ว คุ้น ๆ ว่าทดลองในโรงเรียนต้นแบบแล้วไม่ได้ผลน่ะครับ
จะว่าไป โรงเรียนหลานผมแจก e-book reader ล่ะ (รร.อยู่ซอยหลัง BNH)
ตัวอย่างอาเจนติน่า พูดซ้ำมาตั้งแต่7ปีที่แล้วนะครับ เสียวนานไปไหม? :P
อาเจนติน่ากว่าจะมาถึงขั้นนี้กินเวลาเป็นสิบๆปีนะครับ
เหมือน นโยบายเรียนฟรี 15 ปี แจกเงินให้นักเรียนไปซื้อเอง เพื่อนผมโกงบิล เพียบ
โรงเรียนผม เค้าให้มาเลย อยากเอาไปทำจะไรก็ทำ
ห้ามไม่รับด้วยนะ เค้ากลัวรัฐฮุบเอง (ตอนแรกๆ เคยเลือกไม่รับได้)
ก็ถือว่าใช้อย่างถูกเงื่อนไขนะครับ
ขนาดผู้ปกครองยังโกงหลวง แล้วจะมาบอกให้นักการเมืองอย่าคอรัปชั่น ต้องขอด่าหน่อยล่ะ "E-ดอก" ต้นแบบเลวๆ แบนนี้ ต้องปรับเงินคืนหลวง 4 เท่าของที่มันโกงไป
คำตอบของข้า คือ ประกาศิต
แรงนะครับ
ขนงบไปเททิ้งกับจำนำข้าวหมดแล้วครับ เด็กๆรอไปก่อนเน้อ
เคยคิดอยู่ว่า
เด็กอนุบาล แจกลูกคิด
เด็กประถมต้น แจก Kindle Touch gen4
เด็กประถมปลาย แจก android 7" tablet
เด็กมัธยมขึ้นไป ปลดข้อจำกัดต่างๆ แจกคูปองให้เด็กไปเลือกซื้อรุ่นที่ต้องการเสียเอง
สายวิทย์ควรเลือก windows
สายศิลป์ควรเลือก Apple
ที่ยังเลือกสายไม่ได้ให้ใช้ Android ไปพลางก่อน
สำหรับครูผ์้สอน ให้แจก Android แบบ hdmi-stick พร้อม TouchpadKeyboad และ หูฟัง แบบ Bluetool
สร้างสภาอาชีพควบคุมทุกสาขา จากสภาศิลปินและนักแสดง ไปจนถึงสภากรรมกรและผู้ใช้แรงงาน และตัวแทนมีหน้าที่เป็นฝ่ายค้านในรัฐสภา ประกอบอาชีพไม่สังกัดสภามีความผิดตามกฏหมายทุกอาชีพ แม้แต่นักเรียนและนักศึกษา
นี่เป็นรูปแบบปฏิรูปในสังคใยกเครื่องเป็นการติดต่อสื่อสารภายใต้เทคโนโลยี WWW อย่างสมบูรณ์แบบ การที่เราทุกคนประชุมอะไรกันบางอย่างบนอินเตอร์เน็ท เป็นสิ่งที่คนในสมัยกรีกและโรมันใฝ่ฝันมานานแล้ว
