Tags:
Node Thumbnail

ช่วงนี้มีวิวาทะ iPhone vs Android กลับมาอีกครั้ง (ดูบทความต้นทางที่ Droidsans) เรื่องแบบนี้เถียงกันไปยังไงก็ไม่มีทางจบ

คำถามที่น่าสนใจกว่าคือทำไมสาวกและแฟนบอยทั้งสองค่ายถึงเถียงกันอยู่ตลอดเวลา คำตอบที่ผมพยายามอธิบายคือความต่างระหว่าง 2 ค่ายนี้ มันเป็นความแตกต่างที่ลงไปลึกถึงระดับปรัชญาหรือรากฐาน (fundamentalism) ของบริษัทที่คงไม่มีใครถูกผิด (และประสบความสำเร็จกันทั้งคู่) ส่วนรายละเอียดของความแตกต่างจะอธิบายในบทความนี้

แอปเปิล: Materialism

ฝั่งของแอปเปิลมีปรัชญารากฐานที่สรุปได้ในคำเดียวว่า "materialism" หรือการนิยมสิ่งที่เป็นวัตถุจับต้องได้ ที่ผ่านมาเราจึงเห็นแอปเปิลนิยมนำเสนอจุดเด่นของตัวเองในเชิง enthusiastic ต่อตัววัตถุในทุกมิติ เช่น วัสดุดีกว่า หรูหรามีระดับ ประสบการณ์ใช้งานดีกว่า หน้าสวยกว่า UI ลื่นกว่า ฯลฯ สรุปคือในภาพรวมแล้วมันเป็น "ที่สุดของ material" ที่หาใครสู้ได้ยากนั่นเอง

ตัวอย่างที่ดีที่สุดของการแสดงออกเรื่อง materialism ของแอปเปิล คือทุกครั้งที่มีเปิดตัวสินค้าใหม่ เราจะเห็นวิดีโอบรรยายสรรพคุณโดย Jonathan Ive นี่ล่ะครับ ใช่เลย

โมเดลธุรกิจทั้งหมดของแอปเปิลจึงมุ่งเข้าสู่การขายวัตถุ (ฮาร์ดแวร์) เป็นหลัก เพราะพื้นฐานของบริษัทที่ให้ความสำคัญกับ "ความเป็นวัตถุ" นั่นเอง เราจึงเห็นแอปเปิลเลิกคิดเงินค่าซอฟต์แวร์ (ยกเว้นบริการเพียงบางตัว เช่น iTunes ที่ถือว่าเป็นสัดส่วนรายได้ส่วนน้อยของบริษัท) และมองซอฟต์แวร์ในฐานะตัวสร้างมูลค่าเพิ่ม (value added) ให้แพ็กเกจฮาร์ดแวร์ของตัวเองแตกต่างจากคู่แข่ง (differentiation) และสามารถขายในราคาที่สูงขึ้นได้

alt="upic.me"

กูเกิล: Immaterialism

ส่วนกูเกิลนั้นกลับทิศกันเลย แนวคิดของกูเกิลคือไร้สิ้นซึ่งวัตถุใดๆ และทุกสิ่งอย่างในโลกหล้าจงดึงมาจากคลาวด์ของกูเกิลเท่านั้นเป็นพอ ผมขอใช้คำว่า immaterialism ของคุณอธิป จิตตฤกษ์ มานิยามแนวคิดนี้ (อ่านเพิ่ม, วิดีโอประกอบการบรรยาย)

ฮาร์ดแวร์ Android ในสายตาของกูเกิลจึงมีค่าเป็นแค่ dumb terminal หรืออุปกรณ์ง่ายๆ ราคาถูก ตัวมันเองไม่ต้องมีความฉลาดหรือความสามารถมากนัก แต่ภารกิจสำคัญของมันคือเปิดทางให้คนเข้าสู่โลกออนไลน์ที่ไร้ซึ่งวัตถุของกูเกิลได้

ถ้าเรียกภาษาเศรษฐศาสตร์ กูเกิลมองฮาร์ดแวร์เป็น commodity ที่ใครก็ผลิตขึ้นมาได้ (ไม่จำเป็นต้องเป็นซัมซุง จะเป็นโรงงานเสิ่นเจิ้นก็ได้ หรือเดี๋ยวนี้อินเดีย-บราซิลก็เริ่มตั้งโรงงานเองแล้ว) โครงการ Nexus ถือเป็นแค่ การทดลองในวงกว้างเพื่อผลักดันความก้าวหน้าของแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์เท่านั้น เราจึงไม่เห็นแนวคิดเรื่อง enthusiastic ใดๆ ฝั่งอยู่ใน Nexus เลย (Eric Schmidt เคยพูดไว้นานแล้วว่ากล้อง Nexus จะเทพในไม่ช้า ตอนนี้ก็ยังไม่เกิดขึ้นจริง) ในขณะที่โครงการ Android One เป็นการสร้าง standardized dumb terminal ให้กระจายตัวกว้างขวางมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

แต่วิสัยทัศน์เชิงซอฟต์แวร์ของกูเกิลนั้นลึกล้ำมาก แนวคิดของกูเกิลคือสร้างความฉลาดของจักรกล (machine intelligence) ซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่งบนโลก แล้วให้จักรกลที่ว่านี้แก้ปัญหาให้ผู้ใช้งาน โดยที่ไม่ต้องเห็นหน้าค่าตาหรือสัมผัสเชิงกายภาพกันเลย

เราจะเห็นแนวคิดนี้ถูกผลิตซ้ำอยู่ในผลิตภัณฑ์แทบทุกตัวของกูเกิล ตั้งแต่

  • Google Search ที่เป็นต้นกำเนิดของบริษัท และฉลาดขึ้นเรื่อยๆ จากโครงการ Knowledge Graph
  • Google Now ที่ไร้บุคลิก ต่างจาก Siri/Cortana
  • รถยนต์ไร้คนขับ ที่ให้ความรู้สึกว่ามี machine อะไรบางอย่างขับรถให้เรา
  • Google Glass มี machine อะไรสักอย่างสแกนข้อมูลรอบตัว แล้วช่วยแสดงข้อมูลให้เรา

วิดีโอสาธิต Google Self-Driving Car อันนี้ น่าจะสะท้อนแนวคิดเรื่อง "ไร้ตัวตน" ของกูเกิลได้ดีที่สุดครับ

ถ้าลองเปรียบเทียบกับ "การเดินทาง" แล้ว ฝั่งแอปเปิลจะใส่ใจรายละเอียดระหว่างทาง ในขณะที่กูเกิลจะสนใจพาเราวาร์ปจากต้นทางไปโผล่ปลายทางให้เร็วที่สุด อะไรประมาณนี้ครับ

โมเดลธุรกิจของกูเกิลจึงไม่สนใจฮาร์ดแวร์อย่างสิ้นเชิง และผลักดันทุกอย่างให้อยู่ภายใต้การหารายได้จากโฆษณา (ads) หรือบริการแบบสมัครสมาชิก (subscription) ให้หมดนั่นเอง

alt="upic.me"

ทีนี้ใครจะชอบแนวทางไหน ก็ขึ้นกับปรัชญาการใช้ชีวิตของแต่ละคนแล้วว่าจะเป็นสาย immaterial หรือ material ครับ (เหมือนกับคนเชียร์บาร์เซโลนาต้อง tiki taka ส่วนคนเชียร์เชลซี ชอบนั่งรถบัส อะไรแบบนั้น คนละแนวทางแต่เป็นแชมป์ยุโรปได้เหมือนกัน)

อีกประเด็นที่ผมคิดว่าน่าสนใจคือขนาดของตลาด ลูกค้าที่มีกำลังซื้อสินค้าของแอปเปิล อาจมีอย่างมากสัก 300-500 ล้านคน (อันนี้ตัวเลขเดามั่วๆ แบบไร้หลักการ) แต่เป็นลูกค้าชั้นดีที่มีกำลังจ่าย พอคูณส่วนต่างกำไร (margin) แล้วส่งผลให้แอปเปิลทำกำไรมหาศาล และกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกในปัจจุบัน ตอบโจทย์แง่ธุรกิจเป็นอย่างมาก

แต่ที่น่ากลัวมากคือกูเกิล ที่คาดว่ามองไกลระดับฐานลูกค้าจำนวน three to five billions ในแง่กำไรระยะสั้น คูณออกมาแล้วอาจได้เยอะไม่เท่า แต่ในแง่อิทธิพลการครอบงำโลกนั้นเยอะกว่าอย่างเทียบไม่ติด

เมื่อครั้งที่กูเกิลตั้งบริษัท Alphabet Holding มีบทความฝรั่งบางรายเปรียบเทียบว่า ความยิ่งใหญ่ของมันจะเทียบเท่ากับบริษัทอินดีสตะวันออก (East India Company) ของชาติมหาอำนาจยุโรปในยุคล่าอาณานิคมเอเชียเลยทีเดียว

ไอคอนประกอบจาก Dribble โดย Alexander Zhuravskiy

Get latest news from Blognone

Comments

By: AlninlA
ContributorAndroidUbuntu
on 18 September 2015 - 08:13 #844037
AlninlA's picture

East India Empire ดีๆ นี่เอง

By: 白羊
In Love
on 18 September 2015 - 08:41 #844041
白羊's picture

อ่านลิ้งค์ Droidsan แล้วนึกถึงข่าว fanboy ฝั่งหุ่นเขียวกดดาวนึงรัว ๆ ใสแอป
Move to iOS แฮะ พลัง fanboy ทั้งสองค่ายช่างน่ากลัวยิ่งนัก

By: kadeep
AndroidUbuntuWindows
on 18 September 2015 - 16:35 #844251 Reply to:844041
kadeep's picture

ถ้าคนไม่ย้ายไป ios จะไปดาวโหลดทำไม

อย่ามองให้เป็นเรื่องแฟนบอลไร้สาระอย่างเดียวสิ แอพมันอาจจะไม่ดีจริงๆ

By: iamfalan
iPhoneAndroidWindows
on 18 September 2015 - 18:54 #844300 Reply to:844251

ก็ download เพื่อมากด 1 ดาวไงครับ

By: animateex
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 19 September 2015 - 14:00 #844496 Reply to:844300
animateex's picture

แฟนบอลไร้สาระ ฟินมากๆ คับ >,<

By: sikkhim
ContributorAndroidBlackberry
on 20 September 2015 - 10:39 #844633 Reply to:844251

ผมนี่แหละ โหลดเพื่อมากด 1 ดาว แล้วลบทิ้ง โอเค้?

By: tg-thaigamer
ContributoriPhoneAndroidBlackberry
on 20 September 2015 - 16:15 #844694 Reply to:844633
tg-thaigamer's picture

ทำเพื่ออะไรอ่ะครับ ถ้าสมมุติมีใน App Store บ้าง มันจะไม่เกิด Loop หรอ ทางนี้ให้ 1 ดาวบ้าง ให้ไปให้มาไม่รู้จบ ไม่เข้าใจ??


มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ

By: heart
ContributoriPhone
on 20 September 2015 - 17:09 #844703 Reply to:844633
heart's picture

ผมว่าจำนวนดาวมันแค่ขำๆ อย่าซีเรียสกันเลย ผมก็รู้สึกฮาดีนะที่มีคนไปโหวด 1 ดาวกันเพียบเลย
ถือเป็นเรื่องผ่อนคลายในสัปดาห์นี้เลย

เอาจริงๆแอปนี้จำนวนดาวไม่ได้มีผลอะไรมากมายแค่ขำๆซะมากกว่า
เพราะว่าถ้าผมจะย้ายไป iOS จริงๆ มันก็มีแอพนี้แอพเดียวนี่แหละที่เป็นความหวังของผม

By: nrml
ContributorIn Love
on 20 September 2015 - 20:31 #844741 Reply to:844703
nrml's picture

แต่ถ้าพูดถึงแอปทั่วๆ ไปนี่ไม่ใช่เรื่องน่าขำเลยครับ สำหรับการให้เรทที่ไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง เพราะมันทำให้เจ้าของแอปเขวได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในการเอาไปพัฒนาแก้ไขเพื่อให้ออกมาตรงจุดที่ลูกค้าต้องการได้

By: nrad6949
WriterAndroidBlackberryWindows
on 18 September 2015 - 08:46 #844042
nrad6949's picture

นานๆ จะได้อ่านอะไรทำนองนี้สักที ผมชอบมากๆ ครับ

เพียงแต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องของ materialism/immaterialism อย่างเดียวครับ ผมลองเสนอเล่นๆ นะครับอันนี้ ไม่รู้ว่ามันเป็นไปได้มากแค่ไหน คือมันเป็นจุดยืนที่คล้ายแบบ Kantian กับ Utilitarianism แบบแรกคือมองว่าถ้าระหว่างทางดี ทุกอย่างมันก็ดี ขณะที่แบบหลังมองว่าถ้าโดยรวมดี ทุกอย่างมันจะดี (อันนี้พูดแบบหยาบที่สุด มันมีรายละเอียดอีกมาก)

แต่เห็นด้วยว่าในทางปรัชญา สองจุดนี้ไม่มีทางยืนด้วยกันได้แน่นอน เพราะมันขัดแย้งทั้งทาง ontology และ epistemology ไม่ว่าจะใช้แว่นแบบไหนในทางปรัชญามองนะครับ


I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.

By: menu_dot on 18 September 2015 - 11:21 #844111 Reply to:844042

ผมก่ะว่ามันมีอะไรมากนั้น

By: HMage
AndroidWindows
on 18 September 2015 - 14:46 #844207 Reply to:844042

ถ้าทั้ง 2 ทางจะมีจุดเชื่อมก็คงเป็น Samsung นี่แหละครับ
เอา Core มาจาก Google แต่พยายามเติมความเป็น(ลอก) Apple เข้าไป จนออกมาเป็น Galaxy Series อันนี้นี่เอง!

By: qweret
AndroidWindowsIn Love
on 18 September 2015 - 15:04 #844216 Reply to:844207
qweret's picture

ฮา

By: nrad6949
WriterAndroidBlackberryWindows
on 18 September 2015 - 16:20 #844242 Reply to:844207
nrad6949's picture

คงต้องขออภัยด้วย แต่ผมไม่สนใจประเด็นเรื่องนี้เลยครับ สิ่งที่เป็นข้อเสนอผมเป็นข้อเสนอในเชิงทฤษฏีทางปรัชญาครับ


I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.

By: HMage
AndroidWindows
on 18 September 2015 - 16:33 #844248 Reply to:844242

ผมอยากจะสื่อความรู้สึกว่า ผมเห็นลางๆ ว่าทั้ง 2 แนวทางไม่ใช่เหมือนเส้นขนานที่บรรจบกันไม่ได้ แต่เป็นเหมือนของ 2 สิ่งที่ทำงานคนละอย่าง แม้ไม่หลอมรวมกันแต่ก็เป็นไปได้ที่จะสามารถนำมาประกอบใส่ระบบเดียวกันแล้วได้ระบบที่สมบูรณ์มากขึ้น

ตัวอย่างของการที่ประกอบกันแล้วออกมาดีก็ยุค iPhone 1 นั่นแหละครับ:
- Hardware เลิศ, ประสบการณ์การใช้ลื่นไหล ยกความชอบให้ Apple
- ส่วนความสามารถมากมาย, ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น เช่น หาข้อมูล, ดูแผนที่, ดู clip ก็ต้องยกความชอบให้ Google

By: nrad6949
WriterAndroidBlackberryWindows
on 18 September 2015 - 16:40 #844252 Reply to:844248
nrad6949's picture

ผมก็ยังคงยืนยันครับว่าผมพูดในกรอบของปรัชญา (philosophical approach) มากกว่าจะเป็นเรื่องในเชิงเทคนิค (technical approach) ครับ สิ่งที่คุณเสนอมามันไม่ใช่ประเด็นจุดสนใจผม ยกเว้นแต่ว่าคุณจะโยงเข้ากับปรัชญาในสิ่งที่ผมเสนอได้ครับ ซึ่งก็คือความขัดแย้งระหว่างแนวคิดแบบ Kantian และ Utilitarian ครับ (ในบทความมองเรื่องของ Materialism/Immaterialism)


I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.

By: HMage
AndroidWindows
on 18 September 2015 - 18:12 #844292 Reply to:844252

ผมไม่ได้เรียนมาทางปรัชญาครับ คงพูดด้วยภาษานั้นไม่ได้

แต่ที่ผมอยากจะเสนอแย้งคือเรื่องที่ สองจุดนี้ไม่มีทางยืนด้วยกันได้แน่นอน จะจริงหรอครับ?

ระบบ 2 อย่างทำงานด้วยแนวคิดต่างกัน มีข้อดีและข้อเสียต่างกัน ใช่ครับ มันคงหลอมรวมกันไม่ได้ แต่ถ้าให้แยกกันอยู่แล้วทำงานที่ตัวเองถนัดไป ได้ผลลัพธ์ค่อยนำมารวมกัน ก็น่าจะไม่มีปัญหานะครับ ผมก็เห็นระบบต่างๆ ในโลกมันเป็นแบบนี้ทั้งนั้น

(ผมพูดซ้ำแบบนี้ก็คงนอกเรื่องอยู่ดีใช่มั้ยครับ)

By: nrad6949
WriterAndroidBlackberryWindows
on 18 September 2015 - 20:48 #844325 Reply to:844292
nrad6949's picture

หากคุณเป็นคนที่มีหน้าที่ในการโยกคันโยกสลับรางรถไฟนะครับ แล้วมีรถไฟขบวนหนึ่งมา เบรคไม่อยู่ แต่มีทางแยกสองทาง ทางหนึ่งมีคนทำงานอยู่หนึ่งคน อีกทางหนึ่งมีคนทำงาน 5 คน คุณรู้แน่นอนว่าใครสักคนต้องตาย คุณจะตัดสินใจโยกคันโยกเพื่อให้ชนคนหนึ่งคนตาย หรือไม่โยกคันโยกแล้วปล่อยให้ 5 คนตายครับ?

