วันที่ 17 กันยายน 2558 Facebook ได้จัดงานเปิดตัวสำนักงาน Facebook ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการที่ร้านอาหาร The Never Ending Summer ในงานมีคุณแดน เนียรี่ รองประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ออกมาพูดถึงสถิติผู้ใช้ Facebook ในประเทศไทย รวมถึงสาเหตุที่มาเปิดสำนักงานในประเทศไทย ใจความมีดังต่อไปนี้
- ภารกิจของ Facebook คือร้อยเรียงผู้คนผ่านโลกอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะสื่อสารระหว่างกันผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ของ Facebook อันได้แก่ Facebook, Whatsapp, Groups, Messages และ Instagram
- ในส่วนของประเทศไทย สถิติที่น่าสนใจคือ มีผู้ใช้งานแบบแอกทีฟ มากกว่า 34 ล้านคนต่อเดือน และมากกว่า 24 ล้านคนต่อวัน และ 32 ล้านคน (คิดเป็น 94%) ของผู้ใช้งาน Facebook ในไทยนั้น ใช้งานผ่านมือถือ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก เพราะสถิติของโลกนั้นผู้ใช้งาน Facebook ผ่านมือถือมีราวๆ 87%
- ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เล่น Facebook เยอะมาก สถิติชี้ว่าคนไทยใช้งาน Facebook โดยเฉลี่ยวันละ 2.5 ชั่วโมง
- Facebook เองเป็นแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งในประเทศไทย
- Instagram เป็นอีกหนึ่งช่องทางของ Facebook ที่น่าสนใจในไทย (ปัจจุบันมีผู้ใช้แบบแอกทีฟมากกว่า 7.1 ล้านคนต่อวัน)
- เนื่องจาก Facebook เล็งเห็นว่าประเทศไทยนั้นมีสถิติ emarketing ที่น่าสนใจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Facebook จึงมาเปิดสำนักงานที่ไทย โดยมีพันธกิจหลักๆ คือ เชื่อมโยงคนไทยเข้าหากัน และดูแลธุรกิจโฆษณาทั้งของแบรนด์และ SME ทั้งใน Instagram และ Facebook รวมถึงมีการทำเนื้อหาหน้าช่วยเหลือ, การสร้างโฆษณา ให้เป็นภาษาไทย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น
- ในงานไม่มีการเปิดตัวว่าใครเป็น Head of Thailand และไม่มีการเปิดเผยว่าสำนักงานตั้งอยู่ที่ไหน
มีคำถามหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับการมีสำนักงาน Facebook ในไทย จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายไทยหรือเปล่า Facebook ก็ได้กล่าวว่า จะพยายามควบคุมสิ่งที่ทุกคนแบ่งปันในโลก Facebook ให้เป็นไปตามหลักสากลและไม่ขัดกับกฎหมายของประเทศ
Comments
ผมมีเซนส์ว่าเฟซบุคไทยจะโดนกดดัน เรื่องเพจล่อแหลมต่างๆ แน่ๆ
สวัสดีครับ คุณริว
แต่ยังไม่เปิดเผยว่าออฟฟิศอยู่ที่ไหน?
pittaya.com
จริงด้วยคับ อ่านซะเพลิน พอไปย้อนหาว่าออฟฟิศตั้งที่ไหนก็ไม่เจอจริงๆ ด้วย
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ใช่ฮะ เพิ่มในเนื้อข่าวให้แล้ว
ขอถามแบบโง่ๆหน่อยครับ มีนายJohn Doe ที่อาศัยในประเทศสารขัณฑ์เกิดนึกเพี้ยนอะไรขึ้นมา โพสต์facebook เกี่ยวกับคดีพิซซ่า ที่มันผิดกฏหมายในประเทศสารขัณฑ์ แล้วหน่วยงานความมั่นคงของประเทศ สารขัณฑ์ ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับนายJohn Doe ว่าเป็นใครอยู่ที่ไหน หน่วยงานนั้นต้องยื่นเรื่องกับศาลสหรัฐฯว่าจะอนุญาติให้ทางfacebookนำข้อมูลของนาย John Doe ออกมาได้หรือไม่? ใช่ไหมครับ เพราะผมเข้าใจว่าเซิร์ฟเวอร์ของfacebookอยู่ที่สหรัฐ
นั่นดิ ผมสงสัยเหมือนกันว่า ถ้าขอข้อมูลผู้ใช้ จะของ่ายกว่าเดิมมั้ย
ถ้าง่ายกว่าเดิมคนก็จะไช้ fb น้อยลงดังนั่น server ก็คงอยู่ที่เดิม
สำนักงานน่าจะเป็นสำนักงานขาย (ad) เหมือนของ google ส่วนการขออะไรก็คงบอกว่า เข้าถึงไม่ใด้/ไม่ใด้สิทธิ์ ต้องส่งเรื่องไปทางอื่นมากกว่า
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ยังไงก็ต้องยื่นเรื่องที่สำนักงานใหญ่ที่ US อยู่แล้วแหละครับ เพราะสำนักงานย่อยไม่น่าจะมีอำนาจในการตัดสินใจมากขนาดนั้น
ข้าขอทรยศต่อคนทั้งโลก ดีกว่าให้ใครมาทรยศข้า
ผมไม่แน่ใจว่าพนักงานในส่วนภูมิภาค มีสิทธิ์เข้าถึงระบบแค่ไหนนะครับ อาจมีการล้วงลูกโดยไม่ผ่านเบื้องบน ก็ได้....
