ระบบจ่ายเงิน Apple Pay ของแอปเปิลนั้น รองรับบัตรเครดิตจากผู้ให้บริการหลายรายทั้ง VISA, MasterCard และ American Express แต่กลับไม่มี PayPal ทั้งที่ iTunes เองก็รองรับการจ่ายเงินผ่าน PayPal ซึ่งเรื่องนี้ก็มีที่มาที่ไป
รายงานข่าวระบุว่าแอปเปิลได้เจรจากับ PayPal ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นโครงการ Apple Pay ไปพร้อมๆ กับที่เจรจากับธนาคารแต่ละแห่ง โดยมองว่า PayPal ก็เป็นผู้ให้บริการระบบจ่ายเงินรายใหญ่แห่งหนึ่ง แต่แล้วการเจรจาก็ไม่ราบรื่นเมื่อ PayPal เปิดตัวระบบจ่ายเงินบน Galaxy S5 ร่วมกับซัมซุง
การเปิดตัวดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้แอปเปิลอย่างมาก จนแผนนำ PayPal มาใส่ใน Apple Pay ต้องยุติลง และเกิดความขัดแย้งภายใน PayPal เนื่องจากผู้ผลักดันให้ร่วมมือกับซัมซุงคือ John Donahoe ซีอีโอ eBay ขณะที่ David Marcus หัวหน้าฝ่าย PayPal ตอนนั้นไม่เห็นด้วยเพราะจะทำให้ความสัมพันธ์กับแอปเปิลเกิดปัญหา และต่อมา Marcus ก็ลาออกมาอยู่ Facebook
ว่ากันว่าเรื่องนี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ eBay ต้องแยก PayPal ออกมาเป็นอีกบริษัทด้วยครับ
ที่มา: Bank Innovation
Comments
จะมีบริการซ้ำกันนิดหน่อยก็ไม่ได้ จะอีโก้สูงไปไหนเนี่ย
+1
เดี๋ยวโดนสาวกอีกฝั่งหาว่าลอกครับ 555
+1
ไม่ได้แปลว่าเห็นด้วยนะครับแต่ ฮาจนหน้าหงายเลย
Apple คิดว่าถือไพ่เหนือกว่า ก็ไม่ยอมแน่ๆ ครับ ยกเว้นเป็นรองจริงๆ นั่นแหละ
อีโก้มากไป ลูกค้าเลยไม่ได้รับสิ่งที่ดีกว่าไปเลยนะครับ
Paypal นายพลาดแล้ว บอกเลย
ทำไมไม่คิดว่า apple พลาดละครับ
ผมว่าพลาดทั้งสองแหละครับ แต่ Paypal อาจจะสาหัสหน่อยถึงขึ้นมีการแตกหักภายใน แต่ในเรื่องธุรกิจรอให้บรรลุข้อตกลงกันได้เดี๋ยวก็กลับมาจูบปากกันเองแหละครับ
ข่าวต่อไป PayPal ประกาศยุติการให้บริการจ่ายเงินร่วมกับ Samsung แต่หันมาร่วมกับ Apple Pay แทน...