สถานการณ์แบบนี้ แม้จะไม่เกี่ยวข้องในสิ่งที่พูดมา (และแน่นอนว่านั่นมันคนละปัญหาด้วยซ้ำ) แต่มันสะท้อนกรอบคิดแบบ Kantian และ Utilitarian ที่ผมหมายถึงเอาไว้ตอนแรกครับ นั่นก็คือเลือกเอาว่าจะทำหน้าที่ของตัวเอง (maxim) ให้ดีที่สุด (ในกรณีแอปเปิลคือ ทำให้ดีระหว่างทางไปเรื่อยๆ) ผลลัพธ์จะออกมาดีเอง หรือไม่ต้องสนใจว่าระหว่างทางจะเป็นยังไง แต่ให้มากที่สุดเอาไว้ก่อน แล้วปลายทางจะออกมาดีเอง (ในกรณี Google) (ย้ำว่าผมพูดได้แบบหยาบมากๆ นะครับ รายละเอียดปลีกย่อยมันเยอะมาก)

ในกรณีรถไฟและคันโยกนั่น เป็นปัญหาที่ถกเถียงกันมาและเป็นตัวอย่างในชั้นเรียนเป็นร้อยๆ ปี ถ้าถามผม ความแตกต่างมันอยู่ที่ระดับ epistemology มันแตกต่างกัน เมื่อ epistemology มันต่างกัน ก็ยากจะหาจุดร่วมหรือลงตัวกันครับ ถ้าจะคิดแบบ Hegelian ก็ต้องปะทะสังสรรค์กัน (thesis, anti-thesis -> synthesis) จนกระทั่งเกิดความคิดชุดใหม่ ซึ่งก็ไม่รู้อีกว่าจะมีทางหรือไม่ หรือถ้าพูดในภาษาแบบ Marxist ก็คือ ต้องทำสงครามชนกันจนกว่าจะเกิดโลกใหม่นั่นแหละครับ นั่นก็คือโลกที่ไร้ทุนนิยม คำถามคือ ทุกวันนี้เราก็อยู่กับทุนนิยม ความฝันของ Marx มาถึงหรือยังครับ?

ในความเห็นที่หยาบมากๆ ของผม (เน้นย้ำอีกรอบ ยังไม่ได้ลงรายละเอียด เพราะถ้าลงรายละเอียดคงต้องทำเป็นวิทยานิพนธ์) คำตอบคือแทบจะมีโอกาสน้อยมากๆ เพราะอย่างที่เรียน epistemological differentiation มันทำให้หลายๆ อย่าง เข้ากันไม่ได้ (จะเรียกว่า "ชาตินี้เราคงรักกันไม่ได้" ก็น่าจะพอไหว)


I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.

By: OrangeJuice
iPhone
on 18 September 2015 - 21:56 #844344 Reply to:844325

เอิ่มมม ออกไปถึงไหนแล้วเนี่ย

By: nrad6949
WriterAndroidBlackberryWindows
on 18 September 2015 - 22:08 #844352 Reply to:844344
nrad6949's picture

คือมันเกี่ยวกับตอนแรกที่ผมตอบไว้นั่นแหละ แต่ถ้าอยากให้ขยายความก็ตามนี้ครับ คงไม่ตอบเพิ่มมากกว่านี้


I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.

By: loptar on 23 September 2015 - 10:26 #845573 Reply to:844042
loptar's picture

สนุกดีครับ ผมเองก็ชอบปรัชญา แต่ไม่เคยเข้าใจมันจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ผมว่าบทความนี้ ตรงใจผมที่สุด
https://www.gotoknow.org/posts/491922

โดยเฉพาะข้อความนี้ “ปรัชญาเป็นวิชาว่าด้วยการคิด” นักปรัชญาก็คือนักคิด ปรัชญาก็คือแนวความคิด แต่นักปรัชญาต่างกับนักคิดโดยทั่วไป หรือนักฝัน ตรงที่นักปรัชญาจะคิดอะไรต้องมีหลักเหตุผล(ตรรกะ) และหลักความเป็นไปได้ตรวจสอบ....

สุดท้าย มี comment ของผู้อ่านท่านหนึ่ง ถูกใจมาก
"คนประเภท คุยกับคนที่มีความเห็นไม่ตรงกับตนเองได้อย่างมีความสุข"

ขอให้คุยกันอย่างมีความสุขครับ :-)

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 23 September 2015 - 11:23 #845607 Reply to:845573
hisoft's picture

"คนประเภท คุยกับคนที่มีความเห็นไม่ตรงกับตนเองได้อย่างมีความสุข"

มันมีคนประเภทที่มีความสุข เพราะได้กวน ได้ยั่วโมโหชาวบ้านที่เห็นไม่ตรงกันด้วยนะครับ 555

By: yoonaimsuwan
iPhone
on 18 September 2015 - 08:52 #844045
yoonaimsuwan's picture

http://www.catholicnewsagency.com/news/vatican-hopes-apple-partnership-will-spread-popes-message/

ถ้า Vatican เป็น Partner อันนี้น่าจับตาดู Apple อยู่เหมือนกันค่ะ ว่ากันว่า Vatican รวยกว่า Apple อีกทีด้วยนะค่า และ โคลัมบัสก็เป็นคาทอลิคไม่ใช่ยิวอีกด้วยค่ะ

By: twometre
WriterAndroidWindows
on 18 September 2015 - 08:53 #844046
twometre's picture

ไม่เก็ตมุก "เชลซีชอบนั่งรถบัส" ครับ ถ้าผมถามคอบอลเขาจะตอบได้ไหมครับ

By: lastone
Android
on 18 September 2015 - 09:04 #844056 Reply to:844046

ลองเปลี่ยนเป็น แมนยู รีสอร์ทแอนด์สปา
ปล.ผมเด็กสิงห์นะ

By: bluezip
AndroidUbuntuWindows
on 18 September 2015 - 09:07 #844057 Reply to:844046

ถ้าเป็นแฟนบอลจริงต้องรู้จัก รถบัส ถ้าไม่รู้จักก็อย่าไปคุยเรื่องฟุตบอลกับคนอื่นเลย

By: meawwat
ContributoriPhoneAndroidSymbian
on 18 September 2015 - 09:10 #844059 Reply to:844046
meawwat's picture

รถบัสนี่หมายถึงเน้นเกมรับอยู่หน้าโกลตัวเองจนเหมือนเอารถบัสมาจอดขวางน่ะครับ

By: twometre
WriterAndroidWindows
on 18 September 2015 - 09:11 #844061 Reply to:844059
twometre's picture

ขอบคุณครับ 5555555 แบบนี้ใช่ไหม

By: gingtalk
Windows PhoneAndroidWindows
on 18 September 2015 - 09:28 #844067 Reply to:844059
gingtalk's picture

ขอบคุณครับ

By: nrml
ContributorIn Love
on 18 September 2015 - 09:11 #844062 Reply to:844046
nrml's picture

เป็นแทคติคที่มูริญโญ่เคยใช้บ่อยๆ วิธีการคือเน้นอุดแล้วรอจังหวะสวนครับ เหมือนเอารถบัสมาขวางไว้ เลยโดนเอามาล้อกัน

By: Perl
ContributoriPhoneUbuntu
on 18 September 2015 - 12:52 #844156 Reply to:844062
Perl's picture

จริงๆ ต้องบอกว่าเป็นสไตล์ Counter Attack ซึ่งแมนยูยุคป๋าก็เคยใช้บ่อย แต่หลายคนมักไม่ค่อยเก็ต

#SaveBR #SaveVangal

By: nrml
ContributorIn Love
on 18 September 2015 - 15:43 #844227 Reply to:844156
nrml's picture

Boo #RodgerOut

By: nowingnoid
iPhoneAndroidUbuntu
on 18 September 2015 - 08:59 #844052
nowingnoid's picture

ยังนึกอะไรไม่ออก แต่ไม่ค่อยเห็นด้วยเรื่อง materialism/immaterialism คือยังไม่รู้สึกว่ามันเป็นแบบนั้นซะทีเดียว (คหสต)

By: acitmaster
AndroidUbuntuWindowsIn Love
on 18 September 2015 - 09:00 #844053
acitmaster's picture

คิดๆดู เรื่องการเข้าครอบงำของ Google นี่น่ากลัวนะ ดูเหมือนพี่แกแทรกไปทุกอนุผิวโลกเลย

By: sukjai
iPhoneAndroidRed HatUbuntu
on 18 September 2015 - 09:03 #844055

บทความเยี่ยมมากครับ

By: nrml
ContributorIn Love
on 18 September 2015 - 09:09 #844058
nrml's picture

ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องแนวคิดปรัชญาสักเท่าไหร่ แต่อ่านแล้วก็เพลินดีครับ เรื่อง Google ตั้งชื่อแนวทาง UI เป็น Material design นี่มีนัยแฝงอะไรอยู่หรือเปล่า อารมณ์ตั้งให้มันฮาๆ ดูย้อนแย้งตามสไตล์ Google

ตามไปอ่านลิงค์ที่บทความต้นทางแล้วไล่อ่านคอมเมนต์กลายเป็นดราม่าแบ่งชนชั้นไปซะงั้น

By: gingtalk
Windows PhoneAndroidWindows
on 18 September 2015 - 09:14 #844063
gingtalk's picture

อันนี้ตัวเลขเดามั่วๆ แบบไร้หลักการ ++
ส่วนตัวขอเดามั่วๆว่า ขนาดละเล็กลงในอนาคต

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 18 September 2015 - 09:17 #844064

อ่านแล้วไม่เข้าใจถึงสาระของเนื้อหาเลย ยังพูดไม่ครอบคลุมถึง service mind ที่มีต่อลูกค้าด้วยซ้ำ

ส่วนเรื่อง Alphabet Holding ที่ว่าจะยิ่งใหญ่อย่างกับจะครองโลก มันก็แค่บริษัท Holding เหมือน Toyota, Porsche SE(ถือหุ้นกลุ่ม Wolkswagen) ฯลฯ ไม่เห็นแปลก

By: lawender
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 18 September 2015 - 09:27 #844066 Reply to:844064

educate yourself!!

By: nrad6949
WriterAndroidBlackberryWindows
on 18 September 2015 - 09:46 #844073 Reply to:844064
nrad6949's picture

Berkeley's Immaterialism

As the self-proclaimed defender of common sense, Berkeley held that what we perceive really is as we perceive it to be. But what we perceive are just sensible objects, collections of sensible qualities, which are themselves nothing other than ideas in the minds of their perceivers. In the Dialogues Berkeley used Lockean arguments about the unreliability of secondary qualities in support of his own, more radical view. (Kemerling, 2011)

Philosophical Materialism

Materialism is the oldest philosophical tradition in Western civilization. Originated by a series of pre-Socratic Greek philosophers in the 6th and 5th centuries before the Christian era, it reached its full classical form in the atomism of Democritus and Epicurus in the 4th century BCE. (Vitzthum, 1996)


I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.

By: xxa
Android
on 18 September 2015 - 10:45 #844098 Reply to:844064

ใช้ชีวิตให้มากขึ้น อ่านให้มากขึ้น แล้วจะค่อยๆ เข้าใจครับ

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 18 September 2015 - 11:31 #844118 Reply to:844064

ที่ผมต้องการสื่อคือเนื้อหาให้รายละเอียดไม่พอ ผมต้องไปอ่านเพิ่ม (1,2) เหตุผลที่ผมโวยเพราะคิดเหมือนกันกับท่านนี้ มันก็แค่นั้น

By: xenatt
ContributorWindows PhoneRed HatSymbian
on 18 September 2015 - 09:31 #844068
xenatt's picture

ผมไม่ใช่สาวกของทั้งสองค่ายนะครับ
แนวทางของ apple เหมือนจะไม่เปิดมากนัก ซึ่งต่างจาก google แล้ว ซึ่งเปิดมากกว่า แต่เอาเข้าจริงๆ google คือ กับดักปีศาจ
ในหนึงวัน ถ้า ไม่มี iphone , imac , ipad เราอยู่ได้ครับ ทำงานได้ ชีวิตอาจลำบาก แต่ถ้า ใน 1 วัน ไม่มีบริการของ google คือ ชีวิตลำบากมากๆ
การที่บริษัทหนึ่งเข้ามามีผลกระทบกับชีวิตของเรามากไปไม่ใช่เรื่องดี ยิ่งgoogle คือรวมศูนย์หมด
ในสายตา apple เราคือลูกค้า แต่ในสายตา google เราคือสินค้า คุณจะเป็นผู้ซื้อ หรือ ผู้ถูกซื้อละครับ


Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project

By: kiva
iPhone
on 18 September 2015 - 09:58 #844076 Reply to:844068

เหมือนมีคนเคยพูดว่ากูเกิลก็คือปีศาจที่คอยดูดวิญญาณ(ข้อมูลส่วนตัว)ของเราโดยแลกกับการใช้งานฟรี

By: zigheart
iPhoneAndroid
on 18 September 2015 - 10:02 #844082 Reply to:844068
zigheart's picture

ไม่เห็นด้วยแฮะ ทั้ง 2 บริษัทมองเราเป็นลูกค้าทั้งนั้น

ถ้าพูดกันตามตรง google ดูแลเราได้มากกว่า apple นะ อย่างน้อยๆก็ search ที่เราใช้แทบทุกวัน

By: nrml
ContributorIn Love
on 18 September 2015 - 10:08 #844086 Reply to:844082
nrml's picture

จะเรียกว่าดูแลมันก็แปลกๆ นะครับเพราะมันเป็นผลต่างตอบแทน ซึ่งคำว่าดูแลมันก็ต้องมาดูอีกทีว่าดูยังไงในแง่มุมไหน การเข้ามาดูจนรู้จักเราทะลุปรุโปร่งก็ไม่รู้ว่าเรียกว่าดูแลหรือเปล่า ส่วนดูแลในแง่ของการบริการหลังการขายตรงนี้ผมว่า Apple ก็ยังคงอยู่ในฐานะผู้นำด้านนี้อยู่

By: loptar on 18 September 2015 - 11:12 #844106 Reply to:844068
loptar's picture

"ในสายตา apple เราคือลูกค้า แต่ในสายตา google เราคือสินค้า"
+1,000,000 เลยครับ

By: icez
ContributoriPhoneAndroidRed Hat
on 18 September 2015 - 11:51 #844124 Reply to:844106

+googolplex เลยฮะ

By: ibeauty
iPhoneUbuntuWindows
on 18 September 2015 - 12:08 #844132 Reply to:844068
ibeauty's picture

"ในสายตา apple เราคือลูกค้า แต่ในสายตา google เราคือสินค้า คุณจะเป็นผู้ซื้อ หรือ ผู้ถูกซื้อละครับ"

เราคือสินค้า และถูกซื้อโดย Google ได้อย่างไรค่ะ?

By: titleN
iPhone
on 18 September 2015 - 12:30 #844145 Reply to:844132

เราคือสิ้นค้า ที่ google ขายให้คนอื่นครับ

By: johnny.sayasane
ContributorWindows PhoneSymbianWindows
on 18 September 2015 - 13:37 #844177 Reply to:844132
johnny.sayasane's picture

เราเป็นเหมืองแร่ให้เขาขุดไปขายครับโดยได้รับค่าตอบแทนเป็นความสะดวกสบาย


ສະບາຍດີ :)

By: ibeauty
iPhoneUbuntuWindows
on 18 September 2015 - 14:07 #844194 Reply to:844177
ibeauty's picture

หนูเห็นด้วยค่ะ

แต่เราก็ยินยอมให้ Google ขุดเองนี่ค่ะ แลกกับการได้ใช้บริการต่างๆของ Google
หนูมองว่าบริษัทอื่นๆที่มีบริการลักษณะคล้ายๆบริการของ Google เอง
ก็ทำแบบเดียวกะที่ Google ทำ แต่แค่สเกลต่างกัน

By: johnny.sayasane
ContributorWindows PhoneSymbianWindows
on 18 September 2015 - 15:57 #844230 Reply to:844194
johnny.sayasane's picture

ผมก็ไม่ได้ว่ามันไม่ดีนะ มันแล้วแต่คนเลย เหมือนเจ้าบ้าน หรือ เจ้าของที่ดินยินยอมให้ค้นดูได้ตามสะดวก ส่วนคนที่ไม่ชอบก็คือไม่ใช้ไม่ให้ค้น
แต่มันจะมาอันตรายตรงที่เราหยุดไม่ได้ เราหยุดให้เขาไม่เข้ามาอีกไม่ได้เพราะเราไปติดไปแล้ว ออกก็ไม่ได้ 55


ສະບາຍດີ :)

By: nrml
ContributorIn Love
on 18 September 2015 - 16:05 #844232 Reply to:844230
nrml's picture

ก็เรียกว่าเป็นราคาที่ต้องจ่ายไป อย่างผมเนี่ยจ่ายสองเด้งเลยใช้ทั้งไอโฟนใช้ทั้งบริการของกูเกิล

By: YF-01
AndroidUbuntu
on 18 September 2015 - 14:13 #844197 Reply to:844068

ถ้าจะพูดแบบแนวทาง Apple มองตลาดในแบบดั้งเดิมคือลูกค้าจ่ายเงินแลกสินค้าและบริการที่ดี ส่วนกูเกิลมองแบบ Freeconomic คือเอาส่วนต่างของ"ความรับรู้ในมูลค่า"ของปัจจัยสองกลุ่มขึ้นไปมาแลกกัน และกูเกิลก็ได้กำไรจากส่วนแบ่งของส่วนต่างนั้น

หรือก็คือสำหรับแอปเปิล เราคือลูกค้าที่ต้องบริการอย่างดีที่สุด ในขณะที่สำหรับกูเกิล เราคือคู่ค้าที่ต้องจัดหาสิ่งแลกเปลี่ยนให้ตรงความต้องการ

ถ้าจะพูดแบบ"ให้ร้าย"กัน กูเกิลมองคุณเป็นทั้ง"สินค้า"(ข้อมูล)และ"คู่ค้า"(ผู้สร้าง Network Effect) ที่บ่อยครั้งก็แอบหยิบของบางอย่างไปโดยที่คุณไม่รู้ตัว
ในขณะที่แอปเปิลมองคุณเป็นลูกค้าที่"คิดเองไม่เป็น" (“people don't know what they want until you show it to them” ที่โด่งดังนั่นแหละ) เพราะงั้นแอปเปิลมีสิทธิ์เต็มที่จะ"คิด"แทนให้ และเก็บค่า"คิด"นั้นในรูปตัวเงิน