การดูถูกประเทศตัวเอง ไม่ได้ทำให้ตัวเองดูเท่ห์ หรือ ดูก้าวหน้ากว่าที่เป็นอยู่หรอกนะครับ :)
มีแต่ยิ่งจะทำให้ภาพลักษณ์ของตัวเองและประเทศตกต่ำลงไปอีก
ผมว่าเราควรจะเลิกดูถูกประเทศเกิดของตัวเองกันได้แล้วนะ
ผมกลับมองว่า ตัวอย่างที่เขายกมามันคือความเป็นจริงนะครับ
มันไม่เกี่ยวกับว่าเป็นประเทศไหนหรอก แต่ขึ้นกับว่าเรามองมันด้วยสายตาของความเป็นจริงหรือเปล่า?
ถ้าคุณเคยตามข่าวคดีสำคัญในบางมาตรา จะพบว่ามีการตั้งข้อกล่าวหาและจับกุม ก่อนการขอข้อมูลIPจากทางเอกชนเสียอีก
และจากที่หลุดๆในคำพิพากษามา จะมีเอกชนต่างชาติเจ้านึงที่ยินยอมให้ข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้กับทางหน่วยงานรัฐของไทย ในขณะที่คู่แข่งอีกเจ้าไม่ให้เลย
จึงเป็นธรรมดาที่คนจะกังวลว่า การที่มีบ.ต่างชาติมาเปิดสาขาในไทย จะทำให้เกิดการให้ข้อมูลส่วนตัวกับจนท.รัฐได้โดยง่ายหรือไม่?
อย่าอ้างว่าไม่ได้ทำผิดก็ไม่ต้องกลัวเลยครับ บางครั้งหลักฐานทางเทคนิคอ่อนมาก ก็ยังโดนเพราะไม่มีพยานอื่นไม่สู้(ไม่มีใครอยากเสี่ยงด้วย) หรือไม่ก็โดยใช้ข้ออ้างความมั่นคงเพื่อตัดสินแม้ว่าจริงๆแล้วมันไม่น่าจะใช่ก็ตาม
ในยุคที่คนถือปืนเป็นใหญ่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ
รวมถึงมีการทำเนื้อหาหน้าช่วยเหลือ, การสร้างโฆษณา ให้เป็นภาษาไทย > รู้สึกดีใจตรงบรรทัดนี้.
หวานท่านผู้นำสิครับ
ดีเลย จะได้จัดการเพจหมิ่นศีลธรรมซะที
สิ่งแรกที่กังวล คือนโยบายความปลอดภัย... กลัวจะเหมือนเจ้านึง ที่ยินยอมให้ข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้กับ ทางจนท.เสมอๆ
แต่กับเจ้าใหญ่อีกเจ้า ไม่ยอมให้เด็ดขาด
รวมไปถึงเจ้ากลางเจ้านึงที่เพิ่งมาเปิดไม่นาน ก็มีข้อครหาเช่นกัน เพราะหลักฐานที่จนท.ยกมาบางอัน ไม่น่าเชื่อว่าจะได้จากการสืบสวนในทางปกติเลย
แต่ละเจ้าที่ผมยกมา เพื่อนๆในนี้คงเดาได้ว่าหมายถึงเจ้าไหนกันบ้าง หุๆ
เป็นห่วงเรื่องความเป็นส่วนตัวของบัญชีผู้ใช้งาน อย่างที่ทราบ ๆ กันเมืองไทยมีปัญหาเรื่องหน่วยงานรัฐขอข้อมูลผู้ใช้งานโซเชียลอยู่เป็นประจำ
AD จะเยอะแบบ youtube มั้ยเนี่ย
ง่ายที่สุดครับ เลิกใช้.
ผมเองก็เลิกใช้ไปแล้ว เพราะไม่ได้รู้สึกว่าการเห็นคนอื่นโพสหรือโพสเองในเรื่อง slow life หรือ โชว์โน่นนี่มันจะเป็นการใช้ชีวิตตรงไหน (แค่ติด blognone ก็แย่อยู่แล้ว แต่มันไม่เสียเวลามากไง 555)
แต่ยังมีบัญชี facebook อยู่ครับ เพราะหลายๆเซอร์วิสมันจำเป็นต้องใช้ facebook ในการ login
เลิกใช้ไปแล้วเช่นกันครับ หันมาติด blognone แทน
Blognone กินเวลากว่าเฟซอีกนะครับ :p
เอาจริงๆ เปิดแค่ messenger ก็พอครับ ผมก็แทบจะใช้แค่แชตนั่นแหละ FB เองก็คงรู้ดีถึงได้แยกแอพออกมา (แต่คนที่ใช้หมดเค้าก็บ่น)
ผมก็ไม่ค่อยเข้า FB ที่มีเพื่อนเท่าไหร่แล้ว ถ้ามี noti ค่อยเข้าไปดู
แต่ผมเปิด FB ส่วนตัวที่ไม่มีเพื่อนซักคน เอาไว้ตามเพจ/กรุ๊ปเฉพาะเรื่องที่เราสนใจก็ดีเหมือนกันนะ เพจ/กรุ๊ปโพสต์อะไรก็ขึ้นมาหมด ไม่โดนซ่อนด้วย
+1