Kirt McMaster ซีอีโอของบริษัท Cyanogen ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Business Insider ในหลายประเด็น เริ่มจากประเด็นว่า "ซัมซุงจะตกที่นั่งลำบาก"
เขาอธิบายถึงกระแสการเปลี่ยนแปลงของวงการสมาร์ทโฟนว่ามีคลื่นหลายลูก คลื่นลูกแรกคือการย้ายจากฟีเจอร์โฟนมาเป็นสมาร์ทโฟน ตามด้วยร้านขายแอพ และการขยับขนาดหน้าจอ 3-4 นิ้วเป็น 5 นิ้ว ซึ่งซัมซุงทำได้ดีมากในเรื่องนี้ จนแอปเปิลต้องเป็นฝ่ายวิ่งไล่ตามใน iPhone 6 Plus
อย่างไรก็ตาม คลื่นลูกถัดไปคือฮาร์ดแวร์ราคาถูกที่ใครๆ ก็ผลิตได้ (commoditization of hardware) ส่งผลให้บริษัทหน้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมาได้ง่ายมาก (ความสำเร็จของ Xiaomi หรือ Micromax เกิดจากโซลูชันฮาร์ดแวร์เบ็ดเสร็จของ Qualcomm และ MediaTek) ผลคือซัมซุงจะเผชิญชะตากรรมแบบโนเกียในอีก 5 ปีข้างหน้า และระยะยาวแอปเปิลก็น่าจะเจอปัญหาเดียวกัน
McMaster ใช้คำว่าซัมซุงจะถูกเชือดอย่างทารุณ (slaughtered) เพราะผู้ผลิตมือถือท้องถิ่นเข้าใจความต้องการของตลาดในประเทศ และเติบโตอย่างรวดเร็ว
ประเด็นต่อมา เขาพูดถึงบทสัมภาษณ์เก่าที่พูดถึง Android ที่ไม่ต้องผูกกับกูเกิล โดยขยายความเพิ่มเติมว่าตอนนี้มีผู้ใช้ Android ราว 1.5 พันล้านคน และตัวเลขนี้สามารถขยับไปได้ถึง 5 พันล้านคนในอนาคต การเติบโตของ Android ในอีก 5 ปีข้างหน้าจะกลายเป็นแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน
Cyanogen มองว่าด้วยยอดผู้ใช้งาน 5 พันล้านคน มีที่ว่างพอสำหรับ Android ประมาณ 2-3 สายพันธุ์ ที่มีผู้ใช้อย่างน้อย 200-300 ล้านคน (ส่วน Google Android มีผู้ใช้ 2-3 พันล้านคน) หนึ่งในนั้นมี Xiaomi และเขามั่นใจว่า Cyanogen จะสามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ถ้าสามารถสร้างแพลตฟอร์มที่มีคนใช้ประมาณ 500 ล้านคน เราจะสามารถต่อยอดธุรกิจได้อีกมาก
McMaster บอกว่า Android ในปัจจุบันเป็นแค่ "เปลือก" (shell) เพื่อส่งผ่านไปยังบริการของกูเกิล สมมติว่าเราเปิด Google Now แล้วสั่งให้เล่นเพลง สิ่งที่เกิดขึ้นคือบริการของกูเกิลจะค้นหาเพลง แล้วส่งเพลงจาก Google Play Music มาเล่นบนเครื่องเรา แนวทางแบบนี้ของกูเกิลไม่เปิดโอกาสให้บริการเพลงออนไลน์อื่นๆ อย่าง Spotify ทำงานได้แบบเดียวกัน แต่ Cyanogen ต้องการช่วยให้บริการแบบ Spotify เข้าถึงเคอร์เนลระดับล่างได้มากขึ้น
เขายืนยันว่ายังรักบริการของกูเกิล ตัวเขาเองใช้บริการของกูเกิล และคาดว่าผู้ใช้ Cyanogen ก็จะใช้บริการของกูเกิลกันต่อไป แต่ Cyanogen ต้องการสร้างทางเลือกให้ผู้ใช้ สร้างแพลตฟอร์มเปิดที่ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะใช้ Google Maps หรือ Here Maps ที่เข้าถึงระบบได้ในระดับเดียวกัน
สุดท้าย เขาปฏิเสธไม่ตอบคำถามเรื่องไมโครซอฟท์ลงทุนใน Cyanogen โดยบอกว่าจะแถลงข่าวเรื่องการรับเงินลงทุนรอบใหม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ที่มา - Business Insider
หมายเหตุ: Cyanogen เพิ่งเปลี่ยนโลโก้ใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ด้วยครับ - Cyanogen
Comments
ถ้ามันถึงจุดๆนั้น ผมว่า samsung คงดริฟได้อยู่แล้วครับ เหมือนว่าโครงสร้างบริษัท samsung เป็นแบบคลัสเตอร์ หากมีส่วนไหนกู่ไม่กลับก็ตัดทิ้งซะ ส่วนแผนกการผลิตยังมีอยู่อาจจะผันตัวไปทำงานรับจ้างผลิตเต็มตัว ส่วนด้าน R&D เขาก็โยกไปวิจัยด้านอื่นต่อ
คือตัว McMaster ไม่ได้พูดออกมาชัดๆ ผมเลยไม่กล้าแปลเพิ่มเอง แต่เข้าใจว่าบริบทที่เขาพูดถึงนี่ครอบคลุมแค่ Samsung Mobile นะครับ
เหมือนกับเคสของโนเกียก็คือเจ๊งไปเฉพาะธุรกิจมือถือ ยังหากินกับ NSN ได้สบายแถมรุ่งเรืองดีด้วย
ผมก็เข้าใจแบบนั้นเลยครับ
ซัมซุงไม่ได้ผลิตแต่โทรศัพท์นี่นา ขนาดรถถังซัมซุงยังผลิตเลย สักเบือยันเรือรบ ฯลฯ
อีกอย่างซัมซุงยังมีงานผลิตฮาร์ดแวร์อีกมากมาย ที่ส่งให้บริษัทต่าง ๆ
ส่วนตัวผมไม่เคยใช้ซัมซุงเลย ใช้ของเกาหลีอยู่แต่เป็น LG Nexus4 ปัจจุบันยังใช้ได้ดีอยู่
บอกลา Cyanogen หลังบอกเลิกกับ Oneplus #ทีมOneplus
แซมซุงเหมือนโซนี่มากกว่า ถึงมือถือขายไม่ดี ก็ยังมีอย่างอื่นพยุงให้รอดต่อไปได้ แต่จะนานแค่ไหน?
