บริษัทรถยนต์บางรายอย่าง Nissan และ Ford ออกมาประกาศเรื่องวิสัยทัศน์ของรถยนต์ไร้คนขับในอนาคตไปแล้ว แต่พี่ใหญ่อย่าง GM กลับ "เห็นต่าง" ไปครับ
Mike Robinson ผู้บริหารระดับสูงของ GM ไปให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการด้านคมนาคมของรัฐสภาสหรัฐ โดยเขาสะท้อนมุมมองของค่าย GM ว่ารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติยังไม่น่าจะเป็นจริงได้ในอนาคตที่มองเห็น (for the foreseeable future) และมนุษย์ยังต้องเป็นฝ่ายควบคุมยานพาหนะอยู่
ประเด็นเรื่องรถยนต์ไร้คนขับนั้นกำลังเป็นที่สนใจในหน่วยงานภาครัฐของสหรัฐ โดยการทดลองรถยนต์ไร้คนขับของกูเกิลทำให้เกิดคำถามในหมู่ ส.ส. และ ส.ว. ทั้งในระดับชาติและระดับรัฐว่าสมควรจะปรับเปลี่ยนกฎหมายด้านจราจรให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้หรือไม่
ที่มา - Detroit News
Comments
เปลี่ยนเป็นหุ่นยนต์ขับแทน
ปล.อยากได้รถลอยได้แบบใน star war ไม่รู้จะอยู่ทันได้ขับหรือป่าว o
คงอีกนานมากครับ ที่จะมีการนำรถยนต์ไร้คนขับมาใช้งานจริงๆ บนท้องถนน เพราะต้องพัฒนาเทคโนโลยีเยอะครับ
รถไร้คนขับสงสัยคงอีกนาน แต่ไอ้ที่เป็นไปได้อย่างกระจกรถแบบนี้น่าจะมาก่อน
ผมรอดูกระจกพี่อยู่นะข่าวเงียบไปเลย
เป็นการตัดเกมคู่แข่งหรือเปล่า?
ผมดูว่าน่าจะเป็นการ pr เพราะลูกค้าเป็นคนละกลุ่มหรือปล่าว เพราะว่ารถยนต์ที่ขับเพื่อไปให้ถึงจุดหมายกับรถยนต์ที่ขับเพื่่อความสนุกนั้นต่างกัน
รถราคาสูงๆมักจะพยายามทำให้คนที่ขับสนุกไปกับการขับรถ เพื่อขายรถรุ่นที่แรงและแพงขึ้น และลูกค้ากลุ่มนี้หลายคนไม่ชอบรถอัตโนมัติ เพราะทำให้ skill ที่มีอยู่ลดคุณค่าลง
รถอีกกลุ่มที่เน็นไปให้ถึงที่หมาย จะเน็นเรื่องราคาไม่แพง ประหยัดน้ำมัน ความปลอดภัย ลูกค้ากลุ่มนี้ชอบรถอัตโนมัติ เพราะขี้เกียจขับ อาจปลอดภัยขึ้น และ อาจทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ทำไมผมอ่านจบ แล้วนึกถึงประโยคที่ว่า "ไม่มีใครอยากได้มือถือที่เต็มไปด้วยลอยนิ้วมือหรอก" กับที่ว่า "มือถือแบบมีปุ่มกดจริง ๆ ยังไงก็ดีกว่า"
A smooth sea never made a skillful sailor.
นึกถึงคำพูดนี้เหมือนกัน
รถไร้คนขับจะมีไหมยังไม่รู้ ตัวรถที่ไม่มีคนนั่งด้วยยังมีไปอีกนานครับ........
เอ้าเข้าเรื่อง รู้สึกเหมือนตอนคนดูถูกพอจอ Touch ตอนออกใหม่ๆรึเปล่า
ด..ดราม่า
เพราะคิดอย่างนี้หรือเปล่าถึงจะเจ๊งเอา ที่อยู่ได้ทุกวันนี้ก็เอาเงินคนมะกันไปอุดตูดบาน
ขนาดนั้นเลยหรอครับ?
