การเปิดตัว Uber เมื่อสัปดาห์ที่แล้วในบ้านเรา ดูจะเป็นเรื่องที่คึกคักและค่อนข้างใหม่สำหรับคนไทย แต่ที่ต่างประเทศ Uber กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากพอสมควร
ล่าสุด ศาลของเมืองบรัสเซลส์ เมืองหลวงของเบลเยียม ออกคำสั่งให้กิจการของ Uber เป็นสิ่งผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบริการ UberPOP ที่เป็นการอนุญาตให้คนธรรมดาทั่วไป สามารถนำรถส่วนตัวออกมาให้บริการผ่านแพลตฟอร์มของ Uber ได้ ซึ่งโทษที่ Uber จะต้องเจอ หากทางการของเบลเยียมยังตรวจเจอการให้บริการเช่นนี้ คือจับและปรับครั้งละ 10,000 เหรียญยูโร (ประมาณ 450,000 บาท) โดยที่ผ่านมา รถซึ่งเข้าร่วมในบริการถูกทางการยึดไปแล้วอย่างน้อยสองคัน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Uber ต้องเจอปัญหาเช่นนี้ เพราะที่ฝรั่งเศสเองเคยมีการประท้วงเรื่องการให้บริการของ Uber โดยกลุ่มคนขับรถแท็กซี่มาแล้ว
ที่มา - Engadget
Comments
เจอมาเฟียแทกซี่นี่เอง
ไม่แปลกใจเลย เพราะกระทบกับบริการ Taxi ท้องถิ่นเต็มๆ
Get ready to work from now on.
ไอ้ส่วนที่ให้คนทั่วไปเอารถออกมารับจ้างได้นี่แหละ ผมว่าจะเป็นปัญหา เพราะทั่วไปมันก็ควรมีระดับของใบขับขี่รถยนต์สาธารณะด้วยนี่นา
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ผมนึกถึงสมัยก่อนที่รถตู้จะเป็นบริการสาธารณะ ตอนนั้นรถที่วิ่งกันก็เป็นป้ายดำ คนขับก็มีแต่ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล ฯลฯ นอกจากกรณีรถตู้แล้ว มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็เข้าข่ายนะถ้าผมจำไม่ผิด
ในบ้า่นเรา ถ้าบริการได้รับความนิยมจริงๆ ก็คงมีแรงกดดันให้กลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย + มีระเบียบออกมารองรับครับ
ถ้าจะซิว UBER มอไซค์รับจ้างก็ต้องโดนพร้อมกันล่ะครับงานนี้
มอไซค์รับจ้างเดี๋ยวนี้ต้องเป็นป้ายเหลืองแล้วครับ
ประเด็นคือใครกำหนดกฏ ละครับ ถ้าคนจะเอาแบบนี้ซะอย่าง ก็ไปแก้กฏสิครับ การออกใบอนุญาติมองในแง่ดีคือ ความปลอดภัย (ซึ่งทำได้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้) แต่มองอีกแง่คือการ จำกัด ควบคุม กินเงิน ถ้าสามารถแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัยได้โดยไม่ต้องออกใบอนุญาติ (ด้วย app เองนั้นแหละ) ทุกอย่างก็น่าจะ happy มีแต่คนที่เคยได้ประโยชน์จากการ จำกัดใบอนุญาติ เท่านั้นแหละที่ไม่ happy (มันรวมถึงกลุ่มคนขับแท็กซี่เองนั้นแหละ ตามข่าว เพราะการเพิ่มจำนวนรถ เท่ากับการลดราคาค่าแท็กซี่) นี่เท่ากับเป็นการรับมืออนาคตไม่ทันของ ภาครัฐ (ก็ไม่คิดว่าคนไทยจะรับมือได้เช่นกัน เดี๋ยวรอดูข่าวเมืองไทยดีกว่า)
