Tim Cook เพิ่งไปพูดที่งานของ Wall Street Journal (งานเดียวกับข่าว Apple Pay ถูกเปิดใช้บริการแล้ว 1 ล้านครั้งภายใน 3 วันแรก มากกว่าคู่แข่งทั้งหมดรวมกัน) โดยผู้ดำเนินรายการพยายามถามถึงอายุแบตเตอรี่ของ Apple Watch
Cook เลี่ยงจะตอบคำถามนี้ตรงๆ โดยเขาตอบว่าแอปเปิลคาดว่าคนจะใช้งานมันเยอะ จนสุดท้ายแล้วต้องชาร์จเป็นประจำทุกวัน (We think people are going to use it so much you will end up charging it daily)
เขายังบอกว่าสงคราม iOS vs Android จะไม่ซ้ำรอย Mac vs PC ในอดีตแน่ๆ เพราะปัญหาของ Mac คือมีแอพน้อยเกินไป แต่ iOS ไม่มีปัญหาแบบเดียวกัน
ที่มา - Wall Street Journal, Neowin
"We think people are going to use it so much you will end up charging it daily," says @tim_cook on Watch battery life pic.twitter.com/wyOZWNtqcJ
— Joanna Stern (@JoannaStern) October 28, 2014
Is iOS vs Android going to end like Mac vs PC? No, says Cook. There weren't enough apps on Mac platform, but not a problem for iOS #WSJDLive
— Geoffrey Fowler (@geoffreyfowler) October 28, 2014
Comments
iOS vs Android นี่ยาว และคงไม่มีใครฆ่าใครตายได้ 100% (รอดทั้งคู่)
แต่ Apple Watch นี่ผมว่าน่ากังวลนะ คงต้องผลักกันเหนื่อยต่อไป
@TonsTweetings
แต่ WP ตามรอย Mac ไปแบบแย่กว่าอีกครับ orz
บอกไปเลยว่ามือถือส่วนมากไม่ใช้ MS Office ดังนั้นไม่แพ้แน่
ผมว่า apple watch ต้องชาร์จทุกครึ่งวันตะหาก
OSX ไม่มีวันเทียบชั้น Windows ในเรื่องจำนวนผู้ใช้และผู้พัฒนา แต่ Windows phone นี่สิตามรอย OSX ผู้พัฒนาไม่ค่อยสนใจ เหมือน IOS และ Android.
เพราะ MS Office ครับ เพราะคนใช้กันเยอะ OS X เลยมีคนซื้อมาก็ต้องลง windows ด้วย ไม่อย่างงั้น Linux ก็คงมีจำนวนคนใช้เยอะกว่านี้แล้วหล่ะ แล้ว จำนวนผู้พัฒนาจะทำอะไรก็ดูสัดส่วนการใช้อยู่แล้ว เลยมาเริ่มที่ windows ก่อน เพราะคนใช้เยอะ แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆ มันเหมือนเป็นการเกื้อหนุนกันเป็นวงกลม จะบอกว่านักพัฒนาไม่สนใจก็ไม่เชิง แต่เพราะการพัฒนาโปรแกรมมันเป็นต้นทุนจึงเสี่ยงมากถ้ามาเล่นทางนี้ แต่คนที่ใช้ OS X ส่วนมาก ก็ยอมจ่ายเงินเหมือนกันนะครับ คือ
1.OS คนใช้เยอะ(เพราะเป็นที่รู้จักในวงกว้างรุ่นแรกๆ)
2.นักพัฒนาเลือกเพราะคนใช้เยอะ
3.OS คนใช้เยอะ(เพราะมีโปรแกรมใช้งานเยอะ)
แล้วก็วน 2 กับ 3 ไปเรื่อยๆครับ