ส่วนรูปแบบการสอนหรือสื่อเรามีพวก moodle ใช้กันมานานแล้ว เพิ่งมีกระแสตื่นของเหล่าเซเล็บที่บอกว่า App ต้องมาแน่ แต่แท้ที่จริงเนื้อหาทั้งหมดยังอิงข้อมูลเป็นหลักอยู่ แล้วพอมีปัญหาความแตกต่างเรื่องระบบปฏิบัติการยิ่งทำให้เกิดปัญหานักยิ่งขึ้น อยากเขียนบทวิเคราะห์อีกสักอันจัง
ผมกลับเห็นว่า คุณจาตุรน ไม่ค่อยเก่งเลย เข้ากระทรวงไปแล้วเงียบมาก ส่วนตัวชอบโครงการนี้ ถ้าล้มน่าเสียดายมาก แต่ posttoday ข่าวไม่น่าเชื่อถือ รอดูดีกว่า คุณเอนก เป็นข้าราชการ ออกมาให้ข่าวแบบนี้ คล้ายกรณีจำนำข้าวกระทรวงการคลัง คนตัดสินใจว่าจะทำต่อหรือไม่ คือรัฐบาล ผมว่าสงสัยถ้าเรื่องเป็นเพียงความเห็นส่วนตัว คุณเอนกโดน มาม่าแน่
คือ ยังไงก็ได้ ขอให้ได้ใช้เงิน ว่าอย่างงั้นเหอะ
เป็นที่เชื่อกันในหมู่ผู้มีสิทธิเบิกงบประมาณว่าเบิกมาแล้วต้องใช้ให้หมด ไม่งั้นปีงบประมาณหน้าจะได้น้อยลง
ส่วนกรณีนี้รอดูว่าเป็นข่าวจริงหรือไม่
ตลกร้าย แต่เป็นเรื่องจริงของวงการ ขรก.ไทย
วงการเอกชนก็เป็นเหมือนกันครับ
เรื่องสำคัญนะครับ การตั้งงบ ตั้งมาเล่น ๆ นี่เสียไปหมดทั้งองค์กร
ผมใช้คำว่าผู้มีสิทธิเบิกงบ เพราะในระดับกิจกรรมนักศึกษาก็เป็นแบบนี้ครับ แล้วในบริษัทเอกชนที่มีการจัดสรรค์งบประมาณอย่างชัดเจนก็มีแบบนี้ คือมันมีในทุกวงการจริงๆ
วันก่อนที่หมู่บ้านของผมมีการจัดสัมนาหรือไปเที่ยวนี่แหละ(จากพรรคการเมือง) ปรากฏว่างบเหลือ ทำไงครับ? แจกผู้เข้าร่วมสัมนาโลดครับ ... ผมก็ฟังคนแถวบ้านเล่ามาอีกต่ออ่ะนะ แต่คนเล่านี่ก็ไปกับเค้าด้วยแหละ ได้เงินมาด้วย
ผมว่าแรงตรงประโยคสุดท้ายเนี่ยแหละ ไปเอางบค่านม ค่าชุดนักเรียน และค่าอื่นๆ มาเพิ่มเติมในโครงการ -*-
ของพวกนั้นดูจะสำคัญกว่า tablet ซะด้วยซ้ำ
ระวังข่าวลวง ข้าราชการที่ไหนจะให้ข่าวแบบนี้
เพิ่มเงินเอา iPad แล้วยังไงครับ คุณมีระบบรองรับ ios เหรอ
ผมว่ารวมเป็นเงินก้อน แล้วเอาครูมาสอบแข่งกันชิงเงินก้อนดีกว่า
ครูล้าหลังที่สอนหนังสือสมัย10กว่าปีที่แล้วจะได้ขยันขึ้นบ้าง
อ่าน !!!!!!!
