สำนักข่าวบีบีซีของสหราชอาณาจักร รายงานว่าบิล เกตส์ แสดงความกังวลเกี่ยวกับภัย (threat) ที่เกิดขึ้นจากปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) ระหว่างการตอบคำถามของเขาในช่วง AMA (Ask Me Anything) ของเว็บไซต์ Reddit
บิล เกตส์ ระบุว่าตัวเขาเองนั้นอยู่ในกลุ่มที่กังวลกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ฉลาดมากๆ จนเกินไป และบอกว่าตัวเขาเองเห็นด้วยกับ Elon Musk ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์ Tesla ที่เคยแสดงทัศนะว่ากังวลเช่นเดียวกัน พร้อมกับบอกว่าเขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงไม่สนใจ (concerned) ในเรื่องเหล่านี้
ทั้งนี้ หัวหน้าแผนกวิจัยของไมโครซอฟท์ (Microsoft Research) Eric Horvitz เคยออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ และกลับมีความเห็นที่ต่างจากบิล เกตส์ โดยระบุว่าเขาไม่เห็นว่าปัญญาจะเป็นภัยต่อมนุษย์ได้อย่างไรในระดับรากฐาน (fundamental)
ที่มา - BBC
Comments
กังวลแบบไหนเหรอครับ ขอเหตุผลหน่อย?
"..กังวลกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ฉลาดมากๆ จนเกินไป.."
ไม่มีระบุจากแหล่งที่มาของข่าวนะครับ ผมขอยกที่พูดมาเลยนะครับ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
เค้าน่าจะหมายถึงภายในอีกหลายปีข้างหน้า ในวันที่เทคโนโลยีมันล้ำจน A.I.ฉลาดมากๆ น่ะครับ
กังวลแบบ AI หันมาคลองโลกแบบในหนังไหมงับ O3O
Ai Uehara?
If you know what I mean.
of couse i know =///=
แต่มันคนละหนังกับที่ผมหมายถึงเฟ้ย
ตอนแรกก็เป็นห่วงอยู่นะ แต่หลังจากเห็นผลงานอันมากมาย (เยอะจริงๆ หลายสังกัด) และใช้งานอย่างหนักหน่วง เริ่มไม่กังวลละ
คงจะได้เห็นหุ่นยนต์อเมริกาสู้กับหุ่นยนต์ฝั่งผู้ก่อการร้ายสักพัก แล้วจะกลายเป็น มนุษณ์สู้กับหุ่นยนต์ในอนาคต ฮ่าๆๆๆ ขอ Music Terminator 2 หน่อยเร็ว เหอๆ
เหนือสิ่งอื่นใดอย่าสร้างอะไรที่เหมือน Skynet ก็พอครับ Skynet เป็น Software ไม่ใช่ Hardware มันมันนึกคิดเองได้คงน่ากลัวอยู่นะ แต่ก็ยังสงสัยจะสร้างมันได้ยังไงกันฮ่าๆ
ผมว่ามันก็เหมือนเหตุการณ์นักวิทยาศาสตร์เคยเตือนเรื่องก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อน คนก็ไม่สนใจสักพักจนเริ่มโลกมีอาการแบบนั้นจริงๆจนคนเริ่มมาสนใจนั่นแหล่ะ
ใช่ครับ ผมว่าเหมือน Skynet เป็นไปได้มากที่สุด
บริษัทแห่งหนึ่งมีระบบควบคุมอากาศด้วย AI อัจฉะริยะ วันหนึ่งมีพนักงานคนหนึ่งได้แอบสูบบุหรี่ในห้องทำงาน ตอนแรกมันก็แค่เตือนแล้วก็ปรับบรรยากาศภายใน ให้เป็นปกติ ภายหลังพนักงานคนนั้นทำบ่อยเข้า AI เรียนรู้ว่า วิธีที่ทำไปนั้นไม่ได้ผล จึงฉีดก๊าซดับเพลิง ลงไปแทน พนักงานคนนั้นหนีตายแทบไม่ทัน
