มีชายอเมริกันไม่ระบุชื่อคนหนึ่งสวมแว่น Google Glass ไปดูหนังเรื่อง Jack Ryan: Shadow Recruit กับภรรยาในรัฐโอไฮโอ
พนักงานของโรงหนังสงสัยว่าเขาอาจบันทึกวิดีโอ (ถ่ายหนังซูม) แบบละเมิดลิขสิทธิ์ ทางโรงหนังจึงแจ้งทีมงานของสมาคมภาพยนตร์อเมริกา (MPAA) ที่อยู่ในพื้นที่พอดี และตัวแทนของ MPAA ก็แจ้งกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐ (Homeland Security) ที่รับผิดชอบเรื่องนี้
จากนั้นชายคนนี้ถูกเชิญออกจากโรงกลางคันเพื่อสอบสวน โดยมีตำรวจ 5-10 นายเข้าร่วม ชายคนนี้แจ้งว่าโดนค้นโทรศัพท์ และถูกพาไปยังห้องสำนักงานเพื่อ "ให้สัมภาษณ์" (สอบสวนอย่างไม่เป็นทางการโดย FBI) ซึ่งเขาปฏิเสธว่าไม่ได้เปิดใช้ Google Glass ขณะอยู่ในโรง แค่สวมไว้เฉยๆ และปิดโทรศัพท์ทุกเครื่องก่อนเข้าโรง
ทีมสอบสวนนำ Google Glass ของเขาไปต่อ USB ผ่านคอมพิวเตอร์และไม่พบการบันทึกวิดีโอใดๆ เรื่องนี้จบด้วยการที่ชายคนนี้ถูกปล่อยตัว โดยได้รับคูปองดูหนังฟรี 4 ใบเป็นเครื่องชดเชย
ที่มา - Business Insider
Comments
ถ้า stream ออกมาก็ไม่มีไฟล์บันทึกวีดีโอใช่ไหม
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ถอดแว่นก่อนเข้าโรงก็หมดเรื่อง
แว่นที่เขาใส่เป็นแว่นสายตาด้วยครับ
อ้าว นึกว่าแว่นป๋ากูจะเป็นขนิดแบบประกบ หรือใส่ครอบทับแว่นสายตาเสียอีก
จริงๆผมเห็นด้วยกับตำรวจนะ Google Glass มันถ่ายวิดีโอได้จริงๆ
มันก็เหมือนกับผมถือกล้องถ่ายวิดีโอเข้าไปในโรงหนัง แล้วบอกว่า "ผมปิดตลอดเวลาครับ"
หรือถ้ามีคนเอา SmartPhone เข้าไปถือไว้ตลอดเวลาแต่ไม่ได้บันทึก มันก็คล้ายๆกันแหละ
ซึ่งตำรวจก็ทำถูกแล้ว น่าสงสัย ก็สอบสวน ไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ปล่อยตัว
แต่ส่วนตัวแล้วผมว่าคนใส่เข้าไปเนี่ยอยากโชว์ของด้วยแหละ :P
ปัญหาคือ เค้ายอมให้เอาแว่นไปเสียคอม เพื่อยืนยันว่าไม่ใด้อัด video แต่ก็ยังโดนกักตัวต่างหาก
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมก็เคยเอากล้องเข้าไปในโรงหนัง ไม่เห็นเคยโดนอะไรเลย ถือเข้าไปโต้งๆ แบบนั้นแหละ แต่ไม่ได้เอาไปถ่ายหนังนะ -.,-
กรณีๆ นี้มันคล้ายๆ กับว่าคุณเอากล้องเข้าโรงหนัง แล้วถือกล้องพร้อมหันหน้ากล้องไปทางจอตลอดทั้งเรื่องด้วยรึป่าวครับ
แบบนี้จะรู้ได้อย่างไรว่าอัดไม่อัด ที่จริง Google น่าจะทำให้เวลาจะอัดภาพตรงหน้า ต้องมีไฟบอกนิดนึงว่า record อยู่นะ
positivity
เปล่าครับ ไม่ได้ดูหนังครับ จะเข้าไปช่วงค่ำๆ ตามมุมมืดๆ มีอะไรๆ น่าดูกว่าหนังเยอะครับ :)
เอ๊ะ ผมเคยถือกระเป๋ากล้องเค้าไป จนท.เค้าให้เอาฝากล็อคเกอร์ข้างนอกนะครับ
เป็นผมจะแกะแบตออกแล้วฝากไว้ที่ล็อคเกอร์ข้างนอก จากนั้นก็บอกกับพนักงานหน้าโรงหนังว่าผมกลัวกล้องหาย กล้องไม่มีแบตไม่สามารถถ่ายอะไรได้อยู่แล้วครับ
เค้าอาจจะต้องขอค้นตัวคุณเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ซ่อนแบตเอาไว้ในกางเกงในนะครับ :P
"Ok Glass, delete the recorded video."