ส่วนตอนนี้ที่ยังคงรักษาตลาดไว้ได้เพราะ MS Office ล้วนๆ เพราะสำหรับคนซื้อคอมตัวไป จะมีความคิดติดตัวคือ ใช้พิมพ์งานเอกสารได้แล้วถ้าจะให้เข้ากับคนรอบข้างได้ ก็ต้องเป็น MS office ครับ
เพราะเกมส์ครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ไม่ใช่ทุกเครื่องที่จะเล่นเกมนิครับ แต่ทุกเครื่องต้องทำงานเอกสารได้ ถึงแม้เกมทุกเกมจะย้ายมาเล่นบน OS X ได้ก็ใช่ว่าคนจะยอมย้ายมา
คือ
1.แพง
2.ส่งงานเอกสารที่พิมพ์ในเครื่องไปเปิดบน MS office for windows ก็เพี้ยน จำนวน windows เลยเพิ่มขึ้นตามจำนวน OS X ด้วย เพราะ ติดตั้งไว้ทำงานเอกสารโดยเฉพาะ (นึกง่ายๆก็ ถ้ามีเครื่องใช้ windows เพิ่มขึ่น 1 Unit ก็จะเพิ่มจำนวน OS Windows ในโลกนี้ 1 Unit แต่ถ้ามีคนซื้อ Mac OS X มา 1 Unit มันอาจจะไปบวกเพิ่มจำนวน Windows อีก 1 Unit ด้วยเช่นกัน)
เพราะฉะนั้นยอดการใช้งาน OS X ไม่มีทางตาม Windows ทัน มีแต่ทิ้งห่าง
ไม่ใช่ทุกเครื่องที่จะทำงานเอกสารนิครับ คนรู้จักผมจำนวนมากไม่แตะต้องงานเอกสารบนคอมพิวเตอร์ตัวเองเลย แต่ใช้วินโดวส์เพื่อเล่นเกม
Office 365 มีเวอร์ชันเว็บครับ ไม่เพี้ยนด้วย
สำหรับบ้านเราผมว่าเพราะเพื่อนใช้ครับ เดี๋ยวจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง 55
apple watch จบข่าว ผมหนีไปใช้พวก band ดีกว่า ตอนนี้มี Fitbit Surge กับ MS band นี่แหละที่เข้าตา
iPhone แบตเยอะกว่า แต่ใช้เยอะจนต้องชาร์ตทุกครึ่งวันครับ (>_<)
ถ้าจะขนาดนั้นนี่ก็ - -"
ผมมองว่ามันควรเป็นส่วนเสริมของโทรศัพท์อีกที สำหรับในตอนนี้นะครับ ไม่ควรจะเป็นอะไรที่จะมาจิ้มมาใช้มันตลอดเวลา
เห็นช่องทางหากินอีกแล้ว ออกแบบเป็น wristband power bank สวมไว้ข้างเดียวกับ Apple Watch ไปเลย แบบนี้ใช้ได้พ้นวันแน่ๆ :-D
เหมือนเอาระเบิดมาพันรอบแขนดีๆนี้เอง
ทุกวันนี้พกระเบิดในกระเป๋ากางเกง
ยังไม่มีวิธีแก้ปัญหาเรื่องแบตเตอรี จริงๆ ด้วยแหละ
แบบนี้เลื่อนไปก่อนอีก 2 ปี ก็ยังไม่สาย เพราะคนยังไม่คาดหวังอะไรมากมาย
เดี๋ยวก็มีอุปกรณ์เสริมออกมา แบบนี้3rd party ชอบ
ถ้าหนักขึ้นอีก 20-30 กรัม แต่ใช้งานได้นานขึ้นไปอีก ผมว่าผู้ใช้ยอมแลกนะ ไม่ใช่เอะอะก็จะบางจะแบนตลอด
Smart Watch สำหรับผมแล้ว มันไม่ได้มีความจำเป็นเหมือนกับ Smart Phone เลย เพราะเท่าที่เห็นเปิดตัวกันมา ส่วนใหญ่แล้ว ไม่เรื่องสุขภาพ ก็เรื่องเป็นตัวเสริมของ Smart Phone แถมยังมีเรื่องที่แบตเตอรี่ที่อยู่ได้แค่ในรอบ 1 วัน (หรือไม่ถึง) ตามรอย GALAXY Gear 1 (ที่ใช้ Android) ของ Samsung อีก การที่ต้องมาชาร์จบ่อยๆ มันก็ไม่ได้โสภาเท่าไหร่นักหรอกนะครับ แล้วยิ่งใช้พอร์ตประหลาดๆ ที่ไม่ใช่ micro USB แบบเดียวกับ Smart Phone ในการชาร์จไฟอีก ถ้าเราไม่ได้พกสายชาร์จหรือตัวชาร์จไปด้วย ทำให้ยิ่งหาที่ชาร์จยากเข้าไปใหญ่ มิหนำซ้ำเข้าไปอีกที่ ในเมื่อทำงานเป็นตัวเสริมกับ Smart Phone แต่ราคากลับแพงกว่า Smart Phone รุ่นระดับล่างเสียอีก