พนักงานในบริษัทเริ่มไม่ค่อยไว้วางใจระะบบ เพราะล่าสุด มีพนักงานคนหนึ่งแอบผายลมในลิฟท์ AI มันปิดระบบ ระบายอากาศ ทำให้คนในลิฟท์ซึ่งอยู่กันหลายคน แทบหายใจไม่ออก เหม็นเหลือเกิน
ยิ่งอ่านยิ่งไม่น่ากลัวครับ เพราะมีข้อจำกัดไม่ต่างกับคนด้วยกัน คือ ไม่ว่าจะฉลาดแค่ไหนถ้าโดนตัดแขนขาก็ทำอะไรไม่ได้ เช่น ตัดสิทธิไม่ให้เข้าถึง hardware ต่างๆ
นึกภาพ AI ที่ว่านั่นคงหน้าตาเหมือนคุณป้าแม่บ้านขี้โมโห ถ้าป้าแกเริ่มทำเกินกว่าเหตุก็ปลดอาวุธซะก็จบ
ถ้าป้าแก hack เป็นละครับ
ห้ามป้าแกใช้ com ที่ใช้ hack ได้สิครับ จะยึดกุญแจห้อง com หรือเอาคนเฝ้าตอนทำความสะอาดก็ได้
และนี่ก็คงเป็นสิ่งที่เกตส์คงกำลังเป็นกังวลอยู่ เมื่อมนุษย์ต่างก็คิดแบบเดียวกันกับคุณ ปรามาสปัญญาประดิษฐ์คิดว่าเอาอยู่ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็สายไปเสียแล้ว
ถ้า hardware อยู่ในสถานที่ที่ควบคุมหรือตัด ไม่ได้หละ
ทำไมผมนึกถึงเรื่อง Eagle Eye ขึ้นมา
ผมนึกถึงหนัง Resident Evil ภาคแรกเลยครับ
น่าจะได้เห็นเร็ว ๆ นี้แหละครับ ไม่น่าจะกี่ชั่วอายุคน เมื่อเราบินได้ครั้งแรกใครจะรู้ว่าเราจะไปได้ถึงอวกาศ
เมื่อ ic silicon เกิดขึ้นมาใครจะไปรู้ว่าทุกวันนี้มันแปลงสภาพไปอยู่ในเครื่องใช้ไฟฟ้าแทบทุกชนิดกระจายกันทั่วโลก พัฒนาเป็น CPU พลังประมวลสูงใช้ในการคำนวณต่าง ๆ
internet เครือข่ายทางการทหารเล็ก ๆ ดูทุกวันนี้สิ
กล้องโทรทรรศน์ตัวแรกเกิดไม่กี่ร้อยปี เราก็มีกล้องสำหรับส่องดูอวกาศห้วงลึกที่ทำงานอยู่บนอวกาศกันแล้ว
ในหลายระบบจากแรก ๆ เป็น if else switch พอซับซ้อนขึ้นก็พัฒนา AI มาจัดการตอนนี้ในหลายระบบก็มี AI ย่อย ๆ คอยจัดการระบบแทนคนมากขึ้น
เทคโนโลยีตอนนี้กำลังพัฒนาแบบก้าวกระโดดมนุษย์ได้รู้ถึงพลังแห่งจิตนาการสร้างสรรค์ของสมองตัวเอง การแลกเปลี่ยนความรู้ทำได้ง่ายขึ้นด้วย internet จำนวนเทคโนยีนวัตกรรมพัฒนาขึ้นด้วยการฟที่ชันแบบสุด ๆ อีกไม่กี่ปีนี้คงได้เห็นอะไรใหม่ ๆ มาให้เราคอยศึกษากันแบบปวดหัวกันจนไม่หวาดไม่ไหวกันแน่ ๆ
ขายฝันอีกแล้วตู
ผมนี่นึกถึง Terminator ขึ้นมาเลย
ผมนึกถึง Transformers
นึกถึง I,Robot กับ A.I.
I am Chappie
I am Groot.
//ผิดเรื่อง
ผมนึกถึงดราก้อนบอลเซดภาคเซลล์ครับ
ผมนี่นึกถึง Alien เลย
ผมนึกถึง transcendence
โดราเอมอน
ผมนึกถึง Eagle Eye เลย
ผมนี่นึกถึง เทเลทับบี้ ขึ้นมาเลย หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ดูดช้างน้อยตัวม่วง........
