ไมโครซอฟท์ประเทศไทยส่ง Surface Pro 3 มาให้ผมทดสอบประมาณหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจาก Blognone เคยมี รีวิว สองสัปดาห์กับ Microsoft Surface Pro 3 โดยคุณ nuntipat มาก่อนแล้ว รีวิวนี้เลยจะพยายามเล่าเรื่องในแง่มุมอื่นๆ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้สนใจซื้อนะครับ
Surface ถือเป็นอุปกรณ์แนวใหม่ที่นิยามได้ว่า "โน้ตบุ๊กก็ไม่ใช่ แท็บเล็ตก็ไม่เชิง" คนที่ไม่เคยใช้อาจเข้าใจยากนิดนึง แต่ Blognone ก็เคยลงรีวิว Surface มาแล้วหลายรุ่น (Surface RT (1), Surface RT (2), Surface 2) เรื่องแนวคิดลองย้อนกลับไปอ่านในรีวิวเก่าๆ กันได้ รีวิวนี้จะเน้นไปที่ความเปลี่ยนแปลงของ Surface Pro 3 เป็นหลัก
หมายเหตุ: รีวิวนี้ไม่ได้ทดสอบเรื่องกล้องของ Surface Pro 3
อย่างแรกเลย สิ่งที่ Surface Pro 3 เปลี่ยนแปลงจาก Surface Pro รุ่นก่อนๆ มากคือ "ขนาด" โดยปรับมาใช้หน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น (12 นิ้ว จากเดิม 10 นิ้ว) แถมยังเปลี่ยนสัดส่วนของหน้าจอจากเดิม 16:9 มาเป็น 3:2
สำหรับคนที่จินตนาการไม่ออก มันคือสัดส่วนของกระดาษ A4 ครับ
ผมลองไปหาแฟ้มใสมาเทียบ ก็มีขนาดใกล้เคียงกัน
การเปลี่ยนขนาดหน้าจอของ Surface Pro 3 มีผลดีขึ้นดังนี้
ส่วนข้อเสียที่ผมพบคือจอมันใหญ่ไปหน่อยสำหรับการใช้งานเป็นแท็บเล็ต (เทียบกับแท็บเล็ตมาตรฐานขนาด 10 นิ้ว) แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่พอรับได้ และใช้ไปสักพักจะเริ่มชิน
ในส่วนของน้ำหนักถือว่าค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กทั่วไป โดยตัว Surface Pro 3 เองหนัก 800 กรัม (8 ขีดพอดี) ถ้าพกร่วมกับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นดังนี้
รวมแล้ว 1,281 กรัม หรือประมาณ 1.3 กิโลกรัม ใกล้เคียงกับการพก MacBook Air 13" แบบไม่รวมอแดปเตอร์ ถ้ามองว่ามันคือ "พีซี" ตัวหนึ่งแล้ว ในแง่ของความสะดวกในการพกพาถือว่ายอดเยี่ยมมาก
ประเด็นถัดมาที่ Surface Pro 3 เปลี่ยนจากเดิมมากคือ "ขาตั้ง" ที่รุ่นแรกสุดกางได้ระดับเดียว และรุ่นที่สองกางได้สองระดับ พอมาเป็นรุ่นที่สาม มันสามารถกางได้ตามที่เราต้องการ ในกรอบองศาแคบสุด-กว้างสุดที่ทำได้ (ข้อมูลตามสเปกคือ 22-150 องศา)
การกางขาตั้งครั้งแรกจะมาที่ 22 องศาก่อน (วางแคบกว่านี้ไม่ได้) และเราสามารถดันต่อไปได้เรื่อยๆ จนถึง 150 องศาครับ ขาตั้งออกแบบมาดีมาก มีความหนืดในตัวเองไม่ล้มง่ายๆ (ไมโครซอฟท์เรียก friction hinge หรือมีแรงเสียดทาน)
กางระดับแรก 22 องศา
จากภาพคือการสุดองศาที่ 150 องศา
โดยสรุปแล้ว ขาตั้งของ Surface Pro 3 แก้ปัญหาในรุ่นก่อนๆ มาดีมาก ปัญหาเรื่ององศาของขาตั้งไม่ได้ระดับหมดไปอย่างสิ้นเชิง แต่แน่นอนว่าด้วยแนวทางการออกแบบให้มันตั้งโดยใช้ขาตั้งด้านหลัง ยังมีจุดอ่อนเรื่องพื้นที่การวางที่เยอะกว่าโน้ตบุ๊กทั่วไปเช่นเดิม การวางบนตักจึงยังมีปัญหาอยู่บ้าง (แม้จะดีกว่าเดิม) และท่าที่เหมาะสมที่สุดคือวางบนโต๊ะครับ
Surface Pro 3 ยังมีพอร์ตสำหรับอุปกรณ์เชื่อมต่อที่จำกัดเหมือนเดิม โดยพอร์ตทั้งหมดจะอยู่ด้านขวาของเครื่อง ประกอบด้วย USB 3.0 หนึ่งพอร์ต, Mini DisplayPort สำหรับต่อจอนอก (ไม่แถมสายแปลงมาให้), microSD (ช่องขวาสุดอยู่ใต้ขาตั้ง)
สายชาร์จของ Surface รุ่นก่อนๆ มีปัญหาเรื่องเล็งสายให้ตรงช่องยาก (แม้จะเป็นแม่เหล็ก) รุ่นนี้แก้ปัญหานี้แล้ว การแปะสายชาร์จติดกับตัวเครื่องง่ายกว่าของเดิมมาก (สายชาร์จมีไฟบอกสถานะให้ด้วย)
ฝั่งซ้ายมือของเครื่องเป็นปุ่มปรับระดับเสียง และพอร์ตสำหรับเสียบหูฟัง ส่วนขอบด้านบนมีปุ่ม Power อยู่ที่มุมด้านซ้าย
ถ้าสังเกตจากภาพจะเห็นช่องระบายอากาศที่ขอบด้านบนของเครื่อง ใช้ดีไซน์คล้ายกับ Surface Pro รุ่นก่อนๆ
