หนึ่งในแพลตฟอร์มการพัฒนาแอพที่ยาวนานอันหนึ่งในสายของไมโครซอฟท์ คือแพลตฟอร์ม .NET (เรามักจะคุ้นเคยกันในนาม .NET Framework) ที่ออกมาครั้งแรกตั้งแต่ปี 2002 กำลังจะกลายสภาพเป็นแพลตฟอร์มโอเพนซอร์สแบบสมบูรณ์อย่างเป็นทางการ (หลังจากที่เปิดบางส่วนไปเมื่อต้นปี) เมื่อวันนี้ไมโครซอฟท์ประกาศว่าจะโอเพนซอร์สแพลตฟอร์ม .NET ในฝั่งของเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด (full server-side .NET stack) และจะขยายแพลตฟอร์ม .NET ให้ครอบคลุมไปถึงระบบปฏิบัติการอย่าง Linux และ OS X ด้วย
การเปิดซอร์สในครั้งนี้มีทั้งองค์ประกอบสำคัญอย่างเช่น ASP.NET, ตัวคอมไพล์ .NET, แกนของ .NET Runtime, Framework และ Libraries ทั้งหมด โดยจะให้องค์กรที่มีชื่อว่า .NET Foundation (มูลนิธิ .NET) เป็นตัวกลางในการทำงานร่วมกันระหว่างไมโครซอฟท์และชุมชนนักพัฒนา เพื่อการพัฒนาต่อไปในอนาคต
สำหรับซอร์สโค้ดทั้งหมด ไมโครซอฟท์วางไว้บนระบบ GitHub ครับ
ที่มา - Microsoft
Comments
ผมก็อึ้งด้วยคน ไม่คิดว่าไมโครซอฟท์ยุคคุณสัตยา นาเดลลา จะเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายได้ขนาดนี้ ทั้งเรื่อง MS Band ใช้ได้ทุก OS, OneDrive ให้ 10TB[Unlimited] สำหรับ Office365 ทั้งบัญชีตัวเองและคนที่แชร์ต่อในกลุ่ม มันคุ้มจริงๆ แถม .Net ก็เป็น Opensource แล้ว ก็ถือว่าดีเยี่ยมสำหรับหลายๆฝ่ายนะครับ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
.NET เป็นโอเพ่นซอสแล้วจะเกิดอะไรขึ้นครับ ??
คนจะใช้เยอะขึ้นครับ
ขอตัวอย่างเป็นรูปธรรมหน่อยครับ ?
มั่นใจได้ว่าหาก .NET Framework ถูกทิ้ง หรือหยุด support จะยังมีการ fork project และพัฒนาต่อไปได้โดยไม่จำเป็นว่าต้นทางจะยอมรับหรือไม่ในส่วนที่เปิด open source ออกมา
และมันช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่า ระบบที่พัฒนาบน .NET Framework จะมีคน หรือชุมชนคอยช่วยในการ patch หรือคนที่มีความสามารถ หรือแม้แต่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ใดๆ ที่เอาไปใช้ สามารถ patch ได้เองก่อน official patch ออกมา
ผมเข้าใจว่า .net เป็นคู่แข่งของ java นะครับ (ตอนนี้มองในแง่ vm ข้าม platform น่าจะมีแค่ 2 ตัวนี้) ถ้า .net โอเพนซอส แล้วผมกำลังคิดแผลง ๆ ว่า น่าจะมีคนเอา .net มารันบน android ทีเดียว app ของ ms ก็จะมารันบน android ได้ทันที (ผมว่ามันดีกับ dev ฝั่ง .net มากนะ)
Xamarin กำลังทำอยู่ครับ เขียน C# รันบน android หรือ ios
ถ้าให้วิเคราะห์สิ่งที่จะเกิด ก็แบ่งได้ 3 ฝ่ายครับ
สำหรับนักพัฒนา
สำหรับ MS
สำหรับผู้ใช้งาน
ตัวอย่างเป็นรูปธรรม ไม่มีครับเพราะ เครื่องมือดีดีที่ฟรี ใช้ง่ายและพัฒนาได้บนทุกระบบปฏิบัติการ มันไม่เคยมีครับ
ขอบคุณครับ
แล้วมีข้อเสียต่อไมโครซอฟมั้ยครับว่าทำไมไม่เปิดแต่แรกเลย