แนวคิดดังกล่าวเป็นเพียงข้อเสนอจากผู้ร่วมประชุมกลุ่มย่อย และยังไม่ได้เป็นข้อยุติ เนื่องจากในการประชุมมีผู้ตั้งคำถามเกี่ยวกับแนวโน้มของการจัดหาแท็บเล็ตในอนาคต และมีผู้ปกครองบางส่วนระบุว่าเครื่องแท็บเล็ตจากจีนคุณภาพไม่ดี จึงมีการเสนอให้แจกคูปอง 3 พันบาท ให้ผู้ปกครองเลือกซื้อแท็บเล็ตซึ่งอาจจะซื้อจากจีน
http://education.kapook.com/view72515.html
กะแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ครับ ใครอ่าน โพสทูเดย์ อยู่ พยายามอย่าเอาข่าวของเครือนี้มาเลยครับ ไร้จรรยาบรรณ
ไม่ทันแล้วครับ คนที่อ่านผ่าน ๆ ก็คิดว่าโครงการนี้ล้ม เตรียมยกเลิก คล้ายๆ เรื่องภาษีคนโสด ด่ากันไปทั่วว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล สุดท้ายเป็นแค่ความเห็นจากนักวิชาการคนหนึ่ง
เมื่อไรคนไทยจะปรับตัว รับมือ สื่อไร้จรรยาบรรณได้สักที โดนเข้าไปเป็น 10 รอบแล้ว สื่อพวกนี้ขาดการควบคุม และแตะต้องไม่ได้ด้วย เพราะจะโดนข้อหาแทรกแทรงสื่อ ผมเห็นมีวิธีเดียวคือ คนไทยต้องมีวิจารณญาณเอง ซึ่งยากผมว่า 555+
สุดท้ายเป็นแค่แนวคิดจากผู้ร่วมประชุม แต่นักข่าวดันเอาไปเขียนยังกะรัฐบาลกำลังปฏิบัติ สุดท้ายเกิดการแชร์ข้อมูลผิดๆ นักข่าวไทยเลือกข้างและทำแบบเเนบเนียนจริงๆ
กลายเป็นเรื่องที่ออกแนวภาษีคนโสด ที่มาจากความคิดนักวิชาการแต่ดันด่ากันทั่วเมืองว่ารัฐบาลจะเก็บภาษี ผมเหนื่อยน่ะไม่รุ้จะพิ่มต่อยังไงดี เห้ออออคนไทยครับ สติ!!!!!!!!
เป็นกระบวนการสร้างข่าว ปลุกปั่น เหมือนเรื่องภาษีคนโสดสินะ หลายๆสื่อลงพาดหัวพร้อมๆกันว่ารบ.จะยกเลิกtablet ทั้งๆที่เนื้อหาก็ระบุชัดว่าคนพูดไม่ได้มีตำแหน่งในรบ. แค่ประชุมเสนอมา
แล้วถ้าเขาไม่ซื้อ เอาเงินไปทำอย่างอื่นล่ะ
Educational Technician
เคยสนใจเรื่องอื่นป่าว อย่างพัฒนาครูมากกว่านี้ ความเป็นอยู่ของการเรียนอุปกรณ์เรียน เสื้อผ้าเด็กๆ ทุนการศึกษามากกว่านี้ทุกวันนี้น้อยมาก งบเพื่อพวกพ้องเบอกไม่อั้น ผ่านหมด งบเพื่อนอนาคตดีๆไม่ได้ คิดอะไรแต่ละอย่าง ประชาชนิยม แจกเงินแจกสิ่งของ คนเคยชิน ไม่นานจะเป็นอย่างประเทศที่ล้มเพราะผู้นำ แย่ๆ
ผมมองว่าเป็นการโยนหินถามทางมากกว่า ดูกระแสเป็นไงถ้ากระแสดีก็เดินหน้าถ้ากระแสไม่ดีก็ไม่ทำ อะไรประมาณนั้น
เป็นแนวคิด เป็นข้อเสนอ โยนหินถามทาง แล้วไง ?