คีย์บอร์ดคู่บารมีของ Surface Pro 3 คือ Type Cover เวอร์ชันใหม่ (รอบนี้ไม่มี Touch Cover) โดยปรับให้ขนาดใหญ่ขึ้นเท่ากับจอของ Surface Pro 3 (ใครมี Type Cover ของเก่าเอามาแปะได้ พอร์ตเดิม แต่ขนาดจะไม่พอดีกัน)
รูปแบบของปุ่มเหมือนเดิมทั้งหมด แต่เมื่อขนาดใหญ่ขึ้นก็ช่วยให้พิมพ์ง่ายขึ้น อีกส่วนที่ปรับปรุงขึ้นมากคือทัชแพดที่ใหญ่ขึ้น ใช้สะดวกขึ้นกว่าของเดิมมาก
สิ่งที่ไมโครซอฟท์ปรับปรุงไปนิดหน่อยแต่เห็นประโยชน์เยอะมากคือ คีย์บอร์ด Type Cover รุ่นใหม่มีแถบแม่เหล็กมาให้ สามารถแปะกับขอบล่างของหน้าจอ Surface Pro 3 เพื่อปรับองศาให้ชันขึ้น เอียงรับองศาของมือขณะพิมพ์มากกว่าเดิม (เราเลือกได้ว่าจะไม่แปะ วางคีย์บอร์ดราบกับพื้น หรือจะแปะเพื่อให้เอียงก็ได้)
การแปะแถบแม่เหล็กเข้ากับขอบล่างของหน้าจอยังช่วยให้คีย์บอร์ดมั่นคงมากขึ้นเวลาวางตัก (เพราะจุดสัมผัสเยอะขึ้น เมื่อเทียบกับการแปะเฉพาะขั้วคีย์บอร์ดแบบของเดิม) ส่งผลให้ประสบการณ์การพิมพ์ขณะวางตักดีขึ้นมาก แม้ตอนพิมพ์จะยังมียวบๆ บ้างแต่ก็น้อยลงจากแบบเดิมมาก
จุดอ่อนเดียวที่ผมพบจากคีย์บอร์ดแบบแปะขอบจอคือ เราจะใช้ท่าปัดขอบล่างขึ้นเพื่อเรียกปุ่มคำสั่งในแอพแบบ Metro ยากมากครับ โชคดีที่ Windows 8 ออกแบบมาให้ใช้ท่าปัดขอบบนลงแล้วได้ผลลัพธ์เดียวกัน เลยสามารถเลี่ยงไปใช้ท่านี้แทนได้
ของใหม่อีกอย่างใน Surface Pro 3 คือปากกา Surface Pen รุ่นใหม่ ซึ่งเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี N-trig แทน Wacom แบบของเดิม (รายละเอียดอ่านได้ในบทความ เจาะลึก Surface Pen ไขปริศนาปากกา Surface Pro 3)
ขนาดของ Surface Pen รุ่นใหม่ใกล้เคียงกับปากกาลูกลื่นทั่วไปมาก มีปุ่มด้านข้างมาให้ 2 ปุ่มคือ ลบ (erase) และเลือก (select) ส่วนปุ่มกดด้านบนเป็นการกดเพื่อ activate ปากกา
ในการใช้งานจริง ระบบจะแสดงเคอร์เซอร์บอกตำแหน่งของหัวปากกาด้วย (ค่อนข้างแม่นแต่ก็ไม่ 100%) เรื่องน้ำหนักกดรองรับ 256 ระดับ อันนี้ผมไม่ใช่นักวาดรูปเลยไม่สามารถบอกได้ว่ามันดีหรือแย่กว่าปากกา Wacom มากน้อยแค่ไหน แต่เหลือเฟือสำหรับการจดโน้ตทั่วๆ ไปครับ
ปากกา Surface Pen ผูกพันกับแอพ OneNote มาก ทุกครั้งเมื่อกดปุ่มที่หัวปากกา แอพ OneNote จะถูกเรียกขึ้นมาทำงานทันที ในกรณีที่เราปิดเครื่อง ล็อคหน้าจออยู่ แอพ OneNote จะทำงานในโหมดจดงานโดยไม่ต้องปลดล็อคเครื่อง เราสามารถจดโน้ตแล้วกดปุ่ม Power กลับไปสถานะล็อคหน้าจอเหมือนเดิมได้ (โน้ตจะถูกเก็บไว้ใน OneNote อัตโนมัติ)
แต่ถ้าเราจดโน้ตเสร็จจะไปทำอย่างอื่นต่อ ก็สามารถกดปุ่ม Unlock ที่มุมซ้ายบน (ตามภาพ) เพื่อเข้าหน้าใส่รหัสปลดล็อคหน้าจอปกติได้ (โน้ตจะถูกเก็บอัตโนมัติเช่นกัน)
ผมทดลองใช้ฟีเจอร์ OneNote จดโน้ตแล้วพบว่าเจ๋งมาก เพราะกระบวนการทั้งหมดง่ายและเป็นธรรมชาติมาก เพียงแค่กดปุ่มปากกาแล้วจดโน้ตได้ทันที อย่างไรก็ตาม ความสามารถนี้ล็อคตายตัวกับ OneNote เท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนไปจดโน้ตด้วยโปรแกรมอื่นๆ (เช่น Evernote ได้) สามารถเปลี่ยนได้มากที่สุดคือเลือก OneNote เวอร์ชัน Metro หรือเวอร์ชันเดสก์ท็อปเท่านั้น
จุดอ่อนเดียวของปากกา Surface Pen คือมันไม่มีที่เก็บครับ ถ้าซื้อ Type Cover ด้วย ไมโครซอฟท์จะแถมห่วงสำหรับคล้องปากกามาให้ ซึ่งพอใช้งานได้ในระดับหนึ่งแต่ไม่ค่อยสวยนัก (และถ้าใช้งานเป็นแท็บเล็ตแนวตั้ง หันทิศผิด ปากกาจะมาจิ้มพุงด้วย) ถ้ามีวิธีการเก็บเข้ากับตัวเครื่องเหมือน Galaxy Note ของซัมซุงจะดีกว่านี้มาก
หน้าจอของ Surface Pro 3 มีความละเอียดมากถึง 2160x1440 (เกิน Full HD) คุณภาพของจอดีมาก ชัดมาก ละเอียดมาก เรียกว่าในการใช้งานโหมดแท็บเล็ตที่แอพ Metro ปรับขนาดตัวเองตามความละเอียดหน้าจออัตโนมัตินั้น "ไร้ที่ติ"
อย่างไรก็ตาม พอมาใช้งานในโหมดเดสก์ท็อปมันกลับมีปัญหา "จอละเอียดเกินไป" ซะอย่างนั้น!
