ด้วยความที่อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดจากความผิดพลาดของผู้ขับขี่เป็นหลัก จึงมีความพยายามใช้เทคโนโลยีต่างๆ ที่น่าจะผิดพลาดน้อยกว่ามาช่วยเพื่อแก้ปัญหา อย่างเช่นรถไร้คนขับ

ระบบสื่อสารระหว่างรถยนต์ (vehicle-to-vehicle communication) ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ถูกคาดว่าจะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งหน่วยงานด้านความปลอดภัยทางจราจรบนถนนหลวงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (the National Highway Traffic Safety Administration - NHTSA) ได้พยายามผลักดันร่างกฎหมายนี้ แต่ก็มีอีกปัญหาที่ตามมา คือความปลอดภัยของข้อมูลที่ส่งกันไปมาระหว่างรถยนต์ ซึ่งหากถูกเจาะอาจนำไปสู่การก่อการร้ายได้ด้วยซ้ำไป

ประเด็นด้านความปลอดภัยนี้ ผู้ผลิตรถยนต์หลายเจ้าเช่น Ford, Nissan, Mazda, Honda, Volkswagen และ Audi ได้รวมตัวกันในชื่อ Crash Avoidance Metrics Parternerships (CAMP) ทำข้อตกลงร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมสหรัฐ ร่วมกันพัฒนาระบบ Security Credential Management ขึ้นมา โดยใช้ public-key infrastructure (PKI) เป็นกระบวนการเข้ารหัสและยืนยันตน เพียงแต่ใบรับรองจะเปลี่ยนเรื่อยๆ แบบสุ่มเฉลี่ย 12 ครั้งต่อชั่วโมง

นอกจากนั้นในกระบวนการรับส่งข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสนั้น ระบบจะแยกการทำงานเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจะถือใบรับรองไว้ชุดหนึ่ง (a bundle of certificates) แต่จะไม่รู้ว่าเครื่องไหนเป็นตัวรับ ขณะที่อีกส่วนจะรู้ว่าข้อมูลจะถูกส่งไปไหน แต่ไม่รู้ว่าใน bundle ที่ถูกส่งมานั้นมีใบรับรองอะไรบ้าง

รถยนต์จะสื่อสารกันผ่าน dedicated short rage Wi-Fi และข้อมูลที่ถูกรับส่งกันนั้นเป็นข้อมูลพื้นฐานด้านความปลอดภัย เช่น ความเร็วหรือตำแหน่งของตัวรถ โดยระยะในการรับส่งข้อมูลคือประมาณ 1,000 ฟุต

ทั้งนี้ NHTSA ของสหรัฐจะผลักดันร่างกฎหมายนี้ในสิ้นปีนี้ ขณะที่กระทรวงคมนาคมสหรัฐคาดการณ์ว่าระบบนี้จะเริ่มถูกติดตั้งในรถยนต์ให้ใช้งานจริงภายในช่วงต้นทศวรรษ 2020

ที่มา - Wall Street Journal