อนาคตไม่แน่นอน ตอนนี้ Xiaomi ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดเยอะมาก ตามแนวแซมซุงกับโซนี่มาเลย แต่ใช้การตลาดอย่างการตัดราคาเจ้าอื่นเกินครึ่ง(ถูกเว่อร์ว่าง้น) และขายเฉพาะออนไลน์ โดยไม่เช่าพื้นที่ห้างที่ต้องเสียเดือนหนึ่งนับแสนบาทให้สินค้าแพงขึ้นโดยไม่จำเป็น การซื้อของออนไลน์ในประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนาเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ คิดว่าต่อไป Xiaomi คงกิน % ของโซนี่กับแซมซุงในตลาดอื่นได้เยอะขึ้นเรื่อยๆครับ
Xiaomi นี่ไม่น่าจะยิ่งใหญ่ในด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ครับคือขายดีก็จริงแต่คือเป็นเทคโนโลยีคนอื่นที่เอามาสั่งผลิตขายในราคาถูกและลดต้นทุนด้านการจัดการทำให้มีกำไร ทั้งโซนี่และซัมซุงมีทีมวิจัยเป็นของตัวเองที่ก้าวหน้าพอสมควรสามารถเป็นคนพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆของโลกให้เป็นมาตราฐานใหม่ๆได้ เช่นวิจัยจอโค้ง แรมแบบใหม่ เครื่องซักผ้าแบบนํ้าหมุนหลายแกนไรงี้ ซึ่งXiaomi เทียบไม่ได้แน่ๆ ซัมซุงนี่ผลิตตั้งแต่ฝาประตูบ้านยันแท่นขุดเจาะนํ้ามัน แถมประกันภัยและธนาคารให้ด้วยอะ บ้านเราเองก็มีประกันซัมซุงนะครัชช
CEO เคยให้ข่าวไว้ว่าเขากำลังไล่วิจัยงานต่าง ๆ และจดสิทธิบัตรโดยตั้งเป้าว่าจะต้องจดให้ได้เท่าไหร่ต่อเดือน ต่อปี (ผมก็จำไม่ได้)
แต่หลัก ๆ คิดว่าคงจะสร้างสิทธิบัตรไว้ต่อรองตอนเข้าตลาดตะวันตก เพราะ Xiaomi น่าจะโดนเล่นเยอะ
ส่วนจะเอางานวิจัย หรือสิ่งที่พัฒนา หรือคิดได้จนเอาไปจดสิทธิบัตรสำเร็จ แล้วจะเอามาต่อยอด ทำต่อได้ขนาดไหนคงต้องรอดูอีกนาน
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
R&D จดให้เยอะยังไงก็สู้บริษัทใหญ่ที่มีทีมวิจัยขนาดใหญ่แบบ Samsung Sony Microsoft Google Apple บลาๆๆๆๆๆ อะไรพวกนี้ไม่ได้หรอกครับ ขนาดui MI Rom ตอนนี้ผมว่ายังโดนสิทธิบัตรบริษัทใหญ่ๆมีผลงานวิจัยมานานเล่นงานเอาได้เลยถ้าเขาจะฟ้องจริง
ผมว่าซัมซุงนี่เป็นเป็ดนะ คือมีของดี(?)หลายๆอย่างอยู่ในมือ แต่ไม่สามารถทำให้มันดีจนถึงขั้นสูงสุดได้
อย่าง Exynos ไหนๆ Samsung ก็เลือกที่จะทำ SoC ของตัวเอง (แถมใช้งานอยู่คนเดียวด้วย?) แทนที่จะ customize มันให้สุดๆแบบ Qualcomm(Krait, Kyro), Apple(Swift, Cyclone) ไปเลย กลับเลือกใช้ A57/53+Mali แบบมาตรฐานที่ใครๆเค้าก็ใช้ตามๆกันได้(MediaTek) กลายเป็นว่า SoC ที่ทำเองก็ไม่ได้ดีกว่าคนอื่นแถมจะแย่กว่าซะด้วย
RAM/NAND คุณภาพสูงของตัวเองก็มี โดยเฉพาะ NAND แต่กลายเป็นว่า NAND ที่นำมาใช้รุ่นก่อนๆ(ก่อนS6) กลับเป็น NAND/controller ความเร็วต่ำๆ ที่โดน G3/Z3/MX4 ตบไป ฝั่ง RAM ตัวเองก็พัฒนาเม็ดแรมความจุสูง[1],[2] เสร็จมานานแล้ว แต่ก็ไม่เอามาใช้ซักที จนพวก Hynix ทำแข่งได้สำเร็จจนค่ายอื่นๆเอามาใช้นั่นแหละตัวเองถึงเอามาใช้มั่ง
S-AMOLED มีข้อดีที่ pure black ก็สามารถเอามาปรับให้สีตรงกับมาตรฐานได้ แต่ไม่ทำ ดันปรับสีแจ๊ดจนคะแนนรีวิวตก
ecosystem ก็เหมือนกันมีทุกอย่าง แต่ไม่เข้าใจวิธีการทำงานของ ecosystem ไม่จูงใจนักพัฒนาด้วย APIs ที่ดี สุดท้ายก็ล่มไม่เป็นท่า รวมถึงการต่อต้านนักพัฒนาสาย opensource จนเค้าขยาดไปหมด
ระบบ customer service ก็มีอยู่แทบทุกประเทศ แต่ไม่ควบคุมการบริการที่ดี จนเค้าสาบส่งกันไป
เรื่อง designer อีก
มี S6 มีแหละที่ค่อนข้างดูดีขึ้นมาหน่อย แต่จะกู้สถานการณ์ได้หรือเปล่า?
เทียบกับ Apple นี่ - มีของดี, เอามาขายได้
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+1024
WE ARE THE 99%
"อย่าง Exynos ไหนๆ Samsung ก็เลือกที่จะทำ SoC ของตัวเอง (แถมใช้งานอยู่คนเดียวด้วย?) แทนที่จะ customize มันให้สุดๆแบบ Qualcomm(Krait, Kyro), Apple(Swift, Cyclone) ไปเลย "
ผมว่าตรงนี้ไม่น่าใช่นะครับ Qualcomm apple เองก็ซื้อโครงสร้างหน่วยประมวลผลหลักจาก arm ที่มีเยอะมากเช่น A7 A8 A9 A15 A57 ซึ่ง Qualcomm กับแอปเปล รุ่นที่ใช้อยู่ปัจจุบันน่าจะเป็น cortex A15 เพียงแต่เพิ่ม หน่วยประมวลผลอื่นๆเข้าไป
ยกตัวอย่างหน่วยประมวลผลกราฟฟิก Qualcomm ทำเอง ชือ adreno , apple ซื้อ powerVR มาใส่ ,ss ซื้อ mali มาใส่ เป็นต้น
แล้วเอามาตั่งชื่อใหม่อย่างที่เราเห็นๆกันซึ่งจะเห็นว่าไม่ต่างกันซักจ้าวครับเพี่ยงแต่ samsung เลือกหน่วยประมวลผลอื่นๆเข้ามาแล้วเอามาต่อสู้เจ้าอื่นไม่ได้เท่านั้นเอง
ส่วน S-AMOLED หลังๆสีนี่ตรงนะครับจากผลทดสอบ display mate เพียงแต่ตาเราๆยังชินกับจอแบบเดิมที่ใช้แสงสีขาวผ่านของเหลวสีอยู่ก็เท่านั้นเอง
Qualcomm(Krait/Kyro)/Apple(Swift/Cyclone) ใช้ custom 'CPU' core ที่ออกแบบเองโดยเป็น ARM v7-A/v8-A compatible ครับ ไม่ได้ใช้แปลน Cortex-Ax/Axx ที่ออกแบบโดย ARM โดยตรง อันนี้ให้นึกถึง AMD กับ Intel ครับ
อีกเจ้าที่ใช้ custom core ก็ NVIDIA Denver ครับ
ข้อแตกต่างของแต่ละ core ก็ตามนี้ครับ v7-A,v8-A
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
อันนี้ตัวล่าสุดครับ
https://www.qualcomm.com/products/snapdragon/processors/615
อันนี้wiki ครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Qualcomm_Snapdragon
ส่วน v7-A,v8-A จำไม่ค่อยได้แต่ที่คุ้นๆน่าจะคือชุดคำสั่งครับ
ผมพูดถึง 'Krait และ Kyro' กับ 'Swift และ Cyclone' ไม่ได้พูดถึง 'Snapdragon 615' ครับ
เรื่อง Snapdragon นี่อยากให้คุณลองหาข้อมูลดูครับว่า Snapdragon 800, 801, 805 ใช้สถาปัตยกรรมอะไร
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เท่าที่ดูคือเป็นการใช้โครงสร้าง Arm ชุดคำสั่ง V7 เหมือนกับ Arm Cortex ครับ
ซึงผมคิดว่าควอควอมน่าจะเอา โครงสร้าง Arm ซักตัวมาทำครับเพียงแต่ไม่เปิดเผยครับเช่นเดียวกับ apple โดยจะเ้พิ่มจะลดอะไรก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตและข้อตกลงกับ arm และเมนอลมั้ง
และที่ผมเอา 815 มาเพราะเป็นตัวที่ทำตลาดตัวทอปอยู่ตอนนี้ ซึงอนาคตอาจจะลดหรือเพิ่มอะไร และเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรก็ขึ้นอยู่กับ คอควอมแล้วครับแต่คอหลักก็ยังเป็น arm cortex xx อยู่เหมือนเดิม
ยื่นข้อมูลทุกอย่างให้แล้ว จะคิดเองขนาดนั้นก็ตามสบายครับ ลองไปหาดูครับว่า'โครงสร้าง' ARM ตัวไหนมี 6-wide decode, 192 reorder, 2 load/store, L3 cache
หรือลองไปถาม AMD ดูครับว่าตอนนี้ AMD ใช้'โครงสร้าง' CPU รุ่นไหนจาก Intel
??????