เมื่อเปิดเดสก์ท็อปด้วยสัดส่วนปกติ (ตัวหนังสือขนาด 100%) พบว่าจอละเอียดระดับนี้ ในขนาดแค่ 12 นิ้ว ทำให้ตัวอักษรเล็กจิ๋วมากจนอ่านไม่ออกครับ
ภาพ Blognone ทำงานในโหมดตัวหนังสือ 100%
โชคยังดีที่ไมโครซอฟท์เตรียมแก้ปัญหานี้มาบ้าง โดยเปิดให้ผู้ใช้สามารถปรับขนาดของตัวหนังสือได้ (คลิกขวาบนเดสก์ท็อป เลือก Screen resolution > Make text and other items larger or smaller สามารถปรับขนาดได้สูงสุดที่ 200%
ภาพ Blognone ทำงานในโหมดตัวหนังสือ 125% (ใหญ่ขึ้นมาอีกนิดนึง)
ขนาดที่กำลังดีคือ 150% ครับ
การทำงานในโหมดซูม 150% จะปรับ UI ตามด้วยถ้าโปรแกรมนั้นรองรับ เช่น Microsoft Office จะปรับขนาด Ribbon ให้ใหญ่ขึ้น อย่างไรก็ตาม โปรแกรมยอดฮิตหลายตัว เช่น Chrome, Firefox ยังไม่รองรับการปรับขนาดให้เหมาะกับจอภาพความละเอียดสูงเท่าที่ควร (Firefox รองรับการซูมข้อความ แต่ไอคอนเบลอ เป็นต้น)
ปัญหานี้จะยิ่งเลวร้ายเมื่อเราต่อจอนอกที่ความละเอียดน้อยกว่า Surface Pro 3 ครับ (ซึ่งจอส่วนใหญ่ในท้องตลาดจะเป็นเช่นนั้น) ผมลองใช้จอ 1080p ไปต่อแบบ Extended ก็พบว่า Surface งง และขยายข้อความในจอนอกให้มากเกินควร ไม่ค่อยลงตัวเท่าไรนัก
ทางแก้คงไม่มีทางอื่นนอกจากรอให้จอความละเอียดสูง (HiDPI) ได้รับความนิยม และผู้พัฒนาโปรแกรม (ทั้งไมโครซอฟท์เองและบริษัทอื่น) ทยอยปรับอินเทอร์เฟซให้เหมาะกับจอความละเอียดสูงมากขึ้น
Surface Pro 3 ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 8.1 โดยปรับแต่งจากรุ่นปกติเล็กน้อยในส่วนของ OneNote หรือไดรเวอร์ฮาร์ดแวร์เท่านั้น ในแง่การใช้งานแล้วไม่ต่างอะไรกับ Windows 8.1 ทั่วไป การใช้งานโหมดเดสก์ท็อปราบรื่นดี (ยกเว้นปัญหาเรื่องความละเอียดหน้าจออย่างที่กล่าวไปแล้ว) ประสิทธิภาพการทำงานไม่ต่างอะไรกับโน้ตบุ๊ก Core i3/i5/i7 ทั่วไป
แต่เมื่อใช้งานเป็นแท็บเล็ต ก็ยังมีปัญหาแบบเดิมๆ ของ Windows 8 ครับ ไม่ว่าจะเป็น UI ที่ใช้งานค่อนข้างยาก หรือแอพที่มีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มคู่แข่ง (รายละเอียดของเรื่องนี้ผมเขียนไว้ใน บทความรีวิว Surface 2)
โชคดีที่ Surface Pro 3 ใช้ซีพียู x86 ดังนั้นปัญหา "ไม่มีแอพใช้" จึงพอเลี่ยงได้ด้วยการสลับไปใช้งานโหมดเดสก์ท็อปแทน เช่น Google Drive ไม่มีแอพในโหมด Metro ผมก็ยังสามารถติดตั้ง Google Drive รุ่นปกติบนวินโดวส์ และเข้าถึงไฟล์ได้ผ่านการสลับไปเรียกแอพในโหมดเดสก์ท็อป (แม้จะไม่สะดวกสำหรับการสัมผัสด้วยนิ้ว แต่ก็ยังช่วยให้เข้าถึงไฟล์ได้)
โดยรวมแล้วจึงถือว่าการใช้ Surface Pro 3 ในฐานะแท็บเล็ตยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร เราก็ได้แต่หวังว่า Windows Threshold ที่มีข่าวว่าจะเปิดตัวปลายเดือนนี้ จะแก้ปัญหาเรื่อง UI ไปบ้าง (เช่น มีข่าวลือว่าจะถอด Charm Bar ออกไป) ส่วนประเด็นเรื่องแอพก็หวังว่าไมโครซอฟท์รวม Universal Windows App แล้วจะช่วยให้แอพบน Windows Phone ถูกพอร์ตมายัง Windows Metro เยอะขึ้น
Surface Pro 3 รุ่นที่ได้มานี้เป็น Core i5-4300 พร้อมแรม 4GB ครับ ตามสเปกแล้วไมโครซอฟท์บอกว่าใช้ท่องเว็บได้นาน 9 ชั่วโมง
ผมไม่ได้ทดสอบแบตเตอรี่อย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่ลองนับคร่าวๆ ได้ประมาณ 6-7 ชั่วโมง ทั้งนี้อายุแบตเตอรี่ขึ้นกับประเภทแอพที่ใช้งานด้วย เท่าที่สังเกตคือแอพแบบ Metro จะกินแบตน้อยกว่าแอพแบบเดสก์ท็อปมาก (ดังนั้นควรท่องเว็บด้วย Modern IE แทน IE/Firefox/Chrome ถ้าไม่ได้เสียบไฟ) แต่ก็แน่นอนว่าแอพ Metro ในปัจจุบันยังมีไม่เยอะนัก และหลายครั้งเราต้องสลับไปใช้โหมดเดสก์ท็อปอย่างไม่มีทางเลือก
ในแง่การใช้งานแล้ว ถ้าออกจากบ้านไปสัก 4-5 ชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องเอาอแดปเตอร์ไปได้สบายๆ แต่ถ้าหยิบไปทำงานด้วยตั้งแต่เช้าจรดเย็น ยังไงก็คงต้องมีอแดปเตอร์ติดตัวไปครับ
ส่วนเรื่องความร้อน จุดที่ร้อนที่สุดคือมุมขวาบนของเครื่อง เท่าที่ใช้มาผมเคยเจอปัญหาร้อนจนดับ 1 ครั้ง (ตอน soft reset เครื่อง) แต่นอกนั้นก็เจอแค่อุ่นๆ ไม่ถึงกับร้อนลวก (ส่วนใหญ่จะร้อนเวลาใช้งานแอพเดสก์ท็อป) เมื่อเครื่องร้อนในระดับหนึ่งจะได้ยินเสียงพัดลมบ้าง แต่ก็ไม่ดังจนเกินไป
โดยรวมแล้ว Surface Pro 3 เป็น "โน้ตบุ๊กที่ใช้เป็นแท็บเล็ตได้" มากกว่า "แท็บเล็ตที่ใช้งานเป็นโน้ตบุ๊กได้" แน่นอนว่ามันไปไม่สุดสักทาง ในความเป็นแท็บเล็ตยังด้อยกว่า iPad หรือแท็บเล็ตแอนดรอยด์ และในความเป็นโน้ตบุ๊กก็ยังด้อยกว่าโน้ตบุ๊กเต็มขั้น ทั้งในแง่ขนาดหน้าจอ คีย์บอร์ด หรือพอร์ตเชื่อมต่อ
Surface Pro 3 แก้ปัญหาของ Surface Pro รุ่นพี่ๆ ไปเกือบหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขาตั้ง หน้าจอ คีย์บอร์ด แบตเตอรี่ รวมทั้งพัฒนาฟีเจอร์ด้านการจดโน้ตไปไกลมาก (น่าจะเป็นอุปกรณ์จดโน้ตที่ดีที่สุดในปัจจุบัน) จุดอ่อนด้านฮาร์ดแวร์อย่างเดียวที่เหลืออยู่คงมีแค่พื้นที่การวางที่ใช้เยอะกว่าโน้ตบุ๊กปกติ และยังวางบนตักได้ไม่ค่อยดีเท่ากับโน้ตบุ๊ก
อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของ Surface Pro 3 ก็คือมันสามารถทำได้ทั้งสองหน้าที่ ภายใต้น้ำหนักบรรทุกรวมไม่เกิน 1.3 กิโลกรัม มันจึงน่าสนใจมากสำหรับคนที่รู้ว่าตัวเองอยากได้อะไร รู้ฟังก์ชันหรือกระบวนการทำงานของตัวเอง และมองว่า "ชีวิตจะดีขึ้นได้" เมื่อเปลี่ยนมาใช้ Surface Pro 3 ที่น้ำหนักบรรทุกรวมเบาลงกว่าอุปกรณ์ในปัจจุบัน ซึ่งในแง่นี้ Surface Pro 3 ทำได้ดีมากๆ ครับ
คำถามสุดท้ายว่า Surface Pro 3 คุ้มค่าสมราคาหรือเปล่า คงต้องกลับไปถามตัวเองว่าจะซื้อมันมาทำอะไร เราต้องไม่ลืมว่ามันเป็นสินค้าตระกูล Pro เหมาะสำหรับมืออาชีพหรือการใช้งานเชิงธุรกิจ ดังนั้นถ้าซื้อมาใช้เล่นเน็ต โซเชียล เล่นเกม คงไม่คุ้มแน่ๆ (ไปใช้แท็บเล็ตค่ายอื่นคุ้มกว่ามาก) แต่ถ้ามี requirement ชัดเจนในสายงานของตัวเอง มีความจำเป็นต้องใช้โปรแกรมเฉพาะทางบนพีซี (ไม่ว่าจะเป็นเขียนโปรแกรม แต่งภาพ ตัดต่อวิดีโอ ฯลฯ) การใช้ Surface Pro 3 ที่แรงพอสำหรับงานเฉพาะทางเหล่านี้ แต่พกพาสะดวกกว่าโน้ตบุ๊กแบบเดิมมาก จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้กลุ่ม Pro ที่เรื่องเงินอาจไม่ใช่ข้อจำกัดที่สำคัญมากนัก
ข้อดี
ข้อด้อย
Comments
โลกของจอ HiDPI ยังไม่ราบรื่นจริงๆ ครับ :P
Dream high, work hard.