mono project ตายสนิดสิน่ะ
ทีมที่ทำ Mono แปลงร่างเป็น Xamarin แล้วรึปล่าวหว่า? ไม่แน่ใจแฮะ
ประมาณนั้นครับ
เพราะในความเป็นจริง Mono Project โดนลอยแพจากการถูกเข้าซื้อกินการของ Novell จึงได้ตั้งบริษัท Xamarin เป็นผู้พัฒนาโครงการ Mono, MonoTouch และ Mono for Android ต่อมา และสุดท้ายก็ใช้ Xamarin เป็นชื่อสินค้าของตัวเองแทน Mono ไป และ Microsoft ก็ทำท่าจะซื้อบริษัทนี้อยู่ แต่ตอนนี้เหมือนสนับสนุนกลายๆ ไปก่อน ซึ่งบริษัทนี้เป็นจิกซอต่อให้ .NET สามารถไปรันบนอุปกรณ์อื่นๆ ได้ และผมคิดว่าน่าจะเป็นความร่วมมือกันจนทำให้ .NET core ไปรันบน Mac OS และ Linux ในอนาคตแน่ๆ
โอ้ว ไม่ได้ตามเลย แสดงว่า .net ที่จะรันได้ บน linux อาจไม่รองรับครบทุก feature ของ .net on windows อยู่ดีป่าว
เป็นปรกติของการทำ cross-platform development อยู่แล้วครับ เพราะ feature บางตัวบาง OS มี และบาง OS ไม่มี หรือความสามารถเหมือนๆ กัน แต่ติดที่คุณลักษณะพื้นฐานบางอย่างที่อาจทำให้ต้องใช้เวลาพัฒนาเพิ่มเติม เช่นเรื่อง thread, process หรือ file system เป็นต้น
ผมพลาดไปในส่วนของ Mono project ซึ่ง ในความเป็นจริงไม่ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Xamarin ครับ แต่ Xamarin เป็นผู้สนับสนุนและพัฒนาหลักของโครงการ ซึ่งเอาจริงๆ คาดการณ์ไว้สองกระแสคือ merged กลับไปที่ต้นน้ำคือ .NET Core เพื่อทำในส่วนของ Linux และ Mac OS หรืออีกแบบคือโครงการคู่ขนานคล้าย ๆ OpenJDK ครับ
merged !
ขอตอบตรงนี้แล้วกันครับในฐานะที่พัฒนา C# ASP.NET บน Linux โดยใช้ Mono-Project เป็น Runtime
Mono-Project เองเดิมทีถูกทอดทิ้งจริงๆ ครับ ตรงตามที่หลายๆ ท่านบอกมาในข้างต้น และผมก็ไม่เห็นอนาคตของมันมาพักให้ หลังๆ มาแอบถอดใจจะเลิกไปเหมือนกัน แต่การมาของ Xamarin และการเอาจริงเอาจังในช่วงที่ผ่านมานี้ ทำให้ Mono-Project พัฒนาไปอย่างมาก ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาจากรุ่น 3.1.x มาเป็น 3.8.x นี้แก้ปัญหา บัค และความเข้ากันได้ ดีขึ้นเยอะมากๆครับ ยิ่งได้ยินข่าวนี้แล้วผมว่า Mono-Project ไปได้อีกไกลครับ
ไม่ตายหรอกครับ Miguel de Icaza ผู้ริเริ่ม GNOME+Mono ปัจจุบันทำงานให้ Xamarin ออกมายืนยันไว้ในบล็อกของเค้าแล้ว
อยากได้ Paint.NET ใน linux มานานแล้วอ่ะ ใช้ทั่วไปได้ถนัดกว่า GIMP อีก
กราบๆๆๆๆๆ
.Net นี่มันของคู่ Windows เลยนะ
ก่อนนอนคืนนี้ ขอฝันว่าอีกหนึ่งปีข้างหน้า อาจจะสามารถปล่อย (Deploy) .NET App ด้วย Docker Container บน Linux อะไรซักอย่าง
ไม่ปล่อย directX ให้ linux บ้างหรอ
ปล่อยให้หมดทุกอย่างเลยสิ :P
+1 :p
Windows mobile ปล่อยฟรีไปเลย
และ Windows สำหรับพีซีที่ไม่ได้ใช้ทางธุรกิจตามบ้าน
ดีมากๆ ครับ แต่นั่นมันทุบหม้อข้าวชัดๆ เลยนะครับ