ถ้าจะจบประโยคของคุณอย่างแฟร์ๆ คงต้องเปลี่ยนเป็น
ในสายตา apple เราคือลูกค้า"คิดไม่เป็น" แต่ในสายตา google เราคือสินค้า
คุณจะเป็นผู้ซื้อไม่มีหัวคิด หรือ ผู้ถูกซื้อละครับ

By: ibeauty
iPhoneUbuntuWindows
on 18 September 2015 - 14:52 #844211 Reply to:844197
ibeauty's picture

ในสายตา apple เราคือลูกค้า"คิดไม่เป็น" แต่ในสายตา google เราคือสินค้า

อ่านถึงตรงนี้ สะเทือน(ใจ)นิดๆ ฟังดูแย่พอกันเลยนะคะ
วกกลับไปอ่านบทความอีกรอบ เริ่มเข้าใจมากขึ้น

By: HMage
AndroidWindows
on 18 September 2015 - 14:55 #844213 Reply to:844197

+1 เพราะความครบถ้วนครับ อธิบายการแลกเปลี่ยนได้หมดทุกเส้นทาง

By: zerocool
ContributoriPhoneAndroid
on 18 September 2015 - 16:26 #844244 Reply to:844197
zerocool's picture

-1

คำว่า "คิดเองไม่เป็น" นี่มันดูถูกผู้ใช้สินค้า Apple อย่างแรง เป็นคำที่คิดเองจากมุมมองของฝั่งตรงข้ามอย่างเห็นได้ชัด ประโยคภาษาอังกฤษที่เอามาแปลความหมายก็ไม่ได้บอกอย่างนั้นเลย อ่านแล้วรู้สึกได้เลยว่า comment นี้มีเพื่อให้ผู้สนับสนุนฝ่าย Google ตอกหน้ากลับฝ่าย Apple แบบดุเด็ดเผ็ดร้อนพ่วงด้วยการ soft landing ให้กับฝ่ายตัวเองเล็ก ๆ ก็เท่านั้นเอง

  • ก่อนจะมี google.com คุณรู้ไหมว่าคุณต้องการ search engine แบบนี้
  • ก่อนจะมี gmail คุณรู้ไหมว่าคุณต้องการ web mail service แบบนี้
  • ก่อนจะมี youtube (ที่ Google ไปซื้อมา) คุณรู้ไหมว่าคุณต้องการ web สำหรับเผยแพร่ video ของคุณเองให้คนอื่นดูและวิจารณ์
  • ก่อนจะมี smartphone คุณรู้ตัวเองไหมว่าคุณจะต้องการ smartphone ชนิดที่ว่าขาดแทบไม่ได้เหมือนอย่างในชีวิตประจำวันทุกวันนี้

หลาย ๆ อย่างจาก Google คุณเองก็ไม่รู้ว่าคุณต้องการจนเมื่อกระทั่ง Google ทำมันออกมาให้คุณใช้ และนี่คือคำแปลที่ถูกต้องของประโยคภาษาอังกฤษที่คุณยกมา แม้ว่าประโยคนั้นจะกล่าวโดยฝั่ง Apple ก็ตามที

บริการหลาย ๆ อย่างของ Google ก็คิดแทนผู้ใช้งานเหมือนกัน เพียงแต่ Google เลือกเก็บค่าบริการทางอ้อมเท่านั้นเอง


That is the way things are.

By: HMage
AndroidWindows
on 18 September 2015 - 16:54 #844262 Reply to:844244

+1 ให้กับ -1 ครับ คือเห็นด้วยว่าแปลประโยคนั้นให้ทางลบเกินไป

แต่ก็นั่นแหละครับ ความเห็นของคุณ YF-01 สื่อแบบลบๆ ว่า

เนื่องจากลูกค้าอธิบายไม่ได้หรอกว่าเครื่องมือที่เขาเหล่านั้นจะชอบมันมีลักษณะเป็นยังไง เลยทำให้ Apple ที่สามารถหยิบยื่นสิ่งนั้นให้ได้โดยไม่ต้องถามก่อนสามารถจะเก็บค่าตอบแทนจากความถูกใจที่เกิดขึ้นนั้น
ซ้ำร้ายกว่านั้น บ่อยครั้งที่คุณท่านลูกค้าพยายามอธิบายความต้องการ แต่เมื่อทำออกมาจริงๆ แล้วเขากลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่ (#ลูกค้าผู้น่ารัก) ด้วยเหตุนี้ Apple จึงถือโอกาสยึดสิทธิ์การตัดสินใจในแนวทางการออกแบบมาทั้งหมดดีกว่า ซึ่งกรณีนี่ก็สรุปเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจาก "ลูกค้าคิดเองไม่เป็นหรอก ให้เราคิดแทนจะดีกว่า"

ผมเข้าใจเขาว่าอย่างนี้น่ะนะ

By: YF-01
AndroidUbuntu
on 18 September 2015 - 21:20 #844330 Reply to:844262

อ่า ประมาณนี้แหละครับ

ผมจงใจให้ดูลบ เพราะต้นความเห็นมามองลบแค่ฝ่ายเดียวน่ะครับเลยอยากให้เห็นว่าจะมองให้ลบก็มองได้ทั้งสองฝั่งแหละ

เอาจริงๆมันไม่ได้ลบขนาดดูถูกลูกค้าแบบนั้นหรอก แต่ผมก็เชื่อว่าแอปเปิล"มั่นใจ"ว่าตัวเองคิดให้ลูกค้า ดีกว่าที่ลูกค้าคิดเองแน่นอนนะ

By: YF-01
AndroidUbuntu
on 18 September 2015 - 22:37 #844328 Reply to:844244

[edit เพิ่ม เพื่อให้เข้าใจตรงกัน: ผมมองว่า"แอปเปิลมองลูกค้าว่าคิดไม่เป็น"กับ"ผมองว่าลูกค้าแอปเปิลคิดไม่เป็น"นี่ไม่เหมือนกันนะคร้าบ]

อ่า ขออภัยถ้าทำให้รู้สึกว่าดูถูกลูกค้าแอปเปิล"ทั้งหมด"ครับ ที่ผมจะสื่อคือ"ถ้าจะมองกันในแง่ลบทั้งสองฝั่ง" เพราะจขคห.เลือกมองในแง่ลบฝ่ายเดียว ผมก็มาแสดงว่าถ้าจะมองฝั่งนึงในแง่ลบ ให้แฟร์ก็ต้องมองลบทั้งสองฝั่ง

ถ้าตัดมาเป็นประโยคก็คง"ดิ้นได้"แบบที่คุณว่าละ แต่ลองเอาประโยคที่แอปเปิลใช้ในหลายๆพรีเซนเทชันมาร่วมด้วย เช่น "3.5 คือขนาดหน้าจอที่ดีที่สุด" หรือ "สไตลัสที่ดีที่สุดคือนิ้ว" ละครับ? แล้วกับคนที่คิดต่าง คนพวกนี้ต้อง"คิดผิด"งั้นหรือ?

หรือประโยคที่ชัดเจนที่สุดอย่าง "You're Holding It Wrong" กับไอโฟน 4 ล่ะ?

ปรัชญาการออกแบบแอปเปิลมีลักษณะการออกแบบการใช้งานที่"บังคับ"ลูกค้าที่สุดรายนึง และคงจัดได้ว่ามีความมั่นใจในตัวเองสูงที่สุดรายหนึ่ง
ซึ่งแง่นึงมันก็ดีตรงที่ได้ความสมบูรณ์แบบที่มากกว่า แต่อีกแง่ก็คือเค้ามองว่าคุณแค่ทำตามที่เค้าให้ก็พอ ไม่ต้องแก้ไข เพราะคุณคิดได้ไม่ดีกว่าเค้าหรอก

ซึ่งต่างจากบริการของเจ้าอื่น(แม้แต่อันที่คุณยกมา) เค้าเสนอให้คุณ"เลือกใช้"โดยคิดสิ่งที่"น่าจะ"ตรงกับความต้องการของลูกค้า คนละเรื่องกับการบอกว่าใช้ตามที่ผมคิดพอ ไม่ต้องปรับ
หรือกูเกิลเคยบอกว่า search engine ต้องทำแบบนี้เท่านั้นละครับ?

กลับกัน ถ้ามองบวก ผมก็มองบวกได้ทั้งสองฝั่ง และ"ผู้ใช้"ที่ไม่ใช่สาวกของทั้งสองฝั่งเองก็ใช่ว่าจะไม่คิดก่อนเลือกซื้อ ถูกมั้ยครับ?

By: nrml
ContributorIn Love
on 19 September 2015 - 00:08 #844380 Reply to:844328
nrml's picture

ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับคุณนะครับ แล้วก็คิดว่าคำที่คุณใช้ก่อนหน้าก็ไม่ได้รุนแรงอะไรในความเห็นส่วนตัว เพราะบางคำหรือบางประโยคมันก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายและเข้าใจได้ตรงกันให้ได้เร็วที่สุดโดยเฉพาะกลุ่มคนที่ทำงานด้านการออกแบบ โดยบางทีมันอาจจะไม่ได้หมายถึงความหมายดั้งเดิมซะทีเดียว อย่างเช่นคำว่าโง่ หรือ foolproof ที่เคยมีการยกมาพูดถึงไปก่อนหน้านี้ไม่นาน

แนวทางหนึ่งของการออกแบบที่ยึดถือและเป็นที่นิยมก็คือ งานออกแบบที่ดีคือสร้างสิ่งที่ user สามารถเข้าใจและใช้งานได้เลยโดยที่แทบไม่ต้องคิดหรือเรียนรู้การใช้งานให้น้อยที่สุด ตรงนี้บางคนอาจจะตีความไปว่าลูกค้าคิดไม่เป็น ลูกค้าโง่ ก็คงจะแล้วแต่การตีความจากแบ็คกราวด์ของแต่ละคน ตัวอย่างหนังสือดังๆ ของพวก UX designer ก็ Don't Make Me Think

By: YF-01
AndroidUbuntu
on 19 September 2015 - 11:10 #844452 Reply to:844380

คำว่าคิดไม่เป็นโดดๆ มันแคบและแรงไปด้วยละครับ ความผิดของผมเองที่เลือกใช้คำสั้น
คุณ zerocool คงตีความว่าผมมองว่าลูกค้าแอปเปิลโง่ แต่ที่จะสื่อคือสิ่งที่คุณว่ามานั่นแหละ

ขอบคุณที่ช่วยขยายความครับ

By: zerocool
ContributoriPhoneAndroid
on 20 September 2015 - 07:13 #844612 Reply to:844328
zerocool's picture

ประเด็นมันอยู่ที่การมองว่า Apple คิดต่อลูกค้าอย่างไรโดย "คุณ" เองนั่นแหละครับ เพราะตัวเนื้อความภาษาอังกฤษก็ไม่ได้แปลว่าอย่างนั้น แต่คุณเลือกที่จะใส่ความคิดเห็นส่วนตัวลงไปและตีความให้มันแปลไปในทางนั้น

อย่างที่ผมบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นใหม่บนโลกนี้แล้วถูกค้นพบภายหลังว่าเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการ ก่อนหน้านั้นคนพวกนี้ก็ไม่เคยรู้ตัวเองมาก่อนว่าต้องการสิ่งนี้ทั้งนั้น และถ้าคุณเรียกพฤติกรรมแบบนี้ว่าคิดไม่เป็น จากประวัติศาสตร์คนเราส่วนใหญ่ก็คงคิดไม่เป็นกันทั้งโลก

ส่วนเรื่องวาทกรรมอื่น ๆ ของ Jobs ที่คุณหยิบยกมานั้น คุณอาจจะตีความว่า Jobs ได้พยายามยัดเยียดความคิดของตัวเองให้กับผู้ใช้คนอื่น ๆ แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่า Jobs มองว่าลูกค้าตัวเองคิดไม่เป็นนะครับ สองเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลที่เกี่ยวข้องกัน หากให้ยกตัวอย่างเปรียบเทียบที่ใกล้ตัว ในการทำงานหนึ่ง ๆ บางครั้งย่อมต้องมีการตัดสินใจอะไรบางอย่างออกมา ลูกทีมอาจมีความคิดเห็นที่หลากหลายต่างกันนำเสนอต่อที่ประชุม แต่หลายครั้งหัวหน้าทีมกลับเลือกแนวทางที่ตัวเองต้องการและบอกกับลูกทีมว่าเขาคิดว่าวิธีนี้ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์นั้น การที่หัวหน้าทีมกระทำลักษณะนี้ไม่ได้แปลว่าหัวหน้าทีมมองว่าลูกน้องตัวเอง "คิดไม่เป็น" แต่อย่างใด

ส่วนตัวผมเองมองว่าวาทกรรมเหล่านี้เป็นทั้งการแก้ตัว การโฆษณา และการเสริมสร้างความมั่นใจต่อ brand / product มากกว่าที่จะมองว่าเป็นการชี้หน้าด่าลูกค้าตัวเองว่า "คิดไม่เป็น" การเอาคำพูดโฆษณาแล้วมาวิเคราะห์ว่าผู้พูดคิดอะไรในใจจริง ๆ ผมว่าทำได้ยากมาก แทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะขึ้นชื่อว่าการโฆษณาส่วนใหญ่เราก็รู้กันอยู่แล้วว่าทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น

คุณขายโทรศัพท์มือถือหน้าจอขนาด 3.5 นิ้วอยู่ ในฐานะ CEO คุณจะไปพูดบนเวทีเปิดผลิตภัณฑ์ของตัวเองแล้วบอกว่าโทรศัพท์มือถือควรมีขนาดหน้าจอ 4 นิ้ว 4.5 นิ้ว 5 นิ้ว อย่างนั้นหรือ ?

คุณทำโทรศัพท์มือถือออกมาขายรุ่นหนึ่ง แล้วคุณค้นพบภายหลังว่าผลิตภัณฑ์มีความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเรื่องการรับสัญญาณ แต่ line การผลิตทุกอย่างก็ขึ้นไปหมดแล้ว ลงทุนลงเงินไปมากมาย ในฐานะ CEO คุณจะออกมาพูดถึงผลิตภัณฑ์ของตัวคุณเองว่าทีมออกแบบเราเส็งเคร็ง ทีม QC เราอ่อนด้อยเลินเล่อ อย่างนั้นหรือ ? มันใช่หน้าที่ของ CEO ที่มีต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นทั้งหลายหรือไม่ ? คุณก็ต้องแก้ไขปัญหาขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อนแม้ว่าคำพูดมันจะดูแถเต่าถุยแค่ไหนก็ตาม

คนเรามีสิทธิ์จะเชื่อว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด และยิ่งมีสิทธิ์ที่จะพูดมันออกไป แน่นอนว่าคนที่ไม่เห็นด้วยย่อมต้องมี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนไหนถูกคนไหนผิด คนไหนฉลาดคนไหนโง่

ขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบอีกครั้ง สมมติว่าคุณมีแฟน คุณอาจจะบอกใครต่อใครว่าแฟนคุณคือคู่ที่ดีที่สุดของคุณ และสมมติว่าผมรู้จักแฟนคุณเป็นการส่วนตัว ผมอาจจะไม่เห็นด้วยก็ได้ มันไม่ใช่เรื่องแปลก ผมไม่จำเป็นต้องมาเดือดร้อนกับคำพูดที่คุณเที่ยวไปบอกใครต่อใคร ไม่เห็นจะต้องไปคิดใคร่ครวญว่าในเรื่องนี้ใครคิดถูกหรือใครคิดผิด และยิ่งไม่คิดว่าคุณคง "คาดหวัง" ให้ผมเชื่อในสรรพคุณของแฟนคุณโดยที่ผมไม่ต้องคิดเองอะไรเลยด้วย

Don't make me think ผมเองก็ยังมองว่ามันต่างกับ You can't think อยู่ค่อนข้างมากนะ


That is the way things are.

By: xenatt
ContributorWindows PhoneRed HatSymbian
on 18 September 2015 - 20:21 #844320 Reply to:844197
xenatt's picture

บริการของ google พยายามคิดแทน เรามากกว่า apple เยอะครับ
ยกตัวอย่าง google now จะแสดงข้อมูลให้คุณเอง
youtube แสดงรายการเพลงถัดไปจากประวัติการใช้งาน
adsens แสดงโฆษณา จากประวัติเว็บ ที่เราเข้าชม
google พยายาม ทำ data mining เพื่อคิดว่าเราต้องการอะไร

ไม่ว่าคุณจะทำอะไรถ้าคุณจะใช้บริการของ google คุณต้องส่งข้อมูลไปให้ google คิดแทนคุณ (ประมวลผล)

ผู้ใช้ google คือ คนที่ แยกแยะเองอะไรไม่เป็น แยกไม่ได้ระหว่าง email ไหนเป็นข่าวประชาสัมพันธ์ social network forum spam
ขับรถเองก็ไม่เป็น

การใช้งาน google ทำให้ ผู้ใช้โง่ลงครับ ไม่ใช่ฉลาดขึ้น


Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project

By: YF-01
AndroidUbuntu
on 18 September 2015 - 22:44 #844338 Reply to:844320

data mining นี่เอามาจากอะไรครับ "พฤติกรรมของคุณ"ถูกมั้ยครับ?
ข้อมูลที่แสดงออกมา เป็นวิธีคิดของกูเกิลที่"ยัดเยียด"ให้คุณ หรือกูเกิลพยายาม"จำลอง"วิธีคิดของคุณครับ?
กูเกิลยึดข้อมูล"ตัวเอง"เป็นใหญ่ หรือปรับวิธีคิดตามข้อมูลที่"คุณ"ส่งมาให้ครับ?
กูเกิลมาชี้นำ บังคับ หรือบอกว่าวิธีคิดแบบอื่น"ไม่ดีที่สุดเท่าของกูเกิล"รึเปล่าครับ?

คุณมองว่าคนที่พยายามจำลองวิธีคิดของคุณ "คิดแทน"มากกว่าคนที่เสนอแนวคิดของตัวเองให้คุณใช้เหรอครับ?