ถ้ามี log เก็บไว้ก็ไม่รอดนะ แต่ถ้าลบ log ได้... ไม่รู้ละ (*__*)
มันเหมือนกับการคุมคามมากกว่า โดนเชิญตัวออกมาค้นตัว ค้นตัวเป็นสิบนาที ที่สำคัญคือการเชิญไปคุย
แยกสอบสามีกับภรรยา ฝ่ายชายยืนยันความบริสุทธิ์โดยเสนอให้ต่ออุปกรณ์ เจ้าหน้าที่กลับไม่ยอม แต่โดนซักฟอกเป็นชั่วโมง ว่าเป็นใคร อยู่ไหน ทำมาหากินอะไร ทำอะไรมา ทำไมถึงอัด อัดไปทำไม มีคอมกี่ตัว ฯลฯ สุดท้ายก่อนจะต่ออุปกรณ์ทั้งมือถือและ Glass ก่อนที่จะไม่พบอะไรน่าสงสัยและปลอยตัวในที่สุด
สุดท้าย ไม่มีคำขอโทษ แต่ให้ตัวหนัง 4 ใบ (เจ้าตัวก็ อารมณ์ประมาณว่า อับอาย เสียเวลา เสียอารมณ์ จะตายชัก ให้มาแค่แบบ ขอไปที)
ประเด็นที่น่าคิดคือ ทุกวันนี้มือถือมีความสามารถใกล้เคียงกับกล้อง แต่กลับไม่ถูกควบคุม (ป.ล. Glass เวลาอัด ไฟแดงจะขึ้นที่แว่น เหมือนกันนะ)
+1 ครับ คำถามพวกนี้ โดยเฉพาะข้อหลัง ๆ ควรทำหลังจากพิสูจน์ข้อมูลที่อยู่ในแว่นกับมือถือแล้ว ไม่ใช่จี้ให้เค้ารับสารภาพ พอเค้าไม่ยอมค่อยเอาคอมมาต่อ
A smooth sea never made a skillful sailor.