อีกกี่รุ่น ถึงจะทำสองข้อนี้ได้ เพราะ surface ยังคงเป็นอะไรที่ไม่เด่นซักด้าน
ข้อแรกยากมากกก ท่านต้องขึ้นมาสูสีกับอีก 2 เจ้า นู่นแหละ
มันเป็น ultranook นี่ครับ
เรื่องความแรงสู้โน้ตบุ๊คไม่ได้
แต่เรื่องแบตนานๆ และตัวเครื่องเบา ๆ โน้ตบุ๊คก็ทำไม่ได้ขนาดนี้เหมือนกัน
ผมว่ามันเหมาะกับคนที่อยากได้ ultrabook มากกว่า notebook นะครับ
Notebook ราคา 50k เบาประมาณ 1 กก. แบตอยู่ได้ 8 ชม. ถ้ามีสเปคก็จะแรงระดับประมาณนี้แหละครับ
ถ้าไม่ติดเรื่องโปรแกรมต้องใช้ Windows ผมว่า macbook air ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจนะครับ น้ำหนักรวม cover ไม่ต่างกันมาก ราคาไล่ๆ กัน แบตนานกว่า
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ขึ้นกับว่าเอามาทำอะไรน่ะครับ ถ้าต้องการแค่โน้ตบุ๊กเบาๆ จอไม่สัมผัส สาย ultrabook ก็มีตัวเลือกมากมายครับ ไม่ได้มีแค่ MacBook Air
Surface นี่มันเป็นอุปกรณ์พิสดาร เลยเทียบกับสินค้าแบบดั้งเดิมตัวอื่นๆ ยาก ถ้าจะเทียบคงต้องเทียบกับ 2-in-1 พวก HP x2 หรือ ThinkPad Helix อะไรแบบนี้ครับ
ซื้อโน้ตบุ๊คดีกว่า
รีวิวลงbluestuckให้ด้วยได้ไหมครับ
ซื้อโน้ตบุ้ค+ไอแพดดีกว่ากันเยอะเลย
แค่i3เกือบสามหมื่น มีตังอย่างเดียวซื้อไม่ได้จริงๆ
ต้องมีความคิดด้วยครับ ว่าจะเอาไปใช้ทำอะไร
(และแน่นอน... ต้องมีของด้วย)
ใช่ครับมีตังค์อย่างเดียวซื้อไม่ได้ต้องชอบความสะดวกสบายด้วย
เพราะไม่ต้องแบกไปหลายเครื่อง
ต้องบวก Wacom ไปอีกตัวด้วยนะครับ
โอ้ ไม่คิดว่าจะเห็นความคิดเห็นแบบนี้บน blognone
iPhone เกือบสามหมื่น ยังไม่บ่นกันเลยนิครับ i3 สามหมื่น คงไม่เป็นไรหรอกครับ :)
ป.ล. ถ้าว่ากันที่ Best experience ผมแนะนำให้ซื้อ Vertu เลยครับ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
+1 สักทีแล้วกันครับ
ดูจากลายเซ็นแล้วก็...เอี่มมม
ສະບາຍດີ :)
ชอบสเปกขนาดนั้น คอม Apple จ่าย 67k ไม่ได้การ์ดจอแยกนะครัช
Dream high, work hard.
ผมมองว่า purpose ต่างกันครับ
ส่วนตัวผมมองว่า Surface Pro 3 ยังไม่สามารถตอบโจทย์ของการเป็น notebook เต็มสตรีม แต่ถ้าจะให้เลือกระหว่างการแบกโน้ตบุ๊กพร้อมกับ iPad กับการพก Surface Pro 3 ผมเลือกพกมากกว่าแบกครับ
เมื่อเทียบกับการใช้งานจริง (ผมไม่ได้ใช้งานมาก่อนนะ ดูจากรีวิวเอา) ผมดูแล้ว ต้องยอมรับว่า Surface Pro 3 ด้อยกว่าโน้ตบุ๊กหลายขุม (แน่นอนมันคือ Ultrabook ไม่ใช่ notebook) แต่ถ้าหากคุณมีงานเร่งด่วน เช่น ต้องตัดต่อวิดีโอด่วน ๆ ในช่วงเวลาที่คุณไม่ได้พก notebook มาเนี่ย คุณจะใช้อะไร
ใช้ iPad ตัดต่อ? มันเหมือนว่าคิดสั้นไปนะถ้าหากใช้ iPad ตัดต่อ แล้วเพราะอะไร
มาดูด้านการจดบ้าง iPad เนี่ยนะ ซื้อรุ่นสูงสุด (128 GB) ได้ปากกา stylus ไหม แน่นอนว่าไม่ แล้วจะจดใส่อะไร แน่นอนว่าต้อซื้อ (หรือดาวน์โหลด) แอพเพิ่ม แล้วแอพบางตัวก็ดันซิงก์กับออนไลน์ไม่ได้ แล้วจะจดอย่างไร ใช้นิ้วจด? คำตอบที่ได้แน่นอนว่าต้องซื้อปากกาเพิ่มอีก เสียเงินเพิ่มเติมกับปากกา บ้างก็เทพสุดขีด บ้างก็ห่วยบรม
พอมีปากกาเป็นตัวเลือกเพิ่มอีก ผมก็คงเลือก Surface Pro 3 แบบไม่ลังเลเลย เพราะว่ามันดีกว่าเห็น ๆ เอาไว้ใช้แค่ note ลง OneNote แล้ว sync กับ OneDrive แค่นี้ก็สบายแล้วครับ เปิดบน Lumia ก็ได้ จะย้ายไปทำต่อบนโน้ตบุ๊กก็ยังไหว ใช้ ecosystem เดียว ไม่ต้องยุ่งอะไรมาก
ที่สำคัญ "มันลงโปรแกรมบน Windows ได้หมดทุกโปรแกรม" ถ้าหากคุณต้องใช้โปรแกรมบน Windows คุณจะทำอย่างไร จะใช้ Remote Desktop? คงไม่ใช่คำตอบที่ดีนักถ้าหาก network ไม่ดีพอ
"Apple gave BEST experience to us." ประโยคนี้ เมื่อพิจารณาแล้ว สำหรับผม คงไม่เป็นไปตามประโยคนี้ นอกจากคำว่า fancy และ useless สำหรับผม ส่วนตัวถ้าหากมีงบพอ ผมคงจะซื้อแค่รุ่น Core i3 ก็เพียงพอแล้ว ส่วนที่เหลือก็นำงบไปซื้อโน้ตบุ๊กดี ๆ สักตัว เช่น Dell XPS 15 เป็นต้น
ที่สำคัญคือ "คุณอย่าคาดหวังอะไรกับ hybrid tablet พวกนี้นัก เพราะมันไม่สามารถแทนแล็บท็อปได้ 100%" ผมให้คุณลองคิดดูแค่นี้พอครับ :)
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผมกำลังคิดว่าทำไมคุณต้องตอบโต้ซะใหญ่โตขนาดนั้นเนี่ย ^^ เขาก็บอกแค่ว่า "มันแพงเกินไปหน่อย" แต่ก็เข้าใจว่าที่มันแพงเพราะมีชิ้นส่วนที่เป็น custom made เยอะ และวัสดุที่ใช้ก็หรูหรา ก็เลยแพง
ส่วนตัวผมกลับอยากได้ Lenovo Thinkpad 8 มากกว่า ... ทั้งเล็กกว่า สเปคก็ต่ำกว่า แต่ดันแพง 555 ไม่รู้สิผมว่า Surface Pro มันมากเกินไป ผมใช้แลปทอปแล้วเหมาะกับผมมากกว่า (แน่นอนว่านี่เป็น คหสต.)