ผมนึกถึง R2-D2 ในหนังเรื่อง Starwar
เห็นกระป๋องๆแบบนั้น ใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าทำร้ายศัตรูเป็นกับเขาด้วย
ผมนี่นึกถึงอัลตรอนขึ้นมาเลย
ผมนึกถึง Gundam (โดยเฉพาะ ภาค OO ซึ่งมีโคตร AI ชื่อ Veda)
ถ้าเป็นคนอื่นคงโดนว่าดูหนังมากไปแล้ว
กว่า AI จะฉลาดขนาดนั้น พวกเราอาจไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว ส่วนลูกหลานก็รอให้คนเหล็กมาช่วย :D
แต่ผมก็ยังอยากใช้พวก quantum computing, สิ่งประดิษฐ์จาก graphene เหมือนกัน หวังว่าจะได้ใช้
อีกนานครับตราบใดที่หุ่นยนยังสร้างพลังงานในตัวเองไม่ได้และต้องพิ่งพลังงานจากภายนอกอยู่ ปัจจัยนี้ก็สำคัญ
เอามนุษย์มาทำเป็นแบตเตอรรี่แบบ The Matrix ก็น่าจะพอแก้ปัญหาได้ครับ
ผมว่าตรงนี้แหละที่เป็น Key สำคัญในการพัฒนา นวัตกรรมหุ่นยนต์ประเภท Droid และเทคโนโลยีอื่นๆอีกหลายอย่าง
ถ้าทะลุกำแพงพลังงานได้เมื่อไหร่ โลกจะเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดอีกครั้ง
ก็ไม่แน่ครับ อาจจะไม่นานขนาดนั้น
ผมเพิ่งดูสารคดีเกี่ยวกับวิวัฒนาการของธรรมชาติ โดยจำลองใช้ AI ให้คิดหาหนทางที่ดีที่สุดเอง
เช่น สั่งเดินไปข้างหน้า AI ก็จะเรียนรู้ว่าจะก้าวเดินอย่างไร โดยพัฒนาต่อยอดเองจากวิธีที่ดีที่สุด
จน AI สร้างกระบวนการเดินไปประมาณ 10 รุ่น ก็สามารถเดินได้ปกติ ไม่ล้มเหมือนแรกๆ แล้ว
นักวิจัยยังแปลกใจว่ากระบวนการเลียนแบบการคัดสรรตามธรรมชาติ ทำได้เร็วกว่าที่คิดไว้มาก
อยากรู้ว่าในสารคดีนั่นใช้ algorithm ตัวไหนครับ
"กระบวนการเลียนแบบการคัดสรรตามธรรมชาติ" หรือจะหมายถึง Genetic Algorithm?
ถ้าใช่ล่ะก็ 10 รุ่นนั่นคงไม่ใช่รุ่นเล็กๆ แล้วล่ะครับ เพราะเท่าที่ผมอ่านๆ มาสมัยเรียน ไม่เคยเจองานซับซ้อนระดับนี้งานไหนเร็วกว่า 10,000 รุ่นเลย
ผมคิดว่า AI น่ากลัวที่ Algorithm หรือกระบวนการคิด การแก้ปัญหาครับ ส่วนฮาร์ดแวร์เป็นองค์ประกอบรอง อย่างล่าสุด Watson ของ IBM มีส่วนร่วมในการคิดสูตรอาหารโดยทำงานร่วมกับมนุษย์ ซึ่งในทางกลับกันคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่นิ่ง ๆ แต่มีปัญหาประดิษฐ์เป็นเลิศ เราลองให้คิดสูตรในการทำอาวุธ ระเบิด หรือหาวิธีทางเจาะเข้าระบบนึง ๆ ได้.....ไม่ต้องเดิน หรือจับปืนได้...แค่นี้ก็น่ากลัวแล้วครับ
ถ้าจะเอาแบบที่เป็นในหนังจริงๆ ต้องมีทั้ง 2 อย่างประกอบกันครับ เป็นหลักทั้งคู่ อ่อนฝั่งใดฝั่งหนึ่งไม่ได้ เพราะถ้ามีแต่ Software แล้วเราคุมมันไม่ได้จริงอย่างมาก็ยอมเสียคอมพิวเตอร์ทั่วโลก คือทำลายแล้วสร้างใหม่นั่นแหล่ะ แต่ถ้ามี Hardware ประกอบด้วย คุณคิดว่าจะได้เขาถึงตัวมันหรือเปล่าหล่ะครับเพื่อไปปิดระบบจ่ายพลังงาน
