DxOMark บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพ และจัดอันดับกล้องได้ยกให้เรือธงปีนี้ของโซนี่อย่าง Xperia Z5 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีกล้องที่ดีสุด ทำให้แชมป์เก่าอย่าง Galaxy S6 Edge ตกลงไปอยู่อันดับ 2 ขณะที่น้องใหม่ตระกูล Nexus ที่เพิ่งเปิดตัวอย่าง Nexus 6P ถูกจัดให้อยู่อันดับ 3
สำหรับ Xperia Z5 ทาง DxOMark ได้ให้คะแนนถึง 87 โดยจุดเด่นคือคุณภาพของภาพที่ดีขึ้นมาก ทั้งแสง สีและไวท์บาลานซ์ รวมไปถึงเป็นกล้องที่มีการชดเชยแสงดีที่สุดที่เคยทดสอบมา ขณะที่การถ่ายวิดีโอดีไม่แพ้ภาพถ่ายทั้งไวท์บาลานซ์และสี รวมไปถึงภาพค่อนข้างนิ่ง ไม่มีปัญหาการสั่น
ด้าน Nexus 6P ได้คะแนนไป 84 คะแนน โดยจุดเด่นคือการถ่ายภาพในที่แสงน้อยและโฟกัสไว ส่วนข้อด้อยกลายเป็นเรื่องของการสั่น ทั้งนี้กลับไม่มีผลการทดสอบของ Nexus 5X แต่ก็คาดว่าไม่น่าแตกต่างกันมาก เนื่องจากมีสเปกที่เหมือน Nexus 6P ทุกประการ
ที่มา - DxOMark (Z5), DxOMark (6P) via Cult of Android
Comments
น้ำตาจีไหล!
ผมเห็นเหล่าสาวกน้ำตาไหล
ทำสอบ ?
iPhone 6s ล่าา
คงร่วงไปเยอะ พี่อัปพิกเซลเป็นหลัก
6s ยังไม่มีทดสอบในเวปต้นทางครับ
เอาจริงดิ? น้ำตาจะไหล จะได้ไม่ต้องไปเสียตัวให้ SS เหลือแค่รอ 950 ก่อนว่าจะขึ้นแท่นมั้ย
The Dream hacker..
ผมจะบอกว่า DxOMark
เค้าทดสอบแบบน่าจะ Manual Mode นะ
ซึ่ง Xperia ได้คะแนนเยอะมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว (ถ้าจำไม่ผิด)
ที่เทสเว็บอื่นแล้วคะแนนน้อย หรือคนถ่ายเองไม่สวย เพราะ Auto กัน
แล้ว Auto ของ Sony มันป่วย
ผมเห็นเพื่อนผมถ่าย Xperia แบบ Manual สวยมาก สวยมานานแล้ว หลายคน (มันต้องใช้แป็นด้วย)
ไม่รู้ว่าถ้าเว็บอื่นเทส Auto แล้วจะคะแนนเยอะอยู่ไหม
Z1 Z2 ตอนออกก็อยู่หัวตารางครับ
https://www.blognone.com/node/55174
ปัญหาคือ คนใช้กล้องมือถือเขาใช้เพื่อความสะดวก ผมควักมือถือออกจากกางเกงจนกระทั่งกดชัตเตอร์มักจะใช้เวลาไม่เกิน 5 วินาที จะให้มานั่งปรับ Manual มันก็ไม่ค่อยตรงความต้องการนี่สิ.........สุดท้ายเลยหันไปซบ SS แทน
ขอบคุณที่ช่วยยืนยันครับ อิ อิ
ส่วนตัวผมพอมีพื้นฐานถ่ายรูปอยู่บ้าง
Manual ในกล้องมือถือ เอาจริงๆ ก็ปรับได้น้อยมากอยู่แล้ว
หลายค่าไม่ได้ปรับกันบ่อยๆ ชดเชยแสงกับ WB นิดหน่อย ถือเป็นการเลือกโทนที่ชอบด้วย
แล้วแต่คนล่ะครับ
ผมแค่มาบอกว่ามันได้คะแนนเยอะมานานแล้ว