สำหรับผมแล้ว แค่นาฬิกา CASIO G-SHOCK ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าจะหามาใช้จริงๆ ก็อาจจะหาที่มันมีลักษณะไม่เหมือนกับนาฬิกามากจนเกินไป อย่าง Gear Fit หรือ Fitbit งี้อ่ะ มันจะได้ไม่ดูขัดตาเวลาที่ต้องใส่ทั้งนาฬิกาเรือนโปรดและ Smart on Hand Device ครับ
ผมมองว่าคุณน่าจะไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายสักเท่าไหร่ ถ้ามองเพียงแค่ว่านาฬิกาคือสิ่งที่เอาไว้แค่ดูเวลา (เดาเอาจากที่บอกว่าแค่นาฬิกา CASIO G-SHOCK ก็เพียงพอแล้ว) แต่สำหรับผมการมีเรื่องฟังก์ชั่นด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นมาถือว่าน่าตื่นตาตื่นใจมาก ตอนนี้อีกตัวที่กำลังดูๆ อยู่ก็เป็น Microsoft Band ที่มีฟังก์ชั่นและหน้าตาถูกใจอยู่ในระดับต้นๆ เมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นๆ ในตลาด
กำลังจะโพสต์ข้อควาทที่แก้ไขอยู่พอดี แต่ก็มีคนโพสต์ซะก่อน เอาเป็นว่านี่เป็นข้อความที่ผมแก้ไขครับ...
ปัญหาของการใส่ Smart Watch ก็คือ จะทำอย่างไรให้เวลาที่เราใส่นาฬิกาเรือนโปรด กับ Smart Watch แล้วดูไม่ตลก หรือจำใจต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งมาใส่ที่แขน
หากให้ดูความสามารถของ Smart Watch ณ เวลานี้นั้น มันไม่ได้มีความจำเป็นเหมือนกับ Smart Phone เลย เพราะเท่าที่เห็นเปิดตัวกันมา ส่วนใหญ่แล้ว ไม่เรื่องสุขภาพ ก็เรื่องเป็นตัวเสริมของ Smart Phone หรือถ้าเล่นได้ด้วยตัวมันเองก็ได้เพียงไม่มากเท่านั้น แถมยังมีเรื่องที่แบตเตอรี่ที่อยู่ได้แค่ในรอบ 1 วัน (หรือไม่ถึง) ตามรอย GALAXY Gear 1 (ที่ใช้ Android) ของ Samsung อีก การที่ต้องมาชาร์จบ่อยๆ มันก็ไม่ได้โสภาเท่าไหร่นัก ผนวกกับใช้พอร์ตประหลาดๆ ที่ไม่ใช่ micro USB แบบเดียวกับ Smart Phone ในการชาร์จไฟอีก ถ้าเราไม่ได้พกสายชาร์จหรือขี้เกียจพกตัวชาร์จไปด้วย มันก็ทำให้ยิ่งหาที่ชาร์จยากเข้าไปใหญ่ มิหนำซ้ำเข้าไปอีกที่ในเมื่อทำงานเป็นตัวเสริมกับ Smart Phone แต่ราคากลับแพงกว่า Smart Phone รุ่นระดับล่างเสียอีก
นี่จึงเป็นโจทย์อีกโจทย์ว่า จะทำยังไงให้คนที่ใส่นาฬิกาตัวโปรดอยู่แล้ว หันมาใช้ Smart Watch ร่วมกันด้วย โดยที่ไม่ทิ้งนาฬิกาตัวเดิมไป