Apple เปิด Apple Pay มีหลายคนรอใช้ อยากใช้
Samsung เปิดจ่ายผ่าน Paypal ด้วยฟีเจอร์รูดนิ้วของตัวเองไปแล้ว แต่ไม่มีใครพูดถึงเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ finger print ของ Samsung ไม่ค่อยเวิร์ค
เห็นด้วยครับ ดันไปร่วมมือกับ SAMSUNG ปิดโอกาสตัวเองมากเทียบกับไปapple
ข่าวว่า apple เก็บส่วนแบ่งด้วย จึงไม่แปลกใจถ้าหลายๆ ธนาคารจะไม่ร้องรับ apple pay ยกเว้นใน us jp เพราะมีคนไช้ ios เยอะ
ส่วน pay pal นั้นอาจจะทำถูกก็ใด้เพราะส่วนแบ่งการตลาดของ android มากกว่า ios อยู่หลายเท่าตัว และ samsung ก็มีส่วนแบ่งสูงสูดใน android
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมว่าถ้าระบบจ่ายเงินได้รับการผลักดันโดย Google เอง ซึ่งมันควรเป็นอย่างงั้นเพราะจะเกิดประโยชน์กับผู้ใช้ android ทั้งหมดมากกว่า โดยอาจจะกำหนดเป็นมาตรฐานของเครื่อง Android Device ที่รองรับการจ่ายเงินขึ้นมาก็ได้
อย่าลืมว่า Samsung <> Android การเอาตัวเองไปผูกกับ Samsung น่าจะทำให้ PayPal เสียโอกาสมากกว่าที่คิด
แต่จากบทความนี้ผมว่ายังไง ณ นาทีนี้ Apple ก็ยังคงดูมีภาษีมากกว่านะครับ Apple's users spend 4X as much as Google's
ก็นั่นแหละ apple 13% Android 80+% ... คิดจริงๆ
13 × 4 = 52
สรุปว่า การจับจ่าย 52 : 80+ ... Android มากกว่า เยอะ
ส่วนสำคัญคือ ในระยะสั้น ผู้ไช้ Android น่าจะมีอุปกรณ์ที่รองรับน้อยกว่า ios แต่ในระยะยาว ส่วนแบ่งการตลาดของ Android น่าจะมากขึ้นไปอีก Google น่าจะขยับเรื่องนี้ให้เป็นมาตรฐานมากขึ้น และการที่เข้ามาเป็นเจ้าแรกๆ ทำให้ใด้เปรียบ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ก็ต้องว่ากันต่อไปครับ เรื่องจำนวนยังไง iOS ก็ไม่มีทางตาม Android ทันแน่ๆ แต่ก็ต้องพิจารณาถึงลักษณะของผู้ใช้งาน ศักยภาพในการจับจ่าย การเข้าถึงระบบการจ่ายเงินต่างๆ ที่แต่ละประเทศมีข้อจำกัดแตกต่างกันไป การจะทำให้ระบบจ่ายเงินใดๆ ได้ทั่วโลกนั้นเป็นงานที่ท้าทายอย่างมาก แต่ไม่ว่ายังไงผมคิดว่าสุดท้ายระบบการจ่ายเงินต่างๆ ก็ต้องเข้ามาบรรจบกันอยู่ดี ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
เป็นผมเกาะกระแสไปกับ Apple ก่อน แล้วค่อยหักหลังเอาตอนได้กำไรเยอะๆ เพราะยังไงไปอยู่กับ Android แรกคงยังไม่ได้กำไรเท่าอยู่กับ Apple แน่ๆ
ก็ไม่แน่ครับเพราะถึง PayPal จะใด้เข้าร่วมกับ apple pay แต่ PayPal ก็ต้องไปสู้กับ Visa, MasterCard, American Express เพื่อเข้าไปเป็นบัตร Defult ซึ่ง PayPal ยังเล็กอยู่เลยยากพอควร