ปัญหาคือถ้ามันใครเป็นก็ได้แล้วจะขับแท็กซี่ทำไมอะสิครับ ถ้าตามที่ข่าวบอกใครก็ได้รถอะไรก็ได้ แต่รถแท็กซี่ มีกฏหมายควบคุมว่ารถแท็กซี่ต้องมีลักษณะอย่างไร สีและป้ายกำกับข้างรถ ป้ายทะเบียนก็มีกฏหมายป้ายทะเบียนรถสาธาณะ ที่จะนำมาใช้กับรถส่วนบุคคลไม่ได้อีก หรือบุคคลก็มาทำสาธาณะไม่ได้ อุปกรณ์ประจำรถ เรื่องใบขับขี่รถสาธาณะ อีกสรุป อันนี้ถ้ามองในมุมแท็กซี่ก็เกิดคำถามครับว่าจะมาเป็นแท็กซี่ทำไมเพราะมันยุ่งยากมากๆกว่าจะได้เป็นไม่ใช่มีรถแล้วขับได้เลย สุดท้ายก็กฏหมายแหละครับ ว่าคนส่วนใหญ่จะแก้กันยังไง
ปล.มองว่าเอารถอะไรก็ได้มารับจ้างแบบนี้ผิดกฏหมายแน่นอน หุหุ อยากใช้คงต้องแก้กฏหมาย หรือรถก็ต้องจดทะเบียนรถสาธาณะ เราอาจเห็นรถป้ายเหลืองเต็ม กทม. จาก uber ก็ได้ :D
ที่ผมบอกคือ ฟังดีดีนะครับ กฏทั้งหมดที่คุณพูดมา กำลังถูกทำลายด้วย app แบบนี้ คือ เทคโนโลยีนี้ กำลังทำลาย กฏ ทั้งหมด และ รัฐยังไม่มีวิธีรับมือ มันเป็น Disruptive ครับ ถ้ายังไม่เห็นแบบผม แปลว่าคุณก็ยังตามไม่ทัน แทกซี่ไม่ใช่เรื่องเดียวที่โดน ยังมีอีกหลายเรื่อง มันก็คล้าย ๆ กับเรื่อง คนโหลด mp3 ไม่ซื้อ cd นั้นแหละครับ ช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนยุค หลังจากที่ทุกคนมีมือถือ มันจะมี app ทำลายล้างกฏ ออกมาเรื่อย ๆ ทุกวงการละครับ ใครเห็นช่อง ดักทางได้ก่อนก็รวยกันไป
การทำลายกฎบนความถูกต้องทำได้ครับ แต่ต้องทำตามระบบของรัฐที่จะได้มาซึ่งการทำลายกฎนั้น โดยฝ่ายกระบวนการทางกฎหมายและขั้นตอนทางการเมืองอีกชั้นหนึ่ง ไม่ใช่อยากจะทำอะไรก็ทำครับ แต่มันอาจจะช้าหน่อย แต่แน่นอนว่ากว่าจะจบ คงถกเถียงหาข้อสรุปพวกผลประโยชน์ของรัฐ ความปลอดภัยของสังคม ฯลฯ อีกมากมาย
การรวยแบบไร้ความรับผิดชอบต่อสังคมน่ะมันง่ายครับ ผลกระทบตามมาไม่สนใจ อันนี้ไม่ไหวครับ