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
มั่วแล้วท่านน A15 เป็นARM v7a ไม่ใช่ 64 bit ขนาดapple a7ตัวเก่ายังเป็น 64บิทนะครับซึ่งก็เป็น ARM v8a แล้วอีกอย่างเขาซื้อจาก arm แค่ไลเซ่นพิมพ์เขียวไว้สร้างซีพียูที่เอามาปรับต่อครับส่วนอื่นๆเขาดีไซน์ใหม่เอง จริงๆแล้วA8ของแอปเปิ้ลนี่ไม่เป็น A57 หรือ A53 ด้วยซํ้า ถึงเรียกว่า cyclone เป็นโค้ดเนมแทน ซึ่งก็มีพื้นฐานมาจาก arm v8a เหมือนกับ A57 A53 หรือ Snapdragon 810
ก๊อปมาให้อ่านนะครับ
โดยปกติแล้ว ARM จะขายไลเซ่นส์สองแบบให้กับผู้ผลิตหรือผู้ออกแบบชิป อย่างแรกคือการขายสเปคอย่างละเอียดของหน่วยประมวลผลเป็นรุ่น ๆ ไปอย่าง Cortex A8, A9, A15 แต่อีกอย่างก็คือการขายวิธีการสร้างสถาปัตยกรรมใหม่ขึ้นมาเพื่อการผลิตชิปแบบ custom ได้ โดยแอปเปิลมีไลเซ่นส์จาก ARM ทั้งสองแบบ (เช่นเดียวกับ Qualcomm ที่มีทั้ง Snapdragon ที่มาจาก Cortex A9 และ Scorpion/Krait ที่ออกแบบเอง)
เขาจึงหมายถึงไหนๆก็ทำชิปออกมาแล้วซัมซุงก็น่าจะทำชิฟออฟติไมซ์ให้ดีเลยทำเฉพาะของตัวเองไปเลยแบบที่แอปเปิ้ลหรือQualcomm ทำ
ผมใช้คำว่าน่าจะนะครับ คือไม่แน่ใจแต่น่าจะเป็นซักตัวที่อยู่ในไล ARM ที่ขายซักอันต้องเปิดดูใน
เวปหลัก 615 ที่ใช้อยู่ครับ
Quad-core 1.7GHz ARM Cortex A53 + quad-core 1.0GHz A53
32-bit and 64-bit capable ซึ่งผมก็คิดว่า apple ก็คงไม่ต่างกันครับ
เพราะผมคิดว่าการออกแบบโครงสร้าง CPU เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและโครงสร้างหลายๆอย่างน่าจะมีลิขสิทกันหมดแล้วไม่น่าจะเข้าไปแก้ได้ และที่แก้ได้น่าจะมีระบุใน manual ของ arm รุ่นที่ซื้อมา เช่น A9 รองรับหลายคอเป็นต้น
อันนี้คุณคิดไปเองครับ ข้างบนผมก็สร้าง link เปรียบเทียบให้แล้วนะครับว่า v7-A, v8-A แต่ละตัวแตกต่างกันยังไงบ้าง
ถ้ายังไม่ได้ดูก็เข้าไปดูใหม่ได้ครับ v7-A, v8-A
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
"เพราะผมคิดว่าการออกแบบโครงสร้าง CPU เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและโครงสร้างหลายๆอย่างน่าจะมีลิขสิทกันหมดแล้วไม่น่าจะเข้าไปแก้ได้ และที่แก้ได้น่าจะมีระบุใน manual ของ arm รุ่นที่ซื้อมา เช่น A9 รองรับหลายคอเป็นต้น" อันนี้อ้างอิงต่อจากข้างบนนะครับ เพื่อที่โครงสร้างที่ซื้อมาน่าจะมีความยืดหยุ่นข้อตกลงของทาง ARM น่าจะมีว่าเพิ่มลดอะไรได้บางจาก manual ซึ่งผมคิดไปเองแบบนี้เพราะ ถ้าทุกคนไม่ต้องซื้อแต่ทำเองกันหมด arm คงเจ้งแน่เลย
จริงๆ ถ้าคุณเลิกคิดเอง แล้วหาข้อมูลเพิ่มสักนิด มันก็ไม่ได้ยากอะไรนะครับ
ARM
Qualcomm
คือต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่ผู้เชียวชาญครับแต่จากที่อ่านๆข่าวมาก็คิดไว้อย่างงี้ตลอดและไม่ค่อยเก่งภาษเท่าใหล่เลยตีความไม่เข้าใจจากลิ้งที่ส่งให้อยากขอความรู้หน่อยครับ
โดยข้างบนถ้าตามไปอ่าน ARM จะมีให้ Download โปรแกรมสำหรับออกแบบ arm ซึงจะคิดเงินตามที่ออกแบบว่าใช้อะไรยังไงซึงทุกบริษัทที่ใช้ Arm จะต้องใช้โปรแกรมนี้รึเปล่าครับ
และ Qualcomm ไม่ได้ใช้โปรแกรมนี้ในรุ่น custom arm แต่สร้างขึ้นมาเองโดยให้สามารถใช้คำสัง ARM v7 ใช่ใหม
และ เสียเงินให้ arm หรือเปล่า เพราะเท่าที่แปลออกเหมือนสร้าง CPU มาใหม่ที่สามารถใช้ชุดคำสั่งของ ARM
http://en.wikipedia.org/wiki/Qualcomm_Snapdragon
จากเวปนี้จะเห็นว่าเริ่มต้นของ line cpu จะเริ่มด้วย Cortex ซักตัว หลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นชื่อของตัวเองเหมือนกับว่าเอา Cortex มาเพิ่มโนนเพิ่มนี่แล้วเปลี่ยนชื่อ ถ้าเป็นอย่างที่บอกแสดงว่า cpu custom โครงสร้างไม่ใช้ Cortex ใช่ใหมครับ