แค่คิดว่าจะแจกคูปอง เพื่อเอาไปซื้อ ipad, ซื้อ samsung ผมว่าก็ผิดแล้วมั้ง มันแสดงให้เห็นเลยว่า ไม่ได้มีความรู้อะไรเลย
จำเป็นใหม สำคัญรึเปล่า เอามาแล้วต้องทำอะไรใช้อะไร ยังไงบ้าง สุดท้ายแจกตามกระแสนิมยมไปงั้นแหละ tablet กำลังมา หรูหรา เทห์ ใครๆก็อยากได้ ก็สาดงบลงไป ขอให้ได้รับเลือกเข้ามาเป็นพอ
คนพูดไม่ใช่คนในรบ.นี่ครับ เป็นแค่ข้าราชการคนนึง เสนอมา
แต่มาด่ากันยังกับว่ารบ.คิดซะงั้น พอๆกับภาษีคนโสด ด่ากันเอามันเต็มไปหมด
เฮ้อ คอมเม้นในนี้
1 กี่คนที่มีลูกในวัยเรียน ป.1
2 กี่คนที่รู้ระบบงบประมาณ
3 กี่คนที่เข้าใจระบบการศึกษาปัจจุบันอย่างถ่องแท้
ประเทศกรุงเทพชัดๆ
ข้อ 1 กับ 2 ผมมีนะ แต่ 3 ยอมรับเลยว่าไม่เข้าใจจริง ๆ ^_^
หลายคนที่ผมเจอว่าด่าโครงการ OTPC ซื้อipad,tabletให้ลูกหลานเล็กๆของตัวเองทั้งนั้นครับ ปากบอกว่าไม่จำเป็นแต่ก็ซื้อเป็นของขวัญให้ลูกๆหลานๆตัวเองกันหมด
ผมมีหลาน เคยเล่าหลายที ก็ขอโม้ต่อ ตอนนี้ป.1แล้วเรียนห้องสองภาษา เรียนรู้ได้ไวสุดๆ tabletนี่เล่นตั้งแต่อนุบาล(ซื้อเอง) ก่อนมีโครงการ สังเกตเห็นเลยเด็กเรียนรู้ไวมากกว่าเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน แต่ก็ต้องอาศัยพ่อแม่ ที่คอยดูแลคอยสอนด้วย ไม่ใช่ปล่อยนั่งเล่นเกมทั้งวัน แบบนั้นจะสมาธิสั้นและจะกลายเป็นเรียนรู้อย่างอื่นช้าเพราะไม่สนใจ(มีตัวอย่างเด็กคนอื่นแย่ๆเช่นกัน)
ไม่ใช่ว่าtabletจะเป็นเครื่องมือเทพ แต่มันจะเครื่องมือช่วยส่งเสริมการพัฒนาได้มาก ถ้าพ่อแม่ครูเอาใจใส่ครับ
สรุปคือ tablet ไม่ใช่ตัวแปรสำคัญ แต่นโยบายนี้ออกมาโดยยังไม่พัฒนาตัวแปรสำคัญสินะครับ
ผมก็สนับสนุนโครงการนี้นะถ้าวางนโยบายโดยรวมให้สนับสนุนอย่างเป็นระบบ แต่เท่าที่เห็นแต่แรกก็....นะ แล้วก็มีคนมาแย้งว่ามันทำขนานกันได้บ้าง เค้าทำรองรับไว้แล้วบ้าง
ถ้าตอนคุณปูเป็น CEO โปรเจคพรรค์นี้รับประกันว่าโดนซักต้อนจนตายกลางห้องประชุมแน่
ประเด็นให้หางบ อบรม ทำสื่อ เพิ่มเติม ผมเห็นด้วยครับ ตอนนี้ยังขาดจริงๆ แม้จะมีการอบรมครูป.1ไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ยังไม่เข้าใจ
แต่ไม่ใช่มายกว่า ไร้ประโยชน์ เด็กเอาแต่เล่นเกม อันนี้ด่าแบบเหมารวมเกินไปครับ
ส่วนตัวผมไม่เคยคิดว่าการเรียนรู้ไวกว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมีนัยสำคัญอะไรตราบใดที่การเรียนรู้ของเด็กคนอื่น ๆ ยังอยู่ในระดับปกติไม่มีปัญหาทางการแพทย์
สำหรับผมคุณภาพของวิธีการที่เด็กเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญกว่า ดูกันสั้น ๆ แค่นี้ผมว่ามันเร็วเกินไป เด็กอาจจะเรียนรู้ได้ไวกว่าเพราะมีจำนวนชั่วโมงในการเรียนรู้มากกว่าก็ได้ และในขณะที่เราคิดว่าเด็กคนอื่นเรียนรู้ได้ช้ากว่า ทักษะด้านอื่น ๆ ของเด็กคนนั้นอาจจะพัฒนามากกว่าเด็กที่เราคิดว่าเรียนรู้ไวก็เป็นได้ เช่น ทักษะด้านการฟัง ทักษะด้านดนตรี ทักษะด้านการเคลื่อนไหว เป็นต้น
ไม่ได้จะว่าอะไรหลานคุณนะครับ ส่วนตัวแค่เห็นต่างว่ามองกันสั้น ๆ แค่นี้ตอบอะไรไม่ได้เฉย ๆ
That is the way things are.