จริงๆไม่ใช่ว่าฝ่ายไหนดีกว่ากันหรอก
ถ้ามองในแง่ดี แอปเปิลก็คิดให้อย่างดีที่สุดเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ซึ่งอาจจะดีขนาดที่คุณคิดเองไม่มีทางถึง แต่กูเกิลจำลองความคิดคุณเพื่อให้ใกล้เคียงกับตัวคุณมากที่สุด
ถ้ามองในแง่ร้าย แอปเปิลไม่คิดจะสนว่าคุณมีความเห็นว่าอะไร ส่วนกูเกิลก็ดักข้อมูลคุณไปจนจะรู้ดีกว่าตัวคุณนั่นแหละ

By: xenatt
ContributorWindows PhoneRed HatSymbian
on 19 September 2015 - 04:25 #844414 Reply to:844338
xenatt's picture

ไม่ว่า Apple หรือ Google ก็ต่างต้องทำวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคหมดครับ
ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัทจะใช้วิธีไหน
Apple อาจใช้วิธีส่ง feedback จากการใช้งาน beta program หรือจากความเห็นของผู้ใช้ หรือการจ้างบริษัททำวิจัย และอาจรวมทั้งสถิติ การ download app เพลง หนังสือ vdo

Apple ขายสินค้าและบริการ สิ่งที่ Apple ทำคือ พัฒนาสินค้าภายใต้จุดสมดุลระหว่าง Apple และ ผู้บริโภค
สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้บริโภคอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับ Apple

แต่ที่ต่างกันคือ google ใช้ข้อมูลของเราในการขายพื้นที่โฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
Google บันทึกทั้ง Google DNS , Stat web site, mobile app ผ่าน google anaytics

ผมเป็นคนนึงที่ไม่ใช้ google dns และ block domain google adsens , google anaytics ใน host file และ disable การบันทึกประวัติการเปิดเว็บ

Apple และ google พยายามเข้าใจเรา พยายามเข้าใจความต้องการของเราทั้งคู่แต่วิธีการต่างกัน
สิ่งที่ต่างจาก Apple กับ Google คือ Apple ไม่ได้ตามคุณทุกฝีก้าว แต่ Google จะตามคุณทุกฝีก้าว

สินค้าบริการของ Apple เกือบทุกตัว คุณยังจะสามาถใช้งานได้ ถ้าคุณไม่สามารถติดต่อกับ Server ของ Apple ได้
แต่ สินค้าบริการของ Google เกือบทุกตัวคุณจะไม่สามารถใช้งานได้ ถ้าคุณไม่สามารถติดต่อกับ server ของ google ได้


Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project

By: YF-01
AndroidUbuntu
on 19 September 2015 - 11:06 #844454 Reply to:844414

จอบส์เคยให้สัมภาษณ์ว่า"“We do no market research. We don’t hire consultants."นะครับ

เป็นคำที่โด่งดังมากคำนึงในวงการการตลาด เพราะคนที่จะพูดคำนี้ออกมาได้ต้อง"มั่นใจ"ว่าคิดนำลูกค้าไปแล้วอย่างน้อยก้าวนึง
แอปเปิลไม่ได้แค่พยายามเข้าใจเราครับ แต่เหนือไปกว่านั้นด้วยการเชื่อว่า"เข้าใจความต้องการของเราได้ดีกว่าเรา"โดยไม่จำเป็นต้องถามความเห็นเราโดยตรง (เพราะถามไปก็ตอบไม่ได้ เนื่องจากเรายังคิดไม่ถึง)

ซึ่งพูดตรงๆว่าจอบส์พิสูจน์ไปแล้วว่าทำได้จริง จากยอดขายและความพึงพอใจของสินค้าทั้งหมด

ที่คุณกลัวกูเกิล ผมเข้าใจครับ นั่นเพราะคุณให้"มูลค่า"ของข้อมูลคุณมากกว่าบริการที่ได้รับจากกูเกิล
แต่กับคนที่ไม่ได้ให้มูลค่ามันเท่านี้ "ส่วนต่าง"ที่ได้รับคือบริการดีที่ไม่เสียเงิน และข้อมูล(โฆษณาก็เป็นข้อมูล)ที่ตรงกับสิ่งที่คุณต้องการ ไม่ต้องเจอขยะข้อมูลที่คุณไม่ได้สนใจด้วยนะครับ

ในมุมมองแบบ Freeconomic นี่เป็นสถานการณ์ Win(เราไม่เสียเงินใช้บริการ แถมได้ข้อมูลที่เราต้องการ) - Win(กูเกิลได้กำไรจากค่าโฆษณา) - Win(เจ้าของสินค้าไม่ต้องจ่ายเงินสะเปะสะปะเพื่อให้ถึงกลุ่มเป้าหมาย) ระดับโมเดลเลยครับ

แต่ก็นั่นแหละ ถ้าคุณเห็นว่าข้อมูลของคุณสำคัญกว่า คุณไม่ Win ก็หลีกเลี่ยงถูกแล้วครับ

By: 17November
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 19 September 2015 - 00:32 #844391 Reply to:844320
17November's picture

ถ้ามองการ 'ปรับเข้าหาผู้ใช้' และการ 'อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้' เป็นลบ งั้นก็ไม่ต้องมีเทคโนโลยี ไม่ต้องมีการออกแบบกันแล้วครับ

By: HMage
AndroidWindows
on 18 September 2015 - 15:15 #844217 Reply to:844068

ที่พูดว่า "ถ้า ไม่มี iphone , imac , ipad เราอยู่ได้ครับ" นี่เท่ากับสรุปว่า Apple ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราสะดวกสะบายขึ้นมากเท่าไหร่เลยนะครับ

(ส่วนตัวผมถือหาง Google)

By: nessuchan
iPhoneAndroidWindows
on 18 September 2015 - 16:21 #844243 Reply to:844217
nessuchan's picture

สะดวกสบายขึ้นครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าขาดไปแล้วจะอยู่ไม่ได้

แต่กับบริการของ Google ถ้าไม่มีนี่ เดือดร้อนเลยนะครับ ลองจินตนาการดูว่า ถ้าโลกนี้ไม่มี Google search. Gmail, Youtube.

By: HMage
AndroidWindows
on 18 September 2015 - 17:18 #844273 Reply to:844243

ใช่ครับ พิจารณาที่ประเด็นสะดวกสบายนี้นะครับ อะไรกันแน่ที่ทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายมากขึ้น

App และบริการต่างๆ มีตั้งแต่ จดบันทึก, ฟังเพลง, social network, เปิด web, รับส่งและแจกของ เช่น เพลงหรือเอกสาร, และอีกมากมาย ซึ่งนั่นเป็นบริการของผู้ผลิต app ต่างๆ
แต่สิ่งที่เป็นคุณสมบัติของ iPhone จริงๆ ก็คือ สภาพแวดล้อมแบบใหม่ที่ Apple สร้างขึ้นเอง เช่น App Store แต่เด่นๆ เป็นมุมของความรู้สึกเสียมากกว่า เช่น สวยงาม, ถนัด, มั่นใจได้

จะเห็นว่า Apple ควรถูกเปรียบเทียบในจุดยืนเดียวกับ Samsung จะเหมาะกว่า เพราะงั้นถ้า Apple ไม่อยู่แล้ว เราก็คงได้ใช้บริการเหล่านั้นจากเครื่องอื่นแทนเท่านั้นเอง

By: Aoun
AndroidWindows
on 18 September 2015 - 20:44 #844323 Reply to:844243

Bing ร้องไห้เลย (เห็นหัวกันบ้างดิ)

By: isk on 18 September 2015 - 16:11 #844236 Reply to:844068

จะว่าไปผมว่า Apple ก็เป็นกับดักปีศาจ(ทางจิตใจ)

By: TechnologyInsight on 18 September 2015 - 09:39 #844072

เป็นบทความที่ดีมาก ขอคาระวะ

By: WattZ
AndroidRed HatSymbianWindows
on 18 September 2015 - 10:01 #844078
WattZ's picture

ที่เถียงกัน ผมว่าแค่ผู้ซื้อกลัวเสียหน้าเท่านั้นเอง

By: Hadakung
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 19 September 2015 - 12:50 #844480 Reply to:844078

คุณจะบอกว่าเชียร์บอลคนละฝ่ายแล้วเกทับกันเพราะเสียหน้าหรอครับ มันไม่ตื้นขนาดนั้นนะครับ เพาะขนาดผมมีดีไวซ์ทั้งสามเจ้า(ไมโ๕รซอฟท์ด้วยเอ้า) ผมยังเชียร์ไมโครซอฟท์เลย

By: WattZ
AndroidRed HatSymbianWindows
on 19 September 2015 - 15:23 #844503 Reply to:844480
WattZ's picture

ใช่ครับ ไม่เห็นต้องค้นหาปรัชญาอะไรมากมาย ก็แค่แฟนบอยเกทับกันแค่นั้น

By: pexza
AndroidUbuntuWindows
on 18 September 2015 - 10:01 #844079
pexza's picture

อ่านแล้วยังวิเคราะห์ลึก ๆ ไม่ออก เพียงแต่ได้แนวความคิดเรื่อง Hardware และ Software

ในขณะที่ฝั่งผลไม้ต้องการขาย Hardware และคอนเทนต์ในมือที่มีมากมายมหาศาล กลับกันฝั่งหุ่นกระป๋องเน้นขายละมุนภัณฑ์และบริการที่จับต้องไม่ได้แต่ขาดไม่ได้ และทำ Hardware มาเพียงแค่แนวทางให้เจ้าอื่นที่เข้ามาร่วมได้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้นเอง (ทั้ง Nexus และ One)

ในฐานะบุคลากรของประเทศไทยผู้ยากจน ผมสามารถหาซื้อสุดยอดเรือธงของด๋อยตกกระป๋องในราคาที่พอกัดฟันจนเลือดซิบไหว ในขณะที่ฝั่งผลไม้ต่อให้ตกรุ่นราคาก็แรง หรือลดก็มาลดพื้นที่ มันเอื้อมไม่ถึงจริง ๆ ครับ

สุดท้ายไม่ว่าแต่ละเจ้าจะเน้น จะขายอะไร จะมีแนวทางอย่างไร แต่สุดท้าย ตลาดผู้บริโภคจะเป็นคำตอบ เรื่องนี้มันถูกพิสูจน์มาแล้วเรื่อง UI ของ Desktop ที่สุดท้าย ทุกเจ้าก็เดินทางมาสู่จุดหมายเดียวกัน หน้าตาคล้ายคลึงกันไปทุก Platform แล้วตอนนี้

By: popwow on 18 September 2015 - 10:22 #844089

ถ้าพูดถึงเรื่องทะเลาะกัน ผมว่าเพราะ OS ในมือถือมันคล้ายกันมากกว่าครับ
เหมือนตอนก่อนหน้านี้ที่แฟน MS และ Apple เถียงกันบ่อยๆ

ส่วนผมยังมองว่าต้นแบบของแอนดรอยคือไอโฟนอยู่วันยังค่ำ

แก้ไขนิดนึง เอาจริงๆ ต้นแบบลำดับแรกของ android คือ blackberry
อันนี้พยายามทำตามเขาแล้วยังดีที่ไหวตัวทันว่าน่าจะไม่เวิร์ค
เลยทำตามส่วนต้นแบบลำดับสองคือ iPhone ออกมา

By: paween_a
Android
on 18 September 2015 - 11:24 #844113 Reply to:844089
paween_a's picture

หน้าตา OS คล้ายกันก็จริง เพราะเกิดจากการปรับให้เข้ากับผู้ใช้ได้ดีที่สุด

แต่บทความนี้นำเสนอแนวคิดที่ว่าจริง ๆ แล้วหัวใจของทั้งสองบริษัทมันแตกต่างกันเลยนะ ฝ่ายหนึ่ง HW จ๋า อีกฝ่ายก็ SW จ๋า ถ้ายังจำได้ iPhone 1st นี่บริษัททั้งสองรักกันอย่างแนบแน่น

By: popwow on 18 September 2015 - 11:42 #844119 Reply to:844113

จริงครับ

By: maquidkzy
iPhoneWindows PhoneAndroidUbuntu
on 18 September 2015 - 10:33 #844093
maquidkzy's picture

MS ล่ะ

By: paween_a
Android
on 18 September 2015 - 11:26 #844114 Reply to:844093
paween_a's picture

นายสับสนและหลงทางอยู่

พึ่งจะมาได้แนวทางเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง แต่ว่าแนวทางนั้นมันก็ซ้อนทับกับ Google แหละนะ ก็ต้องดูว่าเฮียกูจะยอมง่าย ๆ ฤา

By: Ford AntiTrust
ContributorAndroidBlackberryUbuntu
on 18 September 2015 - 11:47 #844120 Reply to:844093
Ford AntiTrust's picture

Microsoft แนวคิดจะออกไปทางแนวเดียวผสมกับ Google และ Apple มากกว่า แต่เหมือนจะเฟลๆ เพราะทำอะไรไม่ชัดเจนสักอย่าง แฟนบอยก็เลยหมดหวังเลิกสนับสนุนไปเยอะ (ผมคนหนึ่ง) คือพี่ไฟแรงแค่ช่วงแรก แล้วก็มอดหายไป

By: isk on 18 September 2015 - 16:19 #844240 Reply to:844120

ใช่ครับ เหมือนกำลังค้นหาตัวเองอยู่ ทำอะไรไม่เต็มที่สักอย่าง

By: Elysium
ContributorWindows PhoneSymbianWindows
on 18 September 2015 - 12:15 #844135 Reply to:844093
Elysium's picture

ไม่ว่าฝั่งไหนจะชนะ Microsoft ก็จะติดตามเราไปทุกที่ O_o


คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ

By: Perl
ContributoriPhoneUbuntu
on 18 September 2015 - 12:55 #844157 Reply to:844093
Perl's picture

กู่ไม่กลับแล้วครับ แนวทางไม่ชัดเจน ท่าทีก็ไม่ชัดเจน

By: HMage
AndroidWindows
on 18 September 2015 - 15:22 #844220 Reply to:844093

MS จะอยู่กับระดับผู้ใช้ไปอีกนานในฐานะ retro software ครับ

เอาไว้เล่น Starcraft, C&C Red Alert, DotA, และอีกมากมาย

By: freeriod on 18 September 2015 - 10:58 #844102
freeriod's picture

ไปรู้มาได้ไง

By: zerc
iPhoneWindows PhoneAndroid
on 18 September 2015 - 11:05 #844105

ระยะยาว ผมถือฝั่ง android เท่านั้น
apple คือ วัตถุดูมีราคารอวันเสื่อมความนิยม

By: Matibul
UbuntuWindows
on 18 September 2015 - 11:12 #844107

เห็นด้วยน่ะครับ
สำหรับผมใช้ Hardware Apple(เป็นหลัก) IPhone5s, Ipad mini2, Ipad2 พวกนี้มันดูดีกว่า ในหลายๆด้านการใช้งานมันง่ายกว่า แต่ Software หลักๆยังไปอยู่กับ Google ใน IOS เองก็ยังใช้ทั้ง Gmail, Search, Map, Drive, Youtube, Chrome

เอาจริงเวลานี้ผมว่าจับตามอง Microsoft ดีกว่า

ปล. Apple ซื้อมาแล้วติดใช้แล้วชินไม่อยากขาย(ถ้าไม่ตกรุ่น ช้าเกิน) แต่กับ Android ผมเวียนไปเรื่อย มีที่อยู่นานๆจริงแค่2เครื่อง Meizu M9(ฝังเพลง) กับ Nexus S(ทนจริง)

By: paween_a
Android
on 18 September 2015 - 11:29 #844116 Reply to:844107
paween_a's picture

ถ้าจับตาดู MS และว่าชอบเชียร์มวยรองสินะ :)

ผมว่า MS ตอนนี้ก็ใช้แนวทาง Google ของยุค real smart phone (ช่วง iPhone the 1st) คือเกาะให้ได้ทั้งหมด เราจะต้องอยู่ให้ได้ทุกกลุ่ม และหลังจากนั้นค่อยว่ากัน

By: Matibul
UbuntuWindows
on 18 September 2015 - 13:43 #844179 Reply to:844116

ผมชอบพันธ์ผสมครับ Software ก็เน้น Hardware ก็เอา
ถ้าเป็นไปได้ผมขอดีในทุกด้าน ไม่เอาดีมากแต่อีกด้านห่วยอันนี้รับไม่ได้

ปล. แต่ดูเหมือน MS ตอนนี้จะยังหาคำว่าดีไม่เจอสักด้าน T-T

By: soullz
AndroidUbuntu
on 18 September 2015 - 11:16 #844109
soullz's picture

โลกที่มองกระจกคนละด้าน

By: pit
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 18 September 2015 - 11:26 #844115

จากที่ถือทั้ง iOS และ Android ผมมองว่าสองค่ายนี้เป็นเส้นขนานกันครับ คือให้ผลลัพธ์การใช้งานเหมือนกัน แต่ต่างกันที่วิธีการ ราคาขายฮาร์ดแวร์ขั้นต่ำของแอปเปิ้ลสูงกว่า แต่ได้ตัวเลขสเปกต่ำกว่า ผมถือว่าส่วนต่างเป็นค่าประสบการณ์ใช้งานครับ (ซึ่งวัดไม่ได้จากตัวเลขบนตารางข้อมูลจำเพาะครับ)
ถ้ามองย้อนกลับไปตอนสมัยร ios 2.0 กับ Donut นี่เหมือนกับอยู่กันคนละฝั้ง ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง แต่ปัจจุบันทั้งสองเขยิบเข้ามาใกล้กันมากๆ แต่ผมกลับรู้สึกว่าการที่แอนดรอยมีแอพต่างๆ ให้เลือกใช้เหมือนกับ iOS เป็นเหมือนการ "ล่อ" ผู้ใช้ให้เข้ามา เพื่อในที่สุดจะได้ใช้บริการของกูเกิ้ลเอง นอกจากนี้ iOS ยังมี "ชีวิตชีวา" เพิ่มขึ้น ในขณะที่แอนดรอยยังคงความเป็นจักรกลไม่เปลี่ยน (หรือยิ่งกว่าเดิม)

เวลาที่ใช้ iPhone เป็นเครื่องหลัก ผมก็รู้สึกสบายใจกว่า เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องสเปก แรม ไม่หาเรื่องโมดิฟาย (ไม่เจลเบรก) กลับกันเวลาถือดรอย คงเป็นนิสัยเสียของผมมาตั้งแต่ 2.0 ที่ระแวงแรมหมด แคชเต็ม จนต้องรูทแล้วไล่ลบ apk ที่ไม่ใช้เกลี้ยงเพื่อไม่ให้มันทำงานขึ้นมา (ล่าสุดรูท S6 ลบไป 1.4 GB จนเครื่องบริกไปสองรอบ) ทั้งทีก็รู้อยู่ว่าแรมสมัยนี้เหลือเยอะมาก และระบบจัดการแรมก็ดีขึ้นมาแล้วก็ตาม แต่ทำถ้าใช้ดรอยแล้วไม่รูทนี่ มันคันมากๆ เลยครับ

สุดท้ายนี้อยากฝากว่า (แหม พูดเหมือนเป็นดารา) แฟนบอยทั้งสองค่ายเลิกเอา iPhone มาเปรียบกับ Android กันซะทีเถอะครับ ปรัชญาการออกแบบสองแพลตฟอร์มมันต่างกัน สู้เปรียบเทียบระหว่างแอนดรอยด้วยกันเองสนุกกว่าตั้งเยอะ.