ผมตอบอะไรคุณไม่ได้ทั้งนั้นนั่นแหละ และผมไม่ได้อยากจะทำอะไรก็ทำ แค่รู้ว่ามันจะเกิดเฉย ๆ ตลาดจะเป็นคนตอบคุณ แต่คุณก็ยึดติดกับกฏตอนนี้เกินไป จนพยายามฝืนการเปลี่ยนแปลง และทำอย่างที่ทำทำมา มันไม่มีอะไรไม่เปลี่ยน สุดท้าย ถ้ามันเวิร์คจริง กฏหมายจะถูกแก้เอง และทุกอย่างมันก็จะดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ บอกได้แค่เนี่ย คุณจะใช้กฏหมาย มาฝืนความเป็นจริง ไม่ได้หรอก
ผมสรุปอีกรอบว่า มันมีระบบระบบกฎหมายที่ใช้ในการเปลี่ยนแปลงกฎหมายนะครับ คือเราต้องแข่งต้องรีบเลยต้องฝืนกฎระเบียบ ปัญหามันจะเกิดเพียงเพราะมันไม่ได้ดั่งใจกับการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ซึ่งมันอาจทำให้ระบบพังทั้งระบบครับ บางอย่างต้องใช้ช่องว่างของระบบในการทำธุรกิจแทน แล้วใช้ความสามารถเส้นสายทางการเมือง และความเห็นชอบของคนในสังคม แล้วกฎหมายมันจะเปลี่ยนแปลงมันเอง แต่มันไม่เร็วอย่างที่เราคิดแบบการพัฒนาเทคโนโลยีครับ
ปล. ผมไม่ได้ฝืนธรรมชาติของการพัฒนาเทคโนโลยีนะ แต่การใช้และพัฒนาเทคโนโลยีที่มีผลต่อสังคมและความปลอดภัยต่อตัวคนใช้นั้นต้องมีการถกเถียงให้ได้มุมมองที่มากที่สุดต่างหากครับ ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ Google Glass เป็นต้นครับ
ก็ใช่นะครับว่าเดี๋ยวนี้กฏถูกทำลายด้วย App แต่ระบบยืนยันตัวตนของ Uber นี่มันไว้ใจได้มากสักแค่ไหน? ถ้าเกิดปัญหาอาชญากรรมขึ้นมา Uber สามารถรับผิดชอบได้หรือไม่? การจะทำใบขับขี่หรือรถสาธารณะได้มันไม่ง่าย พอเกิดอะไรขึ้นจึงสามารถตามตัวได้
อีกอย่าง เรื่องการทำลายกฏของคุณน่ะครับ กฏที่คุณว่ามันต้องไม่ใช่กฏหมายประเทศ ไม่งั้นจะมีกฏหมายไว้เพื่ออะไรอีกล่ะครับ? ถ้าทุกคนต่างพยายามแหกกฏกันแบบนี้
ผมตอบคุณไม่ได้หรอก แต่โลกเปลี่ยน กฏหมายก็ต้องเปลี่ยนตาม ไม่ใช่ กฏหมายคงอยู่ตลอดไปโดยไม่เปลี่ยน กฏหมายไม่ได้ถูกต้องตลอดกาล ไม่งั้นจะให้ สส. เข้าไปแก้กฏหมายทำไม ไม่งั้นทุกวันนี้ ขโมย ต้องตัดมือหมดหรือ? อย่ายึดติด และถอยออกมาดูการเปลี่ยนแปลงจะดีกว่า
"โลกเปลี่ยน กฏหมายก็ต้องเปลี่ยนตาม ไม่ใช่ กฏหมายคงอยู่ตลอดไปโดยไม่เปลี่ยน" << ตรงไหนเหรอครับที่ผมบอกว่ากฏหมายห้ามเปลี่ยน?
การแหกกฏ มันไม่ใช่การแหกกฏ ถ้ากฏไม่เหมาะสม ทุกคนก็จะแหกกฏกันเป็นปกติ เมื่อทุกคนแหกกฏเป็นปกติ มันก็จำเป็นต้องเปลี่ยนกฏแล้ว เป็นเพราะกฏเดิมใช้ไม่ได้ การบอกว่าแหกกฏผิด จึงใช้ไม่ได้ในทุกกรณี มันต้องแยกเรื่อง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องฆ่าคนตาย แต่มันเป็นเรื่องแท็กซี่
ถ้าแท็กซี่พาผู้โดยสารไปฆ่าล่ะครับ?
