สำนักข่าว Reuters รายงานข่าววงในว่า Google Glass ดูท่าจะไปไม่รอดแล้ว หลังผลิตภัณฑ์ไม่ได้รับเสียงตอบรับจากตลาดกระแสหลักมากนัก นักพัฒนาแอพภายนอกบริษัทเริ่มหันไปทำอย่างอื่น (หรือทำแอพ Glass สำหรับภาคธุรกิจแทนที่จะเป็นคอนซูเมอร์)
ในฝั่งของกูเกิลเองก็มีสัญญาณไม่ค่อยดีเช่นกัน โดยแกนหลักของทีม Google Glass ลาออกจากบริษัทไปหลายคน หรือแม้แต่ Sergey Brin ผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิลและผู้นำทีม Google X ที่เราเห็นเขาใส่แว่น Glass อยู่บ่อยๆ ก็เริ่ม "วางแว่นทิ้งไว้ในรถ" แล้ว
ฝั่งของกูเกิลยืนยันว่ายังทุ่มเทให้กับโครงการ Google Glass เช่นเดิม ปัจจุบันมีพนักงานทำงานในฝ่ายนี้จำนวนหลายร้อยคน (hundreds) และกำลังเร่งขยายไปยังตลาดแฟชั่นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม กูเกิลยังไม่บอกว่าจะเริ่มขาย Google Glass กับคนทั่วไปเมื่อไรกันแน่ ส่งผลให้นักพัฒนาภายนอกไม่มั่นใจว่ากูเกิลมองมันเป็นโครงการทดลองหรือผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์
ที่มา - Reuters
Comments
ว้ายวงแตก วงแตก วงแตก
May the Force Close be with you. || @nuttyi
หลักๆ เลยนะครับ มันแพงไป
Geek ไป แล้วก็มาช้าเกินไปมากครับ ช้าสุดๆฃ
คนเบื่อรอกันแล้ว
คิดเหมือนผมเลย จะให้ device บูมราคาต้องเป็นที่จับต้องได้ แต่นี้ดูจากราคาในเว็บแพงมาก ตอนเห็นโปรโมทนิโครตอยากได้เลย แต่พอเห็นราคา ผมนี่ ถึงกับหงอยเลย
ไม่ช้าไปหรอกครับ
ออกจะเร็วไปเสียด้วยซ้ำ
มันคงเป็นอุปกรณ์แห่งอนาคตเกินไป
ยังไม่เหมาะกับคนสมัยนี้เท่าไหร่
อีกอย่างแพงไปและเข้าถึงอยากแท้เจ้า glass ชิ้นนี้
ผมว่ามันแพงไปมากที่จะจับตลาดกลุ่มหลักนะครับ
กระแส VR มาแทนแล้ว ;P
my blog
ตายท้องกลมสินะ ยังไม่เกิดในตลาดผู้บริโภคเลย
คราวหน้าจะทำอะไร ระดับ google ไม่น่าจะต้องระดมทุนอะไรมาก ซุ่มพัฒนาเงียบๆ ไปเจรจาคู่ค้าให้เรียบร้อย แล้วค่อยเปิดตัว บูม อีก เดือนสองเดือน วางขาย น่าจะดีกว่านะ
ปล.จริงๆน่าจะเหมือนพวก smart band, smart watch ต่างๆแหละครับว่า มันสำคัญกับชีวิตประจำวันแค่ไหน ถ้าไม่ เห่อแป๊ปๆเดี๋ยวก็เบื่อครับ แว่นสายตาปรกติยังเกะกะเลยครับ ใครเคยใส่แว่นจะรู้ นี่แว่นหนักๆ เพื่อเอามาอ่านเมลล์ นำทาง ถ่ายรูป เล่นแอพบนจอเล็กๆ เป็นผม ผมเลือกที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมามากกว่านะ
หันไปทำ Android รุ่นพิเศษเพื่อแว่น VR น่าจะดีกว่านะครับ
มันแพงไป ถ้าตั้งราคาแบบนี้ยังไงก็ขายไม่ได้หรอกต้องให้แอปเปิ้ลขายถึงจะขายออก และเข้าถึงคนยาก
ราคาขนาดนี้ เป็น Apple ก็คงไม่ไหวนะครับ
ถ้าปีหน้า Apple Watch เกิด Apple คงยิ้มว่ามาถูกทาง
ไม่ใช่เพราะมันแพงหรอก แต่เพราะข้อกฏหมายที่ไม่ต้องการเห็นผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ในที่สาธารณะ
ถ้าไม่แพง ซื้อเมื่อไหร่ก็เอามารีวิวด้วย ผมจะรอนะครับ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
อ่านเนื้อข่าวบ้างก็ดี
ผมว่าเพราะคุณคอมเมนต์ว่า
มากกว่านะครับ ซึ่งหมายความได้เหมือนกันว่าคุณคิดว่ามัน "ไม่แพง"
Dream high, work hard.