By: gooGof
ContributorAndroidIn Love
on 18 September 2015 - 12:32 #844149 Reply to:844115

"สู้เปรียบเทียบระหว่างแอนดรอยด้วยกันเองสนุกกว่าตั้งเยอะ."
+1

By: nessuchan
iPhoneAndroidWindows
on 18 September 2015 - 16:26 #844247 Reply to:844115
nessuchan's picture

"เวลาที่ใช้ iPhone เป็นเครื่องหลัก ผมก็รู้สึกสบายใจกว่า เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องสเปก แรม ไม่หาเรื่องโมดิฟาย (ไม่เจลเบรก) กลับกันเวลาถือดรอย คงเป็นนิสัยเสียของผมมาตั้งแต่ 2.0 ที่ระแวงแรมหมด แคชเต็ม จนต้องรูทแล้วไล่ลบ apk ที่ไม่ใช้เกลี้ยงเพื่อไม่ให้มันทำงานขึ้นมา (ล่าสุดรูท S6 ลบไป 1.4 GB จนเครื่องบริกไปสองรอบ) ทั้งทีก็รู้อยู่ว่าแรมสมัยนี้เหลือเยอะมาก และระบบจัดการแรมก็ดีขึ้นมาแล้วก็ตาม แต่ทำถ้าใช้ดรอยแล้วไม่รูทนี่ มันคันมากๆ เลยครับ"

อันนี้ตรงกับผมเลยครับ iPhone ผม นาน ๆ ทีนึกครึ้มก็จะปิดโปรแกรมอื่นออกไปให้หมดทีนึง แต่ตอนใช้ Nexus แทบจะกดเคลียแรมทุก 5 นาที

By: kerk09
iPhoneAndroid
on 20 September 2015 - 15:44 #844689 Reply to:844115

เรื่องต้องเคลียร์แรมนี่ถือว่าเป็นโรคจิตหน่อยๆ ม่ะ ผมเองก็เป็น คันไม้คันมืออยากเคลียร์ตลอด

By: loptar on 23 September 2015 - 10:50 #845585 Reply to:844115
loptar's picture

เป็นเหมือนกัน
ผมสรุป(ของผมเอง)ว่า droid user ระดับ hardcore ต้องเคลียร์ ram บ่อยๆ 55555

By: nrml
ContributorIn Love
on 23 September 2015 - 10:52 #845586 Reply to:845585
nrml's picture

ส่วนผมนี่เป็นประเภทจำใจต้องเคลียร์ แอพเคลียร์เมมนี่เป็นแอพที่ใช้งานบ่อยอันดับต้นๆ ในเครื่องเลยทีเดียว

By: unclepiak
ContributoriPhone
on 18 September 2015 - 11:55 #844125
unclepiak's picture

เสนอมุมมองทางนวัตกรรมเพิ่มเติมนะครับ
มองว่าแอปเปิลจะสร้างนวัตกรรมเพื่อตอนโจทย์ทางการตลาด เป็นหลัก
ขณะที่กูเกิลจะสร้างนวัตกรรมเพื่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตมนุษย์ให้ดีขึ้นกว่าเดิม

By: ibeauty
iPhoneUbuntuWindows
on 18 September 2015 - 12:02 #844129
ibeauty's picture

อ่านแล้วเข้าใจยากจังเลยค่ะ ไม่มีความรู้ด้านนี้เลย ไม่ทันจริงๆ

แต่โดยส่วนตัว มี iPhone5, Z Ultra, Tab A 8.0

เครื่อง iPhone5 ใช้งานหลักๆจะเป็นแอพและบริการของ Google เสียส่วนใหญ่ Youtube(สำคัญมาก) รองลงมาก็ Gmail (ตอนนี้เครื่องนี้กลายเป็นเครื่องสำรอง เพราะเดี๊ยวนี้เปิดเว็บเปิดอะไรแล้วชอบเด้ง Facebook นี่เด้งได้เด้งดีกว่าใครเพื่อน เพลีย) ส่วนบริการของ Apple เลิกซื้อเพลงใน iTunes ตั้งแต่พี่โยน Z Ultra มาให้ใช้

เครื่อง Z Ultra นอกจากบริการของ Google ที่ยัดเยียดพ่วงติดมากับเครื่องประหนึ่งกาฝาก (ลบก็ไม่ได้ บางแอพบริการนั้นยังใช้ในไทยไม่ได้ เหอะๆ) เป็นสิบๆแอพ ก็ยังใช้บริการของ Microsoft ร่วมด้วย (อันนี้ตั้งใจโหลดลงมาเองอะไรเอง ไม่ได้ติดมากะเครื่อง) หลักๆก็ Skype, OneNote(อันนี้เริศจนต้องแนะนำเพื่อนๆ), OneDrive(แอพนี้เหมือนยังขาดๆไงไม่รู้ - -") , แอพเมล์ที่ติดมากับเครื่องก็ใช้ Hotmai ด้วย

Tab A 8.0 ปากกาลื่นเป๊ะ ฟังก์ชันเริศ แต่จอกากสุดจะบรรยาย และ UI ก็โบร๊าณโบราณ ไม่มีไรแค่อยากด่า!

สรุป
ถ้าไม่มี Hardware ของ Apple และบริการต่างๆของ Apple ไม่กระทบกับชีวิตหนูแต่อย่างใด
แต่ถ้าไม่มีบริการของ Google นี่กระทบชีวิตหนูมากๆเลย

By: zinazisc
Windows PhoneAndroid
on 18 September 2015 - 12:10 #844131
zinazisc's picture

จุดจบของ east india company นี่จบลงตรงที่รัฐบาลสหราชอานาจักรเข้ามาเทคโอเวอร์ไป เพราะขนาดมันใหญ่เกินกว่าจะเป้นบริษัท (เล่นมีกำลังทหารต่อกรได้ทั้งทวีป) ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนึงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจะมีพลังระดับในแบบรูปธรรมนั้นไหม

** ผมไม่สามารถหาเงินได้ซักแดงเดียวถ้าขาด Microsoft **

By: HuLii
iPhone
on 18 September 2015 - 12:27 #844141

ผมว่าบทความนี้ ชวนงง
พูดเรื่องมือถือแต่ทำไม มี search engine มาปะปน

By: -Rookies-
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 18 September 2015 - 13:01 #844163 Reply to:844141

ตรงไหนเหรอครับที่พูดถึงเฉพาะมือถือ หัวข้อยังชัดเจนว่า แอปเปิล vs กูเกิล ไม่ได้เขียนว่า iPhone (หรือ iOS) vs Android เลยนะ

วีดีโออันแรกยังเป็น Macbook เลย


เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!

By: HuLii
iPhone
on 18 September 2015 - 13:24 #844167 Reply to:844163

" ช่วงนี้มีวิวาทะ iPhone vs Android กลับมาอีกครั้ง "

มันแปลกเพราะเหมือนเอาโคคาโคล่ามาเปรียบกับ cp ผลิตภัณฑ์ก็คนละอย่าง แค่เผอิญมีผลิตภัณฑ์บางตัวมาชนกัน
ก็จับมาเปรียบกัน แต่ตอนเปรียบเอาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนกันมาเปรียบกัน มันเป็นการเปรียบที่งงมาก

ถ้าจะพูดถึงปรัชญาการหาเงินของบริษัทก็อีกเรื่องนึง แต่ไม่ใช่นิยามของ materialism / immaterialism
เพราะมันเป็นข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์และความชำนาญของบริษัท
ไม่ใช่เรื่องของปรัชญาอะไรเลย

ผลิตภัณ์ของกุกเกิลหากินกับข้อมูล ก็ต้องทำสินค้าที่สูบข้อมูลเข้าระบบให้มากที่สุด
แพร่ให้คนช่วยเก็บข้อมูลให้ตนมากที่สุด เพื่อประโยชน์ของบริษัทที่มากที่สุด แค่นั้นเอง

By: YF-01
AndroidUbuntu
on 18 September 2015 - 13:33 #844176 Reply to:844167

เอาบรรทัดต่อมาด้วยสิครับ

"คำถามที่น่าสนใจกว่าคือทำไมสาวกและแฟนบอยทั้งสองค่ายถึงเถียงกันอยู่ตลอดเวลา คำตอบที่ผมพยายามอธิบายคือความต่างระหว่าง 2 ค่ายนี้ มันเป็นความแตกต่างที่ลงไปลึกถึงระดับปรัชญาหรือรากฐาน"

ประโยคที่คุณยกมามันเป็นตัวเกริ่นเพื่อเข้าบทความน่ะครับ อ่านดูยังไงก็เห็นว่าบทความนี้จงใจจะเปรียบเทียบแนวคิดของกูเกิลกับแอปเปิลชัดเจน

ส่วนที่คุณเห็นว่ามันแข่งกันแค่บางส่วน อันนี้ผมว่าไม่แปลกนะ เพราะปัจจุบันมันเป็นอย่างนั้นจริง
แต่ก็มีบางคนที่"เก็ง"ว่าสมรภูมิ"หลัก"ของสองเจ้านี้จะเขยิบเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ บทความนี้น่าจะตอบโจทย์คนประเภทหลังน่ะครับ

By: gotobanana
iPhoneAndroidBlackberrySymbian
on 18 September 2015 - 12:28 #844143
gotobanana's picture

บทความดีคับ ชอบ

By: Dakenfuverymuch
iPhone
on 19 September 2015 - 09:57 #844160

แต่ละคนเก่งๆ ทั้งนั้นเลย คงอยากมีตัวตนสินะ

By: lch
ContributoriPhoneUbuntu
on 18 September 2015 - 12:59 #844162

สุดยอดการวิเคราะห์ครับ อ่านแล้วถึงบางอ้อ ว่าทำไมถึงชอบทั้ง 2 ค่าย และ ทำไมตัวเองถึงใช้อุปกรณ์ Apple แต่ในเครื่องเต็มไปด้วย Google services ทั้งนั้น ผมว่าสองบริษัทนี้ ส่งเสริมกันดีทีเดียวนะ

By: MaxxIE
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 18 September 2015 - 13:05 #844164
MaxxIE's picture

Google นี่เรื่องSoftware เค้าเจริญรุ่งเรืองขึ้นมากจริงๆ

แต่ฝั่ง Hardware เค้าเนี่ยทำสงครามกันดุเดือดมากแล้วน่ะ และอีกทั้งสงครามนี้ดันไม่ใช่สงครามที่ทำกับApple แต่เป็นสงครามราคาระหว่างผู้ผลิต Hardware ด้วยกันเอง
ซึ่งถ้าหากผู้ผลิตHardwareยังทำสงครามกันต่อไปอย่างนี้ Googleเองจะตายตามไปด้วยในทีสุดน่ะ
การบ้านที่Googleต้องทำให้หนักขึ้นในขณะนี้ก็คือ ทำอย่างไรให้สงครามราคาของผู้ผลิตHardwareของตัวเองนั้นจบลง และให้ทั้งหมดหันไปปะทะกับAppleโดยตรงให้ได้ ถ้าทำได้Googleครองโลกแน่นอน

By: Digitech
Windows
on 18 September 2015 - 17:33 #844283 Reply to:844164

กูเกิลไม่ตายตามหรอกครับ เพราะบริการของกูเกิลใช้ได้กับทุก os ผู้ผลิตมือถือที่ปรับตัวไม่ได้แหละที่จะตาย แต่ตอนนี้ก็เห็นมือถือ แอนดรอยด์ยี่ห้อใหม่ๆเปิดตัวกันเรื่อยๆ เพียงแต่เป็นบริษัทเล็กๆเน้นขายออนไลน์ หวังส่วนแบ่งไม่มากพออยู่ได้เช่นเน้นขายในประเทศของตัวเอง os กูเกิลก็พัฒนาให้ และดีขึ้นเรื่อยๆเป็นรอง ios ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน

By: lingjaidee
ContributoriPhoneAndroid
on 18 September 2015 - 13:11 #844166
lingjaidee's picture

บทความดีมาก ชวนมอง concept ถอยมานิดแล้วจะเห็น แปลกใจกับหลายคอมเม้นท์ในข่าวมากกว่า -..-' #เกรียนก็เยอะขึ้นเนอะ


my blog

By: pote2639
ContributoriPhoneWindows PhoneWindows
on 18 September 2015 - 14:13 #844196 Reply to:844166

+111 แปลกใจเหมือนกันครับ หลังๆ เหมือน trolls เยอะขึ้น

By: mode on 18 September 2015 - 14:03 #844193

แอปเปิลคือสำหรับผู้ใช้ที่ไม่อยากปวดหัวกับการใช้งาน ไม่ต้องปรับแต่งมาก ไม่ต้องปวดหัวกับ hardware ที่เข้ากันไม่ได้ driver ไม่สมบูรณ์

ส่วนกูเกิลหรือ MS ก็สำหรับผู้ใช้ที่มีความรู้เรื่องคอมมากขึ้น และอยากมีอิสระกับการปรับแต่ง software hardware ได้มากขึ้น

คนเราไม่เหมือนกัน ใครชอบแบบไหนก็ใช้แบบนั้นครับ

By: watana-design
ContributoriPhone
on 18 September 2015 - 14:33 #844205
watana-design's picture

ไม่รู้ว่าในอนาคต ความชาญฉลาดของเทคโนโลยี จะทำให้คนกลายเป็นลิงหรือไม่


รับทำเว็บไซต์ ออกแบบเว็บไซต์

By: HMage
AndroidWindows
on 18 September 2015 - 16:12 #844238 Reply to:844205

ถ้าเป็นฝั่ง iOS น่ะใช่ครับ เพราะคุกกระจกที่สวยงามและปลอดภัย ผู้ใช้โดนข้อจำกัดมากมายจนจะทำให้คิดเองไม่เป็นแบบถาวร
ส่วนฝั่ง Android เนื่องจากปล่อยให้ผู้ใช้เผชิญโลกแบบให้รับผิดชอบตัวเอง จะทำให้ผู้ใช้พัฒนาตัวเองขึ้นได้จากการที่สามารถหาและจำเป็นต้องหาวิธีทำงานตามเป้าหมายให้สำเร็จแต่ปลอดภัยได้ด้วยตัวเอง

ยกตัวอย่างจากเหตุการณ์สดๆ เมื่อคืนของผมเลยครับ ต้องการเก็บเพลง MP3 จาก Windows PC ใส่โทรศัพท์
- กรณี iOS: Install iTune ใส่ PC เสียบสายแล้ว Sync ซะ - จบ -
- กรณี Android:
1. เสียบสาย USB แล้ว copy
2. ถอด SDCard มา copy
3. ส่งขึ้น internet เช่น ส่ง mail, upload ขึ้น Google Drive, Dropbox, หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มีให้ไปแปะไว้ แล้ว download ด้วยโทรศัพท์

จะเห็นว่าฝั่ง iOS ง่ายและปลอดภัย แต่ถ้าตอนนั้นไม่มี iTune ที่ sync ของตัวเองไว้ให้ใช้ล่ะ
ส่วนฝั่ง Android มีหลายวิธีให้เลือกแล้วแต่เครื่องมือที่มีอยู่ แต่เสียวกว่าเพราะแต่ละวิธีเสี่ยง malware ได้ทั้งนั้น

ผมว่าผู้ใช้ Android จะเข้าใจโครงสร้างของระบบและสามารถพลิกแพลงไปใช้กับระบบอื่นได้มากกว่าผู้ใช้ iOS ครับ

ป.ล. ถึงลิงจะมีความรู้ไม่มากแต่ไหวพริบดีมากเลยนะครับ ก็เพราะมีความรู้ไม่มากนี่แหละทำให้บางครั้งคิดนอกกรอบแก้ปัญหาที่คนคิดไม่ออกได้อย่างง่ายๆ (เพราะที่จริงมันไม่มีกรอบมาตั้งแต่ต้น)

By: makeithard
iPhoneAndroid
on 18 September 2015 - 16:19 #844241 Reply to:844238

ถ้ามองว่า iOS = คุก
ผมว่า Android ก็ = คุก แต่เป็นคุกที่กว้างกว่า

iOS ใช้วีธีออกจากคุกได้โดยเรียกว่า Jailbreak
Android ก็ออกจากคุกได้โดยการ root

"ผู้ใช้โดนข้อจำกัดมากมายจนจะทำให้คิดเองไม่เป็นแบบถาวร"
"ผมว่าผู้ใช้ Android จะเข้าใจโครงสร้างของระบบและสามารถพลิกแพลงไปใช้กับระบบอื่นได้มากกว่าผู้ใช้ iOS ครับ"
ใช้ความคิดของตัวเองดูถูกคนอื่นหรือเปล่าครับ?