ลงกับ Samsung ไร้คู่แข่ง อนาคตดี และอาจมีรายจ่ายน้อยกว่า apple vat 0.15% ของทุกการจับจ่ายด้วย
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ในบทความเขานับเฉพาะ monthly active users ครับ แล้วก็มียอดรวมบอกไว้แล้วด้วย
จากตารางในภาพที่สอง
Google 12 เดือนล่าสุด 5,000 ล้าน USD
Apple 12 เดือนล่าสุด 10,000 ล้าน USD
ยอดที่ว่าเป็นยอดไช้จ่ายในการซื้อ app อย่างเดียว หรือรวมการซื้ออย่างอื่นเข้าไปด้วยครับ ... แล้วรวมเรื่องที่ต้องแข่งกับ Visa, MasterCard, American Express เพื่อเข้าไปเป็นบัตร Defult หรือยัง
ปล. ข่าวล่าสุด Card issuer กับ card networks ขอให้ Apple Pay ไม่ไช้ทำงานร่วมกับ PayPal (โดยบอกว่า PayPal ไม่ไช้ธนาคาร) ครับ ... พลังกล้ามของ Visa, MasterCard, American Express ยิ่งใหญ่จริงๆ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ตารางเขียนไว้ว่า Paid to developers ครับ
ถ้าสงสัยว่าทำไม 13% คูณ 4 แล้วได้มากกว่า 80+ % เป็นเพราะว่าเค้าใช้ตัวเลข Monthly Active Users
ดังนั้น ส่วนแบ่งในการใช้งาน จึงไม่ใช่ 13 : 80+ แต่เป็น 470 : 1000 ( millions ) users
สรุปคือ ณ นาทีนี้ รายได้จาก ecosystem ของ iOS ยังแข็งแกร่งอยู่มาก
ก็ชัดเจนแล้วนิครับ
ข้อมูลที่ว่า 4x เป็นรายจ่ายเรื่อง app เท่านั้น ซึ่งต้องคิดด้วยว่า ecosystem ของ Android จะเป็น Free + AD เสียเป็นส่วนใหญ่
Install base (เครื่องที่ขายไปแล้ว) ของ Android : ios อยุ่ที่ 1000 : 470 จริง แต่ Market Share (อัตตราการขายเครื่องใหม่) อยู่ที่ 80+ : 13 และ device ที่รองรับการจ่ายเงินไช้อุปกรณ์เก่าเพียงอย่างเดียวไม่ใด้
ในระยะสั้นถ้า PayPal ไปอยู่กับ apple pay ก็ต้องสู้กับ Visa, MasterCard, American Express เพื่อเข้าไปเป็นบัตร Defult ซึ่ง PayPal ก็ยังเล็กอยู่
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ต้องดูว่าเครื่องที่เอามาใช้ในบริการนี้จริงๆมีกี่เครื่องถึงจะถูกมากกว่านะครับ ในอนาคตเครื่องฝั่งซัมซุงก็ยังผลิดเครื่องที่ใช้ในบริการไม่ได้ออกมาเรื่อยๆ ซึงต่างจาก apple เครื่องต่อๆไป ก็จะรองรับทุกเครื่อง
samsung มีส่วนแบ่งสูงสุดใน android แต่ถ้าผมอ่านจากข่าว(ไม่แน่ใจจริงๆเป็นไง) คือ support เฉพาะ S5 เท่านั้น (และรุ่นในอนาคต ถ้ามันรุ่ง)
แต่สำหรับ apple นี่ support ย้อนกลับไปที่ 5s ซึ่งเป็นลูกค้าเดิม และ 6/6+ ที่ซื้อเครื่องใหม่นะครับ
5 กับ 5s ถ้าใช้คู่กับ Apple Watch ด้วยครับ
+1
จริงอย่างที่ว่าเลยฮะ ถ้าจะดูส่วนแบ่งการตลาดแอนดรอย ต้องดูว่า S5 และ note4 รวมถึง Alpha มีสัดส่วนเป็นกี่เปอเซ็น...