สำหรับผมแล้ว หากจะหามาใช้จริงๆ ก็อาจจะหาที่มันรูปลักษณะที่ดูต่างจากนาฬิกามาใช้งานจะเข้าท่ากว่า มากกว่าจะหา Smart Watch ที่มีรูปลักษณ์นาฬิกาข้อมือมาใช้งาน ซึ่งก็อาจจะไปลงตัวที่พวก Gear Fit หรือ Smart Band ทั้งหลายงี้อ่ะ มันจะได้ไม่ดูขัดตาเวลาที่ต้องใส่ทั้งนาฬิกาเรือนโปรดและ Smart on Hand Device ร่วมกันครับ
ป.ล. ไม่แน่นะ ถ้า CASIO ทำนาฬิกาอัจริยะขึ้นมาจริงๆ แล้วทำให้มีทั้งระบบ Smart Watch และ Digital Watch ร่วมกัน มันคงเจ๋งมากๆ เพราะ CASIO ขึ้นชื่อเรื่องออกแบบระบบ Digital อยู่แล้ว การที่จะทำให้เป็น 2 ระบบอย่างมี Layer พื้นหลังเป็น LCD สำหรับจอ Smart Watch กับ Layer หน้าเป็น Digital Watch หรือทำเป็น 2 จอ โดยจอส่วนบนเป็นจอ Smart Watch จอส่วนล่างเป็น Digital Watch ตามแบบที่ CASIO ทำมากับนาฬิกาหลากหลาย มันก็จะทำให้หมดปัญหาเรื่องแบตฯ Smart Watch หมด แล้วดูนาฬิกาไม่ได้ไปในตัวด้วยในตัว
ตามความเห็นส่วนตัว Casio เองก็คงจะพยายามพัฒนาให้นาฬิกามีความสมาร์ทขึ้นมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้อาจจะยังคงดูๆ อยู่ว่าจะปล่อยออกมาในรูปแบบไหนถึงจะสามารถแทรกขึ้นมาในตลาดตรงนี้ได้
เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่จริง ๆ แหละ
แขนข้างนึงผมใส่ Fitbit อีกข้างใส่ Pebble
ไม่เหลือที่ให้นาฬิกาเรือนโปรดเลย
พอมาคิด ๆ ดูก็เริ่มรู้สึกว่า Smart Watch ไม่ใช่คำตอบละ
ถ้าใช้ Google Glass แทนก็น่าจะได้ functionality แบบเดียวกับ Smart Watch ทำได้
จะได้เหลือแขนเอาไว้ใส่นาฬิกาเรือนโปรด
จริงครับ ซื้อมาลองแป๊ปก็เบื่อ ไม่มีใครใส่ไปได้ตลอดแน่นอน ถ้าไม่เวิร์คจริง ยิ่งต้องมาคอยชาร์ทบ่อยๆ ด้วย
ผมมอง nike fuel band มานานแล้ว ติดที่ว่ามันกันน้ำไม่ได้มั้ง อยากเล่น อยากลอง เห็นมีหลายยี่ห้อมาก จนสุดท้ายได้มาตัวนึง Polar loop
วัดก้าว กันน้ำ วัดตอนนอน ได้ มี แอพ sync เก็บสถิติ เท่าที่ดูในตลาดตอนนี้ก็หนีไม่พ้นไอ้พวกนี้แหละ
พอเอามาใช้อยู่เดือน สองเดือนได้มั้ง ก็เลิกใช้ เพราะแรกๆก็เห่อวัดนู่นนี่ สักพักแล้วไงหว่า วัดไปเพื่อ ขนาดผมเป็นคนออกกำลังกายนะ แล้วก็ 2-3 วันชาร์ททีนึงด้วย ยิ่งมาเจอ app ของ Polar ที่ sync อะไรไม่ได้เลย ยิ่งแล้วใหญ่
ปล.ตอนนี้เจ๊งไปแล้ว เหมือนน้ำจะซึมเข้าไปซะงั้น แต่ตอนนี้ผมเล็ง fibit surge ไว้อ่ะ 555 รูปทรงโอเค ไม่มากไป น้อยไป ที่สำคัญ อยากได้ไอ้ตัววัดชีพจร
ผมเล็ง Nike fuel band ไว้เหมือนกัน แต่ก็ได้แค่เล็งเพราะไม่รู้จะเอามาทำประโยชน์อะไรได้ มันเหมือนเป็นเครื่องประดับมากกว่า ที่ต้องการที่สุดเหมือนท่านเลยครับคือเรื่องวัดชีพจร ตอนนี้เห็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่สองสามเจ้าหนึ่งในนั้นคือ fibit surge เหมือนกันครับ