ไม่ใช่เพิ่งมาก้าวกระโดดตอน Z5 แต่ที่ห่วยคือ Auto
เดี๋ยวจะคาดหวังว่าเทพหมด
พอเว็บอื่นถ่าย Auto หรือตัวเองไปถ่าย Auto อาจจะไม่ได้ดีแบบนี้
การต้องปรับไปถึง WB ในสถานการณ์ปกตินี่ผมว่าเป็นงานที่มากเกินไปครับ เวลาถ่ายรูปด้วยกล้อง DSLR ในสถานการณ์ทั่วไปสำหรับผมสิ่งที่ควรจะต้องไปยุ่งด้วยมีอยู่แค่สองอย่างครับ คือรูรับแสงกับการชดเชยแสง
ปกติ Auto WB ตลอดครับ ยกเว้นมันเพี๊ยนจริงๆ เท่านั้น
แล้ว "สถานการณ์ปกติ" "สถานการณ์ทั่วไป" มันมักจะไม่เพี๊ยนครับ ต้องแสงแปลกๆ
ผมไม่ได้บอกว่าผมปรับ WB ทุกครั้งครับ
จะบอกว่าผมทำแบบนั้นมา 20 ปี ครับ
แล้วเพิ่งจะเปลี่ยนนิสัย แทนที่จะ กำหนดค่ารูรับแสง แล้วมาชดเชย ลองเปลี่ยนเป็นใช้ mode manual แรกๆ อาจจะอึดอัดใช้ชินแล้วชีวิตเปลี่ยนเลย
ส่วน WB คนใช้ DSLR มักไม่สนใจอยู่แล้วเพราะว่าถ่าย raw แล้วแก้ทีหลัง
ผมเน้น operate ให้ได้เร็วที่สุดครับ หลังจากอิ่มตัวกับการใช้โหมด manual มาพักนึง แล้วลองมาใช้โหมด A พบว่าแม้จะอยู่ในช่วงที่ผมต้องปีนป่ายก็สามารถควักกล้องออกมาถ่ายเร็วๆ ได้โดยที่มือนึงยังสามารถจับยึดกับหลัก เชือก ต้นไม้หรือใบหญ้าได้ครับ หลังจากนั้นก็เลยใช้โหมดนี้มาตลอด เมื่อเทียบกับโอกาสที่จะได้ภาพ โหมด A มีสิทธิ์ได้ภาพเลยโดยที่ไม่ต้องชดเชยหรืออาจจะต้องชดเชย ส่วน M ต้องปรับ 2 อย่างแน่ๆ
สรุปว่า A คือ 1-2 ขั้นตอน
M 2 ขั้นตอนแน่ๆ
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงเลือก A ครับ
A ของท่านหมายถึง ออโต้สินะครับ
ผมอ่านรอบแรกนึกถึง โหมด A ของกล้องใหญ่ที่หมายถึง Aperture Priority/ Aperture Value ก่อนเลย ก็นึกๆอยู่ กล้องมือถือมีโหมด A ด้วยเหรอ (ฮา)
ส่วนตัวผมใช้กล้องมือถือโหมด M (ซึ่งเอาจริงๆมันเหมือนโหมด P ของ กล้องใหญ่ ออโต้ไปเยอะมากๆ,เยอะเกินไปอยู่แล้ว)
(นอกเรื่อง)
ส่วนกล้องใหญ่ ผม M ครับ
- เวลา 90% ใช้แมนวลหมดทุกอย่าง
- เวลารีบแบบที่ท่านว่า ผมก็ไปปล่อย ISO เป็น Auto แทน กล้อง Full-frame สมัยนี้เกือบทุกยี่ห้อยกเว้น Canon ถ่าย raw ISO 100 ดึงให้สว่างขึ้น 3 stop ทีหลังกับถ่าย ISO 800 แล้วพอดีเลยแต่แรก(โดยสปีดกับรูรับแสงเท่ากัน) ผลลัพท์ออกมาเหมือนกันหรือต่างไม่เกิน 5% แล้ว ดังนั้นผมเลยไม่มีความจำเป็นใดๆเลยที่จะต้องออกจากโหมด M อีก คิดแค่ว่าสปีดเท่าไหร่พอดี กับรูรับแสงขนาดไหนเหมาะสม ที่เหลือเรื่องความสว่างเป็นเรื่องของ ISO ที่จะปรับหรือไม่ปรับ สุดท้ายหลัง Post process ก็ออกมาเหมือนกัน (อีกสาเหตุที่ผมจะไม่กลับไปใช้ Canon อีก นอกจากอีกหลายสาเหตุ, โดยเฉพาะ EVF ที่ทำให้ชีวิตดีขึ้นมากๆ ดีกว่าตอนใช้ OVF มากมาย)