By: HMage
AndroidWindows
on 18 September 2015 - 17:44 #844286 Reply to:844241

คุกที่กว้างกว่า ถูกต้องแล้วครับ แต่กว้างกว่านี่คือกว้างกว่ามากๆ จนเรียกว่าคุกแทบไม่ได้เลยนะครับ

มองหาความต่างของแนวคิดของ 2 ระบบได้ง่ายๆ ที่นึงเลยครับ คือ setting ที่ให้ install app จากนอก store ได้ ซึ่งสามารถทำได้ใน Android โดยไม่ต้อง root (iOS ก็ทำได้แต่ต้องทำในฐานะผู้สร้าง app ไม่สามารถใช้สำหรับแจกจ่ายและขายได้ และผู้ใช้ระดับนั้นไม่ถือเป็นผู้ใช้ครับ เพราะเขาใช้ในบทบาทของผู้สร้าง)

ใช่ครับ ที่ iOS ปิดกั้นเราขนาดนี้เพราะเขาห่วงความปลอดภัยมากกว่า ทั้งความปลอดภัยของผู้ใช้ และความปลอดภัยของ Apple เองจากการโดนด่าและการฟ้องเรียกค่าเสียหาย

กลับกันที่ Android เริ่มจากเปิดให้ทำได้อยู่แล้วคงเพราะเกิดมาจากมุมมองแบบ IT geek มั้ง ปล่อยผู้ใช้ไปเผชิญโลกกว้างเอง อันตรายหรือไม่ก็ช่างหัวพวกคุณ อยากได้อิสระก็รับผิดชอบตัวเองนะ มีช่วงหลังนี่แหละที่ใส่คุกแคบๆ มาให้เหมือนกันแต่ให้กุญแจบางดอกมาด้วย คือ default ปิดกั้นไว้แต่เจ้าของสามารถเปิดเองได้

  • เน้นนะครับ ว่าพูดถึงแค่โทรศัพท์คือ iOS กับ Android ไม่เกี่ยวกับ PC เช่น OSX จุดประสงค์ของเครื่องมันต่างกัน แนวทางของ Apple และ Google ที่ใช้กับเครื่องนั้นๆ ก็ต่างออกไปครับ

  • จะตีความว่าผมดูถูกผู้ใช้ iPhone ก็ไม่ผิดครับ ผมว่าผมดูถูกเป๊ะเลยด้วยซ้ำ

By: luna777
AndroidWindows
on 19 September 2015 - 00:08 #844379 Reply to:844241

ที่ผ่านมานึกว่า Jailbreak กับ root มีความหมายเดียวกับ crack

By: nrml
ContributorIn Love
on 18 September 2015 - 16:25 #844246 Reply to:844238
nrml's picture

ผมว่าสิ่งที่คุณยกมามันเป็นเงื่อนไขข้อจำกัดในปัจจุบันมากกว่าเลยทำให้ต้องทำแบบนั้นโดยสภาวะจำยอม

จริงๆ แล้วทั้งสองฝั่งต่างก็มุ่งไปบนเส้นทางนี้ "Hey Siri! | OK Google Copy songs on my PC to my phone now" นั่นคือการเพิ่มความฉลาดเจ้าไปในระบบให้มากขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้ทุกปีโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัจจัยทางด้านฮาร์ดแวร์ใดๆ

By: HMage
AndroidWindows
on 18 September 2015 - 17:52 #844287 Reply to:844246

Copy file MP3 ใส่ในเครื่อง iPhone ได้แล้ว แต่เปิดเล่นไม่ได้เพราะไม่ได้ sync ผ่าน iTune นี่มันข้อจำกัดเรื่องอะไรครับ ทำไมต้องรอเวลา

By: nrml
ContributorIn Love
on 18 September 2015 - 18:34 #844294 Reply to:844287
nrml's picture

ในเรื่องของทางเทคนิคของ iOS ผมไม่ทราบครับเพราะแทบจะจำไม่ได้เลยว่าเคยทำแบบนั้นหรือเคยเจอปัญหาแบบนั้นมาก่อนหรือเปล่า ซึ่งเห็นขั้นตอนวิธีการในแอนดรอยด์ที่คุณยกมามันก็มีหลายแง่มุมคือดีตรงมีทางเลือกหลากหลายแต่มันก็จะตามมาด้วยการต้องเรียนรู้ในแต่ละวิธีการเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ

ที่ผมจะชี้คือทั้งสองฝั่งหวังว่าจะสร้างเครื่องมือให้ฉลาดยิ่งๆ ขึ้นและเรียนรู้พฤติกรรมมนุษย์ให้ได้มากที่สุด ไม่น่าจะเป็นการพยายามทิ้งความยุ่งยากเพื่อเป็นปริศนาให้คนต้องมาขบคิดแก้ปัญหาเพื่อเพิ่มพูนความฉลาดให้กับมนุษย์แบบที่คุณกำลังเข้าใจอยู่แน่ๆ

ตัวอย่างที่เห็นชัดๆ เลยคือ Google car ครับ ในตัวรถเราคงเห็นแล้วว่าด้านในรถมีเพียงชิ้นส่วนเท่าที่จำเป็น โดยไม่ต้องมี dashboard ที่อลังการแบบของเครื่องบิน

By: zerocool
ContributoriPhoneAndroid
on 18 September 2015 - 19:01 #844301 Reply to:844238
zerocool's picture

ผมว่าคุณคิดแค่ในกรอบมิติเดียว คือมิติของ geek ที่ต้องการทำอะไรหลาย ๆ อย่างบนระบบและอุปกรณ์ IT ด้วยตัวเองในรูปแบบที่ตัวเองต้องการ การมองแต่มิตินี้แล้วนำไปสู่ข้อสรุปที่ว่าผู้ใช้ iPhone คิดเองไม่เป็นแบบถาวร ผมว่ามันคือ fallacy แบบ irrelevant conclusion

เอาแค่การตัดสินว่าใครคิดเองเป็นหรือคิดเองไม่เป็น อันนี้ก็ต้องวิเคราะห์เจาะจงเป็นเรื่อง ๆ มีกรอบหัวข้อที่ชัดเจน และการตัดสินนั้นก็เป็นเรื่องที่อิงกับดุลพินิจของแต่ละบุคคลอย่างมากด้วย

ยกตัวอย่างการเรื่องการ copy mp3 จาก Windows ไปยังโทรศัพท์

คุณบอกเป็นนัยว่าการ install iTunes เสียบ iPhone แล้วสั่ง sync จบนั้นเป็นกระบวนการ copy ที่ไม่ต้องคิด เพียงทำตามขั้นตอนที่กำหนดมาโดย Apple ก็สามารถทำงานที่ต้องการให้เสร็จสิ้นได้ ในขณะที่ฝ่าย Android ต้องคิดต้องเตรียมอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม flash drive, SD card หรือส่ง file ขึ้น host ต่าง ๆ แล้ว download มายังโทรศัพท์ในภายหลัง แสดงถึงการใช้สติปัญญาความคิดเพื่อหาทางทำงานที่ต้องการ

แล้วคุณก็สรุปว่าฝ่ายแรกที่ทำตามขั้นตอนนั้นสุดท้ายจะคิดไม่เป็นแบบถาวร

คุณรู้ได้อย่างไรว่าฝ่ายแรกนั้นคิดไม่เป็น เขาอาจจะคิดแล้วว่างานแค่การเอา mp3 เข้าเครื่องโทรศัพท์เป็นงานที่ไม่สำคัญ เขาควรแค่สามารถเสียบเครื่องแล้วกดปุ่มให้ application ทำงานแทนเขา ประหยัดเวลาส่วนเกินที่ไม่จำเป็น เพื่อนำเวลาส่วนนั้นไปใช้ทำกิจกรรมอย่างอื่นแทน

ถ้าเขาคิดแบบนี้คุณยังกล้าสรุปว่าเขาคิดไม่เป็นอีกอย่างนั้นหรือ ?

คนเรามองว่าอะไรจำเป็นหรือไม่จำเป็นต่างกัน การเอามุมมอง ประสบการณ์ชีวิต แนวทางการแก้ปัญหา กรอบทางวิชาชีพ รวมไปถึงความรักความชอบของตัวเอง ไปตัดสินคนอื่นจึงเป็นเรื่องที่ตื้นเขินอย่างมาก

หากจะให้ยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุดคือ คุณเชื่อจริง ๆ หรือว่าบนโลกนี้ทุกคนที่ใช้ Android คิดเองเป็นมากกว่าคนที่ใช้ iPhone ไม่ว่าจะเป็นงานด้านวิชาชีพไหน ๆ ย่อมต้องมีคนที่ใช้ iPhone แล้วเก่งกว่า Android และย่อมต้องมีคนที่ใช้ Android แล้วเก่งกว่า iPhone อยู่ด้วยเสมอ แม้ว่าจะเป็นงานด้าน IT ก็ตาม

เลิกเถอะครับ วาทกรรมดูถูกคนอื่น สุดท้ายมันจะวนมาเข้าตัวเอง


That is the way things are.

By: sunVSmoon
Windows
on 18 September 2015 - 23:46 #844373 Reply to:844301

+1
โดนใจจนผมไม่ต้องพิมพ์อะไรเพิ่มละ

เราทุกคนล้วนมีกะลาเป็นของตนเอง...แต่มันน่าเบื่อเวลาบางคนคิดว่ากะลาตนเองใหญ่กว่าคนอื่น...ทั้งที่ความจริงมันแค่ครอบกบคนละตัว...แค่นั้น

By: Bluetus
iPhone
on 19 September 2015 - 12:13 #844470 Reply to:844301
Bluetus's picture

กราบ... ความเห็นนี้โดนใจสุดๆ แล้ว

By: AkzKungz
Windows PhoneUbuntuWindows
on 19 September 2015 - 16:46 #844508 Reply to:844301

++ ชอบความเห็นนี้ครับ

By: bflower
Android
on 19 September 2015 - 18:19 #844522 Reply to:844301

+1 ชัดเจนนนน

By: HMage
AndroidWindows
on 22 September 2015 - 11:56 #845201 Reply to:844301

+1 ถูกต้องทุกบรรทัดครับ บางครั้งผมก็อยาก feed troll เล่นๆ เบาๆ เท่านั้นเอง ถ้าไม่มีคุณมาตอบผมก็จบไม่ลงเลยนะ

By: LinkWii777-2
iPhoneAndroidWindowsIn Love
on 18 September 2015 - 15:47 #844229
LinkWii777-2's picture

ชอบ​ Google​ มากกว่า​ ความรู้​และความเจริญ​จากทุกประเทศได้มาเพราะ​ Google.com​ ทั้งนั้น​ ผมสนับสนุนให้ความเจริญ​และความรู้เข้าไปสู่ทุกประเทศ​ แม้อาจเป็นดาบสองคม​ แต่ดีกว่าให้คนด้อยความรู้​เพราะมีปัญหา​ที่ตอบได้ไม่หมดจำนวนมาก

ส่วน​ Apple​ ออกแนวพ่อค้าที่ขายของเก่งมากกว่า​ หยิบเทคโนโลยี​เก่ามาปัดฝุ่น​ใหม่​ ทำให้ดูดี​ และขายได้​ (Apple​ จะดูดีมาก​ ถ้าแฟนคลับไม่ชอบดูถูกคนอื่น​ และมองตามความเป็นจริงว่ามองภาพลักษณ์​ภายนอกอย่างเดียว​ไม่ได้​ ลองไปอ่านประวัติ​บุคคลสำคัญของ​โลกอย่าง​ มหาตมะ​ คานธี​ แล้วจะเข้าใจ)

By: nrml
ContributorIn Love
on 18 September 2015 - 16:03 #844231 Reply to:844229
nrml's picture

รู้หรือไม่ครับว่าการที่มีคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้าข้างฝั่งใดฝั่งหนึ่งแบบไม่ลืมหูลืมตา สิ่งนี้คือเชื้อร้ายในการสร้างความแตกแยกให้กับสังคม ซึ่งจากครวามเห็นของคุณก็ดูเหมือนจะพยายามโน้มน้าวให้คนเชื่อในแบบที่คุณเชื่อและโจมตีอีกฝั่งโดยไม่ได้มองว่าฝั่งของตัวเองก็มีคนที่มีพฤติกรรมแบบที่ว่าเช่นเดียวกัน

By: makeithard
iPhoneAndroid
on 18 September 2015 - 16:12 #844239 Reply to:844229

ในความคิดผม สาวก apple & android ก็พอกันน่ะครับ ทนเห็นคนคิดต่างไม่ได้หรืออย่างไรกันนะ

คิดต่างก็ถกความคิดกันไป ไม่เห็นต้องมาแดกดัน พาดพิง ดูถูก เหยียดหยามกันเลย

By: LinkWii777-2
iPhoneAndroidWindowsIn Love
on 18 September 2015 - 17:23 #844275 Reply to:844239
LinkWii777-2's picture

อย่าลืมว่าตอนแรกคนใช้​ Android​ ก็ใช้กันไปทั่ว​โล​ก​ เป็นคนกลุ่มใหญ่สุดในระบบมือถือ​โลก ไม่ดูถูกเหยียดหยามใคร​ จนมีแฟนแอปเปิ้ลบางคน​ที่ดูถูกว่าคนใช้​ Android​ จน​ แค่นั้นล่ะครับ​ ทุกอย่างก็พังทลาย​ ด้วยคำพูดของคนไม่กี่คน​ (ทั้งที่มือถือ​เครื่องละ​ 2หมื่นบาทใครก็ซื้อได้​ ไม่ใช่ของแพงขนาดเที่ยวรอบโลก​ กับรถยนต์​และบ้านส่วนตัวซะหน่อย)

ปล.ตอนนี้อยากให้หยุดนิสัยแบบนี้ทั้งสองฝ่าย​ เพื่อความสงบสุข​ และเว็บข่าวได้น่าอ่านขึ้น

By: OrangeJuice
iPhone
on 18 September 2015 - 19:38 #844309 Reply to:844275

อยากให้หยุดนิสัยแบบนี้ แต่ดูรูปประโยคที่คุณเขียนแล้ว คงได้แต่บอกว่า เริ่มที่ตัวเองก่อนโดยด่วนเลยครับ

By: Dakenfuverymuch
iPhone
on 19 September 2015 - 09:54 #844314 Reply to:844309

แต่คนบางคนมันก็น่าเหยียดอยู่เหมือนกันนะ อันนี้ไม่ได้ตอบแบบโลกสวย

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 19 September 2015 - 12:05 #844468 Reply to:844314
hisoft's picture

แรงกันไปแรงกันมาก็ไม่มีใครจบครับ แล้วก็ลงเอยแบบพวกข้าจะมาฆ่าเจ้าเพราะพ่อเจ้าฆ่าพ่อข้าที่ไปฆ่าพ่อของพ่อเจ้าที่ถูกพ่อของพ่อเจ้าฆ่า

By: akira on 18 September 2015 - 16:07 #844233

ส่วนตัวมองว่า Google จะก้าวข้ามคำว่า IT เข้าสู่ Everything to Digital โดยตนเองเป็นผู้ให้บริการ และเชื่อมโยงข้อมูล น่ากลัวสุดและ เพราะต่อไปเราจะพบ Google อยู่ทุกที่ (Everywhere)

ส่วน Apple ผมว่าคงจะอยู่ในจักรวาลของตนเองไปอีกพักใหญ่ๆ โดยให้เน้นสิ้นค้าที่เป็น HW แล้วให้ SW เป็นกำลังหนุน อันนี้ผมว่าถ้า Apple ยังไม่ก้าวข้ามจุดนี้ไปยุคถัดไปน่าจะหนักพอสมควรเลย เพราะคงต้องสู้กับผู้ผลิตอื่นๆ ทั้งรถยนต์, เครื่องใช้ไฟฟ้า , หุ่นยนต์ ฯลฯ ถ้าผลิต HW ออกมาสู้ด้วยก็คงพาเข้าสู่ niche market ที่ขายน้อยลง เน้นงาน Design แต่คงกำไรต่อชิ้นสูง ยังคงเอาตัวรอดได้แต่คงไม่หวือหวาเหมือนปัจจุบัน

ส่วน MS ยักษ์หลับผมว่า น่าจะกลับมาเป็นคู่แข่งกัน MS ในการเปลี่ยนผ่านยุค Digital ครั้งถัดไป ตอนนี้คงได้แค่พยุงตัวเอง ผมยังถือหาง MS จะเป็นคู่แข่งกับ Google ได้อย่างสูสีในยุคถัดไปนะ เพราะใน Line การผลิตของ MS มีของดีๆ อยู่เยอะ และ CEO คนใหม่เริ่มก็เข้าใจในสินค้าของตนเองดีกว่าบัลเม่อร์ ถ้าหลุดจากคำว่า Mobile ไปได้ MS น่าสนใจมากเพราะ Position ของ MS ค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้ผลิต แล้วยังมีจุดแข็งทั้ง Enterprise และ Consumer ถึงแม้ตอนนี้ Consumer จะป้อแป้อยู่ก็ตามเถอะ

By: Hadakung
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 19 September 2015 - 13:11 #844484 Reply to:844233

แงะ IT ไป Everything to Digital แต่ Everything to Digital มันก็การนำทุกสิ่งมาผ่านกระบวนการทางเทคโนโลยีซึ่งก็เรียกว่า IT อยู่ดีนะครับอย่าสับสนครับ = =

By: akira on 19 September 2015 - 22:17 #844553 Reply to:844484

ผมว่าไปดูคำนิยามคำว่า Digital ให้ดีก่อน ดีกว่านะครับ มันกว้างกว่า IT คำว่า Digital ไม่จำเป็นจะต้องใช้ IT เสมอไป ในวงการอื่นก็มีการใช้อยู่ไม่ใช่แค่วงการ IT อย่างเดียว ผมยังยืนยันการประมวลผลทาง Digital ไม่จำเป็นต้องใช้ IT ยังมีวิธีการประมวลผลแบบอื่นๆ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ประมวลผลที่เราคุ้นเคยกันอยู่อีก

By: isk on 18 September 2015 - 16:40 #844249

สมมุติว่าถ้า​เปรียบ Apple กับ Google เป็น​ผู้หญิง
และกำลังถูกพวกเธอทั้งสองบังคับให้เลือกคนใดคนหนึ่งมาอยู่ด้วย แต่จะต้องทิ้งอีกคนไปจากชีวิต