ปล.เริ่มไปไกลเกินจินตนาการละครับ ฮ่าๆๆ
จากตรงนี้ เราก็อาจควบคุมองค์ประกอปบางอย่างไม่ให้เกิดขึ้นก็ใด้นิครับ
เช่นทาง software เราอาจจะกำหนดจุดหมายสูงสุด (คล้ายกต 3 ข้อ ที่ใด้รับความนิยมในหนังต่างๆ) แต่มีรายละเอียดที่ชัดเจนพอ หรือ reset ai เมื่อไช้งานไประยะหนึ่ง
ป้องกันทาง hardware เช่น ห้ามหุ่นยนต์สร้างหุ้นยนต์เอง ห้ามหุ่นยนต์หาพลังงานเอง
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
มันจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์ไม่ขัดแย้งกันครับ นึกภาพพวกผู้ก่อนการร้ายเอาไปใช้ พวกเขาก็เก่งพอที่จะยกเลิกกฎพวกนี้ก่อนที่พวกเขาจะสร้างไง เหมือนสมัยก่อนที่มีสปายคอยขโมยเทคโนโลยีข้อมูลของฝั่งตรงข้าม(อย่างตอนโซเวียตกับอเมริกาไงครับ) แล้วเอามาทำเป็นแบบของตัวเอง องค์กรด้านสว่างคนใช้กฎพวกนี้แน่นอน แต่องกรใต้ติดไม่จำเป็นต้องทำตามครับ ขอแค่มีทรัพยากรที่ต้องการครบ แล้วคนที่ร่วมมือด้วยเป็นพวกหัวรุนแรกก็จบแล้ว
เทคโนโลยีถ้าได้พัฒนามาแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับผู้สร้างหล่ะครับว่าเป็นว่าจะใช้ยังไง อย่างอาวุธปืนก็เทคโนโลยีอย่างนึงซึ่งผู้ก่อการร้ายก็มีใช้นะ แค่ใช้แบบแปลนพื้นฐานเดียวกันก็เท่านั้น ผมเลยหลัวหน่ะ โดยเฉพาะพวกผู้ก่อการร้ายระดับโลก หุหุ
AI มันเป็น Blackbox ครับ เราไม่รู้ว่าอะไรอยู่ข้างใน
Pandora box?
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ผมดันไปนึกถึงฟอเรสต์กัมฟ์ ชีวิตก็เหมือนช็อคโกแลต เราไม่รู้ว่าอะไรอยู่ข้างใน
ตาบิล ไปดูเรื่อง chobit มาหรือเปล่า? :P
ผมกลัวอัตราการเกิดจะลดลง เพราะผู้ชายไปติดหุ่นยนต์ที่มีAI ระดับสูงแทนการแต่งงาน
ผมนี่อื้งเลยคิดได้ไงครับ 5555
แต่ Chobits มันใช้งานจริงไม่ได้นะครับ เดี๋ยว Reset
ถึงกับต้องล็อกมากดบวก ทั่นล้ำเหลือเกิน
ผมคิดว่าผู้ผลิตน่าจะมีหลายเจ้าให้เลือกซื้อนอกจากchobitครับ :P
แบบ ultron สินะครับ
ลุงแกไม่ได้หมายถึงแค่หุ่นยนต์รึเปล่า
ผมอ่านข่าวแล้วกลับคิดถึงด้าน software ซะมากกว่าแฮะ
AI มันไม่มีสิ่งที่เรียกว่า จริยธรรมที่มีมนุษย์เป็นใหญ่ครับ มันทำงานตามคำสั่งอย่าง โดยไม่เข้าใจเป้าหมายใดๆ ทั้งสิ้น
เรียกว่าทำอะไรก็ได้ให้ได้ตามเป้าหมายที่ต้องการมากกว่า โดยไม่สนวิธีการว่าถูกจริยธรรมหรือไม่ ขอให้เร็วที่สุด
จริยธรรม คืออะไรครับ แค่คำถามนี้มนุษย์ก็มีคำตอบแตกต่างกันไปตามแต่ละวัฒนธรรมแล้ว
ผมว่าลุงน่าจะไปรู้ไปเห็นอะไรเข้านะครับ เพราะผมว่าสิ่งที่ลุงแกกลัวคือ AI นั้นไปติดอยู่กับอุปกรณ์ไหนมากกว่า