Windows For Mobile Device ก็ปล่อยฟรีอยู่แล้วนะครับ
ส่วน Windows ตามบ้านเนี่ย ไม่ต้องฟรีหรอกครับ ผมขอแค่ลดราคาเหลือไม่เกิน 1000 บาทก็ยอมซื้อละครับ
(หมายถึง OEM นะครับ)
เคยได้ยินมานานแสนนานแล้วว่า .NET นั้นคนที่คนคิดไม่ใช่ Microsoft แต่เป็นด๊อกเตอร์หรือใครสักคนหรือกลุ่ม อันนี้ผมจำไม่ค่อยแม่นเพราะเป้นเรื่องที่ได้ยินมาก่อนที่ .NET จะมาเป็นของ Microsoft เพราะมันนานมาก โดยแนวคิดคือจะใ้มันทำงานได้กับทุก Platform เขียนง่ายและให้คงความเร็วและเสถียร..เค้าว่างั้น....แต่แล้วมันก็กลายมาเป้นของ Microsoft และอยู่บน Platform ของ Windows มายาวนานโดยเจตนารมว่าจะ Run ได้ทุก Platform มันเหมือนจะหายไป บางคนก็บอกว่ามันทำได้ยากที่จะ Run ได้ทุก Platform ได้ยินข่าวอย่างนี้ก็รู้สึกชื่นใจที่ Project หลายๆตัวของผมจะได้ลองเอาไป Run บน Linux ดูบ้าง แต่ไม่รู้เมื่อไรสินะ
หมายถึง CLX ของ Delphi & Kylix หรือเปล่าครับ?
https://en.wikipedia.org/wiki/Component_Library_for_Cross_Platform
Chief architect ของ Delphi และปัจจุบันย้ายไปทำ .NET (C#) คือ Anders Hejlsberg
https://en.wikipedia.org/wiki/Anders_Hejlsberg
LinkedIn
ไม่แน่ใจเหมือนกันครับมันเลือนลาง ซึ่งก่อนที่ .NET จะมี C# อ่ะครับ ด้วย Concept ของเค้าบอกไว้ประมาณนั้น แล้วหลังๆ Microsoft นำมาพัฒนาแต่เหมือนจะเน้นที่บน Windows อ่ะครัย อันนี้ไม่ Confirm นะครับเพราะมันนานจริงๆ
ผมนี่อึ้งไปเลย
มรดกก่อนตายหรือเปล่า ...?
เสี่ยงเพื่อการเกิดใหม่อีกครั้ง
ปล่อย visual studio ด้วยสิครับ ^^
คุณได้พรนั้น เดี๋ยวนี้
Microsoft Launches Free, Unrestricted Version Of Visual Studio For Small Teams Microsoft opens up and makes it easier for developers to build Android apps
เค้าว่า Visual Studio Community จะมาแทน Visual Studio Express ซึ่งจะเพิ่ม features ให้อีกเพียบ
Visual Studio Community 2013
Q & A Visual Studio Community 2013
Q: ใครสามารถใช้ Visual Studio Community 2013 ได้บ้าง?
A: นักพัฒนาในนามบุคคล (individual developers) สามารถใช้ Visual Studio Community ได้
- นักพัฒนาในนามบุคคลสามารถใช้สร้างแอพที่ปล่อยฟรีหรือเสียเงินได้ทั้งหมด
- สำหรับองค์กรนั้นสามรถนำไปใช้งานได้ไม่จำกัดสำหรับการศึกษา วิจัย หรือสนับสนุนโครงการ open source
- สำหรับองค์กรที่ไม่ใช่ระดับ enterprise สามารถใช้งาน Visual Studio Community ได้สูงสุด 5 บัญชีผู้ใช้งาน
- สำหรับองค์กรระดับ enterprise ไม่ได้รับการอนุญาตให้ใช้เกินกว่าการศึกษา วิจัย หรือสนับสนุนโครงการ open source
หมายเหตุ: Microsoft ระบุว่า enterprise organizations คือมีรายรับระดับ 1 million usd หรือมี PC มากกว่า 250 เครื่อง
Q: Visual Studio Community 2013 เทียบได้กับ Visual Studio editions ใด?
