Ross William Ulbricht ชื่อจริงของ Dread Pirate Roberts (DPR) ผู้ดูแลเว็บตลาดสินค้าผิดกฎหมาย Silk Road ถูกจับเพราะความผิดพลาดหลายอย่าง ความผิดพลาดสุดท้ายที่ออกมาคือการสั่งเอกสารปลอมข้ามพรมแดนแคนาดา แต่เอกสารส่งฟ้องของ FBI แสดงรายละเอียดทั้งหมดว่า DPR ทำอะไรบ้างและถูก FBI ติดตามมานานแค่ไหน
เมื่อ FBI พบ Silk Road สิ่งแรกที่ทำคือพยายามค้นหาว่าเว็บไซต์นี้ถูกพูดถึงจากโลกภายนอกครั้งแรกที่ใดบ้าง และพบว่าโพสแรกๆ คือกระดานข่าวในเว็บ www.shroomery.org ในวันที่ 27 มกราคม 2011 พูดถึงเว็บขาย "เห็ดขี้ควาย" มีผู้ใช้ชื่อว่า "altoid" ระบุว่าเพิ่งไปเจอเว็บ Silk Road มาผ่านทางเว็บ silkroad420.wordpress.org โดย altoid สมัครมาเพื่อโพสข้อความนี้ข้อความเดียว ตัว silkroad420 เองก็เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาในวันที่ 23 มกราคม 2011 ทั้งสองบัญชีถูกสร้างขึ้นผ่านทางไอพี Tor ทั้งคู่ ผู้ใช้ altoid ก็ปรากฎตัวอีกครั้งที่เว็บ Bitcoin Talk ในวันที่ 29 มกราคม 2011 โดยโพสข้อความแบบเดียวกับ shroomery ทาง FBI เชื่อว่าพบต้นตอของโพสแรกๆ เพื่อโฆษณาเว็บที่เปิดใหม่
หลังจากนั้นในวันที่ 11 ตุลาคม 2011 altoid ประกาศบน Bitcoin Talk อีกครั้งเพื่อจ้าง "มืออาชีพในชุมชน Bitcoin" เพื่อทำงานใน "บริษัทสตาร์ตอัพที่สนับสนุน Bitcoin" โดยให้ส่งใบสมัครไปยัง "rossulbricht at gmail dot com" ซึ่งเป็นอีเมลส่วนตัวของ Ross William Ulbricht เอง ทาง FBI เข้าตรวจสอบบัญชีนี้ พบรายการกด +1 บน Google+ เป็นรายการวิดีโอของ Ludwig von Mises Institute สถาบันเผยแพร่แนวคิดทางเศรษฐกิจที่ให้รัฐควบคุมให้น้อย และปล่อยให้ตลาดควบคุมกันเอง (น่าจะเป็นที่มาของแนวคิดที่เขาให้สัมภาษณ์ Forbes) ภาพบน Google+ ของเขาตรงกับภาพบน LinkedIn ในชื่อเดียวกัน และบนเว็บของ Mises ก็มีบัญชีผู้ใช้ของ Ross Ulbricht ที่มีภาพตรงกับ Google+ ลายเซ็นบนบอร์ด Silk Road ของ DPR มีลิงก์ไปยังเว็บ Mises
ในวันที่ 5 มีนาคม 2012 มีผู้สร้างบัญชีด้วยอีเมล rossulbricht บน Stack Overflow ใช้ชื่อว่า "Ross Ulbricht" ผู้ใช้นี้โพสคำถามในวันที่ 16 มีนาคม 2012 ถามว่า "จะเชื่อมต่อกับ Tor hidden service ผ่าน curl ใน PHP ได้อย่างไร" หลังจากโพสไปหนึ่งนาที เขาเปลี่ยนชื่อผู้ใช้เป็น "frosty" หลายสัปดาห์ต่อมาเขาเปลี่ยนอีเมลเป็น "frosty@frosty.com" อีกครั้ง โค้ดที่มีผู้ตอบใน Stack Overflow ไปปรากฎบน Silk Road ในภายหลัง และ SSH key สำหรับเครื่อง Silk Road นั้นมี public key ของ "frosty@frosty" สำหรับล็อกอินปรากฎอยู่