สิ่งที่ arm ให้คือข้อมูลออกแบบและสเปคต่างๆ ไลเซนส์ของ arm มีหลายระดับ
มีตั้งแต่แบบสำเร็จรูป arm ไปออกแบบลายวงจรซิลิกอนสำเร็จรูปร่วมกับโรงงานเรียบร้อยแล้ว คนที่ซื้อไลเซนส์แค่ไปสั่งผลิตแล้วก็ตกลงซื้อขายจ้างผลิตกับโรงงาน หรือจะเอาแบบที่ออกแบบระดับลอจิคคัลไว้แล้วไปสร้างเวเฟอร์เองในโรงงานของตัวเองหรือโรงงานอื่นที่ไม่ได้ดีลกับ arm ไว้ก็ได้
ไลเซนส์แบบนี้มักจ่ายค่าไลเซนส์เป็นต่อชิ้น
ไลเซนส์อีกแบบเป็นไลเซนส์ระดับ architecture จ่ายค่าไลเซนส์เป็นรายปีราคาแพงพอสมควร ระดับนี้มีแค่สเปคคำสั่งให้ แต่ลายวงจรต่างๆคนที่ซื้อต้องไปออกแบบเอง จะออกแบบให้หรูเลิศอลังการขนาดไหนก็ได้ แล้วแต่ฝีมือคนออกแบบ
บางอย่างที่ใส่เข้าไปเกินสิทธิบัตรของ arm อาจโดนเจ้าของสิทธิบัตรรายอื่นฟ้องเอาก็ได้ ก็ต้องไปตกลงหรือซื้อไลเซนส์กับผู้ถือสิทธิบัตรรายอื่นๆด้วย
การออกแบบชิปสำหรับฝรั่งหรือบริษัทใหญ่ๆแล้ว มันไม่ได้ยากเกินความสามารถ เขาสามารถดึงคนเก่งๆจากบริษัทที่ทำด้านนี้อยู่แล้วมาทำให้ได้ เป็นการจ้างงานธรรมดาๆ บ.ที่คิดออกแบบเองก็ต้องมีตลาดใหญ่มากพอ
การออกแบบเองสามารถใส่ประสิทธิภาพบางอย่างที่เหนือกว่าสินค้าระดับธรรมดาที่บ.นั้นคิดว่าควรจะใส่เข้าไป
ถ้าขายได้มากพอก็คุ้มค่าออกแบบเพราะจะทำให้ได้เปรียบในการขาย
ส่วนบ.รายย่อยอย่างก็ใช้ชิปสำเร็จรูปจาก arm ไป ข้อดีคือไม่ต้องลงทุนออกแบบไปก่อนโดยที่ไม่รู้ว่าจะขายได้หรือไม่ได้หรือขายได้ในจำนวนมากพอที่จะคุ้มกับการลงทุนหรือเปล่า หรือแม้แต่ไม่รู้ว่าจะออกแบบแล้วมีประสิทธิภาพดีกว่าที่ arm ออกแบบไว้หรือเปล่า
อีกนิดครับจากเวป http://en.wikipedia.org/wiki/Exynos ดูตัวล่างๆที่มี arm หลายชนิดอยู่ใน cpu ตัวเดียวกันอันนี้จะเรียกว่าarm สำเร็จรูปหรือเปล่า และอยู่ใน ไลเซนส์ระดับใหนครับ
เอ ผมว่าคุณไม่เข้าใจคำว่า SoC นะครับ
system on chip ครับ คือทุกอย่างอยู่บนชิพเดียว
โครงสร้งพื้นฐาน ARMอะไรซักอย่าง ยังคงเดิมเพิงแต่เพิ่มองประกอบเข้าไป เช่น pipline แคช จีพียู 4g อื่นๆ ออกมาเป็น chip เดียว
ผมเข้าใจผิดรึเปล่าครับ
เข้าใจใหม่นะท่าน
Apple เลิกใช้ Cortex ทำตั้งแต่ A5 แล้วครับ A6 ก็ซื้อ ARMv7-A มา Custom Core เอง A7 - A8 ยิ่งแล้วใหญ่ ดูอย่าง Tegra K1 ที่เป็น 64 บิท นั่น nvidia ก็ซื้อ ARMv8-A ไป Custom เอง แรงกว่าพวก Cortex A57 อีก ทั้ง ๆ ที่มีแค่ 2 หัว
ดังนั้น Cortex A ต่าง ๆ กับ ARMv7-A / v8-A มันคนละอันกันครับ
Samsung ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเค้าเองก็มีเทคโนโยยีทางด้านชิปเป็นของตัวเองนี่นา Apple เองก็มีแนวโน้มที่จะพยายามผลิตชิปของตนเองขึ้นมาเหมือนกัน ที่จะไปไม่รอดก็คือตัว OS มากกว่า มือถือของ Samsung ทุกอย่างตอนนี้ต้องไปขึ้นกับ Google หมด วันไหน Google ขี้ไปทางไหน Samsung ก็ต้องวิ่งตาม ซึ่งต่างจาก Apple มี OS เป็นของตัวเอง แถมยังสร้างพวกบริการและ ecosystem ที่ลอกไม่ได้(คงเข็ดกับมือลอกแล้ว) เช่น Apple pay, Metal, Continuity, iCloud รวมไปถึงการขายเพลง ประมาณนี้ ผมว่าซัมซุงต้องแก้เกมตรงนี้ให้ได้มากกว่าครับ
apple เองก็มีเทคโนโลยีทางด้านชิปเป็นของตัวเอง
+1 คือคนอื่นชอบมองข้ามมาก ผมว่าแอปเปิ้ลนี่เก่งทำชิปมากพอสมควรเลย A8X เบนช์มาร์คชนะ intel core m แบบนี่ ซีพียูแค่สองคอร์ 1.3 กิ้กแต่เป่าหัวซีพียูท้อปเจ้าอื่นสี่คอร์กระจุย คนชอบมองคอร์เยอะๆ สัญญาณนาฬิกาสูงๆ แล้วบอกแอบเปิ้ลซีพียูกั้กซึ่งที่จริงแล้วชิปแอปเปิ้ลนี่แจ่มมากใช้สถาปัตยกรรมใหม่สุดของตลาดเลยเท่าที่เห็นแต่เสียอย่างเดียวงกแรมมากกกกกกกกกกกกกไม่รู้จะหวงไปไหน
Core m ตัวท็อป????