คือ ถ้าจะเช็คก็รีบๆเช็คเลยสิ เจ้าตัวก็เสนอตั้งแต่ต้น เฮียก็ไม่เอา เอาแต่จะสอบจริยธรรมอยู่นั่นแหล่ะ แถมการเชิญออกก็ทำให้น่าอับอายเสียขนาดนั้น (เชิญออกกลางคัน, ค้นตัว ปลิ้นกระเป๋ากัน หน้าโรง, สอบจริยธรรมแยกเป็นชั่วโมง)
ไม่งั้นวันหลังก็ติดป้ายตัวใหญ่ๆ หน้าโรงเลย ห้ามนำมือถือสมาร์ทโฟน (iPhone, Galaxy, etc), Glass, กล้องปากกา, กล้องถ่ายวิดิโอ หรือ อุปกรณ์อื่นใดที่มีความสามารถในการถ่ายวิดิโอ เข้าในโรงหนังเด็ดขาด (ไม่ว่าจะปิดหรือไม่ จะวางไว้ที่ไหน ถือ, สวมใส่, หรือแม้จะเก็บอยู่ในกระเป๋าถือก็ตาม) หาไม่แล้ว เราจะจัด FBI ไปซ่อมคุณถึงประตูบ้าน
เรื่องเคนเนี่ยผมเห็นด้วยนะว่ามันนาน สงสัยตำรวจถ่วงเวลาเพราะใช้ google glass ไม่เป็นและไม่กล้าถาม :p แต่ป้ายที่โรงหนังก็บอกแล้วนะครับว่าปิดเครื่องมือสื่อสารซึ่งในกรณี glass มันดูไม่ออกว่าปิดก็ควรเก็บซะแต่ถ้ามันเก็บไม่ได้ก็ถือว่าซวยครับ เพราะเค้าสงสัยก็ไม่ผิดนะครับ :D
ผมว่าทางตำรวจมืออาชีพเค้ามีขั้นตอนการสอบสวนอยู่
และคงไม่ข้ามขั้นตอนกันจนเป็นเรื่องธรรมดาแบบประเทศสารขันต์
เอ๋! เครื่องชดเชย?
เหมือนเครื่องสังเวยมั้ง
เพิ่งรู้ว่า Homeland Security มีอำนาจหน้าที่ในเรื่องนี้ด้วย ยิ่งใหญ่จริงๆ
[spoiler alert] เรื่องนี้เกียวกับการวางแผนล้มระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งถือเป็นความมั่นคงระดับชาติมั้งครับ ฮา
ฮ่าๆ จริง
เรื่องถึง Homeland Security..
แม่จ้าว..
Homeland Security <- ปัญหาความมั่นคงระดับชาติ =,.=
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
แจ้งถึงกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐ ขณะนี้มีบุคคลน่าสงสัยใช้ google glass แอบถ่ายหนังคาดว่าจะเอาไปให้ผู้ก่อการร้ายปั๊มขายเพื่อเอาเงินไปซื้อ RPG ดักทำร้ายประธานาธิปดี :P
ทำอุปกรณ์เสริม ที่ปิดเลนส์กล้อง Google Glass มาขายได้แล้วครับ มียื่นไปปิดจอด้วยก็ได้ เวลาเข้าโรงหนังก็ใช้อันที่ปิดกล้อง เวลาขับรถก็ใช้อันที่ปิดจอ
อเมริกาขี้กลัวจะตาย เจออะไรน่าสงสัยหน่อยเขาก็แจ้งตำรวจกันแล้ว เพราะบ้านเขาโจทย์เยอะ
ผมว่า Google ต้องทำอะไรบ้างอย่างแล้วล่ะ เพราะกลายเป็นว่าแค่สวมใส่ไว้เฉยๆ ก็โดนตำรวจเรียกสอบสวนได้ทุกเมื่อเชื่อวันแบบนี้ โดยอาจจะใส่หลอด LED 1 หลอด ไว้ที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งของ Google Glass แล้วกระพริบไว้ตลอดเวลา (กระพริบทุก 3-5 วินาที เหมือน Bluetooth) เพื่อให้คนอื่นสามารถสังเกตสถานะการทำงานของตัว Google Glass ได้ด้วยตัวเองว่าเครื่องกำลังทำงานอยู่หรือไม่ด้วย
เดี๋ยวก็มีคนรูทเพื่อปิด notification LED อยู่ดี
ทางที่ดีถอดออกเถอะ เหมือนเขาห้ามเอากล้องเข้าสระว่ายน้ำ หรือห้องน้ำนั่นแหละ จะเสียเวลาไปสอบสวนว่าไม่ได้ถ่ายทำไม ไม่ต้องเอาเข้าไป แสดงความบริสุทธิ์ใจแต่แรกดีกว่า