FBI เข้าตรวจสอบไอพีที่ใช้เมล rossulbricht พบว่ามาจากบ้านหลังหนึ่งในซานฟรานซิสโก เป็นไอพีของ Comcast เป็นบ้านของเพื่อนของ Ulbricht นั่นเอง FBI ตรวจสอบการโพสของ DPR บน Silk Road พบว่าเขามักอ้างอิงเวลาเป็น PST ซึ่งเป็นเวลาของซานฟรานซิสโก
ภายหลังเมื่อ FBI เข้ายึดเซิร์ฟเวอร์ Silk Road ได้ ก็ตรวจสอบพบว่าเซิร์ฟเวอร์ที่ยึดได้ตั้งคอนฟิกไว้ให้เข้าถึงได้จากหมายเลขไอพีเพียงหมายเลขเดียว โดยไอพีนั้นเป็นเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่ถูกเช่ามาและล็อกถูกลบออกไป แต่ยังมีข้อมูลการล็อกอินครั้งสุดท้ายเก็บเอาไว้แสดงให้เห็นว่าเป็นหมายเลขไอพีของอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ห่างจากบ้านเพื่อนของ Ulbricht ไป 500 ฟุต
ศุลกากรสหรัฐฯ ตรวจพบเอกสารปลอมในเดือนกรกฎาคม 2013 มีเอกสารปลอมหลายใบในหลายชื่อ แต่สิ่งที่ส่งมาตรงกับประกาศซื้อของ DPR ในเว็บ Silk Road ส่งไปยังบ้านในถนนสาย 15 ในซานฟรานซิสโก ภาพในบัตรปลอมตรงกับภาพของ Ross Ulbricht สุดท้าย FBI จึงไปบ้านบนถนนสาย 15 และพบกับ Ulbricht ในบ้านหลังนั้น
สิ่งที่คำฟ้อง 39 หน้าไม่เปิดเผยคือกระบวนการที่ FBI พบเซิร์ฟเวอร์ของ Silk Road และได้รับอิมเมจของเซิร์ฟเวอร์มาได้อย่างไร อย่างไรก็ดี งานวิจัยในช่วงหลังมีกระบวนการมากมายที่สามารถเปิดเผยหมายเลขไอพีของบริการที่ซ่อนใน Tor ได้หากมีทุนมากพอ (งานวิจัยใช้ 11,000 ดอลลาร์) และเวลาประมาณ 8 เดือน ตัว Silk Road เองมีปัญหาหลายครั้ง เป็นไปได้ว่า FBI โจมตีเว็บไปก่อนหน้านี้แล้วและรอเวลาเพื่อหาตัว Ulbricht เท่านั้น
Comments
เหมือนหนังจารกรรมเลย
ขอบคุณสำหรับบทความครับ
Digital footprint
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
สร้างหนังได้เหมือนกันนะเนี่ย นาย Ross William Ulbricht ตอนที่ให้สัมภาษณ์คงคิดว่าซ่อนตัวได้เนียนที่สุดแล้ว แต่ความจริงยังเผลอทิ้งร่องรอยให้ตามได้เรื่อยๆ
เว็บไซต์นี้ถูกพูดถึงโลกภายนอก ?
ได้นั่งคอนฟิก ?