ผมเขียนตรงไหนว่าตัวท้อปครับ
ชนะคอร์M? o_O
http://browser.primatelabs.com/geekbench3/compare/922000?baseline=1061742
เอิ่ม .... User บ้านๆ
ผมuser บ้านๆจริงๆครับ กินข้าวแกงนั่งบีทีเอสไม่ได้เป็น user ระดับไฮนั่งออฟฟิศเขียนโค้ดแก้แอพ
Ref. http://browser.primatelabs.com/geekbench3/compare/922000?baseline=1061742
จำได้ว่าอ่านข่าวจากในนี้แหละครับว่าผลทดสอบคอร์เดี่ยวแพ้แต่ออกมาโดยรวมสามคอร์ชนะไปแล้วผมก็ไม่ได้หมายถึงตัวท้อปด้วยว่าcore mแพ้
Apple pay, Metal, Continuity, iCloud ลอกไม่ได้ ?
ผมเห็นมีก่อนที่เขาจะทำแล้วทั้งนั้น
มีแล้ว แต่เขาสร้าง ecosystem จากพวกนี้ได้รึเปล่าครับ? แค่คุณซื้อเพลงจาก itune ก็เท่ากับก้าวขาข้างหนึ่งมาให้ Apple แล้วครับ
Google Wallet ละ ? ตัวนี้มาก่อนนะ หรือผมเข้าใจอะไรผิด ???
Mekokung's Story บล็อกส่วนตัวที่ย้ายไป Blogger แล้วนะ
ความสำเร็จลอกกันยากครับ แต่ Apple Pay มันก็ยังไม่ถึงกับเป็นมาตรฐานอ่ะนะ
ชี้ไปทางไหน :)
ยอดขายอาจจะลดลง แต่คงไม่ถึงขั้นเป็นแบบ Nokia หรอก เพราะยังไง Samsung ก็ยังมีจุดแข็งหลายอย่างอยู่ โรงงานของตัวเองก็มี เทคโนโลยีของตัวเองก็มีอยู่
Overhead สูง
Shop เงียบเหงา
เสียที่ 1 ลงมาเป็นที่ 2 แบบเฉือนกันนิดเดียว
จะบอกว่า Shop เงียบเหงามัน ... แรงไปนะ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ขอโทษนะครับ คือไม่ได้อยากถากถางอะไรนะครับ แต่ส่วนตัวผมอดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าในทางกลับกัน การที่บอกว่า Apple กำลังจะล่มสลาย อะไรทำนองนี้ ไม่แรงไปสำหรับคนที่ชอบ iOS เหรอครับ? เพราะสภาพของคำที่ใช้มันก็คล้ายๆ กัน (vice versa) กับกรณีนี้
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ไม่เกี่ยวกับเนื้อหา แต่เห็นคำว่า vice versa นี่ผมรู้สึกว่าปัจจุบันมันจะแปลว่า
#ความรักก็เช่นกัน ไปแล้วนะครับ lol
อันนั้นผมพูดถึงส่วนแบ่งยอดขายในตลาดโลก 1x% บน os เดียว จากแต่ก่อน 70% up ชัดว่าเป็นขาลงและตอนนี้ก็ยังลดลงอย่างต่อเนือง
บอกว่าเป็น tipping point ตอนนั้นมันออกจะช้าไปด้วยซ้ำ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
สิ่งที่ผมสนใจและเป็นประเด็นจากที่ผมตั้งคำถามก็คือ ทำไมเวลาคนอื่นพูดว่า shop เงียบเหงา (ซึ่งอาจจะเกิดจาก personal observation อะไรก็ตามแต่ ที่พอจัดได้ว่ามีหลักฐานจาก empirical observation) คุณกลับบอกว่า มันแรงไปนะ ซึ่งในทางกลับกัน ข้อสังเกตของคุณที่มีพื้นฐานแบบเดียวกัน (ไม่ว่าจะโดย statistical observation, empirical observation) และพอคุณสรุปออกมาว่า Apple กำลังจะล่มสลาย อะไรทำนองนี้ คุณถึงกลับไม่บอกว่าข้อสังเกตคุณมันแรงบ้าง?
ออกตัวตรงนี้ว่าผมไม่ใช่สาวกค่ายไหนเลย (ใช้มันหมดทุกเจ้า) ปัญหาผมอยู่ที่ว่า ทำไมในกรณีที่มีลักษณะอันพอจะเทียบเคียงกันได้ หรือคล้ายๆ กัน ทำไมคุณถึงตอบต่างกันเท่านั้นเอง
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
เออ อันนี้ผมงงนิดนึงนะ ถ้าบอกว่าสัดส่วนส่วนแบ่งยอดขายมันลดลง อย่างนี้สมมุติ Ford ออกขายรถยนต์คันแรกของโลกมีส่วนแบ่งตลาด 100% แต่ขายได้ 100 คัน แล้วปีต่อมามียี่ห้อ A กับ B ออกรถยนต์มาแข่ง ทำให้ Ford เหลือส่วนแบ่งตลาด 90% แต่ขายได้มากขึ้นเป็นหมื่นคัน แบบนี้ยังเรียกว่าขาลงมั้ยครับ
คือจะบอกว่าผมเข้าใจที่คุณพยายามจะอธิบายนะครับ
สมมติ ถ้าปีนี้ทุกยี่ห้อขายมือถือได้ 100 ล้านเครื่องเป็นของ Apple ซะ 30 ล้านเครื่อง (30%)ปีหน้าขายรวมกันได้ 200ล้านเครื่อง เป็น Apple ซะ 50ล้านเครื่อง (25%) แบบนี้เห็นๆ ว่าส่วนแบ่งลดลง แต่ท่านเค้าลืมคิดไปว่าไอ้ 200ล้านนั่นเป็นเรือธง android สักเท่าไรเชียว รุ่นต่ำหมื่นก็เอามาบวกด้วย..?
สำหรับบางคน จินตนาการกับความเป็นจริงมันกำลังทับซ้อนกันอย่างรุนแรง
ปรับเสกลให้ถูกต้องก่อน
เรียบเรียงใหม่ :
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ไม่ตอบคุณ nrad6949 หน่อยเหรอครับ ผมก็อยากรู้ประเด็นที่คุณ nrad6949 ถามเหมือนกัน
ไม่มีอะไรต้องตอบวิธีการสำรวจไม่เหมือนกันผลอาจไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เค้าอ้างความรู้สึกและการสุ่มดูด้วยตัวเองบางเวลาบางร้านส่วนผมอ้างสถิติ ใครน่าเชื่อถือไม่สามารถ bias ก็ชัดเจนอยู่แล้ว
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
มันไม่เกี่ยวกับวิธีการสำรวจหรืออะไรเลย ต่อให้วิธีการของคุณมันได้มาตรฐานมากกว่า นั่นก็ไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นที่หลายคนสงสัยกันก็คือ ทำไมคุณกล้าพูดว่าคำว่า "shop เงียบเหงา" นั้นแรงเกินไปในขณะที่ตัวคุณเองยังพูดบ่อย ๆ ว่า Apple ใกล้ถึงกาลล่มสลาย และคุณไม่คิดว่าที่คุณพูดมานั้นมัน "แรงเกินไป" แต่อย่างใด
เพราะเท่าที่อ่านดู มัน 2 มาตรฐานค่อนข้างชัดเจน
ที่สำคัญ comment ตั้งต้นพูดถึง shop ของ Samsung แต่ที่คุณเอามาโต้แย้งแล้วบอกว่าเป็นข้อมูลเชิงสถิติที่น่าเชื่อถือได้นั้นมันคือข้อมูลของ Android ซึ่งถือว่าเป็นคนละ scope ชัดเจน ดังนั้นก็อย่ามาอ้างว่าข้อโต้แย้งของคุณน่าเชื่อถือกว่า มันฟังไม่ขึ้น
หันมาตอบเรื่องการตีความสำนวนคำพูดคำเขียนดีกว่าว่าแค่ไหน "แรงเกินไป" แค่ไหน "ไม่แรง" เพราะตราบใดที่คุณอธิบายตรงจุดนี้ไม่ได้ ผู้อ่านคนอื่นก็สามารถตีความได้ว่าคุณ over sensitive เกินไปและในขณะที่คุณใช้คำแรง ๆ กับ Apple ได้แต่คนอื่นห้ามใช้คำแรง ๆ กับ Samsung (ในกรณีนี้) หรือ Android
เอ็งห้ามทำ แต่ข้าทำได้
That is the way things are.