ตอน polar loop นี่ผมจะซื้อที่คาดอกเลยนะ เห็นว่า sync กันได้ จะเอามาไว้ใช้ตอนวิ่ง ดีล่ะไม่ทันได้ซื้อ มันเจ๊งไปก่อน แถม กี้นี้ ไล่ลงไปอ่านข่าวเจอ Microsoft band ขอเพิ่มไปด้วยละกันน่าจะอยู่ในลิสคุณแล้วมั้ง มี Heart rate ด้วย ถูกกว่าด้วย ไม่มี gps ไม่เป็นไร ผมวิ่งในยิม อิอิ
ใจจริงถ้าได้พวกวัดแนวดิ่ง ขึ้นบันได้แบบ apple watch ด้วยจะดีมากเลยอ่ะ ผมเวทด้วย เผื่อใช้เซ็นเซอร์ให้มันจับแนวดิ่ง หรือจังหวะได้ว่าเราทำอะไรอยู่ ยิ่งถ้าใส่ท่า ใส่น้ำหนัก เอาไปคำนวนได้ด้วยนี่ เอาตังผมไปเลย 5555
ก่อนหน้านั้นก็เกือบจะไปทางสายคาดหน้าอกแล้วแหละครับ แต่ดูแล้วไม่น่าจะเหมาะเพราะไม่ชอบพกอะไรเกะกะขนาดนั้น แถมบางทีเวลาเสื้อชุ่มเหงื่อมีโอกาสถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ เมื่อมองจากด้านหลัง มันเหมือนสายเสื้อในมากจริงๆ
Microsoft Band มี GPS ครับ แต่สามารถใช้การนับก้าวแทนได้ด้วยถ้าต้องการประหยัดพลังงานหรือวิ่งในยิม ในนั้นมีบอกว่านับท่าได้ด้วยว่ายกไปกี่ครั้งแล้วครับ
ไปอ่านเพิ่มมาแล้วครับผม น่าสนมากมาย ^ ^ ขอบคุณมากครับ
iOS กับ Android น่าจะสู้กันยาวๆ เพราะแต่ละคนก็มีตลาดของตัวเอง
แต่เรื่อง Apple Watch สุดถ้ายขีดจำกัดของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยนี้ก็ยังเป็นแบตสินะ
แว่นตา นาฬิกาแล้ว ต่อไปสมาร์ทเข็มขัด
เอาแบบแปลงร่าง หรือใส่อุปกรณ์สายลับด้วยน่าจะดีนะครับ :D
แต่เอาจริงๆถ้าเน้นสุขภาพ เข็มขัดก็น่าสนใจนะครับ พวก pedo meter กับ insulin shot ก็รู้สึกว่าจะอยู่แถวนั้น เรื่องขนาดแบตก็ใส่ได้เยอะกว่า
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนาฬิกาชาจทุกวันถึงเป็นเรื่องใหญ่ ก็มือถือก็ต้องชาจทุกวันอยู่แล้ว
อาจจะเพราะความรู้สึกเปรียบเทียบครับ เนื่องจากมือถือสมัยก่อนชาร์จทุก 3 วัน หรือบางคนสัปดาห์ละครั้ง โดนลดเหลือวันละครั้งก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่นาฬิกานี่ 2-3 ปีถึงจะเปลี่ยนแบตทีนึงครับ เทียบกับชาร์จทุกวันแล้วมันปาเข้าไปเป็นพันเท่าเลย
อาจจะต้องให้เวลาทำความคุ้นเคยกันไปสักพักครับ ตราบใดที่ยังไม่มีใครสามารถหาวิธีการที่จะให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพโดยที่อายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้นานกว่าที่เป็นอยู่ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าหนึ่งวันมันก็สั้นเกินไปจริงๆ ครับ