ส่วน iOS ก็มี 5s , 6 , 6+ ,apple watch ซึ่งน่าจะเยอะกว่ามาก
อย่าลืมเรื่อง Security สิครับแอนดรอยเยอะก็จริงแต่ว่าเครื่องที่รองรับ Finger Print หรือระบบยืนยันตัวบุคคลแบบอื่นที่ไม่ใช่รหัสผ่านนี่น้อยมากๆเลย นะ เมื่อเทียบกับจำนวน iDevice ที่เหมือนจะติดมาเป็นอุปกรณ์ Default ตั้งแต่ 5s แล้ว หลังจากนี้เหมือนเป็นซิกเนเจอร์ว่าจะติดไปเรื่อยๆ แต่ SS เอาแค่ S5 หลังจากนั้นรุ่นท้อปของซัมซุงอย่าง Note4 ก็ไม่ได้ใส่มาให้ อีกอย่างการเป็นคุกของแอปเปิ้ลทำให้ปัญหาเรื่องความปลอดภัยของตัวซอฟต์แวร์ที่น่าจะมีความหลากหลายน้อยกว่าฝั่งแอนดรอย การเก็บส่วนแบ่งของการใช้งานนี่เป็นกันทั่วโลกครับ Visa Master AX ก็เก็บจากธนาคาร ธนาคารก็ไปไล่บี้จากร้านเหมือนกัน แต่เพื่ออำนวยความสะดวกเขาก็ยอมจ่ายกันครับ ไม่งั้นร้านค้าจะมีที่รูดบัตรทำไมทั้งๆที่ที่รูดบัตรจะทำให้กำไรลดลงละเพราะคิดค่ารูดทุกครั้ง
hack ให้เห็นกันหลายครั้งแล้ว ... รหัส 4 ตัวปลอดภัยกว่าการแสกนลายนิ้วมือครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมเห็นต่างนะครับ fingerprint นี่จะจำลองได้ต้องใช้เครื่องมือเยอะเลยครับ ส่วน PIN 4 ตัวนี่แค่แอบๆชำเลืองมองก็ได้แล้วครับ
ต้องยอมรับว่ามาตรฐานกลางของ fingerprint บน Android ตอนนี้มันยังไม่มีจริงๆครับ เท่าที่เห็นก็มีแค่ของ Samsung เจ้าเดียว(แม้ APIs ของ Samsung จะค่อนข้าง mature ก็เถอะนะ)
ก็ต้องหวังว่า Google จะเล่นเรื่อง biometrics บ้าง
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
พูดอย่างกับ Paypal, Samsung ไม่ได้ส่วนแบ่งเลยอ่ะครับ >.>
@TonsTweetings
แทนที่จะร่วมกันพัฒนาการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนให้เป็นที่แพร่หลาย
มัวแค่คิดว่า เราต้องมีเท่านั้น
มันเป็นอะไรที่ผมว่า "เห็นแก่ตัว"
ธุรกิจไม่ใช่องค์กรการกุศลนะครับที่จะมุ่งหวังผลประโยชน์ของมนุษยชาติเป็นหลัก
เช้าใจคำพูดนี้ดีครับ
แต่ผมว่ากรณีนี้มันไม่ใช่นะ
แต่ก็ช่าง ต่างคนต่างความคิดครับ
ไม่อยากดราม่า
คุณไม่เข้าใจ ว่าการแข่งขันทางธุรกิจมีทั้งพันธมิตรและคู่แข่ง
ใครจะร่วมกับใครเขาก็ต้องดูผลประโยชน์ตัวเองเป็นหลักก่อนทั้งสองฝ่ายว่าไปกันได้
ถ้าเห็นว่าไปกันไม่ได้ก็ไม่ร่วม อนาคตอาจจะหันมาร่วมมือกันก็ได้ เพราะไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร
เป็นแค่เรื่องธุรกิจและผลประโยชน์
การที่ไม่เข้าร่วมทุกคนก็เป็นเรื่องของการต่อรองผลประโยชน์ ซึ่งถ้าไม่ลงตัวก็ไม่ร่วม
ในทางปฏิบัติ การที่มีสองค่ายแข่งกันให้ผลประโยชน์กับผู้บริโภคมากกว่า
+1 ตรงที่ว่าการแข่งขันให้ประโยชน์กับลูกค้ามากกว่า
ถ้าไม่มีการแข่งขัน ก็คงไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ถ้าทุกบริษัทรวมหัวกันหมด เราเคยใช้อะไรอยู่เมื่อ 30ปีก่อน วันนี้ก็คงยังใช้เหมือนเดิม ผมว่าแบบนี้ทำร้ายมนุษยชาติมากกว่าซะอีก
+1
เห็นด้วยครับ ตรงนี้ ร่วมมือกันมีแต่จะได้กับได้
แต่บริษัทพวกนี้มองผ่านตัวเลขกำไร และความเห็นแก่ตัวเฉพาะหน้าไม่ได้เท่านั้น
ร้านข้าวไหนขายโค๊ก ร้านนั้นต้องไม่ขายเป๊ปซี่ แสดงว่าโค๊กเห็นแก่ตัว? หรือสลับกันก็ได้
คุณพูดลอยๆแบบนี้ไม่ได้นะ เดียวจะโดนว่าเอา คุณต้องรอดูว่า Paypal จะไปได้ดีกว่าอยู่กับ Apple ไหม... เดียว Apple Pay จุดกระแสติดแล้วเอามาเทียบกันดูครับ ผู้บริโภคคือฐานสำคัญของแทบทุกบริษัทครับ ถ้าผู้บริโภคของบริษัทคู่แข่งได้ประโยชน์ไปด้วย จะเป็นอย่างไร...