ผมเห็นด้วยนะว่าต้องอีกระยะ อาจสัก สิบ ถึง ยี่ิสิบ ปีเพราะปัจจัย และตัวแปร
ในการให้รถยนต์วิ่งเองโดยไรัคนขับร่วมกันกับมนุษย์มีเยอะเกินไป เห็น ๆ ก็ เมืองไทย นี่แหละ
อย่างเมืองไทยนี่คือ ต้องตัดคนออกใหม้หมด เหลือแต่หุ่นขับใช่ไหมครับ 555
ทำไมเรานึกถึง RIM กับ Kodak นะ มันไม่ได้มาเร็วๆ นี้แปลว่ามันพัฒนายาก แล้วถ้ามันมาแล้ว ระวังตามเทคโนโลยีเค้าไม่ทันนะ
ผมว่ารถไร้คนขับมันจะเป็นจริงได้ ต้องให้รถทุกคันบนถนนเป็นรถไร้คนขับหมด ไม่งั้นเรื่องความปลอดภัยมันก็ไม่ได้เพิ่มไปจากเดิม
การจะให้รถทุกคันบนถนนเป็นรถไร้คนขับหมด ก็ต้องมีช่วงที่เปลี่ยนระบบอยู่ดีครับ
ต่อให้อุปกรณ์รวมค่าติดตั้งมีราคาเพียง 2000 - 3000 บาท แต่การจะบังคับให้ทุกคนเปลี่ยนทันทีเป็นไปไม่ใด้
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
+1 ปัจจัยที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการขับรถบนถนนมันมีเยอะเกินไป จะเขียนโปรแกรมมาตัดสินใจแทนคนให้ครอบคลุมทุกกรณีนี้ยากมากๆ
คงนานครับ กว่าคนจะยอมรับ กฏหมายก็ต้องแก้อีก
ระหว่างขั้นตอนเปลี่ยนผ่านจากมีคนขับไปสู่ไร้คนขับยังต้องผ่านระบบการจราจรแบบไร้ไฟแดงบนสี่แยกเสียก่อน
เท่าที่สังเกตอาการรถติดในกทม. จะเกิดขึ้นอยู่ 3-4 กรณี
กรณีแรก การที่ปริมาณการจราจรมากช่วงขาเข้าในเวลาเช้า และขาออกในเวลาเย็น โดยเฉพาะเส้นทางเข้าสู่ศูนย์กลางต่างๆ (เคยสงสัยว่าทำไมชอบสร้างเกาะกลางถนนกันนัก ทั้งที่มันกินช่องทางการจราจรไป 1 เลนเต็มๆ และไม่สามารถพับเก็บไปได้บนพื้นถนนเหมือนลวดสลิง) หากสามารถปรับเปลี่ยนเลนการจราจรได้ หรือเปลี่ยนให้เป็นขาเข้าหรือขาออกแบบวันเวย์ได้ โดยปัจจัยสำคัญคือสื่อสาระสนเทศ ที่จะช่วยแจ้งเส้นทางจากจุดเริ่มต้นไปสู่เป้าหมาย หรือระบบนำทาง ที่ไม่ใช่แค่แจ้งระยะทาง เส้นทางและระยะเวลาโดยประมาณเท่านั้น แต่ต้องบอกเลน(หมายเลขช่องทางจราจร)ที่ต้องวิ่งและอัตราความเร็วที่ต้องรักษาในช่องทางจราจรนั้น
กรณีที่สอง การติดขัดในบริเวณสี่แยกที่ผ่านการบริหารแบบใช้ตำรวจจราจรควบคุม ในส่วนที่เป็นสี่แยกเล็กและมีสี่แยกติดๆกันหลายช่วงตึกแนะนำให้ใช้ระบบงดการวิ่งตรงผ่านไป แต่ใช้การวิ่งวนผสมระหว่างการวิ่งซ้ายผ่านตลอดและวิ่งขวากลับรถ หากเป็นสี่แยกใหญ่ยังจำเป็นที่จะให้วิ่งสวนกัน 4 ทิศทางให้อนุโลมใช้ไฟแดงไปก่อน ก่อนที่จะพัฒนาโครงสร้างถนนให้กลายเป็นระบบสี่แยกที่ไรไฟจราจรทางโครงสร้างที่หลัง (ข้อนี้ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ ขอลองเอาไปทำบน simcity เสียก่อนแล้วจะเอามารายงานผล)