ผมสงสัยว่า ถ่ายรูปนี่ต้องเร่งรีบกันขนาดนั้นเลยเหรอ
หรือว่ากลัวพลาดช๊อตสำคัญ ซึ่งช๊อตนั้นจะมีสักกี่ครั้งในชีวิต
สำหรับผมการถ่ายรูป คือการตั้งใจถ่ายให้รูป ณ ตอนนั้นให้ออกมาดีที่สุด เพื่อที่จะได้แก้ให้น้อยที่สุด
ขอตอบรวบคุณ Hexsense กับคุณ ZicmA เลยแล้วกันครับ เรื่องความจำเป็นที่ต้องเลือกใช้โหมดนั้น ปกติผมขอแค่อะไรก็ได้ที่เร็วๆ แล้วภาพน่าจะออกมาอย่างที่ผมคิดไว้ครับ บางครั้งยังเลื่อนไปหาโหมด P (Professional) เลยครับ ซึ่งตอนนี้ก็ถนัดโหมด A ที่สุด แล้วด้วยข้อจำกัดที่ว่ากล้องผมค่อนข้างเป็นรุ่นเก่าเรื่อง ISO เลยต้องฟิกซ์ไว้ที่ native เพื่อคุณภาพที่ดีที่สุด(Nikon D90) เรื่องใครจะใช้โหมดไหนผมว่ามันไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ขอแค่เข้าใจอุปกรณ์ตัวเองเข้าใจเรื่องแสง จะถ่ายโหมดไหนก็ไม่น่าจะผิดอะไรถ้าได้รูปออกมาอย่างที่ต้องการ
แล้วเรื่องที่ต้องฝึกถ่ายแบบเร็วๆ เพราะส่วนใหญ่เวลาออกทริปกับคนอื่นผมจะพยายามเอากล้องห้อยคอไว้ตลอดในบางสถานการณ์ที่ไม่สามารถหยุดถ่ายได้แบบต้องเดาเอาอย่างเดียวก็มีครับ เพราะไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะเอาตาไปแนบกับ view finder ฉะนั้นการใช้โหมด Auto ต่างๆ ไปจนถึงโหมด A ดูจะสมเหตุสมผลกว่า เช่นกรณีกำลังปีนป่ายอยู่ จะหยุดถ่ายแบบละเมียดละไมก็จะเป็นการถ่วงหรือขวางคนอื่น เลยต้องพยายามฝึกถ่ายแบบเร็วๆ ให้ชิน ส่วนถ้ามีเวลาปกติก็ตั้งใจเซ็ตตั้งใจเล็งอยู่แล้วครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความเห็นส่วนตัวของผมคือการฝึกเดาแสงจากสภาพแวดล้อมเพื่อให้สามารถปรับค่าต่างๆ ได้เร็วก็ช่วยให้การถ่ายรูปสนุกมากขึ้นไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็ตาม เพราะเราจะได้มีเวลาไปคิดเรื่องการจัดองค์ประกอบให้มากขึ้น
สถานการณ์ตัวอย่าง เช่นภาพด้านล่างนี้ครับ
เอาจริงๆ
บทความนี้ รวมถึงประเด็นที่ผมยกขึ้นมาถก
มันเป็นเรื่อง "กล้องมือถือ" น่ะครับ
ผมว่าเอาไปเทียบกับ DSLR มันก็ค่อนข้างจะห่างไกลกันอยู่นะ
คงต้องขอโทษที่ผมดันไปเปิดประเด็น พอมันมีการตั้งค่า manual ผมเลยคิดว่ามันก็พอจะเทียบกับการถ่ายรูปทั่วไปได้ หากมันทำให้คลาดเคลื่อนไปจาก topic ไปไกลก็คงต้องขออภัย
ใช้คำว่า.. ดีที่สุดเลยหรือ?