สำหรับคนที่ชาจมือถือทุกวันอยู่แล้ว ผมเห็นว่าตอนที่ชาจมือถือก็ชาจนาฬิกาพร้อมกันไปเลยแค่นั้นเองก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
ต้องรอดูแท่นชาร์จ วิธีชาร์จ การพกพาที่ชาร์ท ว่าเป็นอุปสรรคแค่ไหน ไม่งั้นไปค้างบ้านเพื่อน หรือกลับดึก นาฬิกากลายร่างเป็นกำไลข้อมือแน่ๆ
ต้องกลับไปดูตอนช่วงเปลี่ยนหน้าจอมือถือแรก ๆ คนก็ยังบ่นว่าไปใช้ทำไมหน้าจอมือถือมีสีแค่โทรเข้าออกต้องไปชาร์จบ่อยขึ้นใช่เรื่อง
เพราะปรกตินาฬิกาไม่ต้องชาร์จแบต และแบตเตอรี่อาจจะอยู่ได้เป็นสิบปีน่ะครับ (เว่อร์ไปมั้งแฮะ 55)
ลองคิดตามนะครับ
ถ้าเกิดว่าคุณไปเที่ยว แล้วนั่งรถนานๆพอรถจอด นาฬิกาแบตหมดละ
หรือขึ้นเครื่องบินนานๆ พอเครื่องบินลงนาฬิกาแบตหมดละ
สรุปคือมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนอกจากขายให้สาวกอย่างเดียว นาฬิกาหมื่นกว่าแต่ใช้ดูเวลาตอนไปเที่ยวไม่ได้ใช้ได้เฉพาะตอนอยู่บ้าน
หรือจะต้องพกพาวเวอร์แบงค์คอยชาร์ทนาฬิกา? ตลกแล้ว
คนที่เล่นกีฬาแล้วใช้พวกนาฬิกาแบบที่ต้องชาร์จบ่อยๆ พวกนี้คือสาวกหรือไม่ครับ เอาจริงๆ นาฬิกามันมีหลายประเภทมากครับ ผมว่าคุณลองเปิดใจดูนะ smart watch มันก็อาจจะคาบเกี่ยวเหมือนเป็นนาฬิกาอีกประเภทหนึ่งแค่นั้นเอง
เท่าที่ผมเห็น เค้าสวมแค่ตอนที่จะไปออกกำลังกายครับ
แล้วอย่าง Garmin fēnix 2 นี่ตามสเปคมันอยู่ได้ตั้ง 5 สัปดาห์นะครับ
เต็มๆ มันคือ Up to 50 hours in GPS mode (depends on settings); 5 weeks in watch mode ครับ (ซึ่งหายากพอสมควรที่จะเจอนาฬิกาออกกำลังกายที่แบตอึดแบบนี้) ซึ่งผมก็ยังถือว่ายังเป็นระยะเวลาที่น่าพอใจนะครับ กลับมาถึงเรื่องความหลากหลายของนาฬิกาต่อ คือในโลกนี้มันมีนาฬิกาเฉพาะทางเยอะมาก บางคนก็ใส่เฉพาะบางครั้งในตอนที่จำเป็นต้องใช้งานอย่างที่ท่านว่า หรือบางคนก็ใส่ในชีวิตประจำวันเลย ถ้าเกิดมันบูมจริง ตรงนี้ผมว่าเดี๋ยวคนก็เรียนรู้เองแหละครับว่าควรจะใช้งานยังไงให้เหมาะกับกิจกรรมในแต่ละวันของแต่ละคน
โดยส่วนตัวคาดหวังเกี่ยวกับ smart watch ไว้ว่าจะสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้แล้วก็ใช้ในการออกกำลังได้ เหมือนที่ผมพกโทรศัพท์ไปออกกำลังกายด้วยเป็นปกติ
ใช่ครับ smart watch ผมก็ไม่ได้หวังให้มันมากมายอะไร แต่อย่างน้อยๆ ขอให้ 2 วันเต็มๆ รอดเถอะครับ
ไม่งั้นปั่นจักรยานไปกางเต็นท์นอนนี่ลืมไปได้เลย เว้นแต่จะลงทุนหาระบบอื่นมาช่วยชาร์จ
อ่า.....ผมว่าส่วนใหญ่ไม่ได้ชาร์จทุกวันแล้วนะ
น่าจะทุกครึ่งวันเลยละ