ในเชิงการวิจัย ตัวเลขสถิติที่เกิดขึ้นจากการกำหนด criteria ก็เป็น bias ครับ (อะไรควรจะนับและไม่นับ?)
คุณบอกเองว่าคุณเชื่อในหลักฐาน ซึ่งเจ้าของความเห็นเดิมแต่แรกเขาก็มีหลักฐานของเขาที่เกิดจากการสังเกต (empirical evidence) แต่คุณกลับปัดตก แล้วบอกว่าหลักฐานเชิงสถิติ (statistical evidence) ของคุณเชื่อได้มากกว่า
คำถามคือ ผมมีเหตุอะไรอันควรเชื่อในข้อมูลที่คุณบอก ผมอาจจะตั้งคำถามถึง methodology + epistemology ของที่มาสถิติชุดนี้ว่าไม่น่าเชื่อถือเลย และการพูดว่า Apple ล่มสลาย อาจจะมาจากข้อมูลชุดเดียวของคุณที่มี methodological flaw ตั้งแต่เริ่มต้นแล้วด้วยซ้ำ กล่าวให้ถึงที่สุดคือ bias ตั้งแต่ criteria เลยด้วย
คำถามผมก็ยังคงเดิม คุณเอาอะไรตัดสินว่า สิ่งที่เขาพูดมันแรง เพราะเมื่อสิ่งที่คุณตั้งคำถามถึง methodology + epistemology ของเขา มันก็มีปัญหาพอๆ กับของคุณ แต่คุณเลือกที่จะบอกว่า Apple ล่มสลายนั้นเป็นสิ่งที่ฟังแล้วไม่แรงและไม่มีปัญหาแทน
ในแง่นี้ ผมคิดว่าถ้าคุณมีสิทธิพูดว่า Apple ล่มสลาย เขาก็มีสิทธิพูดว่า shop ร้าง โดยที่ไม่เป็นการพูดแรง หรือไม่ก็ในทางกลับกันคือแรงพอกันทั้งคู่ครับ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
แล้วดู รายได้ กำไร อัตราผลการดำเนินงาน ROE การใช้จ่าย contents ใน ecosystem ด้วยมั้ยครับ?
การใช้จ่าย contents ใน ecosystem "ต่อคน" ของ Android จะน้อยกว่า ios ประมาณครึ่งหนึ่ง (อ้างข้อมูลปี 2013)
แต่ด้วยส่วนแบ่ง 13:80 ในปีนี้การทำ app ให้ Android จะมีรายรับมากกว่า ios ประมาณ 3 เท่า
... แน่นอนว่าการเปลี่ยนจาก boject c ไป java และการผึกเขียน responsive gui ไช้เวลาบ้าง แต่ น. เวลานี้ app หลายตัวบน Android ดีกว่า ios และ app หลายตัวไม่ลง ios เพราะนโยบายของ apple เอง
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
กลับประเด็นเดิมที่คุณ nrad ยกมาได้ไหมครับ?
ชะโงกดูเงาหน่อย ไม่ใช่เบี่ยงประเด็นมาเรื่องส่วนแบ่งทุกที (ข่าวเกี่ยวกับซัมซุง แต่ก็เอา ecosystem ของ Android ทั้งหมดราวกับว่าซํมซุง = Android อะไรประมาณนั้น)
@TonsTweetings
ต้นทุนละครับ ความสามารถในการบริหารสินทรัพย์?
ก็ยังไม่เห็นตอบประเด็นเรื่องแรงไปสักที
แถไปเรื่อย
เงียบเลยผมก็ คิดมาพักใหญ่แล้ว
ผมไม่ได้อยู่ใน 1.5 พันล้านคนแล้วละผมใช้ WP ต่อไปรอซื้อ Lumia 640 XL Android ลาก่อยย ใช้ WP ผมก็ happy แล้วละ ไม่มีพวกมาขอเล่นเกมด้วย ตอนใช้ Android รำคาญมาก
+10 for phone ครับน่ารำคาญสุดๆ แล้วหลุดพ้นเมื่อใช้ WP เพราะแม้แต่ไลน์ยังไม่แสดงผลให้รำคาญใจ
แอบเจ็บเลยครับ 55+
I am Cortana.
Nice to meet you.