อ้อ ตอนนี้ใช้ Galaxy Note 10.1 อยู่ครับ พอมีปากกาแล้วความรู้สึกผิดกันเลย :)
ผมว่าเขากำลัง troll อยู่ครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ชอบอ่านที่เพื่อนๆเขียน :)
บังเอิญต้องการแค่ถือไปอ่านebook นั่งจิบกาแฟท่องเวป ไอ้พวกงานด่วนจำเป็นต้องใช้แทนเdesktop 1ปีไม่มีสักหน ดังนั้นเลือกที่จะไม่แบกโน๊ตบุ๊ก แต่ถือแท็บเล็ตขนาดพอเหมาะที่ใช้งานง่ายๆสักตัวพอล่ะ ไม่รู้ว่าคนใช้งานเบาๆแบบผม มันเยอะหรือน้อยหว่า?
That core i3-Y model ain't suited for encoding. Even core i5 or core i7 ain't no better because of throttling.
They simply aren't designed for that.
I'm not saying it's bad(for a tablet). I'm saying it cannot deliver what we expect from its price range.
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ข้อความแบบนี้ เหยียดสุดๆ และเห็นอยู่บ่อยๆ
ผมเป็นคนชัดเจนครับ ชอบก็บอกว่าชอบเกลียดก็บอกว่าเกลียด
ถ้าไม่ถูกใจใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยครับ
ที่ผมไม่ชอบ Surface เพราะ
1.ครึ่งๆกลางๆ เอาดีไม่ได้ซักทาง
2.แพงเกินไป
3.คนทั่วไปแทบไม่รู้จักและไม่เห็นว่า product นี้จะกลายเป็นของที่ขายทั่วไปได้เลย เอาResourceไปพัฒนา Product อื่นให้มันดีๆดีกว่า เช่น Windows phone(อยากให้เป็นขั้วที่สามมากๆ).
4.ราคาขายต่อ อันนี้ก็วัดได้ระดับนึงเลยว่าความนิยมใช้งานมากแค่ไหน เพื่อนผมยังต้องเก็บ Surface pro 1 ไว้เลยเพราะโดนกดราคามากจนไม่อยากขาย
ถึงจะชอบแอปเปิ้ลมาก แต่ก็ไม่ได้เกลียด MS กับ Google เลย ตอนนี้ก็ใช้ทุกค่าย มือถือมีทั้งไอโฟนแอนดรอย
วินโดใช้ทั้ง 7 และ 8 อยากเห็นแต่ละค่ายพัฒนา product ดีๆมาแข่งกัน
ประเด็นอยู่ที่บรรทัดสุดท้ายของคอมเมนต์นั้นนั่นแหละครับ
Dream high, work hard.
ว่ากันตามตรงแล้ว Windows Phone เอาดีไม่ได้หนักกว่า Surface อีกครับ จะใช้ทำงานก็ไม่เวิร์ค จะใช้ส่วนตัวก็ไม่ได้
ผมอยากให้เอา Resource Windows Phone มาพัฒนา Surface ด้วยซ้ำ
เราทุกคนก็คงเหมือนกันแหละครับ ชอบก็บอกว่าชอบ เกลียดก็บอกว่าเกลียด
แต่เราอาจจะชอบไม่เหมือนกัน ก็เท่านั้นแหละครับ
Surface Pro 3 ตอบโจทย์ผมนะ เพราะโน้ตบุ๊คและ Tablet หลายตัวมันไม่สุดสำหรับผมคือ
Tablet เบาแต่ทำไรไม่ได้เลย เขียนโปรแกรมไม่ได้
Notebook เขียนโปรแกรมได้ แต่หนักเหลือเกิน
เพราะผมอยากได้ที่เขียนโปรแกรมได้และน้ำหนักเบา จดงานได้
ถ้าจะว่าไม่สมราคา เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าจะบอกว่ามีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้ เป็นอีกเรื่องครับ และสิ่งที่คนจำนวนหนึ่งเห็น (ผมไม่กล่าวว่าส่วนมาก เพราะผมอ่านใจไม่ออก) คือความเห็นของคุณอันนั้นที่บอกว่า มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้นั่นแหละครับ
อนึ่ง อยากได้ gadget ราคาขายต่อดีด้วยใช่ไหมครับ? Vertu, Tag Heuer, Gresso, Mobiado เลยครับ รุ่นสิบปีที่แล้ว ราคาเท่า iPhone 5s 16 GB เครื่องใหม่หนึ่งเครื่องครับ ยิ่งรุ่นประดับเพชร รุ่นหายาก ราคาเท่าคอนโดใจกลางกรุงเทพก็มีครับ นี่ว่ากันที่มือสองนะครับ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
เขาอาจจะอยากบอกว่า
"มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้ ต้องรัก Windows ด้วย"
ความเห็นผมหล่อไหมครับ /ยิ้มเห็นฟันขาวใสปิ๊งๆ พร้อมชูนิ้วโป้ง
จะชอบจะเกลียดอะไรไม่มีใครว่าหรอกครับ แต่การเหน็บว่ามีตังค์อย่างเดียวซื้อไม่ได้ (ต้อง... ด้วย) นี่ผมว่าไม่ควรเลยจริงๆ lifestyle และความชอบของคนเราไม่เหมือนกัน ใครจะซื้ออะไรเขาก็คงคิดแล้วว่ามันเหมาะกับตัวเอง อย่างถ้ามีใครบอกว่า iPhone แพงเกิน มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้ มันก็เป็นคำพูดที่ไม่เหมาะเหมือนกันใช่มั้ยครับ
Surface Pro นี่ผมว่ามันก็มีข้อดีหลายอย่างที่เอามาเทียบกับโน้ตบุ้คหรือแท็บเลตแบบตรงๆ ไม่ได้ มันเป็นอุปกรณ์ hybrid ที่มีนวัตกรรมของมันอยู่ อย่างบางคนเอาไปเทียบกับโน้ตบุ้คโดยดูแค่ราคาและความแรงแค่นั้น ไม่ดูอย่างอื่นกันเลย แค่เรื่องคุณภาพหน้าจอ คุณภาพแบต น้ำหนัก จอสัมผัสที่ใช้ปากกาได้ แค่นี้ก็กินขาดโน้ตบุ้คราคาถูกแล้ว
เห็นต่างได้ ชัดเจนได้ แต่ผมว่ามันไม่ควรตรงคำพูดเหน็บนั่นแหละครับ ซึ่งแน่นอนว่าเจตนาดั้งเดิมของประโยคนั้นคนส่วนใหญ่รู้ว่าหมายถึงอะไร เหตุผลในการเลือกซื้อของแต่ละคนมันไม่จำเป็นต้องเหมือนกันกับเรา
ฮ่า ฮ่า ผมมี 2 อย่างเลย สงสัยต้องพิจารณาตัวเองซะแล้ว
เห็นสภาพ Blognone แบบไม่ปรับอะไรเลยแล้วนี่แบบว่า O_o โลกของ HiDPI ยังอีกยาวไกลนัก (แต่ฝั่ง OS X เค้าไปสบายแล้ว)
กรณีนี้ ใช้ปากกาน่าจะช่วยได้เยอะนะครับ
จินตนากร => จินตนาการ
ปรับปรุงขี้นมาก => ปรับปรุงขึ้นมาก
ว่าแต่ทดสอบการทำ scaling หรือยังอ่ะครับ ?
