หนึ่งในช่องทางการหารายได้ของบรรดาบริษัทให้บริการบนอุปกรณ์พกพาคงหนีไม่พ้นการแสดงโฆษณา แม้แต่รายใหญ่อย่างกูเกิล ยาฮู และเฟซบุ๊กก็ถูกรวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ล่าสุดมีรายงานว่าผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือกำลังจะเข้ามามีบทบาทกับเม็ดเงินก้อนใหญ่นี้แล้ว
Digicel ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือสัญชาติจาเมกาเพิ่งประกาศแผนการบล็อคโฆษณาบนอุปกรณ์พกพาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยจะมีผลไม่ว่าผู้ใช้จะติดตั้งแอพบล็อคโฆษณาหรือไม่ เพื่อบีบให้เจ้าของธุรกิจเครือข่ายโฆษณารายใหญ่อย่างกูเกิล ยาฮู เฟซบุ๊ก และรายอื่นๆ เข้ามาเซ็นสัญญาแบ่งปันรายได้โฆษณากับทาง Digicel โดยอ้างว่าโฆษณาเหล่านี้กินแบนด์วิดท์ของเครือข่ายฟรีๆ เพื่อสร้างรายได้ของตัวเอง ทำให้ผู้ใช้ต้องเสียปริมาณข้อมูลไปโดยไม่จำเป็น
Digicel อ้างว่าถ้าหากเจ้าของเครือข่ายโฆษณายอมหารรายได้มาให้ จะช่วยให้ผู้ใช้งานเครือข่ายสามารถใช้งานข้อมูลได้เต็มน้ำเต็มเนื้อมากขึ้น และมีประสบการณ์ใช้งานดีขึ้นกว่าเดิม แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ระบุว่าผู้ใช้จะยังถูกนับข้อมูลโฆษณาเข้าไปรวมกับแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตหรือไม่
ผู้สื่อข่าวหลายรายพยายามติดต่อไปยังบรรดาบริษัทที่ถูกอ้างถึง แม้ว่าจะยังไม่มีรายใดออกความเห็นอย่างชัดเจน แต่ก็มีกูเกิลที่ให้ความเห็นว่าทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากันเพื่อหาจุดร่วมที่เหมาะสม โดยมองว่าการใช้ระบบบล็อคโฆษณาดูจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเสียมากกว่า
ที่มา - Digicel
Comments
ถ้าอย่างนั้น google หรือบริษัทอื่นๆ แก้เผ็ดใช้ domain หลักล่ะ งี้ต้อง block ทั้ง domain ?
คนคงจะใช้หรอกนะครับ
วิธีหากินประหลาด
ผมมองว่าผู้ให้บริการแบนด์วิธมองถูกแล้วนะครับ เพราะเป็นการใช้จำนวนข้อมูลที่มีวัตถุประสงค์หนึ่ง โดยคนหนึ่ง จริงๆ ปัญหาคือแบนด์วิธที่ถูกใช้ไปตรงนี้ไม่เคยมีผู้ให้บริการเจ้าไหนกล้าออกตัวแรงมาก่อนเท่านั้นเองครับ ทั้งที่ถามว่าผู้ทำโฆษณาพวกนั้นใช้ไปจริงไหม มันก็เกิดการใช้จริงๆ นะครับ
ถ้าให้เทียบก็คือ
* เวลาเราเข้ากูเกิ้ล วัตถุประสงค์ของเราก็คือค้นหาข้อมูล เราเป็นคนส่งคำค้นไปจริง เราจึงควรถูกคิดค่าใช้จ่าย
* ในมุมกลับกัน ข้อมูลที่กูเกิ้ลส่งกลับมาต้องมองแยกกันว่าถ้าเป็นส่วนที่ตอบสนองคำค้นเมื่อกี้ กูเกิ้ลไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายครับเพราะถ้าไม่ส่งข้อมูลให้ถือว่าการซื้อขายข้อมูลด้วย bandwidth ตามที่ผู้ซื้ออุตส่าห์จ่ายให้จ่ายยังไม่จบกระบวนการ