::ลบครับ::
ขอระบาย
ผมว่าเลิกเถอะครับ ในฐานะครูสอนไอที
ผมสงสารครูภาษาไทย เด็ก จบ ป.6 มาก
บอกเลยว่า (ในโรงเรียนที่ผมสอน)
ร้อยละ 25 อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้เลย
ร้อยละ 50 พออ่าน-เขียน ได้ แต่วิเคราะห์ ตีโจทย์ไม่ได้ ผสมคำผิด
ร้อยละ 25 พออ่านออกเขียนได้ แต่ไม่ถึงกับดี-ดีมาก
นี่ภาษาไทย ส่วนภาษาอังกฤษ อย่าไปพูดถึง
เท่าที่ผมสังเกต เด็กส่วนใหญ่ติดสื่อไอที
แล้วคุณรู้ไหมอะไรคือโทษของไอที(สำหรับเด็ก)
1. มันสบายไง สมัยก่อนจะเข้าเว็บอะไรทีต้องจำ address
คุณรู้ไหมว่าผมลองทดสอบเด็ก ให้ใช้ ie เข้าเว็บ google
เด็กร้อยละ 80 เข้าเว็บ google ไม่ได้
เดี๋ยวนี้ พิมพ์แค่ g พี่โครมจัดการให้หมด
เด็กเลยไม่ได้ฝึกความจำ แม้แต่ facebook ที่พวกเค้าเล่นกันประจำ
ยังเข้าไม่เป็นเลย ถ้าไม่มีตัวช่วย
พิมพ์ผิดถูกไม่มีใครว่า พอเด็กพิมพ์ผิด ไม่มีใครบอก
เด็กก็คิดว่ามันถูก สังเกตดูซิ คำแปลกๆ ในสมัยนี้ก็เกิดมาจาก
เรื่องเหล่านี้หล่ะ
สมาธิสั้น เด็กไม่ได้ฝึกใช้ความคิด
เด็กเมื่ออยู่ในโลกไอที พวกเค้าก็จะล่องลอยไปกับโลกไซเบอร์
บางคนจิตตกเมื่อคนไมไลค์ หรือเมื่อมีคนด่าใน facebook
มีเด็กน้อยคนมาก นับตัวได้ ที่จะหาความรู้จากเน็ต
ผมลองปล่อยให้เด็กเล่นในห้องคอมมา 1 ภาคเรียน
รู้ไหมพวกเค้าทำอะไรกัน
ใช่
facebook , game
น้อยมากที่จะค้นหางานตามที่สั่งงาน
ถ้าไม่จี้ อย่าหวัง
สิ่งเหล่านี้ ฝึกการจดจ่อ ไปในทางที่ผิด
ลองดูพวกเราเหล่าไอทีรุ่นเก่าซิ
เราฝึกคอมพิวเตอร์จากไหน (หนังสือ)
เราฝึกเขียนโปรแกรมจากไหน (หนังสือ)
การอ่านหนังสือมันบันทึกลงสมอง ลืมยาก ใช้จิตนาการ ทำให้รู้ลึก
การอ่านสื่อไอที ส่วนใหญ่ มันบันทึกลงคอมหมด น้อยที่จะกลับมาอ่าน ลืมง่าย
ผมไม่ได้ว่าสื่อไอทีไม่ดี
เพียงแต่มันต้องหาสิ่งที่เหมาะกับวัย
ยังไงผมก็ขอค้าน "สื่อไอทีกับเด็กประถม"
ป.6 เด็กอ่านหนังสือไม่ได้นี่ ผมโทษครูก่อน
เห็นด้วยครับ
เห็นด้วยตามที่ท่านว่าครับ ให้ใช้มากไปอาจจะเกิดโทษ
แต่ผมมองว่าควรใช้ IT เป็นตัวช่วยเรียนนะ เพราะมันส้รางความเป็นไปได้เยอะแยะ ผมเองก็เขียนโปรแกรมเป็นจากเน็ตเนี่ยแหละ
ถ้าเป็นไปได้อยากแนะนำให้ฟัง TED Talk ของลุง Sugata Mitra ดูนะครับ เขาไปทดลองใช้คอมเพื่อเสริมการเรียนรู้ของเด็ก โดยปล่อยให้เด็กเล่นคอม จนเด็กสามารถเรียนรู้ได้เอง
ตัว talk ที่ผมพูดถึงชื่อว่า Child driven education ครับ
ความเห็นผมนะ...