ใจคอจะไม่รอ Lumia 940 Purview มั่งเหรอ? จะรีบทดสอบกันไปไหน
อาทิตย์ก่อน Samsung S6 Edge เป็นตัวที่ดีที่สุด
อาทิตย์นี้ทดสอบเพิ่ม Z5 ก็มาเป็นตัวดีที่สุดแทน
ดีที่สุดเป็น relative term จาก choice ที่มีให้เลือก ณ ปัจจุบัน และเปลี่ยนไปเรื่อยๆได้ อาทิตย์หน้าก็อาจจะเปลี่ยนแล้ว มันแปลกตรงไหนเหรอครับ?
DxO งานเขาคือเทสทุกอย่างเกี่ยวกับอุปกรณ์ถ่ายภาพอยู่ตลอดเวลา อยู่แล้วครับ อะไรออกใหม่ก็เอามาเทส ไม่จำเป็นต้องรออะไร
WE ARE THE 99%
ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะมาถึง วันที่ Sony สามารถใช้งานเซนเซอร์ตัวเองได้เหนือกว่าที่คนอื่นเอาไปใช้
บังเอิญว่าเซ็นเซอร์สุดเทพตัวนี้ (1/2.3" 23mp) ใช้อยู่คนเดียวน่ะครับ เลยไม่รู้ว่าจริงๆเซ็นเซอร์เทพกว่าชาวบ้านหรือซอฟต์แวร์พัฒนาขึ้นแล้วจริงๆ
มีหลายเว็บที่มีการเปรียบเทียบกล้องกับยี่ห้ออื่นๆ ผมดูมาเยอะละ
เนื้อไฟล์ที่ 100% ยังสู้ยี่ห้ออื่นไม่ได้เพราะมี Artifact ค่อนข้างเยอะ
แต่ถ้าเอารูปมาย่อให้พอดีๆแล้ว แทบไม่ต่างกับยี่ห้ออื่นๆ
และดีกว่ารุ่นก่อนมาก
ถ้า Sony กำจัด Artifact ที่ไฟล์ภาพ 100% ออกไปได้ ผมว่าจะสุดยอดกว่านี้
เดี๋ยวพอทดสอบ iphone 6s plus ก็กินเรียบตามฟอร์ม
รอบนี้คงไม่ใช่แล้วครับ
WE ARE THE 99%
เอาตามจริงเนื้อไฟล์ สู้หลายยี่ห้อยังไม่ได้
แต่คะแนนมันเยอะเพราะมันสมดุลในการใช้งาน อย่าดูแค่คะแนนแล้วตัดสินว่าคนทดสอบเค้าตาไม่ดี
แล้วไปตั้งท่าอคติกับเว็บทดสอบ ลองอ่านรายละเอียดการทดสอบให้ครบถ้วนก่อนว่าเค้าดูเรื่องอะไรบ้าง
ไฟล์รูปไม่ใช่ตัวชี้วัดว่ากล้องมันดีที่สุด ไม่งั้นกล้อง Canon คงขายไม่ออก
ยิ่งเป็นไฟล์รูปกล้องมือถือ หลายๆคนพยายามจะเอามาเปรียบเทียบกันต่างๆนาๆ
แต่สุดท้ายมันวัดกันที่การเอาไปใช้งานจริง
ที่หลายคนชอบว่ามันห่วยเนี่ย ถ่ายมาปุ๊บ อัพขึ้นไปโชว์กันเลยเหรอ?
ผมเห็นมานักต่อนัก ถ่ายเสร็จ กว่าจะใส่ Filter ต่างๆนาๆ แอ๊พนู้น แอ๊พนี้ กว่าจะอัพโหลดขึ้นไปโชว์บนเฟส ไอจี ฯลฯ
แล้วก็เปิดดูกันผ่านมือถือจอเท่าฝ่ามือ
แยกออกรึเปล่าว่ารูปไหนมาจากมือถือยี่ห้ออะไร?