ถ้าเอาไปติดตู้เย็น ติดเครื่องปั่นน้ำผลไม้ลุงแกคงไม่ห่วง
พาลนึกไปถึงกฏ 3 ข้อแฮะ
ผมกลัวว่าพอมันมีการใช้เยอะๆแล้วเจอ bug อะไรอย่างหนึ่งแล้วมันจะทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงในวงกว้างมากกว่า
สักวันนึง ผมอาจจะจับวงจรสมองตัวเองใส่คอมพิวเตอร์ทำเป็นปัญญาประดิษฐ์ก็ได้นะครับ
ถ้าถึงวันนั้นก็ขอให้ทุกคนโชคดี
เรื่องอะไรนะครับ
ตามความเห็นล่างเลยครับลุง ^^
Transcendence? เดปป เลยนะนั่น
ใช่ครับ ประมาณนั้นเลย ตอนรู้จักหนังเรื่องนี้ผมตื่นเต้นระดับนึงเพราะมันเหมือนๆ กับที่ผมคิดๆ ไว้
ความคิดผมจริงๆ ไม่ใช่การเอาตัวเองใส่ลงไปในคอมฯ หรอกครับ แต่เป็นการออกแบบคอมพิวเตอร์ที่จะมีการทำงานเหมือนสมองคนมากกว่า ผมมองว่าคอมฯ แบบปัจจุบันมันไม่เพียงพอสำหรับงานนี้ มันมีการทำงานคล้ายความคิดของคนได้ในระดับบน แต่ระดับล่างแล้วแตกต่างจากสมองคนมากเกินไปน่ะครับ ซึ่งถ้าทำได้ในระดับนั้นแล้วมันก็จะคล้ายคนมากขึ้น ระดับที่ถ้าหากมีเทคโนโลยีมาแกะแบบวงจรสมองของคนคนนึงทั้งหมดออกไปได้ ก็คงป้อนให้คอมฯ ที่ว่านี้ทำงานต่อไปได้ ซึ่งคงทำได้ดีกว่าการพยายามจำลองด้วยคอมฯ แบบปัจจุบัน
เป็นอะไรที่เอาไว้คิดเพ้อเจ้อเวลาว่างๆ เฉยๆ แหละครับ แต่ก็ดีครับ ช่วยให้รู้เรื่องการทำงานของสมองตัวเองได้เยอะเลย (สมองคนอื่นผมไม่รู้นะครับ สังเกตผลแต่จากตัวเอง 555)
เพ้อเจ้อใหญ่แล้วผม 5555
แบบวงจรสมองคน! (ระดับ DNA? เพ้อด้วย) อืมม ไปไกลจริงๆ
คงไม่ไปถึงระดับ DNA ครับ ผมมองว่าวิวัฒนาการทางกายภาพไม่จำเป็นในตอนนี้
โลกอาจจะรอ hisoft architecture อยู่ก็เป็นได้นะครับ
เจอเม้นนี้ผมลั่นเลย ยิ่งเป็นแฟนข่าวคุณ hisoft แล้วด้วย 555
ສະບາຍດີ :)
อาจจะเป็น AI พามุนษย์อวกาศไปดาวพฤหัส แล้วก็พยายามจะจัดการมนุษย์ในยานก็ได้นะครับ
จัดการตั้งแต่ยานเริ่มออกตัวแล้วครับ #เดี๋ยวนะ
ถ้าทันเรื่องนี่ นี่บ่งบอกอายุมากเลยนะครับ ผมก็จำไม่ได้แล้วว่ายังไง รู้แค่ว่าไปดาวพฤหัส
เอ่อ ไม่ทันครับ 555 (ไม่ทันจริงๆ นะครับนี่ เรื่องอะไรอ่ะครับ)
เรื่อง2001 a space odyssey ถ้าจำไม่ผิด
เป็นนวนิยายวิทยาศาสตร์ชุด Space Odyssey ของ Authur C.Clarke น่ะครับ
AI ในเรื่องชื่อ HAL แต่ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาอะไรสักอย่างเนี่ยแหละมันเริ่มจะกำจัดสมาชิกในยาน
รู้สึกเหมือนหุ่นยนต์ทำงานพลาด เลยกลัวตาย(ทำลายระบบ)มั้งครับ ถ้าจำไม่ผิด พอกลัวตาย เลยฆ่าคนทิ้งซะ
ชื่อจริง ๆ คือ HAL 9000 (เพิ่งไปค้นมา)