ตั้งค่าไม่รับได้ครับ
เอิ่ม....บ้านเราลงมาเล่นธุรกิจประกันแล้วด้วย ไม่รู้คราวหน้าจะแขนงไหนต่อละครับ
แค่เห็นโฆษณาโดยพี่โน้ตผมก็อึ้งละ
มีมานานก่อน smart phone อีกครับ
ประกันนี่มีมานานแล้วนะครับ ก่อนสมาร์ตโฟนจะเกิดซะอีกมั้ง อยู่ถนนเพชรบุรีอ่ะเคยนั่งรถผ่าน
มียา samsung ยา LG ด้วย
ดริฟใหญ่เลย หลังจากโดนแฟนแอนดรอยถล่ม แหม..บอกจะแย่งแอนดรอยมาจากกูเกิล
อะไรนะ Xiaomi ที่แอบใส่มัลแวร์เหมือน Lenovo อะนะ เลิกใช้ไปหมดละแบนของจีน
ปล.ไม่รู้ถ้าซื้อรถไฟจากจีนจะแถม Baidu train faster หรือเปล่า:P
จากชุมชน Xiomi เห็นคุยกันว่า CEO ออกมาบอกแล้วว่าไม่ได้ใส่ลงไป คาดว่าน่าจะมาจากผู้ค้าในจีน หรือไม่ก็ ROM MOD มากกว่า
ชุมชน Xiomi ในไทย ก็ไม่เห็นมีใครเจอนะครับ
ลองอ่านที่มาของข่าวนั้นด้วยก็ดีนะครับข่าวเขาอัพเดทแล้วในบลูบ๊อกซ์ และบลูบ๊อกซ์ก็ยอมรับด้วยและแนะนำให้ผู้ซื้อๆโทรศัพท์ผ่านเว็บ mi.com เพื่อป้องกันการโมรอมด้วย
ผมไม่ได้ตามแหะขออภัย
Mi4 ของผมไม่มีอะไรตามที่ Bluebox กล่าวอ้างแม้แต่น้อยครับ
ผมว่าไม่นะ แซมซังดิ้นเก่งกว่าโนเกีย แซมซังไม่หยิ่งผยองแบบโนเกีย แซมซังทำได้ทุกอย่างที่แซมซังอยากจะทำ
คิดเหมือนกันเลยครับ samsung ยอมทำทุกอย่างเพื่ออยู่รอด ต่างจากโนเกีย ที่ติดอยู่กับ ซิมเบียน
เพราะถ้าตอนนั้นถ้า samsung หยิ่งใช้แต่ bada คงเหมือนโนเกีย
ลองมองดูตอนนี้ จากที่ไม่คิดว่าจะทำเครื่องเป็นโลหะสุดท้ายก็ยอมทำเทคโนโลยีที่กักไว้ก็ยอมเอามาใส่
แต่ถ้าอนาคตตกฮาดแวร์ราคาถูกจริง อาจจะได้เห็น SS Android hero ราคาไม่ถึงพัน
ไพ่เดิมพันของโนเกียตอนนั้นคือ Meego ครับ
ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็น OS ที่สมบูรณ์แบบกว่า Android (สมัย 1.x - 2.1) เหนือชั้นมากเลยนะ
แต่ความล่าช้าในการทำ และแอนดรอยขยายตลอดได้เร็วมาก โนเกียชะตากรรมเลยเป็นแบบนั้น
Meego ณ ตอนนั้นแจ่มมากครับ CPU Singlecore กับ แรม 1GB จัดการทรัพยากรณ์ได้โคตะระดี
แต่ตอนนั้น ม้าโทรจันเข้ามาโนเกียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชะตากรรมจบเห่
ใช่ครับ เห็น Hands-on แต่ละคลิปนี่ทั้งความลื่นแล้วก็ Multi-task ดีกว่า Android ยุคนั้นหลายขุมมาก
แต่..... เป็นของดีที่ไม่ได้เกิด เพราะ Elop สั่งตายจริงๆ
เขาก็พูดเพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนอ่ะนะ
ใช่ครับ ตลาดการผลิต hardware อาจจะดูดรอปลงไปทั่วโลกในเชิงกำไรมวลรวมโดยเทรน แต่การดูถูกขั้นตอนการผลิต การออกแบบ โลจิสติก การตลาด เทคโนโลยีการขึ้นรูป และวัตถุดิบต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ทำได้ในเฉพาะบริษัทยักษ์ใหญ่เท่านั้น มันออกจะเกินไป
ถ้าพูดว่าจะมี บริษัทในจีนซักแห่งขึ้นมาแทนซัมซุงจะไม่ว่าเลย
"ผู้ผลิตมือถือท้องถิ่นเข้าใจความต้องการของตลาดในประเทศ และเติบโตอย่างรวดเร็ว"
นี่คุณมองจีนกับอินเดียเป็นทั้งโลกแล้วหรือไง
คุณมันก็แค่บริษัทซอร์ฟแวร์จริงๆ ไม่ได้เข้าใจกลไกของสินค้าที่เป็น real product เลย
เป็นบทวิจารณ์คาดการณ์ที่เอาแต่ได้และเข้าข้างตัวเองมาก
มองที่จำนวนมือถือแค่ในจีนกับอินเดียมันก็พอจะเชื่อได้ว่าสามารถสร้างโมเมนตัมได้ในระดับหนึ่งนะครับ
แต่ผมว่า SS ไม่ถึงขี้นต้องขายกิจการมือถือทิ้งหรอก เพราะผมเชื่อพี่โน๊ต "ถ้าซัมซุงทำรับรองว่าดี" 555
ถ้าทุนหนา สายป่านยาวอย่าง Samsung ยังเจ๊ง
Sony อาจไม่เหลือเลย
(เมื่อก่อนก็คิดงี้ แต่เป็น Nokia เทียบกับ Sony Ericsson)
เออเนอะSONY รอด
ไม่เชื่อ! พวกแบรนด์สามเข่งบาทมากกว่าที่จะเจอชะตากรรมแบบนั้น ขายถูกแข่งกันเองจนไม่มีกำไร สุดท้ายก็ปิดตัวเองไป ซัมซุงนี่จำได้ว่าพยามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งตอนนั้นไทยฮิตมือถือดูทีวีแกยังทำออกมาเลย ส่วนแอปเปิลก็คงเหมือนตลาดคอมฯ เป็นผู้เล่นตลาดคนส่วนน้อยแบบแม็คกับตลาดระดับบน
กลับกันนะ ผมคิดว่ากลยุทธ์ที่ xiaomi ทำอยู่มันหากินได้ไม่นานอะ
ผมว่า Mi นี่ออกแนวโหดมากครับ แทบไม่ต้องพัฒนานวัตกรรมอะไรเลย ของใครแจ่มเอาเข้าเครื่อง xerox แก้นู่นนิดปาดนี่หน่อยแล้วขายผ่านระบบ online ไม่ต้องมีหน้าร้านก็ลดต้นทุนได้อีก
ถ้า Mi จะเจ๊งผมว่ามีแค่โดนฟ้องจนขายไม่ได้ ไม่งั้นก็ขายกันไปจนกว่านวัตกรรมต้นน้ำจะเจ๊งกันหมด สรุปก็เหลือ Mi เป็นคนสุดท้ายอยู่ดี 5555
mi นี่เหี้ยมมากครับ ถ้าเดินถูกทางก็จะกลายเป็นยักษ์ใหญ่เหมือนกับที่ญี่ปุ่นหรือเกาหลีเคยทำสำเร็จมาแล้ว แต่ถ้าไม่ก็จะกลายเป็นแบบที่คุณ cero5558 ว่ามา
เรื่องถูกฟ้องจนไม่ได้ขายนี่ผมว่าน่าจะไม่กระทบมากอะไร เพราะหากินในจีนเป็นหลักอยู่แล้ว แต่ยังไงในอนาคต mi ไม่น่าจะใช้โมเดลธุรกิจแบบนี้ได้ตลอดไปเรื่องจากอัตราส่วนกำไรต่ำมาก ดังจะเห็นได้ว่ามีความพยายามสยายปีกไปทำผลิตภัณฑ์ที่หลายหลายมาก เพื่อเพิ่มทางเลือกของธุรกิจ ซึ่งน่าจะมีกำไรต่อหน่วยเพิ่มขึ้นและเน้นให้ใช้เชื่อมต่อกันได้กับโทรศัพท์ด้วยเป็นการขายของแบบผูกกันไปแบบกลายๆ และถ้า mi พร้อมในการกระจายสินค้าทั่วโลกเมื่อไหร่น่าจะได้เห็นกันว่าจะอยู่หรือไป เพราะต้องมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการตลาดแน่นอน