แต่ยังม่ีข้อมูล => แต่ยังมีข้อมูล
"สิ่งแรกที่ทำคือพยายามค้นหาว่าเว็บไซต์นี้ถูกพูดถึงโลกภายนอกครั้งแรกที่ใดบ้าง"
น่าจะเป็น
"สิ่งแรกที่ทำคือพยายามค้นหาว่าเว็บไซต์นี้ถูกเปิดเผยต่อโลกภายนอกครั้งแรกที่ใด"
นะครับ
ห้ามกด+ มั่วสิน่ะ
ขอบอกว่า... "งงมาก" กับกระบวนการสืบสวนของ FBI
#พลังยุทธ์ยังไม่ถึงจริงๆ
ขอให้นึกถึงคนที่ใช้ basic ของตัวเอง + ความพยายามแบบว่าวันๆ นั่ง search แต่ข้อมูลใน Google อ่ะครับ
ผมลองคิดแบบหยาบๆ ดูครับ
ขั้นแรกก็ต้องรู้ว่าเว็บนี้ URL อะไร จากนั้นก็ใช้ Google ช่วยน่าจะพอได้ เพราะมันบอกวันและเวลาของ post ได้ ส่วนเรื่องกระบวนการได้มาซึ่ง IP และอื่นๆ ก็น่าจะใช้วิธีแบบ FBI คือ ใช้คำสั่งศาล / อำนาจต่อรอง ประมาณนั้น
เดาล้วนๆ ครับ
ขอบคุณที่แปลเรื่องดีๆ ให้อ่านครับ ว่าแต่ เว็บขาย "เห็ดวิเศษ" มันคืออะไรเหรอครับ
เห็ดขี้ควาย(Magic Mushroom)
เห็ดขี้ควายเป็นเห็ดพิษซึ่งขึ้นอยู่ตามกองมูลควายแห้ง สีของเห็ดจะมีสีเหลืองซีด คล้ายสีฟางแห้ง บนหัวของร่มจะมีสีน้ำตาลเข้มจนถึงสีดำบริเวณก้าน (Stalk) บริเวณใกล้ตัวร่มจะมีแผ่นเนื้อเยื่อบางๆ สีขาว แผ่ขยายออกรอบก้าน แผ่นนี้มีลักษณะคล้ายวงแหวน
เห็ดขี้ควาย มีขึ้นอยู่ทั่วไปในแทบทุกภาคของประเทศไทย ลักษณะของเห็ดที่สมบูรณ์และโตเต็มที่ตรงบริเวณหมวกจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6.5-8.8 ซม. ความสูงของลำต้นประมาณ 5.5-8 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.8-1.0 ซม.
เห็ดขี้ควายเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในบรรดานักเที่ยวว่า "Magic Mushroom" มีการแพร่ระบาดอยู่ในกลุ่มนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ฤทธิ์ในทางเสพติด :
ในเห็ดขี้ควายมีสารออกฤทธิ์ทำลายประสาทอย่างรุนแรงคือ ไซโลซีน และ ไซโลไซบีน ผสมอยู่ ซึ่งออกฤทธิ์หลอนประสาท
อาการผู้เสพ :
เมื่อบริโภคเข้าไปจะทำให้มีอาการเมา เคลิบเคลิ้มและบ้าคลั่งในที่สุด
โทษที่ได้รับ :
หากบริโภคเข้าไปมากๆ หรือผู้ที่บริโภคเข้าไปมีภูมิต้านทานน้อย อาจทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
โทษทางกฎหมาย :
เห็ดขี้ควายจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติด
ให้โทษ พ.ศ.2522
http://www1.oncb.go.th/document/p1-bykind13.htm
มิน่า มาริโอ้ ชอบกินเห็ด
ขอบคุณครับ ผมดันเข้าใจไปว่าเป็นรหัสของยาอะไรซักอย่าง เข้าไปอ่านในเว็บนั้นยิ่งงง มีแนะนำ trip ไปเก็บเห็ดด้วย -"-
เอาไปสร้างหนังเถอะครับ ผมจะรอโหลดบิท #ผิด
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
นึกถึงหนัง swordfish ;D
my blog
อ่านแล้วได้อารมณ์ประมาณนี้
Trust me, I am a Wizard