ตอนนี้ ก็มีแท็กซี่ฆ่าผู้โดยสาร ผู้โดยสารฆ่าแท็กซี่อยู่แล้วครับ (คุณคิดว่ามันจะมากขึ้นหรือ ถ้าเกิดใช้ app ที่มีคนรู้ว่าคุณขึ้นรถคันไหน ทะเบียนอะไร เวลาไหน แล้วพาคุณไปฆ่า) มันไม่ใช่เหตุผลครับ ลองมองดีดี เหตุอยู่ที่การควบคุมจำนวนแท็กซี่ เพื่อเหตุผลการเก็บเงินค่าธรรมเนียมของรัฐต่างหาก ซึ่งมันเปลี่ยนได้
ใช่ครับมันมากขึ้น ถ้าเกิดว่าหลักฐานที่ส่งเป็นเท็จ และ Uber จะยืนยันหลักฐานได้อย่างไรครับ มันเป็นเหตุผลและผมมองดีแล้วครับ กฏหมายแก้ได้ แต่ก็ต้องอุดปัญหาที่จะตามมาให้มากที่สุดด้วย ไม่ใช่แก้โดยอ้างว่าคนส่วนใหญ่ทำ เพราะคุณยังมองว่ามันเป็นแค่เรื่องแท็กซี่นี่แหละครับ ไม่ได้มองสิ่งที่จะตามมา
ขอยกคำลุง Ford AntiTrust ข้างบนครับ "การใช้และพัฒนาเทคโนโลยีที่มีผลต่อสังคมและความปลอดภัยต่อตัวคนใช้นั้นต้องมีการถกเถียงให้ได้มุมมองที่มากที่สุดต่างหากครับ"
ผมถามแบบคนไม่มีความรู้นะ สมมติว่าทุกคนพร้อมใจกันขโมย โดยบอกว่าการขโมยทรัพย์สินเป็นสิ่งที่ถูกต้อง คำถามคือกฎหมายต้องเปลี่ยนให้การขโมยเป็นสิ่งที่ถูกต้อง?
ถามต่อ ถ้าภายใต้ตรรกะเช่นนี้ ทุกคนไม่จ่ายภาษี เพราะเห็นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง กฎหมายก็ต้องระบุด้วยเหรอครับว่าการไม่เสียภาษีเป็นสิ่งที่ถูกต้อง? ถ้าถูกต้อง รัฐจะอยู่อย่างไรครับ?
อันนี้ถามแบบไม่มีความรู้จริงๆ นะ ช่วยชี้แนะผมด้วย
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
เรื่องนี้มันเป็นเรื่องแทกซี่ครับ ไม่ใช่เรื่องขโมยของ ถ้าทุกคนมองว่า รถส่วนตัวไม่ควรเป็นแท็กซี่ก็จบ แต่ถ้าวันหนึ่ง รถส่วนตัวใช้ app รับคนเป็นเรื่องปกติ กฏมันก็ต้องเปลี่ยน ผมมองแบบนั้น มันอยู่ที่ว่าคนจะรรับมันแบบไหน อย่างที่บอกมันไม่ใช่เรื่องขโมยของ ไม่ใช่เรื่องเสียภาษีด้วย เปรียบเทียบแบบที่คุณเปรียบไม่ได้
บอกผมแบบนี้ไม่ได้สิ เมื่อกี้คุณยังบอกเป็นข้อความเป็นการทั่วไป (generalize) อยู่เลยนะว่า
ดังนั้นตรรกะชุดที่คุณใช้กับเรื่องรถแท๊กซี่ มันก็ต้องใช้ได้กับเรื่องอื่นๆ ด้วยสิ ไม่งั้นถ้าตรรกะคุณไม่นิ่งมันก็รัดคอคุณเองนะ ในสถานการณ์สมมติที่ผมถามก็ดึงมาจากตรรกะคุณนั่นแหละ จะบอกว่าใช้ไม่ได้ เปรียบเทียบไม่ได้ มันก็กะไรอยู่นะ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ผมไม่ได้ generialize คุณตัดคำว่าในทุกกรณีของผมออก
