สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แอปเปิลตั้งเป้าผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปี 2020 ซึ่งดูเหมือนแอปเปิลต้องการแย่งลูกค้าจาก เทสล่า มอเตอร์ส (Tesla Motors) และ เจนเนอรัล มอเตอร์ส (General Motors) ที่มีแผนเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สามารถวิ่งได้มากกว่า 200 ไมล์ (322 กม.) ในปี 2017 ในราคาที่ต่ำกว่า 40,000 ดอลลาร์ (ราว 1.3 ล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวบอกว่าแอปเปิลอาจยกเลิกหรือเลื่อนแผนการผลิตรถยนต์นี้ได้หากผู้บริหารระดับสูงไม่พึงพอใจในความก้าวหน้าของโครงการที่มีบุคลากรร่วมทีมประมาณ 200 ชีวิต ทั้งนี้ บริษัทรับสมัครคนเข้ามาร่วมทีมข้างต้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของแบตเตอรี่และหุ่นยนต์
เช่นเคย โฆษกของแอปเปิลปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อข่าวนี้
ที่มา: Bloomberg Business
Comments
เอาจริงเหรอเนี่ย
อีกแค่ 5 ปี ในไทยไม่รู้จะมีการพัฒนากฎหมายรองรับเรื่องมอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้าให้ทันยุคได้เมื่อไหร่
ออกมาผมซื้อแน่
หมายถึงรถยนต์ที่ยังต้องใช้คนขับอยู่สินี่
ต่อให้ Apple พร้อม
รถยนต์ไฟฟ้า เข้าไทยน่าจะยาก เพราะน่าจะโดน ปตn. ล๊อบบี้ เหมือนกับที่บรรดางานวิจัย รถพลังงานทางเลือกต่างๆ มักไม่ถูกผลักดันโดยรัฐ
หรืออาจลอบบี้รัฐ ยังไม่ให้อนุมัติกฎหมายที่รองรับกับรถระบบใหม่ๆ จนกว่า ปตn. จะมั่นใจว่ามีช่องทาง ทางธุรกิจในส่วนนั้นๆ
ผมมั่นใจว่าเรื่องพวกนี้ ปตn. ทำได้ เพราะทุกวันนี้ ก็แทบจะผูกขาดทางพลังงานในประเทศไปแล้ว
.
.
อันนี้ ผมมองในมุมมองชาวบ้านๆนะ ไม่ได้รู้อะไรมาก
จริงๆเค้ามีการทดลองทำปั๊มสำหรับ EV แล้วนะครับมีตัวต้นแบบอยู่ที่ศูนย์วิจัยที่วังน้อย
ถ้ามีการทำจริงก็เพิ่มไปใน funciton ปั๊มหลักได้เลย ขอแค่มีระยะ Safety ซะหน่อย
แล้วจริงๆก็เริ่มมีการทำธุรกิจสายโรงผลิตไฟฟ้า เพื่อต่อยอดกับ ระบบก๊าซเรียบร้อยแล้วด้วยครับ
เพราะงั้นถ้า Demand Shift ไปทางไฟฟ้าจริงๆก็น่าจะพร้อมอยู่ระดับหนึ่ง เพราะจริงๆโรงกลั่นเป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นไม่ได้เยอะมากส่วนมากอยู่ที่ 49% แถมมีแนวโน้มจะให้ขายหุ้นออกเรื่อยๆด้วยตามคำสั่งของรัฐบาล
ถ้าอย่างนั้น ก็มีความหวังบ้างแล้ว :)
ก่อนจะถึงวันนั้น นอกจากรถจะชาร์ตแบตที่บ้านจนพอแล้ว วิ่งเองได้แล้ว ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ที่บ้านก็ชาร์ตเต็มวิ่งได้ 500-600 กิโลแล้ว มันก็ไม่ใช่ว่า PTT จะมี business model อะไรมารองรับได้หรอกคับ ถ้าอนาคตมันเปลี่ยน ยังไงพวกนี้ก็ต้องเปลี่ยน ไม่แน่ EGAT ไปตามด้วย
รอดู Samsung Car Galaxy ด้วยคน
ถ้าเข้าไทยต้องตอบโจทย์พวกนี้ให้ได้ก่อน เช่น ราคาขายต่อ, ศูนย์ซ่อม, ศูนย์ทำสี, สต๊อคอะไหล่, Knowledge ช่าง, ประกันศูนย์, ไฟโปรเจกเตอร์, ความเร็วเฉลี่ย 0-100,
ไม่งั้นอย่าหวังจะได้แอ้มนักเลงรถเมืองไทยเลยครับ ขนาดเจ้าไม่ตลาดอัด Option เต็มยังโดนตำหนิ
ปล. แต่ตัดพวก VCS, ม่านถุงลม คานกันกระแทกหรือเทคโนโลยีความปลอดภัยออกได้นะ นักเลงรถเค้าไม่สน..
สินค้า apple ราคาขายต่อต้องสูงอยู่แล้วคับ ศูนย์ซ่อมยังไงก็น่ากังวล ยังไงมันเจ๋ง คนก็ซื้ออยู่แล้ว อะไหล่ก็รอได้ ประกันมาเต็มอยู่แล้ว เทคโนโลยีก็ต้องจัดเต็ม ราคาก็เต็มด้วย ตลาดคนทั่วๆไปจะซื้อไหวหรือป่าว น่าจะเป็นคำถามแรกที่น่าถามนะคับ 55
ตลาดรถก็คือตลาดรถครับ อย่านึกไปเองว่ามันคือตลาด Geek เหมือนกับสงคราม Next-gen console นะหล่ะ ที่ Xbox one ถูกใจ Geek แต่ไม่ได้ถูกใจ Gamer ยอดขายมันจะบอกเอง
กำลังซื้อไม่ใช่สิ่งที่ต้องห่วง ถ้า Service ตอบโจทย์ได้ มันจะขายได้เอง บ้านเรารถ D-Segment, Luxury car เกลื่อน กทม
ถ้ามีโอกาสได้ศึกษาตลาดรถซักนิด ท่านก็จะเข้าใจเอง เพราะตลาดนี้มันละเอียดอ่อน จุกจิก เรื่องมาก และใช่ว่าจะเข้ามาได้ทุกยี่ห้อ ล้มกลับบ้านเกิดไปก็หลายยี่ห้อแล้ว สำหรับผม ถ้า Apple เข้ามาเล่นในบ้านเรา ผมก็จัดให้อยู่ในสถานะเดียวกันกับ MG ที่เข้ามาทำตลาดบ้านเรานะหล่ะ ศูนย์บริการไม่ต้องสืบ..
ไม่ต้องสนว่าเทคโนโลยีดีแค่ไหน เพราะบ้านเรารถเทคโนโลยีจัดเต็มมีเพียบ แต่ยอดขายแพ้รถวัสดุลดต้นทุนอย่างโตโยต้าหมด ทั้งที่ราคาพอกัน