วิงเวียนหน้ามืด รับเซียงพิวอิ้ว มั้ยครับ
ตอนแรกก็ไม่งงนะ แต่พองงเท่านั้นแหละงงเลย
สรุปแล้วใครเป็นพ่อ? เว้ยเส้าเทียน หรือ จางฟู่เยิน
แล้วจะมีคนอื่นๆที่อยู่ในโลกมืดแบบนี้อีกมั้ย ที่อาจจะมารับงานต่อหรือเป็นคู่แข่งกัน
..: เรื่อยไป
อ่านเจอจากที่ไหนไม่รู้ว่าพวก drug dealer ย้ายไป "ที่ใหม่" แล้วครับ
หนัง Geek เรื่องต่อไปซินะ
/ไม่Geekแต่รอชม
Writer no.59 เพื่อสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้
อ่านสนุกดีแฮะ เหมือนหนังเลย
อยากรู้ถ้ามีคดีแบบนี้ในไทย ตำรวจไทยจะจับได้ไหมหนอ รู้สึกคราวที่แล้วซักคดีคุณตำรวจเคยบอกว่า "IMEI เป็นหลักฐานที่ดี เพราะเปลี่ยนแปลงไม่ได้"(เอิ่ม)
ไม่รู้เป็นการดูหมิ่นไปหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าตำรวจ(จริงๆคือราชการส่วนใหญ่) มีปัญหาด้านเทคโนโลยียังไงก็ไม่รู้
เห็นหลายๆท่านเคยทำงานให้องค์กรของรัฐ(อ่านจากคอมเมนต์) อยากทราบว่าคิดยังไงกันบ้างอ่ะครับ
พอดีเคยโพสบ่นๆเรื่องนี้ไปแล้วเพื่อนมาตอบ ขออ้างคำตอบเพื่อน : ที่ด้อยในเรื่องนี้เพราะ ประเทศเรายังไม่ค่อยคิดว่าการปลอมเเปลงทางด้านนี้มีความสำคัญในระดับประเทศเท่าไรนัก เพราะเรามองว่าของเเบบนี้อยู่ในช่วงสนใจของนักวิชาการ จึงทำให้มีเหตุการณ์ที่เป็นจุลภาคมากมายที่คนส่วนมากไม่ค่อยใส่ใจ
พูดตรงๆนะเท่าที่สังเกตุจากแม่(แม่เป็นข้าราชการครับ)คือ การทำงานด้านกฏหมายของภาครัฐเนี่ยทำให้เจ้าหน้าที่เชี่ยวชาญในด้านเดียวในงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ทำให้พอเจอเรื่องอื่นๆเลยไม่เข้าใจเพราะไม่เคยเรียนรู้มาก่อน จากคำบ่นของแม่กับเพื่อนๆเลย "เรียนจบกฏหมายทำงานด้านกฏหมาย พอทำไปหลายๆปีเข้าก็ไม่รู้เรื่องอะไรนอกจากกฏหมายเลย" คือไม่มีการสนับสนุนให้คนมีความรู้รอบด้านสนใจแต่ผู้เชี่ยวชาญ ผมจำได้ว่าเคยมีมหาลัยหนึ่งเปิดปริญญาตรีคู่ขนานระหว่าง นิติ กับ วิทย์คอม นะ(รู้สึกจะที่นเรศวรนะถ้าจำไม่ผิด)แต่สุดท้ายก็ต้องเลิกไปเพราะหนึ่งคือมันเรียนหนัก สองคือคนเห็นว่าการมีปริญญาตรีสองใบมันไร้ประโยชน์ในการเอาไปสมัครงานเพราะเลือกได้แค่ใบเดียว (คือมองที่ปริญญาหาใช่องค์ความรู้ที่ได้)
สุดท้ายมันก็เลยนำไปสู่การที่ผู้ทำงานด้านกฏหมายในไทยรู้ไม่เท่าทันเทคโนโลยีสารสนเทศที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนสมัยใหม่
ปีญหาน่าจะอยู่ที่การแข่งขันในงานราชการมันต่ำ ส่วนใหญ่ไม่ได้แข่งกันที่ความรู้ความสามารถ มันเลยทำให้ขาดกระตือรือร้น ที่จพหาอะไรมาใส่ตัวเพราะสุดท้ายตำแหน่งมันก็ค่อยๆขึ้นของมันไปเองถึงไม่ทำอะไร ส่วนใหญ่จะไปหาความสามารถที่ไม่ได้ก่อประโยชน์แก่งาน แต่หามาเพื่อเป้นทางลัดอัพตำแหน่งกันมากกว่า
งานในสายกระบวนการยุติธรรมเนี่ยนะครับการแข่งขันต่ำ?