อ่ะ ถ้าผมไม่ตัดออกนะ ปัญหาก็คือตรรกะคุณมันก็จะแย้งกันแบบแปลกๆ คือคุณบอกว่ากฎมันต้องเปลี่ยนนะ แต่ในเวลาเดียวกันการเปลี่ยนนี้มันใช้ไม่ได้ทุกเรื่องนะ เมื่อเป็นแบบนี้คุณก็จะบอกว่ามันต้องมีข้อยกเว้น (exception) ซึ่งถ้าผมเข้าใจไม่ผิดก็แปลว่าคุณกำลังบอกว่าทุกอย่างย่อมต้องมีข้อยกเว้น
เมื่อเป็นเช่นนั้น อะไรคือขอบเขตของการยกเว้นนั้น? ถ้าอย่างนั้นในเรื่อง Uber ก็สมควรได้รับการยกเว้นนะครับ ต่อนะครับ ถ้าอย่างนั้นสิทธิในการจ่ายที่ใครสักคนจะไม่จ่ายภาษี รัฐห้ามจับหรือปรับเพราะเป็นข้อยกเว้นได้นะครับ เมื่อเป็นข้อยกเว้น คนอื่นๆ ก็จะบอกว่า เหย แล้วทำไมคนนี้ได้ยกเว้น ในที่สุดจะพาลเฮโลกันไม่จ่ายไปหมดนะครับ
หรือแม้กระทั่งเรื่องโจร ในกรณีสมมติที่ผมยกตัวอย่างจากตรรกะคุณ สมมติมีโจรหนึ่งคนเกิดขึ้น แต่โจรนั้นได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย คนอื่นก็จะบอกว่า เฮ้ย โจรคนนั้นทำได้ แล้วทำไมตรูจะทำไม่ได้ ในที่สุดทุกคนก็จะทำ ก็จะละเมิดกฎหมาย แม้ว่าจะมีข้อยกเว้นกับคนบางคน เรื่องบางเรื่องก็ตามครับ
บริบทเปลี่ยนหรือเปล่าครับ? 100% เปลี่ยนแน่ และแบบที่คุณบอก กฎหมายก็ต้องเปลี่ยนตามนะครับ เพราะคุณบอกเองว่ากฎหมายไม่ได้ถูกต้องตลอดกาลนะครับ ดังนั้นเมื่อทุกคนพร้อมใจที่จะแหกกฎภายใต้ข้อยกเว้นบางประการ ในที่สุดก็จะไม่มีกฎใดๆ มาจัดการหรือควบคุมได้เลยนะครับ
อนึ่งถ้าคุณบอกว่า เรื่องนี้มันไม่เป็นอันตรายแก่ชีวิต (life threatening) แล้วจู่ๆ คนในสังคมส่วนใหญ่บอกว่า ให้อาชญากรรมเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งที่อาจจะเป็นอันตรายแก่ชีวิต จะทำยังไงล่ะครับ อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
งงกับความคิดคุณนะ ถ้าคุณอยากเถียงเอาชนะ ผมให้คุณชนะละกัน ผมงง และคิดว่าคุยต่อไปคงไม่เกิดประโยชน์
ผมไม่มีความคิดอะไรหรอกครับ ตรรกะที่ผมเอามาใช้ก็ของคุณนั่นแหละ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ผมว่าหลายๆคนไม่ได้ตามคุณไม่ทันหรอกครับ เค้าแค่มองเลยคุณไปแล้วมากกว่า