แอพส่วนใหญ่ที่ผมใช้เป็น DPI-Aware กันแล้วนะ (ถึงบางตัวจะแค่รับรู้ว่ากำลังรันอยู่บน Hi-DPI ก็เถอะ)
จริง ๆ มีวิธีเก็บปากกา Surface Pen อยู่ 6 วิธีนะครับ (ตามที่ Windows Phone Central แนะนำมา พบว่า เก็บบน type cover ดีสุดครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ลูกค้าของ Microsoft ไม่เหมือนลูกค้าของ Apple จะมาตั้งขายราคาแพงแบบนี้ไม่ได้ Apple เขามีสาวกพร้อมประเคนเงินให้อยู่แล้ว จนตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่า Surface มันเป็นสินค้าที่เจาะตลาดกลุ่มไหน คนทำงานก็ไม่ใช่ นักศึกษาก็ไม่ใช่ ของเล่นก็ไม่ใช่
น่าจะลองจับตลาด enterprise ครับ ขานั้นยอมจ่ายเท่าไหร่เท่ากันอยู่แล้ว (ถึงขั้นยัดปุ่ม One Note มาบนปากกาเลย ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ค่อยเห็นคนใช้ทั่วเขาใช้ One Note กันนะ) แต่ก็ต้องไปสู้กับ BYOD (iPad) อีกต่อนึง
ถึงตอนนี้ผมเองก็ยังไม่ค่อยเห็นคนใช้แท๊บเลตของค่าย MS เท่าไหร่เลย ยังเห็นแต่ของสองเจ้าแรกเท่านั้น เอ... หรือว่าผมคงจะไม่อยู่ในโลกของ enterprise พอรึเปล่า
ผมก็ยังไม่เคยเห็น Tablet สองเจ้าที่ว่าอยู่ในโลก Enterprise เลยนะคับ เห็นแต่แบบ BYOD กันหมด
ผมถึงบอกว่า "น่าจะลองตลาด enterprise" ไงครับ ไม่ได้บอกว่ามันประสพความสำเร็จแล้วสักหน่อย = ='
ผมไม่ใช่คนทั่วไป เย้เย ♪~ #เดี๋ยวนะ
Jusci - Google Plus - Twitter
ผมเห็นชัดเจนกลุ่มนึงนะครับคือ จับกลุ่มคนทำงาน ที่เป็นกลุ่มระดับผู้บริหาร ทั้งราคาและรูปร่างที่ออกมาพร้อมกับความสะดวกที่ไม่เหมือนใคร คงไม่ใช่กลุ่มนักศึกษากับกลุ่มคนทำงานทั่วไปอะครับ น่าจะใกล้เคียงกับ MacPro มากกว่า Mac Air ครับ
เอาจริง ๆ ลูกค้า Microsoft ยอมจ่ายแพงกว่าลูกค้า Apple อีกครับ
เพื่อแลกกับ Backward Compat., Security, Manageable ซึ่งสำหรับเรามันไม่ได้ค่อยจำเป็นเลย บางทีเลยไม่รู้จ่ายแพงไปทำไม
ผมว่าสินค้า Microsoft ก็ไม่ได้ราคาถูกเลยนะครับ
ผมว่าฝั่ง Consumer ราคาของ Microsoft ถูกแล้วนะคับ แต่ถ้าเป็นราคาฝั่ง Business นี่หนักหน่วงมาก แต่ก็น่าจะสมเหตุสมผล เพราะขายให้ใช้หาเงิน
Consumer ผมว่าก็ยังราคาสูงนะ อย่าง Window ราคาเริ่มต้นก็ 4,600 แล้ว หรือ Office ถ้าไม่ใช่ 365 ก็สี่พันกว่าๆ
ถ้าเทียบกับ Hardware เริ่มต้นที่ราวหมื่นต้นๆนี่ผมว่ามันก็ราคาสูงสำหรับบ้านเราเหมือนกันนะครับ
จะมีที่พอราคาเป็นมิตรก็พวก Mouse Keyboard แบบธรรมดาที่ไม่แพงมาก แต่ตัวแพงๆก็เยอะเหมือนกัน
+1 ยังสูงเกินไปจริง ๆ
เอาจริง ๆ ผมเคยคิดว่าถ้ามีรุ่น Core i3 แล้วราคาจะเหลือราว ๆ 24,xxx นะ แต่พอราคานี้ผมว่าแรงไปหน่อยนะ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ผมมองเรื่องระยะเวลาการใช้งานด้วยแฮะ อย่าง Windows ซื้อมาทีหนึ่ง ใช้ได้สิบปี สมมุติซื้อตัวหกพันกว่าบาทมา ตกปีละหกร้อยเอง แถมส่วนใหญ่พอเวอร์ชั่นใหม่ออกก็มีโปรอัพเกรดในราคาถูกอีก อย่างตอนผมอัพจาก 7 มา 8 นี่ 599 เองมั้งถ้าจำไม่ผิด
นั่นสิครับ ผมไม่ดูจุดนี้เหมือนกันแฮะ อันนี้เห็นด้วยครับ
แต่ถ้ามองถึงการเข้าถึง สำหรับผู้ซื้อเครื่องใหม่มันก็ยังคงเป็นราคาที่สูงอยู่นะครับ
ตอนแรกผมเดินหา Surface ที่ IT City หลายสาขามาก
จนมาเจอ ASUS G550JK ......