กรณีที่สาม การเกิดอุบัติเหตุกีดขวางช่องทางจราจร แม้ว่านี้จะเป็นเหตุสุดวิสัยไม่อาจคำนวณได้ แต่สามารถแก้ไขได้ที่ต้นเหตุ คือการเช็คสภาพผู้ขับขี่ก่อนเลือกเป้าหมายปลายทางและออกรถ ผ่านทางอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งจะสามารถป้องกันการที่ผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตและอายุไม่ถึงเกณฑ์ รวมถึงสภาวะมึนเมาและอาการง่วงแล้วขับอีกด้วย
กรณีที่สี่ ปัญหาน้ำท่วมผิวช่องทางจราจรทำให้ไม่สามารถใช้เส้นทางได้ เป็นเหตุที่จำเป็นต้องแก้ไขที่โครงสร้างถนนทางด้านพื้นฐาน
ปัญาที่อาจจะเกิดขึ้น
1. ข้อจำกัดด้าน network ความจริงแล้วสิ่งต่างๆที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของรัฐ ไม่ว่า ปตท. การบินไทย การไฟฟ้า การประปา สามารถแปรรูป ให้เอกชนสามารถดูแลได้ และรัฐสามารถมีอำนาจเข้าไปแทรกแซงได้หากเกิดความไม่เป็นธรรม ระหว่างรัฐเป็นผู้ดูแลกับเอกชน ไม่มีความแตกต่างกัน ต่างที่ผู้บริหารมีความเป็นธรรมขนาดไหนต่างหาก ที่จะบริหารงานเพื่อประชาชนขนาดไหน ดังนั้นความเห็นของผม กรมทางหลวงสามารถโอนงานรับผิดชอบในเส้นทางนั้นๆให้องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเข้ามารับผิดชอบได้ แต่ในเมื่อไม่มีความพร้อม ก็สามารถแปรรูปให้เอกชนดูแลได้ และใช้กฏหมายควบคุมให้ผู้ลงทุนสามารถเห็นความคุ้มค่าในการลงทุนได้ ถ้าเป็นอย่างนั้น เราสามารถเห็นบริษัทที่มีประสบการด้านคมนาคมเข้ามาลงทุนสร้างไฟเบอร์ออฟ์ติกส์และตัวกระจาย Wifi ตลอดถนนในเมืองหลวงและหัวเมืองใหญ่ๆได้
เริ่มจากลดปริมาณมอเตอร์ไซค์ลง 50% ก่อนดีกว่าครับ
ช่องทางของมอเตอร์ไซค์ก็เป็นช่องทางของรถจักรยานเหมือนกัน ถ้าประกาศพื้นที่ควบคุมความเร็วที่ 40 กม.ต่อชั่วโมง เชื่อว่าระหว่างคนถีบ เครื่องยนต์ขับเคลื่อน และมอเตอร์ไฟฟ้าปั่นน่าจะไปกันได้ จุดสำคัญคือจังหวะที่รถเมลรวมถึงรถขับเคลื่อน 3 ล้อ และ 4 ล้อเข้ามาจอดต้องกาลงพื้นถนนให้ชัดเจน ตั้งกล้องและใช้ RFID ระบุรถ 2 ล้อที่ละเมิดไม่จอดรอให้พวก 3 ล้อและ 4 ล้อวิ่งออกไปก่อน เหมือนการฝ่าไฟแดง ปัญหาของมอเตอร์ไซค์คือไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นรถเล็ก แต่คิดอยู่ร่ำไปว่าตนคือรถ 18 ล้อ ที่คนอื่นต้องหลีก