คุณ inkirby เข้าใจถูกต้องครับ และผมว่าผมก็อ่านเนื้อหาข่าวมาก็ครบถ้วนไม่ได้ขาดตกบกพร่องครับ ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าการไล่ให้ไปอ่านเนื้อข่าวใหม่นี่มันยังไงกัน
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
เดี๋ยวนี้เค้ามีกฎหมายที่ไม่ต้องการเห็นผลิตภัณฑ์ของ Google แล้วเหรอเนี่ย โลกนี้ช่างโหดร้ายกับ Google จริงๆ
glass มีปัญหาเรื่อง privacy ครับ เอาง่ายๆคือจะโดนแอบถ่ายเมื่อไรก็ไม่รู้ ลองอ่านข่าวเก่าๆดู
ไม่ใช่โหดร้ายกับ Google หรอกครับ แต่โหดร้ายกับ Smart glass
อย่างการใส่ glass เข้าโรงหนังก็ทำให้โรงหนังขวัญผวาเรื่องการลักลอบถ่ายได้แล้วครับ
หรือทั่วๆไปอย่างเช่นการถ่ายภาพ เดินๆอยู่สั่ง "Glass, take a photo" ก็ได้รูปมาโดยที่ไม่มีใครรู้ตัวเลยว่าโดนถ่ายรูปอยู่
ผมว่ามันไม่น่าสนใจตั้งแต่แรกแล้ว
ถ้าผมเป็น google ผมจะยังไม่เปิดเผยสินค้าให้โลกรู้ทั้งๆที่มันยังไม่พร้อม นี่ราคาก็แพงลิบลับ ปล่อยข่าวจนชาวบ้านเบี่อละ
ราคาแพงไป
"เน้นโชว์ แต่ไม่เน้นขาย" แค่นั้นแหละครับ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ข่าวนี้อ่านแล้วอึ่ง กว่าข่าว คุณซี ประกาศแต่งงานฟ้าแลบอีก
มันดีนะแต่หาจุดขายให้มันยังไม่ได้ พอ apple เอาไปทำเท่านั้นแหละ!!
แพงไม่พอ ซื้อยากอีก
หัวข้อข่าวนี่ มาดันแฮชแท็ก #วงแตก กันเถอะ
ดีไซน์แบบนี้ใส่แล้วมันดู Geek มากๆเลย คนไม่ Geek คงไม่มีใครอยากใส่แว่นเพิ่มหรอก
มันไม่ใช่อุปกรณ์ที่ใส่แล้วดูหรูหราอะไร ใส่แล้วบางคนระแวงซะด้วยซ้ำ อีกอย่างมันควบคุมไม่ได้หลากหลายไม่เหมือนใช้มือ
ปัญหาคือใส่แล้วสังคมรังเกียจ ใส่แล้วเผลอเดินเข้าไปใน Lockerroom มีสิทธิ์โดนสหบาทา
ปัญหาจริงๆถ้าลองใส่แล้วจะพบว่า
มันควรจะถอดออก เพราะมันไม่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้
ที่เห็นใน youtube มันไม่ได้มองเห็นได้แบบนั้นเลย
จะมองก็เหล่ตาไปดู อีกอย่างคือข้อจำกัดเรื่องการ focus ของตาที่เวลาจะไปมอง ก็ต้องโพกัสใหม่ มันก็คือการละสายตาจากที่เราทำอะไรอยู่ดี
สุดท้ายผมว่ามันก็ไม่ตอบโจทย์สักอย่าง
Vr ยังพอเอาไปทำอะไรเฉพาะอย่างได้บ้าง
ปล.ตอนแรกจะซื้อมาพัฒนาอะไร แต่พอได้ลองของเพื่อนเท่านั้นแหละยกเลิกโครงการเลย เพราะมันใช้จริงในชีวิตประจำวันไม่ได้
ถ้าแบบนั้นแล้ว Baidu Eye พลอยจะยกเลิกไปด้วยหรือไม่นี่ :D
กลายเป็นอดีตนวตกรรมอีกชิ้นที่น่าเสียดายย
ดงบังซะแล้ว
exclusive เกินไป ช่วงแรกๆ ก็พยายามทำให้เป็นสินค้า exclusive ต้องมีสิทธิพิเศษ ต้องได้รับเชิญจึงจะซื้อได้
เข้าถึงยากเกินจนคนลืม
ประโยคที่เหมาะที่สุน่าจะเป็น "ถ้ายากนักก็เก็บไว้ใช้เองเหอะ"
"ประโยคที่เหมาะที่สุ" น่าจะเป็น -> "ประโยคที่เหมาะที่สุด"
ถูกรังแกอีกละ
ผมนี่นึกถึง Google Wave เลย
โปรดักหลายตัวของกูเกิลที่ตายไปก็เพราะแบบนี้แหละครับ เนิร์ดเกิน ไม่ก็เข้าถึงยากเกิน ต้องมีพลัง supernatural อะไรประมาณนั้น
ผมว่าของที่ไม่ตายหลายๆตัวก็เนิร์ดเหมือนกันครับ (จริงๆคือของที่ออกมาจากกูเกิลผมว่าเนิร์ดหมด จะมากน้อยแค่นั้น)
อย่าง gmail นี่ช่วงนึงก็เนิร์ดหนักไป แทบไม่มีปุ่มเลย ใช้ tag a หมด
จำได้ขึ้นใจคือตอนนั้นสอนพ่อ/แม่ใช้ พอจะบอกให้กดสร้าง compose mail ทั้งสองคนบอก "ปุ่มอยู่ตรงไหน ??"