ในหนังสือคือ มันมี 2 Mission ที่ขัดแย้งกันหรือไงเนี่ยแหละครับ HAL มี Mission หลักอยู่ แล้เหมือนจะได้ Mission ใหม่จากนักบินมั้งนะครับ แล้วขัดแย้งกัน จนทำให้เกิดการทำงานผิดพลาด ซึ่ง HAL ฉลาดเพียงพอที่จะวิเคราะห์ข้อผิดพลาดแล้วหาทางแก้ด้วยตนเอง ซึ่ง HAL สามารถรู้ Root Cause ได้ว่ามันเป็นเพราะนักบินเนี่ยแหละทำให้ Mission Conflict (มั้งนะครับ อ่านมาเป็นสิบปีแล้ว สมัยยังเด็ก ๆ ด้วย เลยจำไม่ค่อยได้) จากนั้นก็เลย Resolve Problem เสีย ด้วยการกำจัดนักบิน
ไม่มีใครพูดถึงผลกระทบที่จะเกิดในด้านมุมทางเศรษฐกิจสังคมบ้างเหรอครับ คอมพิวเตอร์ยิ่งฉลาดมากยิ่งทำงานแทนคนได้มาก งานที่ต้องการแรงงานคนก็จะลดน้อยลงเรื่อย ๆ อย่างงานซ่อมบำรุงเครื่องจักรหรืองานขนส่งไปจนถึงงานทางอุตสาหกรรม ขอเพียงมีระบบการจัดการที่ดีพอแรงงานคนอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เลยด้วยซ้ำ
ผมยกตัวอย่างการประกอบรถยนต์ที่ใช้หุ่นยนต์ทำแทนได้เกือบทั้งหมด รถยนต์อัตโนมัติที่สามารถรับส่งผู้โดยสารได้โดยไม่ต้องใช้คนขับที่เป็นมนุษย์ แม้แต่งานทางศิลปะที่ใช้คอมพิวเตอร์ทำแทนได้ยากก็มีการวิจัยค้นคว้าพัฒนาจนก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงตอนนี้สามารถแต่งเพลงได้เองด้วยซ้ำ
ต่อไปงานสร้างบ้านอาจจะถูกยกให้เครื่องจักรทำทั้งหมด เพียงกำหนดเทมเพลท เลือกวัสดุที่ต้องใช้ จากนั้นให้คอมพิวเตอร์ทำการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างจากซัพพลายเออร์ที่ทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ ส่งมอบวัสดุด้วยรถที่ควบคุมอัตโนมัตผ่านคอมพิวเตอร์ นำวัสดุที่ได้ไปส่งยังจุดที่จะสร้างบ้านด้วยระบบขนส่งอัตโนมัติแบบเดียวกัน นำหุ่นยนต์ที่บังคับด้วยคอมพิวเตอร์ส่งไปยังจุดก่อสร้าง ให้หุ่นยนต์ทำงานก่อสร้างทั้งหมดตามแบบและขั้นตอนที่คอมพิวเตอร์สามารถวิเคราะห์ได้เอง มีคนคอยดูความเรียบร้อยเพียงหนึ่งหรือสองคน
แม้แต่อาหารตามสั่งก็สามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการทำได้
รูปแบบสังคมที่คอมพิวเตอร์ฉลาดมากเกินไป ทำได้หลายอย่างมากเกินไปน่าจะส่งผลกระทบต่อแรงงานที่เป็นมนุษย์ในหลาย ๆ ด้าน
ลองนึกภาพแท็กซี่ที่ควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ ไม่มีโกงมิเตอร์ เรียกไปไหนก็ไป ติดต่อเรียกผ่าน app บนโทรศัพท์ หักเงินผ่านบัญชีธนาครหรือบัตรเครดิตอัตโนมัติ มีแบบนี้เป็นจำนวนมากคนขับแท็กซี่ก็ต้องได้รับผลกระทบกันบ้าง
ในอีกแง่นึงก็ทำให้คนได้ไปทำงานอย่างอื่นที่มันมีประสิทธิภาพมากกว่า แล้วก็ผลตอบแทนดีกว่าได้นะครับ เพราะเครื่องจักรค่าจ้าง(บำรุงรักษา)มันถูกกว่าคน ก็ทำให้กำไรมากขึ้น ผลิตได้มากขึ้นกำไรมากขึ้นกำไรมากขึ้น