อีกส่วนนึง ไม่ปฏิบัติตามมารยาทและฝ่าฝืนกฎจราจรกันแบบไม่แคร์สื่อ ทำให้ระบายรถได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็นครับ ซึ่งเป็นข้อที่แก้ได้ยากที่สุดด้วยเพราะต้องแก้ที่คนบังคับใช้กฎหมาย
ตำรวจจราจรจะล้มหายตายจากเป็นกลุ่มแรกทันทีที่แนวคิดนี้ถูกนำไปใช้ สิ่งที่จะเข้าไปแทนที่ 3สิ่ง คือ กล้องวีดีโอที่ติดบนรถรวมถึงเสาส่งสัญญาณ Wifi, ระบบประมวลผลบริหารปริมาณการเดินรถ, และเจ้าหน้าควบคุมการจราจรที่ทำงานผ่าน video Call ที่ติดต่อกับผู้ขับ
คนที่ทำผิดกฎการจราจรจนแต้มหมด จะถูกบังคับให้ไปทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าควบคุมการจราจร เพื่อฟื้นฟูแด้มให้สามารถกลับมาขับรถได้อีกครั้ง ยิ่งคนทำหน้าที่นี้น้อย การปรับคะแนนจะยิ่งรุนแรงและเข้มงวดมากขึ้น ใครผิดต้องชดใช้กรรมช่วยเหลือไม่ให้คนผิด ซึ่งเป็นหน้าที่ที่น่าเบื่อแต่เกิดประโยชน์มากที่สุด
เชื่อว่าวิธีนี้น่าจะแก้ปัญหา "ไม่ปฏิบัติตามมารยาทและฝ่าฝืนกฎจราจรกันแบบไม่แคร์สื่อ" ได้ เพราะเวลาและสิทธิในการขับรถย่อมสำคัญกว่าสื่อมากกว่า และเป็นการกระตุ้นทางอ้อมให้ระบบไร้คนขับเกิดเร็วมากขึ้น
กล้องวิดิโอที่ติดบนรถนี้ค่อนข้างจะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลไปหน่อยนะครับ มันเหมือนแกมบังคับให้คนกลัวมากกว่าจะปลูกฝังนิสัยอันดีในการขับรถ
กล้องวิดิโอที่ติดบนรถใช้ในการยืนยันสถานะคนขับกับผู้ควบคุมการจราจรว่า ไม่เมาไม่ง่วง เมื่ออัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ หรือคลื่นสมองไม่สมบูรณ์ โดยข้อมูลจะถูกบันทึกเบื้องต้นในกล่องดำบนรถเท่านั้น เมื่อยืนยันสถานะได้เสร็จภาพเสียงจะตัดไปเพื่อรักษาแบนด์วิตด์ ก่อนที่จะกรอกเป้าหมายปลายทาง
ส่วนสิทธิส่วนบุคคลเรื่องคุณจะไปไหน เชื่อว่าต้องมีระบบหลบหลีกให้แน่ แต่เวลารถวิ่งไปแต่คนขับไปหากิก เวลาเกิดความเสียหายอย่างไหร่คนขับที่สตาร์เครื่องครั้งแรกต้องรับผิดชอบ
ผมติดไว้ป้องกัน "การถูกแจ้งข้อหาในลักษณะที่ไม่ตรงกับหลักฐาน" ครับ
ผมเห็นบางคนโดนสั่งย้าย แต่ไม่เห็นโดนไล่ออกซักคน
กรณีที่สองดูจะเวิร์คและเป็นจริงได้ในเร็ววัน
ไม่เข้าใจว่าทำไมบ้านเราเอาเทคนิคการจัดการจราจรจากประเทศโน้นนี้ที่ติดน้อยกว่ามาใช้ ทั้งๆที่ของเรารถติดเป็นอันดับ 1 ของโลก
