ไมโครซอฟท์ได้ยื่นฟอร์ม 8-K ประจำไตรมาสที่สองของปีนี้ ต่อ Securities and Exchange Commission (กลต. สหรัฐ) โดยเอกสารระบุว่าไมโครซอฟท์ทำเงินจาก Surface ที่ 409 ล้านดอลลาร์ แต่กลับไม่เปิดเผยต้นทุนของรายได้ (cost of revenue) ของ Surface เหมือนกับรายงานสองไตรมาสก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ Computerworld ประมาณต้นทุนของรายได้โดยอ้างอิงข้อมูลจากฟอร์ม 10-K ที่ไมโครซอฟท์ยื่นให้กลต. สหรัฐ เมื่อวันศุกร์ที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา และข้อมูลจากการรายงานก่อนหน้านี้ และพบว่าบริษัทน่าจะมีต้นทุนกับ Surface ในไตรมาสสองที่เพิ่งผ่านไป 772 ล้านดอลลาร์ หากเป็นเช่นนั้นจริงไมโครซอฟท์ก็จะขาดทุนกับธุรกิจแท็บเล็ตนี้ 363 ล้านดอลลาร์
ถึงไมโครซอฟท์ไม่ได้ชี้แจงต้นทุนของรายได้ แต่ก็ระบุในฟอร์ม 8-K ว่าต้นทุนนี้รวมการลงบัญชีเป็นหนี้สูญ (write-off) ของค่าใช้จ่ายด้านการออกแบบและผลิตแท็บเล็ตรูปแบบใหม่ (a new form factor) ที่บริษัทตัดสินใจไม่ส่งออกสู่ตลาด หากตามข่าว Surface อย่างต่อเนื่องก็จะเดาได้ว่าแท็บเล็ตที่ว่าก็คือ Surface mini นั่นเอง
เมื่อนับรวมตลอดปีงบการเงิน 2014 ของไมโครซอฟท์แล้ว บริษัทได้รายได้จาก Surface มา 2.192 พันล้านดอลลาร์ แต่มีต้นทุน 2.872 พันล้านดอลลาร์ สรุปแล้วบริษัทขาดทุนไป 676 ล้านดอลลาร์ และหากรวมกับที่บริษัทขาดทุนจาก Surface ประจำปีงบการเงิน 2013 ที่สูงถึง 1.049 พันล้านดอลลาร์ (ซึ่งรวมการการลงบัญชีเป็นหนี้สูญกว่า 900 ล้านดอลลาร์) แล้ว จะสรุปได้ว่าไมโครซอฟท์ขาดทุนจาก Surface ไปแล้วถึง 1.730 พันล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์รายหนึ่งเปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในหนึ่งหรือสองไตรมาสถัดไปเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการชี้ชะตาโครงการ Surface เขายังพูดในทำนองว่าถึงแม้ไมโครซอฟท์จะยอมรับการขาดทุนนี้ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง บริษัทก็คงไม่สามารถยอมรับการขาดทุนนี่ได้ตลอดไป และดูๆ แล้ว สัตยา นาเดลลา มีความเต็มใจที่จะยอมรับกับการขาดทุนน้อยกว่า สตีฟ บัลเมอร์ อดีตซีอีโอ
ที่มา: Computerworld
Comments
ตั้งราคาแพงขนาดนั้น เหมือนปล่อยให้ Lenovo Asus Google ขายดีแทน
ก็ตั้งราคาซะอย่างกับไม่อยากขายขนาดนั้น...
Metro ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่แอพมันน้อยมาก
การลงบัญชีเป็นหนี้สูญ --> การตัดจำหน่าย
ผมเข้าใจว่าตอนแรกค่า R&D ตอนแรกลงไว้เป็น asset
ต่อม่า Surface mini ไม่ได้ออกขายก็ต้องตัดจำหน่าย
เป็นค่าใช้จ่าย ไม่น่าเกี่ยวกับการลงบัญชีเป็นหนี้สูญนะครับ
ปัญหาคือราคาที่แพงบรรลัยต่างหาก
ตั้งราคาแบบไม่อยากขาย ขนาดคนรอซื้อด้วยความใจจดใจจ่อ มาเจอราคายังซื้อไม่ลง
ถ้าราคานี้แต่หลังเครื่องเป็นโลโก้ แอปเปิ้ล จะมีแต่คนชาบูสินะ
ถ้าคนชาบูแล้วทำให้แอพเกิดผมก็ยอมครับ
ส่วนตัวผมถือ Surface pro 1 (ลดราคา) อยู่ แฮปปี้กับส่วน laptop มาก แต่ผิดหวังกับฝั่ง tablet แอพไม่ตรงที่ผมใช้ และบางตัวไม่เนี้ยบเท่าของ Android :<
ต่อให้เป็น Apple ผมว่าก็แพงไปนะ ถ้าในตลาดมีตัวเลือกที่ทัดเทียมหรือดีกว่า
กรุณาแยก Hardware และ Software ออกจากกันสิครับ แล้วจะเห็นความต่างกันเองอ่ะ อย่ามองว่ามันฟรีดิ