อาจจะพูดถึงราชการทั่วไปหรือเปล่าครับ
เพราะถ้าสายยุติธรรมก็นะ ไม่มีทาง "อยู่ๆไป แล้วตำแหน่งขึ้น" แหงๆ..
แข่งขันสูงครับ แข่งขันสูงด้วยเส้นสายมากกว่าความสามารถ
ครอบครัวผมทำงานข้าราชการหลายด้านครับ สังเกตุได้เลยว่าหน่วยงานที่มีผลประโยชน์ต่ำๆน่ะการแข่งขันจะแข่งขันกันที่ความสามารถเสียมากกว่า แต่พอเป็นหน่วยงานที่มีผลประโยชน์สูงแข่งขันกันสูงมากครับด้วยเส้นสายนะ โอเคมันมีที่ให้คนมีความสามารถอยู่บ้าง แต่ในขั้นตอนการให้คนมีสามารถจริงๆขึ้นนั้นถ้าไม่ใส่ชื่อคนที่มีเส้นสายไปด้วย พวก"คนใหญ่คนโต"หลายคนเขาจะไม่ยอมเซ็นให้ครับ อันนี้เรื่องจริงนะเลยทำให้การจัดสรรตำแหน่งจึงจำเป็นต้อง"พ่วง"คนใช้เส้นสายเข้าไปด้วย
(เทียบง่ายๆหน่วยงานน้าผมนั้นเวลาสอบแข่งขันเลื่อนตำแหน่งนั้น จะมีการเปิดเผยรายชื่อและอันดับชัดเจนว่าใครได้อันดับเท่าไหร่ ตรงกันข้ามกับหน่วยงานแม่ผมที่สอบแข่งขันกันทีประกาศแค่ว่าใครได้ แต่ไม่มีการเปิดเผยรายชื่อสักนิดว่าใครได้อันดับเท่าไหร่คะแนนเท่าไหร่)
มันเลยทำให้ขาดการกระตือรือร้นครับ ได้แต่ทำงานไปวันๆให้ตำแหน่งมันเด้งขึ้นไปเองตามระบบ
ถามว่าเด้งไปเองตามระบบยังไง คือต้องเข้าใจว่าในระบบราชการมันจะมีตำแหน่ง"ที่คนไม่ต้องการเป็น"อยู่เยอะครับด้วยเหตุปัจจัยต่างๆเช่น เป็นแล้วต้องติดแหงก 2 ปีถึงจะเลื่อนตำแหน่งได้
ระดับนี้ยังต้องเข้ามาถาม Stack Overflow แล้วคนตอบล่ะ ?!
อารมณ์นักสืบพันทิป
เบื้องต้น พลาดเพราะ gmail stack overflow และ เวลา
How can I connect to a tor hidden service using curl in php?
ไม่ยอม acccept คำตอบซะด้วย
อ่านจบแล้วนึกถึงสมัยก่อนที่นั่งขุดคุ้ยประวัติของเมมเบอร์คนอื่นในเว็บบอร์ดเพื่อเอามาแฉ 555