ผมรู้ครับว่ามีหลายคนมองเลยไปแล้ว แบบเมนท์ด้านล่าง แต่หลายคน ก็ยังติดกับแท็กซี่เขียวเหลืองอยู่ ผมก็แค่พยายามบอกให้เขาลองมองมุมใหม่ ๆ ดู
ทุกคนเค้าไม่ได้มองเรื่อง "แท็กซี่เขียวเหลือง" ครับ เค้ามองเรื่อง "รถขึ้นทะเบียนรถสาธารณะเพื่อบริการ" กับ "รถส่วนบุคคล" ซึ่งประเด็นของข่าวคือการนำรถส่วนบุคคลไปให้บริการ และมันกำลังก้าวล้ำไปสู่กฎหมายควบคุมที่บังคับใช้กับรถขึ้นทะเบียนรถสาธารณะเพื่อบริการ ถ้าอยากให้รถส่วนบุคคลสามารถให้บริการในแนวรถสาธารณะ มีอยู่สองทางคือ ขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องแล้วนำมาให้บริการ หรือแก้ไขกฎหมายให้รถส่วนบุคคลสามารถให้บริการสาธารณะได้ ซึ่งแบบแรกมีช่องทางและทำได้ทันที แต่แบบหลังก็ต้องทำตามขั้นตอนครับ (มองมุมใหม่ได้ แต่ต้องอยู่บนฐานคิดตามระบบนะครับ)
ผมเข้าใจคุณนะ ว่ายึดความถูกต้องและกฏหมายเป็นหลัก แต่ผมไม่เห็นด้วยกับคุณ ผมไม่คิดว่ากฏหมายจะเกิดก่อนปัญหา แต่ปัญหาต่างหากที่เกิดก่อนกฏหมาย มันต้องมีขโมยก่อนแล้วค่อยมีกฏหมายตัดมือ ในเรื่องแทกซี่ไม่มีใครรอให้แก้กฏหมายก่อนหรอก ถ้าเคยดู ไดเวอเจนซ์ คุณอยู่ในกลุ่มยุติธรรมรักกฏหมาย แต่คุณต้องเข้าใจด้วยว่า มันก็มีกลุ่มกล้าหาญที่พร้อมจะแหกกฏ ทุกคนไม่ได้คิดเหมือนกัน (ผมไม่ได้อยู่กลุ่มกล้าหาญ แต่ผมเข้าใจ เพราะผมคิดได้ 5 แบบพร้อมกัน 555+ อันนี้มุข)
ปล. คนสาย tech บางทีก็จำเป็นต้องอยู่กลุ่มกล้าหาญ ต้องแหกกฏบ้างเล็กน้อย ไม่งั้นโลกก็คงแบนอยู้ ยังไม่กลม
อยากกล้าหาญลองดูได้ครับ ;)
สอบได้ใบอนุญาติขับรถสาธารณะก่อนซิ ถึงจะให้บริการรถสาธารณะได้ ไม่งั้นก็ให้บริการฟรี รัฐคงทำอะไรไม่ได้
ประเด็นน่าจะอยู่ที่ "การอนุญาตให้คนธรรมดาทั่วไป สามารถนำรถส่วนตัวออกมาให้บริการผ่านแพลตฟอร์มของ Uber ได้" ซึ่งในฐานะรัฐค่อนข้างเสียประโยชน์จากหลายๆ กรณีในอนาคต ซึ่งเท่าที่เดาก็มี ค่าใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะ, ภาษีสำหรับรถสาธารณะ ภาษีในรูปแบบอื่นๆ ที่เกียวกับรถสาธารณะ และยังไม่รวมไปถึงการกำหนดหลักเบื้องต้นในด้านความปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการด้วย ซึ่งมันทำให้ยากต่อการควบคุมและทำให้ปลอดภัยด้วย