Surface เราค่อยเจอกันใน V. ต่อๆ ไปนะ
การกางขาตั้งครั้งแรกจะมาที่ 22 องศาก่อน (วางแคบกว่านี้ไม่ได้)
ขัดแย้งกับ
กางระดับแรก 120 องศา
ตรงนี้น่าจะเป็น 120 > 22 องศา หรือเปล่าครับ
อันนี้ผมพิมพ์ผิดเองครับ (ว่าแต่ 120 มันมาได้ไงเนี่ย)
เชียร์ให้ ms ทำอะไรที่ hybrid ได้อยู่แล้ว แต่อาจจะต้องรอรุ่นหลังๆกว่านี้หน่อย
เพราะ apple ไม่ยอมทำซะที
เหอะๆไม่ได้เข้ามาซะนาน จากที่อ่านความคิดเห็นของแต่ละคน ผมว่ามันอยู่ที่ Lifestyle และความพอใจของแต่ละคนครับ การเอาบรรทัดฐานของตัวเองไปวัดคนอื่นมันก็ดูไม่สมควร ส่วนตัวผมอยากได้นะ เพราะมันเหมาะกับการทำงานของผม Lifestyle ของผม
ปล. ส่วนข้อเสียของมันก็แค่มองข้ามไป เหมือนกับเรามีแฟน ใช่ว่าจะได้คนที่ตรงใจไปซะทุกอย่าง ข้อเสียก็แค่มองข้ามไปเพราะเราคิดว่าข้อดีที่เค้ามีนั้นเพียงพอสำหรับเราแล้ว
ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ Windows ยังจำเป็นสำหรับงานที่กำลังทำอยู่
ผมไม่เห็นว่า surface pro 3 จะสู้ notebook ไม่ได้ตรงไหนนะ บ้านผมมี notebook 4 เครื่อง ตัว pro3 เป็นตัวที่ cpu กับ hd แรงสุดละ แพ้เรื่องกราฟฟิกสำหรับเล่นเกมส์ของ msi เท่านั้น เรื่องน้ำหนักกับความสะดวกในการพกพกก็สูสีกับ sony vaio pro ถ้าจะมีข้อเสียก็เรื่องพอร์ตน้อยนี่ละ แต่ผมไม่ค่อยได้ต่ออะไรเพิ่มเลยไม่รู้สึกอะไร
เทียบกับ tablet ความแรงของเครื่องที่ run app windows ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันแรงกว่า ipad กับ เครื่อง android ทั่วไปแค่ไหน แต่ความสะดวกในการพกพาเพื่ออ่านหนังสือสู้รุ่น mini ไม่ได้ อ่านมือเดียวไม่ไหว แต่ก็ได้หน้าจอที่คมและใหญ่ เหมาะกับคนแก่แบบผมมาแทน อิอิ ข้อเสียสำคัญคือ app น้อย แต่ข้อดีสำคัญก็คือโปรแกรมบน windows เยอะมากๆๆๆ
ไมโครซอฟต์วางตำแหน่งตัวนี้ค่อนข้างจะ premium นะ ผมมองว่าคนซื้อต้องมีกำลังซื้อ และเหมาะกับคนที่ชอบอะไรแตกต่างจากชาวบ้าน เหมือนสมัย apple ออก ipad ใหม่ ๆ
เราได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่ข้อเสียสุด ๆ คือแพง
"ผมไม่เห็นว่า surface pro 3 จะสู้ notebook ไม่ได้ตรงไหนนะ"
สู้ไม่ได้ตรงสเปคเมื่อเทียบกับราคา และสู้ไม่ได้ตรงราคาเมื่อเทียบกับสเปคครับ
555 ผมหมายถึงที่ writer เขียนว่า "การใช้งานเป็นโน้ตบุ๊ก ยังสู้โน้ตบุ๊กจริงๆ ไม่ได้ 100%" ครับ
ตอนนี้รอ Surface Pro 4 ใจจดใจจ่อเลยครับ ออกแล้วจะได้ซื้อ Pro 3 ;)
อยากเห็นข้อมูลแบตครับ ไปลองเล่นที่ Banana ก็พิมพ์เช็ค battery report ไม่ได้(เครื่องไม่ให้พิมพ์ /) แถมปากกาก็เทสบน One Note ไม่ได้เพราะมันไม่ได้ login
ส่วนตัวผม Pro 3 นี่ใช้ได้เลยนะ แต่ปุ่ม Windows หน้าเครื่องที่ไม่ถูกใจเท่าไรที่มันไปขวาง charm bar น่าจะย้ายหลบออกไปเลยแบบ Dell Venue 8 Pro กับจอที่ละเอียดเกินไปแต่ตัว Windows ยังไม่พร้อม ไหนจะเรื่องถ่าน AAAA ในปากกาที่หาาซื้อไม่ค่อยได้และไม่รู้ว่าตัวปากกากินไฟแค่ไหนอีก
สรุปผมรอขนาดเท่า Pro 2 แต่บางและเบาลง จอ 1080p
จอมันละเอียดเกิ๊น ตัวอักษรและ UI ใน mode Desktop เล็กมากๆ ใช้มือจิ้มแต่ละปุ่มยากมากๆ ผมต้องลด resolution ลง + ปรับขนาด text ให้ใหญ่ขึ้น ถึงจะใช้งาน touch ได้ดียิ่งขึ้นครับ
หวังอยู่อีก 2 อย่าง ที่ Microsoft น่าจะทำให้มันดีขึ้นในการขาย Surface
1. 3G/LTE module ควรจะใส่มาด้วย (ไม่ใช่ให้ไปหา USB มาต่อเพิ่มเอาเอง)
2. Type/Touch Cover ควรจะรวมในราคาที่ขายนั้นไปเลย ไม่ควรแยก
ส่วนรุ่นท๊อปๆ น่าจะทำเป็น GPU แยก เพราะ iGPU เอาจริงๆยังทำงานกราฟฟิตสู้ไม่ได้เลย
@fb.me/frozenology@
ถ้ารวมมาแล้ว Surface Pro 4 ออกแล้วมันใช้ Type Cover ขนาดเดียวกับ Surface Pro 3
ผมก็ไม่อยากจะต้องจ่ายเงินกับ Type Cover ที่เหมือนเกันนะครับ
มองแล้วอยากได้จัง แต่แพงไปเยอะเลย
ส่วนตัวผมสอย Asus Transformer T100 มาหมื่นนิดๆ สบายกระเป๋า เป็น Windows 8.1
สเปกกับความเร็วก็สมราคา มีอืดบ้าง แฮงค์บ้าง ตามสไตล์ Atom บวกกับแรมอันน้อยนิด
ฮาดดิส 32 น้อยสุดๆ แต่ใส่ SD เข้าไปอีก 64 ก็พอถูไถ
ใช้มาประมาณเกือบเดือน พบว่า มันคือ Gadget ที่ซื้อแล้วรู้สึกว่าคุ้มที่สุดเท่าที่เคยเสียตังมา
เคยใช้ iPad หรือ Tablet Android รู้สึกว่ามันยังไม่สุด ใช้ไม่พอ App ก็ไม่คุ้นเคย
แต่อันนี้อยากใช้โปรแกรมอะไร มีหมด แปลง MP3, ตัดวีดีโอ, แก้โค้ด, เทสเว็บบนบราวเซอร์ทุกตัว, FTP, SSH, etc..