เยอะ
+10
A smooth sea never made a skillful sailor.
มันไม่ Unique (ท้ายเสียงสูง)
เรื่องข้อตกลงทางธุรกิจ พลาดนิดเดียวก็ทำลูกค้าหมดโอกาสได้
Get ready to work from now on.
แทนที่จะเอา Credit > Paypal ก็เอา Credit > Apple Pay แทน
ก็ดีนะครับ จะได้ไม่ต้องพ่วง Credit > Paypal > Apple Pay เจอ Refund ทีรอยาวเลย
ถ้าจะกั้ก paypal ให้ใช้เฉพาะ ios ฝั่งเดียวผมก็จะสาปส่ง apple ก็คราวนี้แหละครับ .... (ก่อนหน้าก็ไม่อะไรกะ apple หรอก :3 เฉยๆ)
ปล.พอดีใช้บริการ paypal บ่อย
"Everybody loses. That's REAL winning" - Joker
ผมมีความเชื่อว่า exclusivity kills the cat นะ ซึ่งแบบนี้ไม่มีใครได้ประโยชน์
เป็นผมเองก็ไม่อยากให้มีร้านขายของแบบเดียวกันอยู่ห้องข้างๆ ตีกแถวเดียวกันกับที่ผมขายของเหมือนกันละครับ
กรณีนี้ เป็นไม่อยากเห็นร้านขายของที่อยู่ห้องข้างๆ รับชำระเงินด้วยผู้ให้บริการเดียวกันนะครับ ผลที่เกิดต่างกันไม่น้อยเลย
กรณีนี้สินค้าคือบริการรับชำระเงิน ซึ่งแอปเปิลก็เหมือนพ่อค้าคนกลางระหว่างลูกค้าและผู้ให้บริการรับชำระเงิน
คล้ายๆ กับการที่พ่อค้าบ้านเรารับออร์เดอร์มาจากต่างประเทศแล้วให้โรงงานในบ้านเราผลิต
แต่ทีนี้โรงงานที่แอปเปิลจะเอางานมาป้อนให้นั้นดันไปติดต่อกับคู่แข่งที่เป็นพ่อค้าคนกลางขายสินค้าเป็นบริการรับชำระเงินเหมือนกันแทนทั้งๆ ที่กำลังเจรจาตกลงกันอยู่
พอเห็นภาพนะครับว่าทำไมแอปเปิลถึงโกรธ ว่ากันตรงๆ เป็นใครก็โกรธ คุยกันอยู่ดีๆ ไปจับมือกับคู่แข่งเราลับหลังซะอย่างงั้น
ผมว่าไม่เกี่ยวนะ คือได้ยินเรื่องที่ PayPal จะแยกตัวออกมานานแล้วเหมือนกัน
ทำตัวน่ารังเกียจขึ้นทุกวัน
สมัยก่อนยิ่งกว่านี้อีกครับ
มันอาจจะมีหลายอย่างก็ได้นะครับ เพราะ ebay ก็โดนฝั่ง Anonymous โจมตีออกจะบ่อยครั้ง มันมีเบื้องหลัง ตื้นลึก หนาบางอยู่ ลองอ่านใน OpPayPal ดูครับ อีกอย่าง ebay กับ Apple Pay ตอนนี้ก็กลายมาเป็นคู่แข่งกันแล้ว ไม่ใช่พันธมิตรกันแบบเมื่อก่อน
เหมือนอยากจะผูกขาด แทนที่จะคิดถึงการสร้างบริการที่สะดวกต่อผู้ใช้เป็นหลักก่อน ลูกค้าเขาเลือกของที่ดีกว่าอยู่แล้ว