ส่วนคนก็ไปดูแลงานควบคุมแล้วก็คิดวิธีการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ อาจจะจริงที่ว่าแต่ละคนฉลาดไม่เท่ากัน แต่ผมว่าถ้าจัดการดี ๆ คนจะทำงานได้มากขึ้นเพราะมีเครื่องจักรช่วยทำงาน
ผมก็ไม่เห็นว่าจะต้องเลิกจ้างคนนะครับ แม้ว่าคนจะได้ผลผลิตน้อยกว่าแต่มันก็ยืดหยุ่นกว่า มีข้อดีข้อเสียต่างกัน
จริง ๆ แล้วถ้ามีเหตุการณ์เครื่องจักรแย่งงานคน ต้องโทษคนครับไม่ใช่เครื่องจักร เพราะคนเลือกที่จะจ้างเครื่องจักรซะแทน
คนทำงานได้มากขึ้นก็หมายความว่าจำนวนคนที่จำเป็นในการทำงานอย่างเดียวกันมีน้อยลง กำไรจากการผลิตที่มีมากขึ้นจะไปกระจุกอยู่ที่คนกลุ่มน้อย
ตอนนี้การใช้แรงงานคนมีความยืดหยุ่นมากกว่าคอมพิวเตอร์ก็จริง แต่จุดนี้เองที่เป็นจุดสำคัญเพราะคอมพิวเตอร์มีความฉลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ความยืดหยุ่นของคอมพิวเตอร์ก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถึงจุดที่ความแตกต่างมีน้อยมากนายจ้างก็จะเลือกใช้งานหุ่นยนต์ที่มีปัญหาน้อยกว่าคน
ถ้า supplies เยอะเกิน demand ราคาของมันจะถูกเองครับ ถึงจุดที่เงินไม่มีค่าอีกต่อไป
เศรษฐกิจมันเป็นเรื่องหลอกลวงครับ คนเราอยู่ได้โดยไม่ต้องมีเงิน ถ้าเรามีความคิดแค่ "I work to better myself and the rest of humanity."
อ่านแล้ว ผมนึกถึงบัตร EasyPass ครับ... จบช่าว!
ผมกลัวสงครามที่ใช้ ai มากกว่า
มันคงยิงกราดตามคำสั่งโดยไม่มนุษยธรรมเลย
จังหวะในสนามรบแบบนั้น มนุษย์เองก็เถอะ จะมีกี่คนที่มีมนุษยธรรมถึงกับขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาครับ
แต่ก็ยังมีนี่ครับ?
ป๋าช้าไปแล้ว Blognone ไปไกลกว่านั้นแล้ว [Project panurat2015]
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
สงใสกลัว ultron
มนุษย์ นี่แหละ คือตัวอย่าง ของ ปัญญาประดิษฐ์
ที่วิวัฒนจาก V.00000001 เป็นคนป่า
มาสู่ ปัจจุบัน ที่ไม่รู้ว่า เป็น Version อะไรละ
วิวัฒน์มา มีทั้งพระ มีทั้งผี
ปัจจุบัน มนุษย์แค่ย้อนกลับไปทำสิ่งที่ ธรรมชาติ ทำมาก่อนแล้ว
แต่ มนุษย์ทำเพื่อสนองตัวเอง
ส่วนธรรมชาติ ทำเพื่ออะไร ..... ไม่ทราบครับ
หรือ ที่มนุษย์เป็นอยู่ คือ สิ่งที่ คุณเกตส์ กลัว
ธรรมชาติ ก็อาจกำลัง สำนึกว่า มนุษย์คือ ความผิดพลาด ที่กู่ไม่กลับแล้ว
พูดยังกะหนัง I Robot แหน่ะ
ทำไมผมแปลกๆ ผมนึงถึงTron นึกถึงดินแดนอีกโลกนึงเลย (จิตนาการสำคัญพอๆกับความรู้:Einsteinไม่ได้กล่าว)
//สงสัยเมื่อวานหนักไปหน่อย
ผมว่าที่คนทั่วไปไม่กังวนเพราะว่ายังมองไม่ออกว่า AI ในโลกความจริงมันจะฉลาดไปได้ขนาดไหนแล้ว