จะ​เลือกใครดี 555

ถึงแม้ Apple อาจจะ​สวย​เซ็กซี่กว่า
แต่พี่ขอเลือกอยู่​กับเธอนะ Google <3

By: Hadakung
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 19 September 2015 - 13:12 #844485 Reply to:844249

คุณชอบเมียที่รู้เรื่องคุณมากแล้วรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนได้ทุกที่ทุกเวลาหรอครับ รักเมียมากเน้อะ :P

By: Skykick
iPhone
on 19 September 2015 - 19:03 #844526 Reply to:844249

เป็นผมคงเลือก Apple ครับ เพราะเธอเซ็กซี่ และไม่อยากรู้ไปทุกเรื่อง 5555

By: nrml
ContributorIn Love
on 19 September 2015 - 21:52 #844551 Reply to:844249
nrml's picture

คนใจร้าย โลกนี้ไม่ได้มีผู้หญิงแค่สองคนนะ ยังมี Microsoft ที่อาจจะดูธรรมดาแต่เข้ากับใครก็ได้, Linux สาวเนิร์ด และอื่นๆ อีกมากมายให้เลือกคบหา

By: loptar on 23 September 2015 - 10:59 #845587 Reply to:844551
loptar's picture

เอิ่ม อย่างนี้ผมก็แย่สิ คบทุกคนเลย

By: kamij33
Windows PhoneWindows
on 18 September 2015 - 17:11 #844268

ใครที่บอกไม่มี Google อยู่ลำบาก ไม่จริงหรอกครับ เดี๋ยวก็มี บริษัท A B C มาแทนที่
ตอนนี้มันก็แค่ Google ครองตลาด Search engine และ Video รายใหญ่ระบดับโลก
ที่มี Content ขนาดใหญ่ สิ่งที่พวกคุณขาดไม่ได้ได้คือ Content ต่างหากล่ะครับ
ทั้ง Search ทั้ง Video ถ้าไม่มีคนทำ Content ให้พวกคุณเสพ คุณไม่เข้าไปหรอกครับ

จริงๆผมอยากได้ video streaming เดือนละ 50 บาท แลกโดยไม่มีโฆษณา
ตอนนี้เบื่อโฆษณาใน youtube มากกกกกก บางอันข้ามไม่ได้ แถมเจอซ้ำๆอีกน่าเบื่อ

สำหรับผมที่ขาดไม่ได้คือ Github และผมเชื่อว่า Google และ Apple ก็ขาด Github ไม่ได้เช่นกัน

By: Hadakung
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 19 September 2015 - 13:15 #844486 Reply to:844268

จริงๆแล้ว Google กับ Apple ขาด Github ได้ครับ เพราะเขาใช้เทคโนโลยี Git มาสร้างระบบของตัวเองครับไม่ต้องพึ่ง Github เลย ที่ขาดไม่ได้น่าจะเป็น Git มากกว่า (แต่ขาดไปก็ได้เพราะจริงๆแล้วมันก็มีเทคโนโลยีอีกมากที่มาแทนได้)

By: secondhand
iPhoneAndroid
on 18 September 2015 - 17:23 #844274

จะ apple จะ google หรือ ios เเอนดรอย มันก็ทำเพื่อ ไซออนิส ยิว อยู่ดีเเหละ เพื่อผลประโยชน์อเมริกา นี่คือเท็จจริงๆ ข้างหน้าเเข่งขัน รับหลังจับมือกันหมดเเหละ จะชี้นำคน มันต้องใช้หลายลูกเล่น

By: narok119
ContributoriPhone
on 18 September 2015 - 20:05 #844317 Reply to:844274

วฎฟรรค!

By: isk on 19 September 2015 - 00:01 #844377 Reply to:844274

ใจเย็นๆ เปิดใจ​ให้​กว้าง

By: Jaddngow
AndroidUbuntuWindows
on 19 September 2015 - 14:17 #844499 Reply to:844274
Jaddngow's picture

มุขใช่ไหม ตามไม่ทันเลยครับ

By: mode on 20 September 2015 - 04:22 #844604 Reply to:844274

https://www.youtube.com/watch?v=4tG274QuqHM
https://www.youtube.com/watch?v=6j7O56laZ6g

:P

ถ้าแบบจริงจังก็... (facebook)
https://www.youtube.com/watch?v=im_M8fnCHvw

เพื่อความเท่าเทียม...
https://www.youtube.com/watch?v=q-G6Yiny1nc

By: secondhand
iPhoneAndroid
on 18 September 2015 - 17:25 #844278

ผมว่าฝั้งเเอนดรอย ถ้า cpu 4-8 คอร์ ram 2 GB ก็ไม่มีปัญหาอะไรเเล้ว เดี่ยวนี้มือถือราคา 5000 บาทก็มีสเปคเเบบนี้บ้างเเล้ว เค้าก็ยังทำมาขายกันโครมๆ เเต่ apple ขาย 25000 บาท น่าจะยัด ram มาให้ตั้งเเต่ ip5s เเล้ว ทำไมถึงไม่ทำ เพราะ ip6 plus เด้งกันเยอะมากๆ คนไม่รู้ก็โทษ app นั้นๆทำไม่ดี ความจริงมันเป็นเพราะ ram เเสนถูกนี่เเหละ ที่ให้มาน้อยเกินไป

By: Dakenfuverymuch
iPhone
on 18 September 2015 - 18:51 #844297 Reply to:844278

แต่มันก็นานๆ เด้งทีนะ แล้วเด้งแค่ครั้งเดียว แล้วใช้ยาวๆ เลย แล้วระบบโดยรวมก็ลื่นตลอดเวลา

แต่แอนดรอยด์เปิดแอปกลับไปกลับมามีชะงักให้เห็นเรื่อยๆ ต่างกับ ios แทบไม่เจอเลย

มันเลยทำให้ผู้ใช้รู้สึกสัมผัสได้จริง ว่ามันลื่นไหลจริง ไม่ใช่เอาสเปคกระดาษมากาง

By: iamfalan
iPhoneAndroidWindows
on 18 September 2015 - 19:04 #844304 Reply to:844278

5s ผมแทบไม่เด้งเลยนะ
6plus จะเด้งเยอะขนาดนั้นเลย?

By: isk on 19 September 2015 - 00:17 #844383 Reply to:844278

ผมก็เด้ง รู้สึกว่าแอปเปิลขี้เหนียวจัง
จะเอากำไรไปถึงไหน

By: Knackii
ContributoriPhone
on 18 September 2015 - 21:31 #844334
Knackii's picture

สู้กันแทบตาย สุดท้ายMicrosoftก็ครองโลก...

By: Mekokung
ContributorAndroidWindows
on 19 September 2015 - 13:44 #844494 Reply to:844334
Mekokung's picture

ทั้ง Apple และ Google ถึงกับเงิบสู้กันแทบตาย Microsoft ครองโลกเฉย 555555555555555555555


Mekokung's Story บล็อกส่วนตัวที่ย้ายไป Blogger แล้วนะ

By: sHocKaLovE on 18 September 2015 - 22:01 #844349
sHocKaLovE's picture

ความเห็นผมอาจจะไม่เกี่ยวกับกระทู้เท่าไร

iPhone 4s นั้นสามารถอัพเดท iOS9 ได้ ซึ่งแน่นอนก็ได้อัพเดทความปลอดภัยล่าสุดเข้าไปด้วย แต่จะลื่นหรือป่าวอยู่ที่ความพึงพอใจของคนใช้แล้วกันครับ

เมื่อเทียบในช่วงเวลานั้นผมขอยก S2 มานะครับ เวอร์ชั่นล่าสุดหยุดอยู่ที่ 4.1.2 (ถ้าเทียบแบบนี้จะกลายเป็น AP vs SS ไปสะอย่างงั้น) ทางออกเลยต้องไปพึ่ง CustomRom แล้ว CustomRom ที่เราใช้หละไว้ใจได้แค่ไหน?
ผมขอเอา CM มานะครับ
ข้อดี ก็คือได้ใช้ Android Version ล่าสุดแพทความปลอดภัยก็ออกไวกว่าตัว Android Pure อีกมั้งแถมลื่นใช้ได้เลยถึงอาจจะมีบัคอยู่บ้าง ส่วนบริการของ GG เองก็มีคนใจดีคอยทำ GAPPS มาให้
ข้อเสีย ความเข้ากันได้ของ HW ครับเช่น การเข้าถึงกล้องถ่ายภาพ

แล้วเพราะอะไรหละถึงต้องลง GAPPS เพราะแอปอื่น ๆ ต้องใช้บริการของ Google Play services ไงครับ ก็เลยกลายเป็นเหมือนที่ คห. บน ๆ บอก แล้วเราจะมีไหมครับ Android ที่ไม่ต้องพึ่ง Google Play services เลย

By: Be1con
ContributorWindows PhoneWindowsIn Love
on 19 September 2015 - 00:15 #844384
Be1con's picture

จากการใช้งานทั้ง 3 ecosystem ผมรู้สึกว่าตอนนี้ผมสามารถตัดการใช้งานผลิตภัณฑ์ของกูเกิลได้เกือบหมดแล้ว เพราะผมสามารถหาบริการที่เทียบเท่ากันได้แล้ว

  • Gmail แทบไม่ได้แตะ (เน้นแต่ส่งเฉพาะแค่ Gmail ด้วยกันเอง กับรับการแจ้งเตือนจากทวิตเตอร์) ใช้ Outlook เป็นส่วนใหญ่ เพราะฟีเจอร์ Sweep บน Gmail ไม่มี และมันรก mailbox มาก
  • Google Drive มีเยอะแค่ไหนก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี เพราะส่วนตัวใช้ OneDrive เพียงพอแล้ว (ช้าไปก็เหอะ) และอีกอย่างคือระบบมันกากครับ ไม่รองรับการใช้งานหลายแพลตฟอร์ม แถมเปิดลิงก์โฟลเดอร์จากหน้าเว็บมือถือไม่ได้อีกต่างหาก กากจริง กากมาก กากสุด ๆ
  • Keep ไม่เคยคิดจะแตะ ใช้แต่ OneNote
  • Maps ใช้แต่ HERE
  • Hangout แตะน้อยมากจนฝุ่นเกาะ
  • Photos ใช้ Flickr แทน
  • Chrome ใช้ Opera ดีกว่า เบากว่าเยอะ
  • Now ใช้น้อง Cortana ดีกว่า
  • ฯลฯ

ส่วน 3 รากเหง้าที่ยังต้องพึ่งไปอีกนานคือ search (แต่พักหลัง ๆ ใช้งานน้อง Cortana บ่อยขึ้น เลยต้องใช้ Bing ด้วย ซึ่งไม่แย่เท่าไร), YouTube และ Translate แค่นั้น ชีวิต Happy ดี ใช้งาน cross กันบน iPad กับ Lumia ได้สบายโดยไม่กังวลสักนิด


Coder | Designer | Thinker | Blogger

By: isk on 19 September 2015 - 00:21 #844385 Reply to:844384

แต่ผมว่าผลการค้นหา bing ภาษาไทย แย่มากๆ
แย่กว่า Yahoo อีก

By: Be1con
ContributorWindows PhoneWindowsIn Love
on 19 September 2015 - 09:20 #844439 Reply to:844385
Be1con's picture

เหมือนผมจะเขียนไม่เคลียร์ (อีกแล้ว เมื่อคืนยิ่งมึน ๆ เบลอ ๆ อยู่)

ผมหมายถึงภาษาอังกฤษครับ ภาษาไทยไม่ได้แตะ Bing เลย กากมาก แต่ภาษาอังกฤษไม่ได้แย่เลย หาดีพอสมควร


Coder | Designer | Thinker | Blogger

By: LuvStry
ContributorAndroid
on 19 September 2015 - 00:32 #844392 Reply to:844384
LuvStry's picture

ผมก็เหมือนกันครับ แค่ย้ายจาก MS มาเป็น Google และ Bing สำหรับผมมันกากมาก


Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ

By: teerapon0009
Windows PhoneAndroidWindows
on 19 September 2015 - 04:24 #844415 Reply to:844384
teerapon0009's picture

bing ในไทยกากมาก ถ้าน้อง Cortana ภาษาไทยมาต้องมีการปรับปรุง bing ครั้งใหญ่ในไทย เพราะน้อง Cortana ต้องไปดึกข้อมูลใน bing

By: Mekokung
ContributorAndroidWindows
on 19 September 2015 - 13:44 #844493 Reply to:844384
Mekokung's picture

Bing ไทยนี้กากมากกก กากจนไม่รู้จะสรรหาคำมายกย่องให้ Bing เลยอ่ะ

ติดใจตรงที่มันจะช่วยเติมคำให้ถ้าต้องการ(เช่นจะหาภาพติดเรทอย่างงี้ก็จะมีคำแนะนำเพิ่มมาอีกนิดๆหน่อยๆ :D)


Mekokung's Story บล็อกส่วนตัวที่ย้ายไป Blogger แล้วนะ

By: LuvStry
ContributorAndroid
on 19 September 2015 - 00:30 #844389
LuvStry's picture

เห็นด้วยครับ Apple ขายสินค้าแบบขายงานศิลป์ Google ขายสินค้าแบบน้ำเปล่า


Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ

By: mrbank
iPhoneWindows
on 19 September 2015 - 00:31 #844390

อาจจะไม่เกี่ยวกะบทความซะทีเดียว แต่อยากแสดงความเห็นจากคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือมาแล้วหลายระบบปฏิบัติการดังนี้ครับ

Palm Treo 650 (Palm OS) - เป็นตัวแรกๆ ของโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบมีหน้าจอสัมผัส พร้อมปุ่มกดแบบ keyboard โดยรวมใช้งานง่ายโดยเฉพาะการพิมพ์แป้น แต่ลูกเล่นกับ app ที่ support ยังไม่เยอะมากในสมัยนั้น ใช้ไปหลายปีระบบเริ่มรวน มีสายเข้าแล้วเครื่องรีบูตเอง ซ่อมไปไม่คุ้มก็เลยตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่

Nokia N95 (Symbian) - ประทับใจกับคุณภาพ hardware ไร้ที่ติโดยเฉพาะกล้องถ่ายรูปกับลำโพง ชาร์ตหนึ่งทีใช้ได้นานหลายวัน ขนาดกะทัดรัดมือ และไม่จำเป็นต้องมีเคสมาใส่ (เอาจริงๆ เคสรุ่นนี้หาได้ยากมาก) แต่ Symbian ขาด app ที่ดีมา support และการ browse internet ทำได้ค่อนข้างลำบาก เลยจำใจต้องเปลี่ยนไประบบปฏิบัติการอื่น .. ตอนนั้นยังแอบหวังเล็กๆ ว่า Nokia N900 หรือ Meego ว่าจะทำได้ดีขึ้น แต่สุดท้ายก็เหลว

iPhone 4s (iOS 5) - ซื้อมาครั้งแรกรู้สึก wow กับนวัตกรรม ระบบ app store ที่ยอดเยี่ยม และบริการหลังการขาย (เคยเอาเครื่องไปเปลี่ยนที่ apple store หนึ่งครั้งเพราะแบตโดนสูบแบบบ้าคลั่ง) คุณภาพ hardware ส่วนตัวมองว่าเป็นรอง Nokia แต่หลังจากใช้งานไป 2-3 ปี และอัพเกรด iOS ไปอีกหลายเวอร์ชั่น ก็เริ่มรู้สึกว่า ecosystem apple มันค่อนข้างจำกัดในการ customize และ iOS เวอร์ชั่นหลังๆ สูบแบตหนักกว่าเดิม ต้อง factory reset บ่อยครั้ง .. Wow factor ที่เคยมีมาในตอนแรกหายไปตั้งแต่ iPhone 5 เป็นต้นมา ข้อเสียอีกอย่าง คือ ถ้าอัพเกรด iOS แล้วจะถอยกลับทำได้ยากมาก (ต้อง jailbreak อย่างเดียว) .. ส่วนตัวมองว่า iPhone รุ่นหลังๆ นี่ออกมาตามแก้ปัญหาของรุ่นก่อนหน้า และเพิ่ม feature ใหม่ที่คนอื่นมีอยู่แล้วมาใส่ของตัวเอง ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าจำเป็นต้องซื้อใหม่เท่าไหร่ แล้วมองว่า Apple อัพราคาสินค้า(เพื่อให้สินค้าตัวเองดู premium) กะเน้นการตลาดมากกว่าการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ

Sony Xperia Z3 Compact (Android KitKat) - ส่วนตัวไม่อยากใช้โทรศัพท์จอใหญ่ และหลังจากอ่านรีวิวจากหลายสำนัก ก็ตัดสินใจลอง Android ดู (จริงๆ เล็ง Moto X 2014 ไว้แต่หาเครื่องลองเล่นไม่ได้ กะกลัวว่าจะหาที่ซ่อมลำบากถ้าพัง) ค่อนข้างประทับใจระบบปฏิบัติการ Android แต่ไม่ถึงกะ Wow เพราะ feature หลายๆ อย่างเหมือน iOS แต่สามารถ customize ได้มากกว่าเยอะพอสมควร ที่ประทับใจสุดกับระบบปฎิบัติการ Android คือ notification bar ซึ่งเป็นอะไรที่ใช้บ่อยมาก และ home menu/launcher ที่มีลูกเล่นเยอะกว่า iOS หลายขั้น ใช้งานมาปีกว่ารู้สึกว่า Android ยังเพิ่มลูกเล่นต่อไปได้อีกเยอะ ส่วนในแง่ของ hardware ก็คงหลากหลายตามแต่บริษัทผู้ผลิต .. แต่ส่วนตัวเลือก Sony เพราะ แบตอึดสุดๆ และคุณภาพของกล้องค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับผู้ผลิตรายอื่น

ถ้าถามความเห็นส่วนตัว การใช้ Apple ที่เน้น materialism มาหลายตัวจะทำให้รู้สึกว่าตัวเองมี ego สูงขึ้น และอาจจะมีมุมมองการเหยียดผลิตภัณฑ์ยี่ห้ออื่นแบบเล็กน้อยถึงปานกลางโดยไม่ได้ตั้งใจ(หรือจะตั้งใจก็ตาม) อาจจะเป็นเพราะราคาที่ต้องจ่ายเลยต้องบอกตัวเองเสมอว่าของแพงมันต้องดี ถ้าไม่ดีคงไม่แพงขนาดนี้ อารมณ์เหมือนว่านอกจากผลิตภัณฑ์ apple แล้ว อันอื่นมันดูแย่ไปหมด (โดยหารู้ไม่ว่า apple product ก็มีจุดแย่ๆ เหมือนกัน แต่เลือกที่จะมองข้ามมันไป)