แล้วเมื่อไหร่จะเลิกเปิดไหล่ทางเป็นอีกเลนสักที ฝึกวินัยแย่ๆ
ขับชิดซ้ายเลนซ้าย โดยคันหลังซัดทั้งแตรทั้งไฟสูงเลยนะครับ ผมล่ะเสียวโดนคันหลังทำเราอะไรจริงๆ
ที่เลวร้ายที่สุด มีอยู่รอบนึง คันซ้ายไปไม่ได้ คันทางขวา (ที่อยู่เลนซ้ายเลนเดียวกับผม) ช่วยรถที่วิ่งไหล่ทางไล่ผม แล้วก็แทรกขวาดันผมออกไหล่ทางแทนซะงั้น
อีกนานจริงแต่ถ้าใครตามไม่ทันอาจถึงขั้นเจ๊งได้เลย (เรื่องนี้ทำให้นึกถึง kodak)
มันอยู่ที่วิสัยทัศน์ของผู้นำองค์กร ช่วงเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี ใครตามไม่ทันก็จะเป็นแบบ Kodak,BB ต้องเหนื่อยพอสมควร แล้วเทคโนโลยีพวกนี้ไม่ได้ทำกันวัน 2 วันเสร็จ อย่างน้อยก็ 5-10 ปี รายชื่อบริษัททั้ง Ford กับ Nissan เสนอกฎหมายเนี่ย ถ้าดูชื่อ CEO แล้วคนในวงการเขานับถือในวิสัยทัศน์มาก ส่วน GM นั้น No Comment ครับ วิกฤตรถยนต์ครั้งที่แล้ว Ford รอดกับ Nissan รอดได้ด้วย CEO วางแผนดี ส่วน GM รอดได้เพราะรัฐบาลช่วย แต่ข่าวมันคงบอกอะไรกลายๆ ว่า กฎหมายเรื่องนี้คงผ่านยาก เพราะ GM เขาไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็ใน USA
ขอคนขับธรรมดาแต่รักษาวินัย กฏ ก่อนดีกว่า ตำรวจด้วยอย่าจับมั่วแค่นี้ก็พอใจแล้ว มีรถผมก็อยากขับเองนะครับ
ถ้าเป็นแถวบ้านมันลำบากครับ กระบะหน้าด้านมันเยอะ (ผมก็ขับกระบะแต่ก็ไม่ได้ขับถ่อยเหมือนบางคน) ทางโค้งเอย ทางตรงเอย ทางลาดเอย พี่แกแซงได้แซงหมด (ไม่กี่วันก่อนก็เกือบชนมันอีกแล้ว มันแซงลงจากทางลาด ดีที่เบรคทัน)
อัลกอริทึมต้องแน่นจริงๆครับ
ผมขับทั้งเก๋งและกระบะ แต่แปลกผมกลับเจอแต่เก๋งวิ่งช้าอยู่ขวาสุด เฉย แม้มีรถต่อแถวข้างหลังเป็นสิบนะครับ
ทำใหรถติดยังไม่รู้ตัว เจอทุกวัน
ผมเจอเด็ดกว่านั้น เป็นสตรีขับเก๋งแต่คุย Line คาพวงมาลัยเลยครับ ชิดขวาด้วย แทบจะเหมือนอเมริกาเด๊ะๆเลย
มันเกี่ยวกับความปลอดภัยรึเปล่า
อย่าลืมว่ารถที่ว่าต้องขับบนถนนเส้นเดียวกับรถทั่วไป ถ้าสร้างถนนโดยเฉพาะอันนั้นก็คงเป็นไปได้นะ
ทำไมผมนึกถึงพวกที่พูดว่ามนุษ์บินไม่ได้ในสมัยก่อน
แต่สมัยนี้บินได้ด้วยเครื่องบินกันทุกคน -_-
ส่วนตัว ถ้าให้รถขับเองก็ไม่ใช่ว่าจะดีทั้งหมด
ควรจะทำแบบเครื่องบินที่มี Auto Pilot
ถ้าเมาแล้ว ใช้รถขับเอง ตำรวจไทยจะจับไหม