คือ Uber กำลังก้าวล้ำเส้นที่มากเกินไป (ซึ่งในไทยยังถือว่าเป็นรถรับจ้างสาธารณะอยู่)
แน่นอนว่าในตอนนี้คงต้องใช้การห้ามและปรับจนกว่าจะมีข้อกฎหมายที่ชัดเจนรองรับ
ผมเพิ่มเติมเรื่องประโยชน์ของแท็กในรูปแบบปัจุบันนิดนึงคือ ใบขับขี่รถสาธาณะ รวมทั้งทะเบียนกำกับรถแท็กซี่ด้วย(ต้องชัดเจนอยู่ข้างรถ) ในรถก็มีป้ายบ่งบอกผู้ขับด้วย(บางทีแท็กซี่สหกรณ์ก็ไม่เหมือน แต่อันนั้นก็สืบกลับทางสหกรณ์ได้) ขอแค่เราจำส่วนนั้นได้ก็สืบคนขับได้หมด เพราะรถแท็กซี่ต้องมีพื้นที่เฉพาะในการวิ่ง ต่างจากทะเบียนรถธรรมดาที่จำ 6 ตัว ไม่ได้หมายความว่าจะตามรถถูก แล้วเวลาสืบว่ามันอยู่ไหนยุ่งยากมาก สรุปก็ล้วนเพิ่มความปลอดภัยผู้โดยสาร(ถ้าให้ความใส่ใจกับป้ายพวกนี้สักนิด) ถึงแม้อาจจะเจอเรื่องบ้างก็ตามตัวได้ง่ายกว่านะครับ :D
ปล. uber ก็มีระบบยืนยันตัวแน่ๆ แต่ทางบริษัทสามารถตรวจสอบว่าหลักฐานจริงทุกประการไม่มีการปลอมแปลงหรือไม่ หรือมีการทำเป็นขบวนการเพื่อใช้ช่องโหว่นี้ก่ออาชญากรรมหรือไม่ มีหรือเปล่าผมก็อยากรู้จัง???
ผมว่ามันเยี่ยมไปเลยนะ สำหรับการ ride sharing ยิ่งถ้ามีประวัติโชว์ด้วยว่าคนที่เรารับเป็นใคร
เคยมีการรับโดยคนอื่นไปกี่ครั้ง และเคยรับคนอื่นกี่ครั้งเนี้ย จะยิ่งเยี่ยมมาก
facebook ซื้อไปเลย แล้วทำเอง แต่มันผิดกฎหมายนี่สิ แต่ถ้าหากว่าไม่คิดสตางค์ก็คงไม่มีปัญหา หรือให้โดยเสน่หา ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ไม่รู้สิ ผมคิดว่าการควบคุมโดยภาครัฐสำหรับประเทศไทยมันไร้สาระ หย่อนยาน สืบค้นข้อมูลก็ไม่มีทางมีเท่าและอัพเดทเท่าที่เทคโนโลยีสมัยใหม่จะให้ได้
ผมชอบแนวคิดและวิธีการของ UBER น่ะครับ ใช้บริการไป2ครั้งก็รู้สึกดี (นั่งสบายกว่า ^.^) ติกอย่างเดี่ยวแพงไปหน่อย ถ้าไม่ได้ 300 นี้คิดหนักเลย
ถ้าตัด UberPOP ออกไป เหลือรถที่อยู่ในกลุ่ม UBER ที่เป็น Taxi หรูที่ขึ้นทะเบียนรถสาธารณะหมดจะมีปัญหาไหม
UberPOP เงินไม่เข้ารัฐแต่กลับสร้างปัญหาให้รัฐจากความเสี่ยงอาชญากรรม ก็สมควรโดนแบนนะครับ จนกว่าจะมีกฎหมายมารองรับ
แบบนี้โจรทำงานง่ายขึ้น ไม่ต้องขับแท็กซี่ก็ปล้นคนได้สะดวกขึ้น
ผมว่าในเมืองไทยไม่น่ามีปัญหามาก เพราะว่าอยู่ในราคาคนละระดับ และตัวรถที่ให้บริการก็เป็นรถป้ายเขียวอยู่แล้ว