ผมนี่...เงิบเลย เพราะเขามี perception ว่าสิ่งที่กดได้มี 2 อย่างคือ ปุ่ม และ ลิงค์ที่มีขีดเส้นใต้ = ="
แต่ปัจจุบันที่โอเคมากแล้ว เนิร์ดน้อยลงเยอะ ของที่ควรเป็นปุ่มก็เป็นปุ่ม
เห็นด้วยครับ รู้สึกว่าตั้งแต่หันมาเอาใจใส่เรื่องดีไซน์ช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้ UI ดูพัฒนาขึ้นและใช้ง่ายขึ้นเยอะ
Gmail ต่อให้เนิร์ดก็คงมีคนใช้เยอะ เพราะเป็นตัวแรกๆ ที่ให้พื้นที่ 5GB ครับ
ทู่ซี้กันเลยทีเดียว
ผมนี่ต้องระลึกถึงเลย - -" ใช้อยู่ไม่กี่รอบ และลืมมันสนิทใจไปแล้วครับ ไม่มีคนบอกคนนึกไม่ถึงจริงๆ
คงเป็นแค่ข่าวลือ..มั้งครับ เห็นหลายคนใช้แล้วถึงขั้นติดเลยก็มีนะครับ ของเค้าน่าจะดีจริง
ยังไงผมว่าระดับ Google แล้วควรจะดัน Project ออกมาตลาด Consumer ให้ได้
ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไปยกเลิกกลางคันขนาดนี้ ผมเชื่อนะว่าถ้าออกมาในระดับที่คนทั่วไปซื้อได้ และหาซื้อได้ง่าย
ยังไงก็มีคนซื้อ เพราะตอนที่เอาออกไปใช้ในชีวิตประจำวันมันก็โอเคเลยนะ รับสาย ถ่ายรูป ส่ง sms แบบไม่ต้องใช้มือทำอะไรเลย
เสียดายอย่างเดียวคือออกช้าเกินไป คนเบื่อจะรอ ยังไง Project มันก็ทำมาจนขายได้แล้วแท้ๆ
ส่วนตัว สำหรับผู้ใช้ทั่วไปมันยังไม่ถึงเวลาตาติดจอ เหมือนกล้องตัวจิ๋วติดขาแว่นด้วยหมากฝรั่ง การออกแบบไม่น่าเอามาโชว์ใช้ในชีวิตประจำวัน เลยมองไม่เห็นประโยชน์ มันดูตลกด้วยซ้ำ.. คงใช้ได้อยู่ในวงจำกัดเฉพาะทางนะดีแล้ว
พอมีข่าวแนวนี้ออกมา เราจะพบว่ามีข้อเสียต่างๆ มากมาย
ประมาณว่าเพิ่งจะเห็นข้อเสียตอนมันเสียแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่รู้ทำไม๊ไม่มีใครเห็น 55
ใส่ GGG ไปเดินถนน พร้อมๆ กันซัก 5 คน
พวกคุณจะดูเหมือน หน่วยรบกีนิว ในหนังการ์ตูน ดรากอนบอล ที่กำลังมารุกรานโลก มากเลยครับ
เรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัว เอาแค่ใส่ดูหนังฟังเพลงที่บ้านพอ
ดูหนัง? เปิดทีวีเถอะครับ - -" หรือถ้าอยากได้ติดตัวก็ HMD สักตัวนึง