หน้าที่ที่จะทำให้เด็กไม่เป็นอย่างที่คุณระบายมาน่ะ
ถ้าอยู่โรงเรียน ก็คือหน้าที่ของ "ครู"
อยู่บ้าน ก็หน้าที่ของ "พ่อ แม่ ผู้ปกครอง"
ไม่ใช่หน้าที่ของ คอมพิวเตอร์, Tablet, ฯลฯ หรือแม้แต่ตัวเด็กเองที่จะคิด จะแยกแยะได้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรควรทำไม่ควรทำ
คิดแบบเก่าทำแบบเก่ามันก็ได้อะไรแบบเก่าๆ
ผมว่าจริงๆ เป็นโครงการที่แนวคิดเริ่มต้นดีแต่การดำเนินงานไม่ดีครับ
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
รัฐบาลวางแผนอะไรไม่เป็นแล้วคิดแก้ปัญหาโดยการเปลียนหมดแบบนี้ผมว่าเป็นแนวทางที่ผิดนะ ทำไรไม่เคยวางแผนเลยทั้งหัวหอมทั้งข้าว ปล่อยให้เสียแล้วเน่าอยู่ในโกดัง น่าจะคิดก่อนทำนะปูพื้นฐานให้เด็กฯไม่ใช่ จะทำอะไรก็เปลียนหมด
รู้ว่าไม่เวิกหรือทำไม่ไหวก็อย่าทำสิ
ถึงแค่มันจะเป็นแนวคิด แต่ถ้านโยบายนี้มันไปได้สวย มันคงไม่มีแนวคิดแบบนี้ออกมาหลอก แต่เพราะนโยบายมันส่อแววไปไม่รอดมากกว่า มันถึงเกิดแนวคิดทำนองนี้ขึ้นมา แต่จริงๆนโยบายนี้มันก็ส่อแววไม่รอดตั้งแต่แรกแล้วแหละ
สนุกกับการดูคน ๆ หนึ่งดิ้นทุรนทุรายในข่าวนี้ :P
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
แหม่ ... รออยู่เลยครับคนถ่วงความเจริญ ฮ่า ฮ่า ฮ่า
อุ๊ต๊ะ!! รู้จริง
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เป็นไงล่ะ หึหึ
เอ้า ยังด่ารัฐกันไม่เลิก อ่านข่าวล่าสุดแล้วกัน
"จาตุรนต์"ยันแจกคูปองเงินสด 3 พันแทนแท็บเล็ต ยังเป็นแค่แนวคิด ทำจริงอาจเกิดปัญหา
ด่ากันไปเยอะแล้วนิ?