* แต่ส่วนของโฆษณา วัตถุประสงค์คือการนำเสนอบริการของกูเกิ้ลให้เรา กูเกิ้ลเป็นคนยืนกรานจะส่งให้ กูเกิ้ลจึงควรถูกคิดค่าใช้จ่ายครับ
* กรณีที่สมเหตุสมผลคือ ถ้าผม ไม่ต้องรับโฆษณาจากกูเกิ้ลเลย กูเกิ้ลไม่ต้องจ่ายเงินครับเพราะข้อมูลที่ส่งให้ผมคือสิ่งที่ผม “ซื้อด้วย bandwidth ที่ผมจ่ายรายเดือนไป และต้องได้ของที่ผมต้องการ” ถ้าอย่างนี้โอเคครับ ไม่มีเหตุผลจะต้องเก็บเงินจากกูเกิ้ลครับ
ส่วนถ้ากูเกิ้ลจะไม่ให้บริการโดเมนตัวเองผ่านผู้ให้บริการเจ้านี้ ก็คงเป็นสิทธิ์ของกูเกิ้ลครับ แต่ถามว่าคุ้มไหม? สิ่งที่กูเกิ้ลได้จากการส่งเนื้อหาให้ผู้ชมนิดเดียวแล้วเกิดเป็นจำนวนซื้อมหาศาล นำไปสร้างรายได้จากผู้ขายสินค้าได้อีกหลายเท่าตัว คำนวนดูแล้วยังไงก็คุ้มกว่าครับ
ในเมื่อเราใช้งานกูเกิลฟรีแลกกับโฆษณา แบรนวิธส่วนนั้นก็น่าจะเป็นของคนใช้งานต้องจ่ายไม่ใช่เหรอครับ
ใช่ครับ เราจ่ายค่า upload และ download เพื่อติดต่อและเรียกหน้าเพจมาในแพ็คเกจเน็ตของเรา นั่นถูกนะครับ user ต้องจ่าย แต่โฆษณาที่ติดมาด้วยผมมองว่าคือความพยายาม “ขายพ่วง” ของกูเกิ้ล ดังนั้นถ้าถามว่าใครควรรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ผมมองเห็นว่ากูเกิ้ลควรจ่ายค่าแบนด์วิธเองจะถูกกว่าครับ
โฆษณาพ่วง ของ google คือรายได้ของ Google เพื่อให้บริการ Search เพื่อค้นหาข้อมูลของเรา ฟรี
ถ้า google ไม่ให้ search ฟรี เราจะต้องเสียทั้งค่า search ข้อมูลจาก google และเสียค่า เน็ต จากผู้ให้บริการเหรอครับ
ย้อนกลับไปที่หัวเรื่อง ผมพยายามเสนอวิธีมองว่า ใครควรจ่ายค่าแบนด์วิธที่ส่งโฆษณามาให้เรา จากมุมผมครับ
งั้นผมว่าคุณเข้าใจคำว่าฟรีผิดไปแล้วครับ โลกนี้ไม่เคยมีอะไรได้มาฟรีๆ แม้แต่ความชรา ความตาย ก็ต้องใช้ชีวิตแลกมา
อันนี้ผมเข้าใจ
เราใช้ Packet อินเตอร์เน็ตของเรา ทำอะไรก็ได้ตามใจเรา ใช่ไหมครับ
แต่ถ้าคุณต้องการจะใช้บริการของ Google คุณจะใช้ฟรี ๆ โดยไม่ให้เขาได้อะไรเลยเหรอครับ
ในอีกทางหนึ่ง การที่เราต้องการใช้บริการของ Google เขาก็มีข้อแม้ว่า จะมีโฆษณาแฝงบ้าง ซึ่งแน่นอนว่า
เราใช้บริการของ Google แลกกับการดูโฆษณาจาก Google ซึ่งเรายอมรับได้
แต่ ผู้ให้บริการ Internet อยากมามีเอี่ยวกับค่า โฆษณา ของ Google ด้วยซะงั้น ทั้ง ๆ ที่ก็ได้ค่า Packet Internet จากเราไปแล้ว
คุณคิดว่า มันสมเหตุสมผลหรือเปล่า
ถ้าลองคิดอีกทางหนึ่ง ถ้า Google แจก Packet Internet เองไม่ผ่านผู้ให้บริการ และให้ใช้งานฟรี มันถึงจะตรงกับความคิดของคุณ
ถ้าผู้ให้บริการ อยากได้รายได้จาก Google ทางเดียวที่ผมมองเห็นคือ ให้บริการเน็ตฟรี แล้วขอส่วนแบ่งบริการจาก Google ซึ่ง ทำไม่ได้ เพราะ เราไม่ได้ใช้เน็ต เข้าบริการของ Google อย่างเดียวซะที่ไหน