พอเปลี่ยนมาเป็นระบบปฏิบัตการอื่น รู้สึก ego ตรงนี้จะต่ำลง และเริ่มมองเห็นว่าการที่มีการแข่งขันในการทำ hardware หรือแม้กระทั่ง price war ระหว่างผู้ผลิตนั้นย่อมเป็นสิ่งดีกว่าสำหรับผู้บริโภค เพราะอย่างน้อยผู้บริโภคมีตัวเลือกเพิ่มขึ้น การที่ผูกขาดอยู่เจ้าเดียวนั้นทำให้การพัฒนาเป็นไปได้อย่างล่าช้า (ซึ่งเห็นได้ชัดกับผลิตภัณฑ์รุ่นหลังๆ ของ Apple อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้)

By: Hadakung
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 19 September 2015 - 13:26 #844488 Reply to:844390

เห็นด้วยกับคำที่ว่าซื้อมาแพงมันต้องดีครับ เพราะตัวเองได้ Mac Pro มาไม่เสียเงิน(แต่แลกกับการทำงาน)แล้วสิ่งที่รู้สึกคือ มันมีปัญหาเยอะมากนะ เยอะกว่า วินโดวส์ 8-10 เยอะ เวลาบูสต์ของวินโดวส์เร็วกว่าสองถึงสามเท่า ถึง sleep จะweak up ช้ากว่าเล็กน้อย ซึ่งบางคนก็บอกว่าใช้ sleep สิฟีเจอร์นี้แหละที่ฆ่าวินโดวส์แต่ผมใช้ไปๆก็ต้องรีเครื่องปิดเครื่องอยูดี เพราะแอปมันรวน แถมเปลืองแบตด้วย สรุปก็ไมได้รู้สึกดีกับแมคมากมายอาจเป็นเพราะว่าไม่ได้เสียตังค์ซื้อมันมาก็เป็นได้

By: mrbank
iPhoneWindows
on 21 September 2015 - 16:01 #844950 Reply to:844488

บางทีของราคาแพงก็ไม่ใช่ว่าดีที่สุด :D แต่เมื่อเราซื้อมาในราคาสูงแล้ว มันจะเป็นการบังคับ(ทางจิตวิทยา)ให้เรามองว่ามันต้องดีกว่าแหละ .. ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ครับผม

By: mrbank
iPhoneWindows
on 21 September 2015 - 15:50 #844947 Reply to:844390

ที่พิมพ์มายาวๆ แค่อยากจะบอกว่า ไม่มีสินค้าแบรนด์ไหนดีกว่าแบรนด์อื่น ยิ่งมีการแข่งขันเยอะยิ่งดีกับการพัฒนาเทคโนโลยีและส่งผลดีต่อผู้บริโภค เทคโนโลยีมันเปลี่ยนเร็วมาก ไม่มีใครอยู่อย่างยั่งยืนได้โดยการไม่พัฒนา ดูได้จาก Nokia Symbian ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครคิดว่าจะมีคนมาโค่นได้ สุดท้ายก็โดน iOS + RIM + Android ชิงส่วนแบ่งตลาดไปได้หมด

ผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็เลือกผลิตภัณฑ์ตามความเหมาะสมกับสภาพฐานะและการใช้งาน อย่ายึดติดกะแบรนด์หรืออวยแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งมากจนเกินไป ในขณะเดียวกันก็อย่าไปดูถูกสินค้าแบรนด์อื่นด้วย ทุกคนย่อมมีเหตุผลในการเลือกซื้อสินค้าแตกต่างกัน

By: HuLii
iPhone
on 19 September 2015 - 02:52 #844406

ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนหลายคนเมายากับคำว่า Materialism ไปหมดแล้ว
มันตลกมาก เพราะ UI design ของกุกเกิลเองตะหากที่ใช้คำว่า "Material Design"
ส่วนแอปเปิลพยายามทำสิ่งที่เป็น intuitive มาตลอด อยู่ๆก็มีคนแปะฉลาก "Material" ให้เฉยเลย ..?

มันเป็นเรื่องของ "ความชำนาญของบริษัท" ก็ในเมื่อแอปเปิลเป็น บ ขายคอม ก็ทำสิ่งที่ตนชำนาญมายาวนาน
กุกเกิลเป็น บ เสิจเอนจิน ก็ต้องทำบริการที่ connect และเอื้อประโยชน์กับระบบอื่น ของตนเองให้มากที่สุด

แค่นั้นเอง
ไปตีความให้ A เป็น "Material" นี่ผมว่าตลกมาก ก็โฆษณาขายมือถือ
วัสดุทำจากอะไร ก็เป็นเรื่องที่คนเขียนบท Ads จะทำขึ้นมา เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการขายสินค้า ที่ทีม Ads ทำ ไม่ใช่ "ปรัชญา" อะไรเลย

ในขณะที่บริการของกุกเกิลหลักๆคือขายโฆษณา ดูดข้อมูล ขายข้อมูล สร้างพลวัตของข้อมูล
หากกุกเกิลจะทำอะไรขายเป็นชิ้น ก็ต้อง "โฆษณา" เหมือนกัน

เป็น"ข้อจำกัด" และ "ความพร้อมความชำนาญ" ของบริษัทต่างหาก
เหมือนเห็นแผ่นดินไหวก็นึกว่ามีปลาดุกใต้ดิน แต่จริงๆเราแค่รู้ว่าปลาดุกดำดิน เราก็คิดไปแล้ว

By: tunnnnnn
iPhoneSymbian
on 19 September 2015 - 07:41 #844421
tunnnnnn's picture

ใช้ชีวิต ให้ อยู่กับปัจจุบัน ดีกว่า ครับ

(หายใจเข้า หายใจออก
กำลังคิดพิมพ์ คำตอบดีๆ อยู่ เผื่อจะมีคนมา reply
แต่จะว่าไป เราก็ใช้ สินค้า และ บริการ ทั้ง 2 บริษัท อยู่ ทุกวัน
จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร มากมาย ขนาดนั้นนี่นา?
แต่ ทำไมอ่าน แต่ละ comment แล้ว อารมณ์มันพุ้งพล่าน
อยากแสดง ความเห็น บ้างจัง!

เฮ้อ... นั่งคิดมา หลายนาที คิดไม่ออก แต่ ที่แน่ๆ เริ่มหิวข้าวเช้าละ
ไปกินข้าวเช้าดีกว่า เดี๋ยวแฟนจะบ่น ว่าวันๆ มัวแต่เล่น คอม
ไม่แน่นะ อาจจะคิด คำตอบดีๆ ออกตอนกินข้าว ก็ได้
หรือไม่บางที แฟนอาจจะชวนไป shopping เพลิน
จนเรา วันต่อมา อาจจะลืม ไปก็ได้ว่า กำลังคิดอะไรอยู่...?

เริ่มคิดไปถึง วันพรุ่งนี้แล้ว ไม่ใช่ละ!)

By: alph501
iPhoneWindowsIn Love
on 19 September 2015 - 08:41 #844429
alph501's picture

เป็นบทความที่ดี ครับเขียนเองด้วยใช่ไหมครับ
เขียนซะไม่มีที่ยืนให้ Microsoft เลย 5555

By: gotobanana
iPhoneAndroidBlackberrySymbian
on 19 September 2015 - 08:43 #844431
gotobanana's picture

เกมนี้ MS ชนะ เพราะ MS ลงทุนในทั้ง 2 บริษัท แหละที่สิทธิบัตรที่ทุกๆคนต้องจ่าย

By: prowin
iPhoneWindows PhoneAndroidWindows
on 19 September 2015 - 11:14 #844456
prowin's picture

ผมชอบนะ (หมายถึงบทความและไอค่อนประกอบ)

By: Bluetus
iPhone
on 19 September 2015 - 12:18 #844473
Bluetus's picture

เราเลยเดินทางสายกลางโดยใช้ HW จาก Apple และ SW จาก Google วิน วินเค่อะ

มันใช่เร๊อะ 55555

By: MaxxIE
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 20 September 2015 - 13:08 #844663 Reply to:844473
MaxxIE's picture

AndroidรันบนRam1GB
เอาจริงๆมั้ย

By: BreMen
iPhoneWindows PhoneAndroid
on 19 September 2015 - 16:01 #844505
BreMen's picture

เป็นบทความที่ดีมากครับ ชอบนะครับ ที่เอาเรื่องปรัชญามาเปรียบเทียบ

By: tuttap
Android
on 19 September 2015 - 16:22 #844506
tuttap's picture

ผมว่า Google ใช้อีเมลง่ายดี ความปลอดภัยพอใช้ได้
ผมว่า Google app เยอะดี มีทั้งใช้ได้ และไม่ได้ แต่รวมๆ แล้วดู อิสระกว่า Apple
ผมว่า Apple ผลิตของที่ ท้าท้าย ความเป็นอุปกรณ์ที่น่าใช้ แต่แพงเกินไปหน่อย
ผมว่า Apple app มีคนทำดี แต่ส่วนใหญ่จะขาย

มองในแง่ ที่ เปิดกว้าง ตอนรับทุกคน Google ดีมากๆ
มองในแง่ ที่ อุปกรณ์หน้าจับตามอง Apple ก็น่าสนใจ

สรุปจาก คน ที่มีเงินไม่เยอะ Google ตอบสนอง และทำให้ เรา มีซอฟแวร์ที่น่าจะเป้นไปได้ในชีวิต มากกว่า โดยไม่
ต้องซื้อมากจนเกินไป

By: namon2345
AndroidUbuntuWindows
on 19 September 2015 - 16:31 #844507

ทำไมไม่มีไมโครซอฟท์เลยครับ

By: Elysium
ContributorWindows PhoneSymbianWindows
on 19 September 2015 - 18:17 #844520 Reply to:844507
Elysium's picture

ประเด็นต้นทางมันเกิดจากวิวาทะ Apple vs Google ครับ


คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ

By: kswisit
ContributoriPhoneAndroidIn Love
on 19 September 2015 - 17:01 #844510

ขอฮาร์ดแวร์ของแอปเปล + เสปกเทพของแอนดรอยด์ + อิสระของแอนดรอยด์ + กราฟฟิกลื่นไหลของ iOS + ซับพอร์ตหลังการขายของแอปเปิล = ฟินนน

ไม่ต้องทะเลาะกัน จับมือกันดีกว่าๆ


^
^
that's just my two cents.

By: mqbn123 on 19 September 2015 - 17:06 #844515

ผมอ่านบทความนี้ตั้งแต่วันแรกที่ลง หลับตื่นข้ามวันไปสามรอบ (เพราะนอนกลางวันด้วย)
ยังเถียงกันไม่จบ

ยังคิดอยู่ว่า ถ้ามีมีดหรือปืน คงเอามายิงกันตายไปละ
แต่ละคอมเม้นท์ อารมณ์ดุเดือดเลือดพล่าน ประมาณว่า ฆ่าได้แต่ห้ามหยาม
ความคิดเห็นหรือความรู้ของข้า เหนือกว่าบุคคลใดในภพนี้

ไม่รู้ว่าคนเถียงชนะจะได้อะไร น่าจะได้ประมาณนี้

  • รางวัล MVP ผู้ปกป้องผลิตภัณฑ์ Android/Apple แห่งปี ประจำประเทศไทย
  • เหล่าสาวกแอนดรอย ต่างยอมแพ้ เนื่องจากไม่สามารถหาเหตุผลมาหักล้าง user xxx ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์แอปเปิลได้
  • ยอดขายผลิตภัณฑ์ apple ตกต่ำเป็นประวัติการณ์ในประเทศไทย สืบเนื่องจากการถูกโจมตีจากสาวกแอนดรอย
  • ตะลึงวงการ!!! user xxx ของชุมชน blognone เสนอแนวปรัญชาใหม่อย่างน่าทึ่ง
  • ชาว blognone ที่อยู่ต่างขั้วกัน นัดยกพวกตีกันหน้า istudio
  • รายได้ฟูฟ่า!! blognone วางแผนเข้าตลาดหุ้น เนื่องจากรายได้ทะลุเป้าทุกปี สาเหตุจากเพจวิวปีละ 20000 ล้าน ทุกกระทู้ที่มีแฟนบอยหนุงหนิงฟรุ้งฟริ้งกัน

ว่าแล้วก็ยังงงกับตัวเอง จะโพสเพิ่มคอมเม้นอีกทำไม

ขอตัวไปนอนกลางวันต่อครับ goodbye

By: watanyoo
AndroidWindows
on 20 September 2015 - 04:17 #844603

เป็นบทความที่ดีมากๆเลยครับ ชอบมากๆ

By: secondhand
iPhoneAndroid
on 20 September 2015 - 06:04 #844607

apple เนี่ยลอกชาวบ้านเค้า เเต่ตัวเอง เอามาปรับให้ ดูดีน่าใช้ ขายของสเปคกาก ราคาเเพง เเต่ก็มีคนซื้อ นี่พูดถึง iphone

เเอนดรอย พยายามทำให้เหมือน pc ให้มากที่สุด ทำอะไรต่างที่ตรงกันข้ามกับ apple เพื่อเป็นจุดขาย ทำให้ คนส่วนมากเข้าถึงได้ง่าย

ทุกอย่างเป็นไปตาม new world order

By: Dakenfuverymuch
iPhone
on 20 September 2015 - 12:36 #844654 Reply to:844607

ถ้าเอาแค่เรื่องสเปคกาก ผมว่า android กากกว่านะ

เพราะถ้าระบบดีจริง รันบนแรม 1 GB ได้แบบ ios มันคงไม่เกิด android one หรอก จริงมั้ย

นี่ยังไม่รวมเรื่องกินแบตอีก

By: MaxxIE
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 20 September 2015 - 13:07 #844662 Reply to:844607
MaxxIE's picture

UI Android ตั้งแต่ 3.xx เป็นต้นมานี่ผมว่าเอามาจาก OS X แทบทั้งนั้นเลยน่ะ
เริ่มจากหน้าHome ที่มีDockด้านล่างไว้วางShortcut + หน้าจอโล่งๆ(ยังไม่ลงWidget) ต้องกดปุ่มAppเพื่อเข้าสู่หน้าAppทั้งหมดในเครื่อง(นี่มันปุ่มLaunchpadชัดๆ)
น้อยมากๆที่จะมีผู้ผลิตมือถือAndroidเจ้าไหนที่จะฉีกหนีUIหลักๆแบบนี้

By: McKay
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 20 September 2015 - 13:55 #844673 Reply to:844662
McKay's picture

เป็นเพราะคุณอยู่ในโลกของ Apple มากไปครับเลยคิดแบบนั้น เห็นอะไรคล้ายของที่คุณใช้แปลว่าต้องลอกของที่คุณใช้ไปหมด

คำว่า Konfabulator ยังใช้ได้ทุกยุคทุกสมัยจริงๆ


Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)

By: tg-thaigamer
ContributoriPhoneAndroidBlackberry
on 20 September 2015 - 16:18 #844697 Reply to:844607
tg-thaigamer's picture

ลอกนี่ผมว่าเกิดทุกผลิตภัณฑ์เลยนะ ฮ่าๆ


มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ

By: McKay
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 20 September 2015 - 16:30 #844698 Reply to:844607
McKay's picture

เอาจริงๆ spec ของ iPhone ตั้งแต่ยุค iPhone 5 ไม่กากนะครับ ขัดใจเรื่องเดียวคือเรื่อง RAM นี่แหละ


Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)

By: carrot on 20 September 2015 - 12:32 #844653

สรุปให้

ซื้อ iphone มาใช้ service google

แค่นี้ล่ะ

By: tanvisith
iPhoneAndroidWindows
on 20 September 2015 - 15:55 #844693 Reply to:844653
tanvisith's picture

ทำอยู่เลยครับ

By: gingtalk
Windows PhoneAndroidWindows
on 20 September 2015 - 12:52 #844658
gingtalk's picture

ทำสถิติเมนต์สูงสุดตลอดกาล(หรือเปล่า)

By: MaxxIE
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 20 September 2015 - 13:19 #844665
MaxxIE's picture

จะว่าไปEcosystemของระบบทั้งสองบริษัทนี้มันดูเหมือนในAttack on Titanเลยน่ะ

Apple ก็เหมือนกับกำแพงชั้นใน คับแคบกว่า แต่ก็ปลอดภัยกว่า
Google ก็เหมือนกำแพงชั้นนอก กว้างขวางกว่า แต่ความปลอดภัยก็น้อยกว่า

ส่วนผู้ใช้อย่างเราๆก็เหมือนกับประชาชน ใครอยากอยู่ส่วนไหนก็เลือกกันเอาเองน่ะครับ

ส่วนMicrosoft ผมนึกไม่ออกจริงๆว่าจะเอาไปเทียบกับอะไรดี คงเหมือนตัวกำแพงละมั้ง ไม่ว่าชั้นนอกหรือในก็ยังต้องการกำแพงอยู่ดี

By: kingrpg
AndroidWindows
on 20 September 2015 - 13:40 #844670

บริการหลายอย่างของ Google เกิดได้เพราะพึ่งพาผู้ใช้ที่เปรียบเสมือนพนักงานนอกบริษัท อย่างพวก Adsense google+ แต่บริษัทก็ไม่เคยเหลียวแล กฏระเบียบก็เหมารวมแบบกว้างๆ

By: tg-thaigamer
ContributoriPhoneAndroidBlackberry
on 20 September 2015 - 16:17 #844696
tg-thaigamer's picture

ไม่มีสองแนวคิดนี้ ก็ไม่มีอะไรแข่งขันกันเพื่อให้ชูจุดหลักของตัวเอง


มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ

By: clake
AndroidRed HatUbuntuWindows
on 3 October 2015 - 19:50 #849235

พลัง แควนๆ นี่เหนียวแน่น แต่ตอนนี้ผมให้คะแนน google มาก่อน