ผมสงสัยอย่างหนึ่งครับ
เป็นแค่แนวคิดที่เสนอโดยทีมงานผู้เกี่ยวข้องบางส่วน (ใครเป็นผู้เลือกให้คนพวกนี้มีส่วนรับผิดชอบในฐานะทีมงาน ?) แล้ววิจารณ์แล้วด่า "โครงการ" ไม่ได้เหรอครับ ??
ถ้าโครงการมันไปได้ดีไม่มีสะดุดมันจะมีแนวคิดประเภทนี้ออกมาหรือไม่ ? อันนี้ผมเองก็ไม่รู้นะครับ ไม่มีใครรู้ แต่ทุกคนวิเคราะห์จากข้อมูลที่เห็นได้
คำถามถัดไปคือแล้วแนวคิดที่เสนอมานี้มัน make sense มากน้อยแค่ไหน ? สำหรับคนที่พอมีความรู้ด้าน IT อย่างเรา ๆ อ่านแล้วก็ควรจะต้องส่ายหัวนะครับเพราะโครงการ tablet ป.1 มีไว้เพื่อใช้ในการเรียนและส่งเสริมทักษะที่โรงเรียนซึ่งจะต้องทำผ่านสื่อการสอนในรูปแบบ application (จะถูก implement ด้วยเครื่องมือใดก็แล้วแต่) ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือ tablet ที่เด็กป.1 ใช้ควรอยู่บน platform เดียวกันและมี spec ใกล้เคียงกันเพื่อรับประกันว่าประสบการณ์การใช้งานของทุกคนจะเหมือนกัน แต่ในแนวคิดที่เสนอมานี่มีการยกตัวอย่างให้ซื้อ tablet หลาย platform ทั้ง Windows, iOS, Android มันแสดงออกถึงความไม่เข้าใจในระบบของคนเสนอแนวคิดนี้อย่างชัดเจน มันจะยิ่งทำให้การเรียนรู้ด้วย tablet ผ่านสื่อการสอน (ที่เหมือนกัน) ที่ถูกดูแลถ่ายทอดโดยครู (คนเดียวกัน) แทบเป็นไปไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม แล้วแบบนี้ทำไมเราจึงจะวิจารณ์ "แนวคิด" อันอ่อนแอแบบนี้ไม่ได้ล่ะครับ ??
บางทีก็ควรแยกแยะนะครับว่าที่คนเขาด่ากันนั่นเขาด่าอะไร ด่าคน ด่าทีมงาน ด่าแนวคิด หรือว่าด่ารัฐบาล ส่วนตัวผมว่าไม่ผิดเลยที่จะมีคนด่าอะไรพวกนี้เพราะมันเป็นการแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องหนึ่ง ๆ หากด่าแล้วให้เหตุผลประกอบที่สมเหตุสมผลคนอ่านแล้วก็อาจจะคิดตามได้ว่าน่าเชื่อถือหรือไม่ แต่หากด่าแล้วไม่ให้เหตุผลคนก็คิดตามได้อีกเช่นกันว่าไม่น่าเชื่อถือ แทนที่จะคอยเหน็บว่าคนอื่นด่าไปก่อนโดยไม่ได้คิดน่าจะลองกลับไปคิดดูอีกมุมหนึ่งนะครับว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงออกมาด่าไม่ได้
ปล. ทุกวันนี้เด็กป.1 ได้ tablet ครบหรือยังครับ ปิดเทอมแล้ว
That is the way things are.
หลานผมป.๒ ยังไม่ได้คืนครับ เอาไปอัพเดตตั้งแต่ขึ้นป.๒
+1
ครบถ้วนกับที่ผมอยากจะพูดเลย
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
มันไม่มีอะไรไม่มีปัญหาครับ และการมีปัญหาไม่ใช่ตัวบอกว่าไม่ควรเริ่มโครงการหรือไม่ทำมันต่อไป แต่กระทรวงศึกษาถ้าจะเป็นกระทรวงปราบเซียนซะแล้ว 2 ปี เปลี่ยนรัฐมนตรี 3 คน แถมไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่จะแย่ลง