ปัญหาต่อมาคือ คนที่มีปัญหาทางสายตา แล้วใช้ Google Glass รุ่นที่ทำออกมาเป็นกรอบแว่นสายตาสำเร็จรูป (ซึ่งมันถอดเฉพาะตัว Google Glass ออกไม่ได้) จะทำอย่างไรอย่าง? อย่าบอกนะว่าให้พกแว่นอีกอันเอาไว้ มันไม่ใช่เรื่องเลยนะครับ เลนส์แว่นสายตา..ถ้าเป็นเลนส์ดีๆ อย่างมัลติโคช, ตัดแสง พวกนี้ขั้นต่ำๆ ก็ 2,000+ แล้วนะครับ หรือถ้าเป็นคนที่ไม่มีปัญหาเรื่องเงินซื้อแว่นอีกอัน ก็ยังมีปัญหาเรื่องการพกพาครับ ใครจะพกแว่นอีกอันเอาไว้ให้รกตัวกันล่ะครับ มันพกยากกว่าพกโทรศัพท์สมาร์ตโฟนจอ 6 นิ้วอีกนะครับ ถ้าาคนๆ นั้นมีกระเป๋าสะพายก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าเดินตัวเปล่าๆ ใครจะพกล่ะครับ ...แหม่
อีกอย่าง..ถ้าไฟสถานะการเปิดเครื่องนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตัว OS ของ Google Glass เลย จะรูทจะทำอะไรไปก็เท่านั้นอ่ะครับ ซึ่งก็เหมือนกับไฟสถานะการเปิดเครื่องของเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์หลายๆ อย่างนั่นแหละ (หู Bluetooth กรณีที่มันมีไฟด้วย ก็ยังไม่เห็นมีใครไปปิดมันได้เลยนะ มันก็กระพริบไฟไว้แบบนั้นแหละ)
ทำตัวปลดเร็วให้ Google Glass สิครับ ปลดมันออกจากขาแว่น :p
ประเด็นคือมันมีช่องให้ทำได้ครับ หูฟังBTไม่รู้จะปิดไฟทำไมก็เลยไม่มีคนทำ แล้วถึงไม่ต่อกับsoftwareถ้าจะทำจริงๆก็ทำได้ แงะมาถอดขั้ว ทำให้หลอดเสียก็จบแล้ว
การที่สายตาไม่ดีไม่ใช่ข้ออ้างครับ ผมก็ใส่แว่นสายตา ในเมื่อตัวgoogle glass มันมีสภาพไม่ต่างจากกล้องถ่ายวิดีโอที่พร้อมถ่ายได้ตลอดเวลา ก็ไม่ต่างจากคุณถือกล้องวิดีโอติดตัวไปในท่าทางที่พร้อมถ่ายด้วย จะบอกว่าฉันไม่ได้ถ่ายนะ ให้ค้นได้ทุกครั้ง ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายในทางปฎิบัติ และมีช่องโหว่ให้อ้างมากมาย(เช่นการสตรีมวิดีโอไปที่อื่น ก็ยากที่จะเหลือหลักฐาน และจนท.คงไม่มีความรู้ที่จะตรวจอย่างละเอียดได้ทันที) และมันทำให้คนอื่นรู้สึกเหมือนถูกละเมิด ว่าคุณจะแอบถ่ายเมื่อไรก็ได้เช่นกัน
เรื่องถอดง่ายยาก ผมว่าเขาก็คงทำรูปแบบsnap-in ที่มาครอบแว่นได้เหมือน กรอบเลนส์กันแดด แบบนั้นเป็นทางออกที่ง่ายที่สุด แม้มันจะดูไม่เท่เท่าแบบbuilt-in ก็ตาม
ถ้ามีตังซื้อ glass ตัวละสามสี่หมื่นนี่ แค่ตัดแว่นอีกอันคงไม่มีปัญหาหรอกครับ
และถ้าเลือกที่จะไม่พกแว่นอีกอัน ก็ต้องยอมถูกมองเป็น glasshole ให้คนเขาสงสัยไปครับ
ถ้าเค้าเลือกใช้แว่นแบบนั้น ก็ต้องยอมรับที่จะไม่สามารถใช้บริการบางอย่างได้ไงครับ
เช่นเดียวกับ คุณเลือกซื้อรถมอเตอร์ไซค์ คุณก็อาจจะขึ้นพวกทางยกระดับไม่ได้
คุณจะใช้ปากกา ฝนข้อสอบที่ต้องใช้ดินสอ 2B ไม่ได้ (มั๊ง?)