เปิดไฟล์ Office ทุกอย่างได้ 100% ไม่มีปัญหาเลย์เอาท์ใดๆ (ก็แน่หล่ะสิ มันเป็น office แท้ๆเลยนี่หน่า)
แชร์ปริ้นเตอร์ไว้บน PC, Mac ก็สั่งปริ้นผ่าน Wifi ได้เหมือนคอมปกติ สบายสุดๆ
แบตก็ยาวนาน ชาร์ตตอนกลางคืนครั้งเดียว ใช้ได้ทั้งวัน
ร่ายมาซะเยอะ แค่อยากบอกว่า Hybrid Notebook นี่ผมใช้แล้วติดใจ ไม่อยากกลับไปใช้ iOS, Android อีกเลย
ผมซื้อ Surface Pro รุ่นแรก มาใช้(รอมันเอารุ่น2เข้ามาชาตินึง จนทนไม่ได้ ยอมซื้อรุ่นแรก) ซื้ออุปกรณ์เสริมจนราคาเท่ากับ รุ่น3 i5 ไปเรียบร้อยแล้วครับ
ผมไม่รู้สึกผิดหวังอะไรกับมันนะ เพราะผมใช้ค่อนข้างคุ้ม (ถึงปากกายังไม่ค่อยดีก็เถอะ)
พวกที่ใช้แล้วคุ้ม ก็พวกที่ใช้ปากกาวาดรูปทำงานนั่นแหละครับ ลองคุณต้องใช้มันแล้ว คุณจะรู้สึกว่า "ทำไมเราต้องทนกับไอแพดที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเราด้วย" ซะมากกว่าด้วยซ้ำ
ปล.เอาไปเล่นเกมส์ได้นะครับ อย่าดูถูกกัน ผมลองลงสตีมเป็นร้อยๆเกมส์ เล่นได้กว่าครึ่งทีเดียว
ถ้าไอแพดมันเล่น CIV V ได้ค่อยมาเถียงผมอีกทีละกัน Bioshock รุ่นสตีมก็สวยกว่ารุ่นพอร์ตครึ่งกลางๆที่ขายบนไอแพดโข ราคาเกมส์ถูกมาก เพราะส่วนมากผมเน้นบันเดิ้ลเป็นหลัก จ่ายแต่ละรอบไม่เกิน $1-15 แค่นี้ก็ได้มาเป็นสิบๆเกมส์ได้เล่นอย่างเมามันส์แล้ว
ปล.2 ผมลง Clip Studio แทนPS เพราะผมว่าผมใช้ PSไม่คุ้ม จ่ายเดือนละ300 เทียบกับจ่ายทีเดียว 600 มันก็พอทนแทนได้ส่วนหนึ่ง แต่นี่ก็เป็นอีกโปรแกรมที่ผมหาในไอแพดไม่ได้เช่นกัน
ผมกด Clip Studio Paint มา ด้วยหวังว่าจะใช้กับ Surface Pro 3 ล็อตแรกสุด แต่ว่า... (T^T)
รอล๊อตสองซินะครับ T T
ผมก็เกือบกด soft case ที่ถูกใจใน eBay มารอ Surface Pro 3 เหมือนกัน
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
ผมเอา surface pro 3 มาเล่น world of warcraft ก็ได้สบาย ๆ นะ อิอิ
"MS Equipment" :)
สนใจเหมือนกันแต่ราคาก็แรงไปนิด น่าจะแถม type cover มาเลย
แต่อย่างไรก็ตาม ผมลองเสิร์ชเว็บ notebookspec หา i5 haswell(U) จอ 1080p หนักไม่ถึง ๒ กิโล มีแค่ asus transformer book tx201 ที่ถูกกว่า ๔ หมื่น นอกนั้น ๔ หมื่นกว่า แพงกว่า pro 3 ซะอีก(หมายถึงรุ่น i5 ram 4GB , SSD 128GB + cover)
นี่ขนาดจอแค่ 1080p ไม่รองรับปากกากันนะครับ - -"
ว่าแต่ นี่รวม MacBook Air หรือยังครับ? ผมไม่ค่อยแน่ใจเงื่อนไข
ไม่รวมของแอปเปิ้ลครับ ถนัดวินโดวส์มากกว่า ต้องใช้ไฟล์ร่วมกับคอมที่ทำงานด้วย
ลองนับ MacBook Air แบบ + ค่าวินโดวส์ไปด้วยดูก็ได้ครับ อาจจะตรงความต้องการก็เป็นได้ เพื่อนผมบางคนก็ชอบแบบนั้นครับ ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องไม่ดีอะไร
เห็นคนชอบเอาไปเทียบกับ MacBookAir จัง แต่ผมมองว่า
1. คุณจำเป็นต้องใช้ปากการึเปล่า
2. คุณไม่ชอบพก NoteBook+Tablet ใช่รึเปล่า
3. คุณยอมรับการใช้งาน NoteBook ที่ไม่ค่อยสะดวกเท่า NoteBook และใช้งาน Tablet ที่ไม่ค่อยสะดวกเท่า Tablet ได้ใช่รึเปล่า
4. ไม่ซีเรียสเรื่องราคา
ถ้าใช่ 2 ข้อขึ้นไป Pro3 เป็นตัวเลือกที่ดีนะ
ผมว่า Surface เป็นอุปกรณ์ที่ Amazing มากๆ เพราะความหลากหลายของมัน เพราะทำให้คนเอาไปเปรียบเทียบโน่นนั่นนี่ได้เสมอ
บ้างก็ว่า
1.เพราะมันเป็น Windows 8.1 pro เลยไปเทียบกับ notebook (ซึ่งไม่รู้ว่ารวมราคา Windows 8.1 pro 6000กว่าบาทหรือยัง หรือไม่มีเงินใช้แต่แผ่นกุ๊กๆกู๋ ตามจิตสำนึกความเป็นคนส่วนบุคคล)
2.เทียบกับ ultrabook ซึ่งอันนี้น่าจะใกล้เคียงกะสิ่งที่ไม่โครซอฟท์ต้องการมากที่สุด แต่ultrabook เจ้าอื่นราคาก็โหดเช่นกัน
3.ไปเทียบกับ ipad เพราะมันทำงานเป็นแท็ปเล็ตได้ แต่แอพระดับแม่เหล็กยังไม่ค่อยมี
4.เทียบกับ Wacom Cintiq ใช้วาดรูป speed painting
5.เทียบกับ Macbook Air ด้านราคา ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าแอปเปิ้ลทำปากกา +touchscreen มาให้ Macbook Air จอเรติน่า ราคาเริ่มต้นคงไม่ต่ำกว่า 50000 บาท
สรุปคือมันอยู่ที่การใช้งานแต่ละบุคคลด้วยว่าใช้งานเป็นแบบไหน ไม่มีใครผิดใครถูก
ผมเป็นแค่นักศึกษาธรรมดาเรียนเขียนเกมโปรแกรม งานกราฟฟิค แต่จากการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ผ่านมา
Macbook Pro 2013 2.3kg >Dell N5110 2.8kg > Asus G750JW หนัก 4.8kg > MSI GS 70 Stealth 2.67kg ทำให้ผมรู้สึกว่าการต้องแบกโน๊ตบุคไปเรียนวันละ 2 กิโลกว่าๆ ทั้งวันตามห้องเรียน ขี่มอเตอไซต์ หรืออื่นๆ มันทำให้ปวดหลังและทำลายสุขภาพผม ต้องเข้ารพ หลายครั้ง เสียไปเยอะเงินตามมา ผมก็เลยเลือกใช้ Surface Pro 3 แล้วตอนนี้มันก็ดูจะตอบโจทย์กับการทำเล่ม Thesis ได้ดีเลยทีเดียว
+1 ครับ
บางทีเหตุผลของการใช้งาน ไม่เกี่ยวกับข้อเปรียบเทียบเท่าไหร่นะ มันแค่ตอบโจทย์ก็ใช่แล้วล่ะ!
ผมชอบจุดเด่นของ Surface ตรงที่มันจับฉ่ายนี่แหละ! ถึงจะเป็นข้อที่คนชอบเอามาโจมตี