A: Visual Studio Community 2013 มาพร้อมกับความสามารถทั้งหมดของ Visual Studio Professional 2013
อ้างอิง Q & A http://www.visualstudio.com/products/visual-studio-community-vs
เยี่ยมมากครับกำลังเบื่อ Gambus อยู่พอดีจะได้มีตัวเลือกแบบนี้ linux น่าใช้ขึ้นเป็นกองเลย
อึ้งจริง
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ก็ถ้า .NET สามารถทำงานบน OS X หรือ Linux ได้ จะเปลี่ยน OS Server เลยหล่ะ รออยู่ครับเนี่ย อ่ะลืมไปยังทำไม่ได้ MS SQL มันยังอยู่บน windows นี่หว่า
แตกในเลย ไม่กี่เดือนมีเกิด
ผมนี่ ลุกขึ้นยืนเลยครับ
โลกมันเปลี่ยนไปเร็วจริงๆ ไม่เคยคิดว่า Microsoft จะเปลี่ยนมาแนวทางนี้ ดีๆๆๆ
..: เรื่อยไป
จริงๆคนที่อยู่ในวงการ ได้ข่าวเกี่ยวกับการ Open source มานานพอสมควรแล้วหละครับ
Texion Business Solutions
ไม่ต้อง xcode แล้วทีนี้
^
^
that's just my two cents.
ถ้าปล่อยขนาดนี้ ผมก็กลับไป .NET สิครับ
ถ้าไม่ปล่อยนี่ไม่เกิน 5 ปีนี่นักพัฒนารุ่นใหม่หายหมดครับ มาถูกทางแล้ว แต่เสียใจด้วยเราไม่กลับแฮ่ๆๆ แต่เหลือติ่งงานเก่าบน Window CE.NET นิดหน่อยที่ค้างๆอยู่ รออุปกรณ์ Android Data Collector จากจีนระบาดอีกหน่อยเถอะ
ขอ FoxPro ได้มะ
Visual FoxPro หยุดพัฒนามาตั้งแต่ 2007 แล้วครับ
LightSwitch เถอะครับ -*-
ผมว่ามุมหนึ่ง ไมโครซอฟท์ทำถูกแล้วที่จะไปโฟกัสขายรันไทม์สำหรับ enterprise ระดับใหญ่เพียงอย่างเดียวแล้ว
จัดเต็มฟีเจอร์ในเครื่องมือรุ่นแจกฟรี ทำให้มีอุปสรรคน้อยลงในการรับเอา .NET ไปใช้งาน (ของเดิมตั้งแง่ว่าค่าไลเซนต์นักพัฒนามันแพง เลยเลี่ยงไปใช้เฟรมเวิร์กอื่นที่มีค่าใช้จ่ายเบื้องต้นต่ำกว่า) ทำให้นักพัฒนาติดใจใน productivity framework ที่มีให้
แล้วไปโฟกัสกับ Azure หรือบน Windows Server แทน แล้วนาทีนี้ใครจะพอร์ตไป ตัวไมโครซอฟท์ก็น่าจะเชื่อว่าไม่มีใครพอร์ตไปได้ดีกว่าบนแพลตฟอร์มที่ตัวเองทำอยู่ สุดท้ายถ้ามันจำเป็นทางธุรกิจ เดี๋ยวก็กลับมาซื้อบริการเครื่องแม่ข่ายเอง ไม่ว่าจะ Windows หรือ Azure ที่ให้ความน่าเชื่อถือและซัพพอร์ตได้ดีกว่า
เค้าให้ขนาดนี้แล้ว ไปอุดหนุน Windows Phone ของเค้าบ้างนะ :P
แล้วไมโครซอฟท์จะมีรายได้จากไหนล่ะทีนี้
เดี๋ยวต่อไปก็ มีแครก office 2013 for linuxมั้ย
ไม่น่ามีครับ
ถึงจะทำ Office for Linux ก็คงไม่ใช่ 2013 แน่ครับ :p
รออะไรกันอยู่ครับ ปรบมือเร็ววววๆ