ในทางกลับกันลอง Microsoft ขาย windows เจ้าเดียวดิแล้วไม่ให้สิทธิ์เจ้าอื่นแล้ว(ในกลุ่มอุปกรณ์ที่มาทับไลท์ของ Surface ก็ตัดทางมันให้หมดถ้ารักจะทำ Hardware ขายด้วยไม่อย่างงั้นมันจะมีตัวเปรียบเทียบ) มันก็จะเหมือน Apple เอง
ตัวเองเป็นเจ้าแห่งการผลิต software ฐานมั่นคงอยู่แล้ว แต่ทาง Hardware เจ้าอื่นมันทำมานานกว่าจะไปสู้ได้ไง แล้วก็ใช้ OS เหมือนๆกันลูกค้าก็ต้องเลือกตัวที่ดูคุ้มอยู่แล้ว จะไปรอดได้ไง
ส่วน google ถ้าลงมาตลาดนี้เต็มตัวก็จะเจ๊งเช่นกัน เจอ ยี่ห้อจีน ตีแตกกระจายด้วยกลยุตทราคาต้นทุน เพราะใช้ android เหมือนๆกัน ต่างแค่สเป็คเช่นกันถึงใช้ความสามารถเพิ่มก้โดนก็อบอยู่ดี และถ้าไม่ยอมเผยแพร่ก็กลายเป็นว่าสองมาตรฐานเลยจะทำให้ชื่อเสียง android แย่ลง 2 เจ้านี้มัดตัวเองไปแล้วไม่ควรทำ อุปกรณ์ขายเองหรอก คอย support OS ตัวเองให้รอดก็พอ
ส่วนสุดท้าย Apple เจ้านี้ดูง่ายๆ ถ้ามันจะเจ๊งก็คือ OS หมดความนิยม นั่นแหละที่มันรอดได้โดยทุกวันนี้ก็เพราะ OS ไม่เหมือนไม่เหมือนชาวบ้าน คือใช้ได้แค่ Hardware ตัวเอง เลยเป็นยอดขายในตัว ถ้าลงเครื่องอื่นได้แบบเสรี คงจะมีชะตากรรมเดียวกับ Microsoft เจอสงครามราคา
ใช่ครับ
เพราะกว่าแอปเปิ้ลจะสร้างแบรนด์ให้คนบูชาได้ขนาดนี้ เค้าเสียไปเยอะเช่นกัน
ถ้าเป็น Samsung ล่ะ
ผมใช้ OS เป็นตัวตั้งครับมันเลยเป็นแบบนั้นครับ ไม่ได้สนใจ Hardware เพราะช่วงนี้แข่งกันแต่ Hardware จน Software ตามไม่ทัน
สมควรครับ เห็นราคาแล้วเหนื่อยเลย ตั้งราคาแบบอาร์ตมาก
อยากได้มาก แต่เจอราคานี้คิดไม่ตกว่าจะซื้อดีมั๊ย
ตั้งราคาได้ถูกใจมาก.....
ถูกใจคู่แข่ง
ทำให้คู่แข่งดูไม่แพงไปเลยเมื่อเทียบกับ Surface
ลดราคาอีก จะได้ทำให้คู่แข่งลดลงด้วย
ราคานี้ซื้อแมคบุคดีกว่า
surface เป็น tablet สำหรับคนทำงาน
ส่วน Tablet Android และ iPad เป็น Tablet สำหรับความบรรเทิง
ของเพื่อความบรรเทิงมันย่อมขายดีกว่าอยู่แล้ว
สงสาร dev ที่ทำโปรเจคออกมาดี แต่มาพลาดเพราะฝั่งการตลาด
มูลค่าดังกล่าวรวม ค่า License Windows 8 แล้วหรือยัง?
ถ้ารวมแล้วก็นับว่าหนักพอตัว แต่ถ้าแยก Hardware และ Software จากกัน มันก็เป็นไปได้เหมือนกัน
ผมว่าเค้าน่าจะแยกนะ (รึเปล่า?) เพราะไม่งั้นจะหายอดขาย Windows 8 แบบถูกต้องลำบาก
หรือว่ายอดขาย Windows 8 คือต้นทุนของ Surface ด้วย?
แต่ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์แบบ Innovation มันก็ต้องขาดทุนแบบนี้แหละครับ ถ้ารวมค่า R&D เข้ามาด้วย มันคงไม่กำไรทันทีทันใด แต่ไปช่วยกำไรให้กับส่วนอื่นแทน (เช่นเพิ่มยอดขาย Windows 8)
อีกอย่าง Surface มันก็ตั้งเป้าหมายมาแล้วว่าเป็นต้นแบบให้กับเจ้าอื่น ๆ ทำตาม ไม่ได้ตั้งใจจะขายแข่งกับเจ้าอื่น ดังนั้นถ้าตั้งราคาประมาณเดียวกัน เจ้าอื่นเจ๊ง ยอมเจ๊งเองดีกว่า (หรอ?)
//Facepalm
ปัญหาของมันคือ(ออก)ช้าและแพง ทั้งที่เห็นตอนแรกมัน WoW มาก
ปล. Surface RT เอาไปถมไว้ที่ไหนกันน้า
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
สรุปที่เอามาชั่งกิโลโชว์เทียบ iPad กับ Macbook Air มันไม่เวิร์คสินะ
ซื้อไม่ลง ราคานี้
แมคบุ้กกลายเป็นของดีราคาถูกไปเลย เพราะ surface3 อยู่ด้านตรงข้าม
ผมเองยังมองว่า Surface มันเอียงไปทาง Ultrabook มากกว่าจะเป้น tablet ไปแล้ว
ยิ่งถ้า Surface Pro 3 ราคาเท่านี้ ผมกลับไปมอง notebook ขนาดเบาที่ดูแล้วทนมือและทนงานแทน น่าจะเวิร์คกว่า