ผมว่าบางทีเราอาจจะเข้าใจ Xiaomi ผิดกันอยู่ ทาง CEO เคยออกมาบอกว่า Xiaomi ไม่ใช่บริษัทที่เกิดมาเพื่อผลิตมือถือ (ประมาณนั้น ส่วนอ้างอิงหาเองนะครับ ผมขี้เกียจ -*-)
ส่วนเขาเป็นอะไร ผมไม่ทราบความคิดเขาเหมือนกัน เหมือนเขาเล็งอย่างอื่น และนี้คือช่องทางที่ผ่านแล้วน่าจะให้ผลดีกับเขา
รู้สึกว่าเขาจะติดกลุ่ม Tech-Startup ที่ระดมทุนได้สูงสุดในโลกอยู่ช่วงนึงเลย หนึ่งล้านล้านบาทกว่า ๆ
ตอนนี้ผมสนใจเรื่องปัญหาสิทธิบัตร เพราะลำพังจีน เขาใหญ่ได้ แต่เขาไม่ได้เล็งแค่ภายในประเทศ อินเดียก็ตลาดใหญ่ที่แตกต่างจากโลกตะวันตกมาก และแน่นอน ถ้าจะเล่นทั่วโลก ตะวันตกเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้ แต่ปัญหาสิทธิบัตรนี่แรงมาก ต้องดูว่าเขาจะไปตะวันตกไหม และถ้าไปเขาจะจัดการเรื่องนีได้เร็ว ได้ดีพอขนาดไหน
เพจตัวอย่างผลงานถ่ายภาพ / วีดีโอ
เห็นด้วยเพราะ Samsung ไม่มีอะไรให้จับแล้ว ไม่สามารถขายเครื่องถูกเท่าเสี่ยวหมี Rom ก็ไม่ดีเท่าค่ายอื่น ถ้าหมดบุญตระกูล Note ก็จบเกมส์ยกเว้นจะลดทรัพยากรฝ่าย Mobile เพื่อจะขายเครื่องถูกลง
ข่าวลือ Apple จะทำจอรับนำหนักได้ ถ้าออกมาจริงๆ Galaxy Note จบเห่แน่ๆ หรือไปดีลกับ Bamboo/Adonit ให้ขายปากกาถูกๆก็กระทบ Note เต็มๆ
คือไม่ว่าอย่างไรการเขียนหนังสือก็ต้องเป็น ปากกาจะดีกว่านะครับ
อย่างพวก ซ.โซ่ หรือ ฏ.ปฏัก เนี่ย ใช้นิ้วเขียน ลำบากมาก ถ้าพื้นที่เล็ก ๆ แต่ถ้าใช้ปากกาจะเขียนได้ไวกว่ามาก
หรือตัวหนังสือภาษาจีน ปากกาจะดีกว่าครับ
เท่าที่สังเกต อักษรของเอเชียตะวันออก เนี่ยไม่เค่อยเหมาะกับการเขียนด้วยนิ้วเท่าไหร่ ซึ่งตลาดจีนก็ถือว่าตลาดใหญ่อยู่ครับ ดังนั้นต่อให้ Apple ทำทัชแบบไหนมาถ้าไม่ใช้ปากกา ผมว่าก็ไม่ค่อยมีผลกระทบต่อซัมซุง
แต่ Xiaomi เนี่ยกระทบซัมซุงเต็ม ๆ
ผมหมายความว่า ทำจอรับน้ำหนักแล้วจะมี stylus ตามมาทีหลัง
ถ้าจอรับน้ำหนักได้ stylus หัวยางธรรมดาก็ยกระดับตัวเองขึ้นอีกขึ้น แล้ว Stylus หัวเล็กๆอย่าง Active touch pen อันละ 890 ก็จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ Adonit Jot touch หรือ Bamboo intous
คนทั่วไปสามารถหาซื้อ stylus ธรรมดาราคาถูกมาใช้งานเทียบเท่า stylus เทพๆใน Apple devices เท่านั้น
แสดงว่าไม่เคยใช้ google translate สินะ ผมเอามาเขียนคันจิบน iphone 5s นี่พลาดน้อยมากเลยครับ
หมายถึงจดบันทึกยาว ๆ เป็นประโยค ๆ นะครับ อย่าภาษาไทยเนี่ย ผมก็จดตามลายมือผม ซึ่งแน่นอนผมคนเดียวที่อ่านออกคอมมันอ่านไม่ออกหรอก
ดังนั้นผมไม่หวังว่ามันจะแปลงรายมือเป็น Text เพราะถ้าแปลงผิดผมก็เสียเวลาอีก อารมณ์จดใบสั่งยาหมอนั่นแหละครับ
ซึ่งใช้มือเนี่ยลำบากครับ
คงหมายถึงฝั่ง samsung mobile ซินะ เพราะซัมซุงก็ทำอย่างอื่นเยอะแยะ ต่อให้มือถือเจ๊ง แต่ทำ RAM ,NAND storage,SSD PCIe แล้วยังมีโรงงานผลิตชิปอีกตั้งเยอะ อนาคตหลายเจ้าก็คงมาใช้ 14nm FinFet กัน
ก็พูดไป๊ Samsung Auto ยังไม่มาเลย แหม
ใครมองไงไม่รู้นะครับ แต่ทุกวันนี้เราซื้อสินค้า ไม่ใช่แค่ function กันแล้ว เหมือนกับเราซื้อ life style
ของแพง กระเป๋า brand name ก็ยังขายได้กันอยู่ ยังมีคนซื้อ แต่ราคา smart phone อะไรพวกนี้มีแนวโน้วราคาลดลงอยู่แล้ว เหมือน computer,notebook tv และอื่นๆ แต่ สินค้า life style ราคาไม่ลดตามเลย
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
+1 แบรนด์ไหนเอาของคล้าย ๆ กันกินกำไรต่อหน่วยต่ำ ๆ เน้นปริมาณน่าจะรอดยาก
ผมว่าอยู่ไม่ถึง 3 ปีหรอก
ยี่ห้อ X ไปก่อน S แน่นอน
อย่าลืม S ผลิตเองได้ตั้งแต่ R ตัวเล็กๆ ไปจน Body แถมสายป่ายนยาวไม่รู้เท่าไหร่ เอาง่ายๆ วันนี้ มือถือ S ยุติการทำตลาด แต่ผมเชื่อว่า S ยังไปต่อได้
จอเอย ชิปเอย แรมเอย Apple คือลูกค้่ารายใหญ่
ข่าวล่าสุด S ประกาศหยุดพัก Smartwatch แล้วครับ
S ของท่านนี่ Samsung ใช่ไหม? คงไม่ใช่ Sony นะครับ 555
ไม่เคยอ่านสามก๊กจนจบ 3รอบหรอครับ
ถึงมีจำนวนมากกว่า(จำนวนเงินกับคน)กลับสู้การวางแผนกับความฉลาดของผู้นำไม่ได้หรอก
ยกตัวอย่าง Nokia, Motorola เคยเป็นบริษัทที่รวยกว่า Samsung หลายเท่า แล้วตอนนี้ล่ะ?
ปล.เจอกับความจริงอีก 5ปีครับ จะได้เห็นภาพได้ชัดกว่านี้
เคยคิดว่าตลาด Mobile Device มันจะตันเหมือน PC .... แต่อีกกี่ปีเพราะอย่าลืมว่าเทคโนโลยี ด้าน Bio Tech มันอาจจะมาทดแทนของที่มีในอนาคต การฝังตัวอุปกรณ์เข้ากับ ร่างกายคนเราน่าจะเกิดในอนาคต เหมือนในหนัง Sci-Fi แค่คิดก็สนุกแล้ว อย่าลืมว่าทุก Era ย่อมมีจุดเกือบจบของมัน
แต่ชอบข่าวนี้เพราะทำให้เห็นคนมองต่างมุมเยอะดี :v