ฟีเจอร์ใหม่ประการหนึ่งของ OS X 10.10 Yosemite คือปรับปรุงการทำงานของระบบค้นหา Spotlight ให้ดีกว่าเดิม นอกจากค้นข้อมูลในเครื่องแล้วยังสามารถค้นข้อมูลบนเว็บได้ด้วย (ผ่าน Bing)
ปัญหาคือทุกครั้งที่เราพิมพ์ข้อความใดๆ ลงในกล่องข้อความของ Spotlight ข้อความที่เราพิมพ์จะถูกส่งกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแอปเปิลเสมอ และถ้าเราเปิดใช้ Location Services แอปเปิลก็จะทราบด้วยว่าเราพิมพ์ข้อความนั้นจากที่ไหน
ฟีเจอร์นี้สร้างความกังวลให้ผู้ที่ระมัดระวังเรื่องความเป็นส่วนตัวเป็นอย่างมาก ถึงขนาดมีคนเปิดเว็บ Fix Mac OS X Yosemite เพื่อรวบรวมเครื่องมือและเทคนิคในการปิดความสามารถเหล่านี้
ฝั่งของแอปเปิลเองออกมาชี้แจงว่าแอปเปิลได้รับข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้จริง แต่เก็บข้อมูลไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของแอปเปิลไว้ไม่เยอะนัก เช่น ไม่เก็บหมายเลขไอพี ไม่เก็บพิกัดโดยละเอียด และไม่เก็บ ID ถาวรของผู้ใช้ โดยระบบ ID ของเครื่องที่ค้นหาจะเก็บไว้ชั่วคราวแค่ 15 นาทีเท่านั้น ส่วนประเด็นเรื่องการส่งต่อข้อมูลให้ Bing แอปเปิลจะส่งพิกัดของผู้ใช้แค่ระดับ "เมือง" ให้ไมโครซอฟท์ และไม่ได้ส่งต่อหมายเลขไอพีให้ไมโครซอฟท์ด้วย
ก่อนหน้านี้ถ้ายังจำกันได้ Ubuntu 12.10 เพิ่มระบบค้นหาที่เชื่อมกับฐานข้อมูลสินค้า Amazon ซึ่งก็โดนผู้ใช้ถล่มเละ จนต้นสังกัดต้องยอมถอย และยอมให้ปิดฟีเจอร์นี้ได้
ที่มา - Ars Technica
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- NVIDIA จะไปหยุดที่ตรงไหน ทำไมครองโลกดาต้าเซ็นเตอร์ | Cloudnone EP.22
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
- Kubernetes [Part 2] ยี่ห้อไหนดี งานไหนต้องใช้ แล้วเลือกยังไง? | Cloudnone EP.18
Comments
โชคดีใช้แต่ Quicksilver
เห็น Ubuntu เขาแล้วก็น่าจะมีบทเรียนนะครับ
ปล. Yosemite ไอคอนพื้นขาว ตรง bar ของ finder ออกแบบมาได้แย่มาก ไม่สบอารมณ์เลย ขัดๆมาก ขอติๆ
ร้สึกผมจะเจอปัญหา wifi เวลา sleep เปล่าไม่รู้
ผมล่ะเซ็งกว่า ติ๊กเปิด Spotlight Suggestions แต่มันดันไม่ทำงานทั้งบน iOS, OSX เลย
ถ้าเข้าใจไม่ผิด มันจะส่งข้อมูลเฉพาะในกรณีที่เราเปิด Spotlight Suggestion
หรือ Bing Search เท่านั้นนะครับ ซึ่งเราสามารถปิดได้ ถ้าไม่ต้องการ
แล้ว MAC Address ล่ะครับไม่เก็บด้วยหรือเปล่า?
ผมว่าเขาเก็บเฉพาะที่เป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์ ซึ่งอุปกรณ์ฝั่ง google จะถามก่อนตอบรับ แต่ linux / windows / osx / ios ไม่เคยถาม
google ถามเป็นพิธีนิครับ มัดมือชกอยู่ดี
Android รูทแล้วเลือกได้นะครับ จะให้โปรแกรมเข้าถึงมือถือเราในระดับไหน มีความเป็นส่วนตัวกว่าระบบอื่นอีก
ก็ดีกว่าไม่ถาม
ปฎิเสธไปสิครับ ไม่ให้ทำงาน
ถามเป็นความรู้นิดครับ ปกติถ้าบนวินโดวส์เราจะตรวจข้อมูลออกจากเครื่องเราไปยังเครือข่ายใช้โปรแกรมตัวไหนที่ติดมากับระบบมีหรือเปล่า ขอบคุณครับ
Wireshark มั้งครับ แต่ส่วนมากเข้ารหัสกัน ดูไม่รู้เรื่องอยู่ดี
กำลังลังเลว่าจะใช้ Alfred ต่อไป หรือใช้ Spotlight ดี =0=
Methuz'es Blog
Alfred +1
จะส่งอะไรออกไปก็...นะ อย่างน้อยก็ต้องมีการยอมรับจากผู้ใช้ก่อน แบบนี้ไม่ชอบเลย
เดี๋ยวนะ มันเก็บอะไรที่เป็นอันตรายต่อเราบ้างครับ ผมมองไม่เห็นอ่ะ ถ้าเป็นตำแหน่งที่อยู่ผมก็ส่งให้ google ประจำ ตอนใช้ แผนที่ apple ก็ Find my Friend แล้วเลือกข้อมูลผมเชื่อใจ Apple มากกว่า Google อีกอ่ะ เพราะ Apple ไม่ได้เอาข้อมูลผู้ใช้ไปหากินแบบ Google (ตอนนี้หน่ะนะครับ)
แต่ถ้ามีการเก็บข้อมูลไฟล์ในเครื่อง หรือการส่งข้อมูลกับผมกับสถาบันการเงินนี่คงมีเคือง
ผมว่าการที่เราไม่รู้ว่าจะเอาไปทำไมนี่ น่ากลัวกว่าการที่รู้ว่าเอาไปทำอะไร (แบบ Google) นะ
คุณจะส่งอะไรให้ใครมันไม่ใช่ปัญหาครับ เหมือนคุณอาจจะแชร์รหัสผ่าน Facebook กับแฟนหรือพ่อแม่ คุณเลือกจะแชร์ มันเป็นสิทธิที่จะทำได้
ปัญหาคือการส่งออกไปโดยไม่บอกล่วงหน้าแม้จะปิดได้ (opt-out) ในข้อมูลที่มีความเป็นส่วนตัวสูง เช่นพิกัด และสิ่งที่พิมพ์กรณีแบบนี้มันเป็นแนวทางที่ไม่มีใครเขาทำกัน ระบบปกติอย่างเว็บจะขอข้อมูล ต้องมีหน้าจอขอขึ้นมา (ส่วนคุณจะเป็นคนช่างไว้ใจ แชร์ข้อมูลไปทั่ว อันนั้นข้อมูลของคุณก็สิทธิของคุณ)
lewcpe.com, @wasonliw