ปรับบริษัทผู้ผลิต เชื่อว่าเมื่อขายไปแล้วคงไม่ใช่ขายขาด แต่เป็นการทำสัญญาควบคุมเหมือนที่โอปเรเตอร์ในอเมริกาขาย iphone ให้ในราคาถูกแต่ติดสัญญา ดีไม่ดีรถแบบไร้คนขับอาจมีรูปแบบการทำธุรกิจเหมือนมือถือ และเราอาจได้เห็นรถยนต์ที่มีราคาเริ่มต้นในหลัก 9999 บาท ก็เป็นได้ แต่ติดสัญญากี่ปีไม่รู้
ลองนึกภาพ นิสสัน โตโยต้า เบนซ์ ลงมาประมูล 4G-5G แข่งกับดีเทค เอไอเอส ทูธ คงมันดีพิลึก อย่าลืมว่าหากรถพวกนี้ลงมาวิ่งจริงเลขหมายที่จะใช้ 3G จเพิ่มอีกอย่างน้อย 2 ล้านเลขหมายทันที
จะเหมือนตอนที่ แอปเปิ้ลออกไอโฟนตัวแรก แล้ว CEO โนเกียบอก แอปเปิ้ลไม่ใช่คู่แข่งของเราหรือเปล่า ฮาฮา
แต่ผมว่าเค้าก็ไม่ได้พูดผิดนะ ระหว่างรถต้นแบบที่สามารถใช้งานได้จริงในสภาพแวดล้อมเหมือนจริง กับ รถที่ผลิตขายจริงและใช้งานได้จริงบนถนนจริง มันเป็นคนละเรื่องกันเลย
อย่างที่เห็นได้ชัดๆหน่อยก็พวก รถไฟฟ้าทั้งหลาย มีทดลองสร้างขึ้นมาทดลองใช้ตั้งแต่เป็นร้อยปีที่แล้ว แต่เพิ่งจะมีการผลิตขายจำนวนมากและใช้งานบนถนนได้จริง อย่างพวก Tesla หรือ Nissan Leaf มาเมื่อไม่นานมานี้เอง (ถ้าไม่นับพวกที่สร้างมาแล้วขายไม่ออก แล้วก็พับโครงการไปอีกมากมาย)
สิ่งที่อยากเห็นต้องกระตุ้นให้มันเกิด โดยการจำลองสภาวะเสมือนบังคับทางอ้อมให้มนุษย์ขับได้เหมือนระบบควบคุมตามหลักคณิตศาสตร์ สิ่งที่เกิดขึ้นคือวินัยจราจรที่จะไม่มีทางเห็นได้จากฝีมือมนุษย์ การคมนาคมสาธรณะในเมื่อมนุษย์ไม่สามารถทำให้ดีได้ในสภาวะแวดล้อมที่มีปัญหามาก ก็ต้องยอมรับให้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาจัดการ เหมือนอุสาหกรรมการผลิตที่มนุษย์ไม่มีทางสมบูรณ์พร้อมเหมือนเครื่องจักร ส่วนปัญหาด้านเด็กเทคนิคต้องปล่อยให้เด็กสาวอาชีวะเข้ามาแก้ไข เอ๊ยไม่ใช่......ปัญหาด้านวิศวกรรมที่ต้องใช้รถในหลายสภาวะแวดล้อมต้องปล่อยให้บริษัทผู้ผลิตเข้ามาแก้ไข
ตอนนี้ กูลเกิล เข้ามายึดโทรคมผ่านอินเตอร์เน็ทและโทรศัพท์ได้แล้ว ต่อมาจองจะยึดการคมนาคมผ่านรถส่วนบุคคลอีก ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปอีกสัก 20 ปี ผมคนไปซื้อหุ้นกูลเกิลมากกว่าจะไปแลแอปเปิลแล้วล่ะ และกูลเกิลคงยึดโลกได้เท่ากับ ยุคสมัย windows xp(=ระบบค้นหา)+ยุคสมัย windows 7(=ระบบปฏิบัติการมือถือ) และกำลังจะพวงระบบนำทางรถเป็นยุคสมัยที่ 3
ถึงจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่น่าเพิกเฉย อย่างน้อยก็ต้องซุ่มพัฒนาหรือติดตามคนอื่นตลอด เดี๋ยวไม่ทันเค้า