ผมสงสัยจังว่าถ้า google ไม่ให้ samsung ใช้ Android รุ่นถัดไปขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น OS ก็ไม่ใช่ของตัวเอง โครงสร้างแกนกลางก็น่าจะไม่รู้ละเอียดพอจะเอาตัวเก่าไปทำต่อเองได้ ตอนนี่ google เองก็เริ่มออกกฎเผด็จการแปลกๆแล้วนิ
ไม่ให้ใช้ Android ไม่ได้
แต่ไม่ให้ใส่ Play store ได้ครับ ข้อกำหนดที่เป็นข่าวไม่นานมานี้ก็เป็นข้อกำหนดที่ต้องทำตามเฉพาะถ้าจะมี Play store
ถ้าห้ามแบบนั้น Samsung ก็ยิ่งชอบ เพราะจะใส่ Store ของตัวเอง + Amazon store แทน
Google เสียรายได้เยอะแยะเลย
โชคดีที่ผมใช้บริการ PayPal มากกว่า Apple
ผมว่า ยังไงซะในอนาคต Apple Pay ไปได้สวย PayPal ก็ต้องมาร่วมด้วยอยู่แล้ว เพราะอย่างไร
แม้ว่า Apple ตอนนี้อาจจะ เห็น PayPal มีการเติมโตมากขึ้น
อีกอย่างใครจะไปรู้ ปีหน้า ทั้งสองบริษัทเปลี่ยนผู้บริหารอาจจะทำให้นโยบายเปลี่ยนและอาจจับมือเป็นพาทเนอร์
ที่ดีกันก็ได้
มุมมองส่วนตัวว่าดีซะอีกครับ เปิดเกมชูนวัตกรรมกันเลย ถ้าเป็นพันธมิตรง่าย ๆ เกมจะเดินช้ากว่าที่ควร
ผมอยากให้มีบริการ Paypal ใน Apple pay เหมือนกันนะครับ
รอดูอนาคตถ้า Apple pay รุ่งกว่า Samsung ทาง Paypal อาจจะเป็นฝ่ายมาขอร่วมด้วยแทนก็ได้
ผมว่างานนี้ Apple อยากจะเชือดไก่ให้ลิงดู บริษัทการเงินอื่นจะได้ไม่ไปจับมือกับคู่แข่งง่ายๆ
เรื่องธุรกิจล้วนๆ ไม่น่ามีใครถูกใครผิดถ้ายังอยู่ในกติกากันนะ
Paypal ไปอยู่กับซัมซุง ?
ถ้า Paypal ไปอยู่กับ google จะฟังดูมีภาษี มีอนาคต มากกว่า
บังเอิญไม่นิยมทั้งสองเจ้า แต่ก็นิยมจับจ่ายใช้สอย
ส่วนตัวมองว่าคุณภาพ ความเอาใจใส่ ความรัดกุม บลาๆ มองว่ายี่ห้อผลไม้น่าจะเวิร์คกว่า
ผมว่าจริงๆ แล้ว Apple เตรียมจะเปิดบริษัทลูกใหม่เอง ชื่อ Payple เลยไม่คิดจะง้อ Paypal เท่าไหร?
ชื่อไม่เป็นมงคลเลยนะครับ เหมือนต้องจ่ายสองครั้ง lol
เห็นด้วยกับ apple ที่ไม่ร่วมมือกับ pp ที่ไปมีส่วนร่วมกับ ss เพราะ คนจะเหมาะรวมว่า apple กับ ss มีระบบเหมือนกันทั้งที่จริงๆ ระดับต่างกันมากถ้า ss ที่บริการแย่และมีปัญหาภายหลังจะทำให้ความเชื่อมั่นของผู้ใช้ กับapple ลดลงไปด้วย เป็นเรื่องที่เสียงสำหรับ apple