คุณจะใส่รองเท้าแตะคู่ละเป็นหมื่นตอนรับปริญญา หรือไปติดต่องานสำคัญต่าง ๆ ก็ไม่ได้
ฯลฯ
ไม่ใช่ว่าของที่คุณซื้อมาเพื่อทำประโยชน์นั้น ๆ จะทำให้คุณทำได้ทุกสถานการณ์เสมอไปนี่ครับ
+1
และนี่เป็นโจทก์ที่น่าสนใจนะครับ ทำยังไงให้มันสนองความต้องการได้ในหลายๆ ด้าน
โจทก์ ?
พูดถึงโจทก์ โจทก์ก็มา
ตามมาตรวจคำผิดในคอมเมนท์ด้วย Orz
เงิบบบบบบ โจทก์ ....
ผมเห็นด้วยนะ แต่มันตั้งคำถามได้ว่า ถ้าต่อไปมันเป็นสินค้าที่คนใช้กันทั่วไป จะยังรักษากฎนี้กันต่อมั้ย
อย่างกฎห้ามเอากล้องถ่ายรูปเข้าโรงหนัง ถ้าทุกวันนี้ยังใช้อยู่ ทุกคนก็ต้องฝากมือถือก่อนเข้าโรงหนังกันหมด ซึ่งกฎมันก็ต้องเปลี่ยนไป (คงไม่มีโรงหนังไหนบอกว่า จะมาดูหนัง ก็เอามือถือที่ถ่ายรูปไม่ได้มาสิ)
ถ้าต่อไป 90% ของคนใส่แว่นตา ใช้อุปกรณ์แบบนี้ เราก็อาจจะต้องมาคิดกันใหม่เหมือนกัน
(ซึ่งมันก็ไม่แน่เสนอไปว่าจะเปลี่ยน อย่างทุกวันนี้เด็กมหาลัยยังต้องซื้อเครื่องคิดเลขกันหมด เพราะไม่มีใครให้เอามือถือใช้แทนในห้องสอบได้)
มันถอดได้ไงครับ เลยยังเป็นข้อบังคับต่อไป
เหมือนใส่หมวกกันน็อคเข้าธนาคาร
บริสุทธิ์ใจถอดซะก็หมดเรื่อง
เพิ่มในข้อห้ามของโรงหนังไปเลย
เราใส่แว่น เราพกแว่นสำรองไว้ในกระเป๋าค่ะ ถ้ามี Glass แล้วมันจะถูกห้ามเข้าในบางที่ ที่ต้องเคารพสิทธิส่วนบุคคลของคนอื่น เราก็ยินดีจะเปลี่ยนแว่นค่ะ :)
ไหนว่ามี sensor ตรวจจับ CMOS/CCD แล้วยิง Laser ใส่กล้องเลย?
ถ้าเอาเข้าไปถ่ายจริงๆต้องตั้งคอตรงตลอดเวลานี่ไม่สนุกเลยนะครับ 555
นั่งดูหนังโดยไม่กระดิกตัวแค่ 20 นาทีก็ไม่รู้จะเป็นไปได้รึเปล่า สำหรับผมนะ
ถ้าคิดเป็นโจ๊กฝรั่ง คงเป็นคำพูดว่า "ใส่ Google Glass เข้าโรงหนังได้ตั๋วดูฟรี 4 ไปสบายแห" :)