มันไม่ใช่ "ขายพ่วง" ครับ อันนั้นคือ "ค่าสินค้า" ที่คุณจ่ายแลกกับสินค้าที่คุณรับมาต่างหาก
มองในผู้ให้บริการ โดยเค้าคิดค่าใช้บริการ โดยมีการแสดงโฆษณาให้คุณเห็น โดยคุณต้องยอมเสียค่าดาต๊าเพิ่ม
หรืออีกแนวทางคือ ผู้ให้บริการ ไม่มีการแสดงโฆษณา แต่คุณต้องเสียค่าใช้บริการของเค้า ดาต๊าคุณไม่เสีย แต่เสียค่าใช้บริการ
ชอบแบบไหนมากกว่ากันเหรอครับ
แปลว่าอะไรครับ? อ่านแล้วไม่เข้าใจสักนิด
อันนี้ก็ไม่เข้าใจพอกันครับ
เวลาพูดถึงผู้ให้บริการ ระบุเพิ่มหน่อยก็ได้ครับว่าผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตหรือให้บริการอื่นๆ แบบพวกเว็บหรืออะไร น่าจะช่วยให้คนอ่านเข้าใจได้
อธิบายเพิ่มเติม "ผู้ให้บริการ" ในความหมายของผม หมายถึง "เว็บไซต์" ที่เราเข้าไปใช้บริการครับ
ผมมองในมุมเจ้าของเว็บไซต์ การจะให้บริการใดๆ ย่อมมีค่าใช้จ่ายแอบแฝงอยู่ ซึ่งบริการต่างๆ ที่เว็บไซต์มีให้เราได้ใช้งานนั้น การที่จะเรียกเก็บจาก user หรือผู้เข้าใช้เว็บนั้น ก็ทำได้ค่อนข้างยาก (กว่าจะ user มั่นใจยอมเสียเงินใช้บริการ) "ซึ่งการนำโฆษณามาแสดงนั้นง่ายกว่า" เพราะ user ก็เข้าใจได้ว่าใช้งานฟรี
การที่เราจะไปใช้งาน search engine ต่างๆแล้วไม่อยากให้เว็บไซต์เหล่านั้นแสดงโฆษณา ในมุมของเจ้าของเว็บไซต์นั้นๆ (กรณี search engine คือ google) จะได้อะไรในการให้บริการเราเหรอครับ ทำไมต้องให้เราใช้บริการฟรี
เลยมองว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม user ค้นหาข้อมูล เจ้าของเว็บไซต์ส่งโฆษณามาชดเชยรายได้จากการให้บริการฟรีกับ user ก็น่าจะเหมาะสมแล้ว
ส่วนความเหมาะสมของปริมาณโฆษณา อันนี้ก็แล้วแต่เว็บไซต์ที่เราเข้าถึงละครับ แน่นอนว่าหากเกินพอดี user ก็เลือกไม่ใช้บริการได้ ไปหาเว็บไซต์อื่นๆ ใช้งานแทนเว็บไซต์ที่เรามองว่าโฆษณาเยอะเกินไป
คุณคิดว่าธุรกิจเว็บต่างๆทำให้คล้าย TV freeview /subscription ใช่ไหมครับ
แต่เจ้าเล็กๆล่ะ คุณว่าเป็นธรรมหรือเปล่า เข้าเว็บไซต์ฟรีทั้งหลายมีโฆษณาน่ารำคาญโผล่มามากมาย
เปลือง bandwidth คุณ เว็บเล็กๆเหล่านั้นก็ควรจะทำระบบ subscription หรือเปล่าครับ ?
ปล.สมมติว่าถึง digicel จะได้เงินจากบริษัทใหญ่ๆ จากอะไรก็แล้วแต่ มันก็ไม่ได้ถึงผู้บริโภคแน่นอน
คุณก็ได้แต่รำคาญโฆษณาจากเว็บไซต์เหมือนเดิม
บริการกูเกิลไม่ได้ฟรีนะคับ search ไม่เสียเงินจริงแต่ก็จะมีผลลัพธ์ติดโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับคำค้นไงคับ ถ้าไม่อยากได้โฆษณาอยากใช้ฟรีโดยไม่มีโฆษณา กูเกิลก็คงไม่มีรายได้มาให้บริการ search engine มั้งคับ
ผมพยายามอ่านทำความเข้าใจแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่คุณต้องการสื่อ หมายถึงว่าเราสามารถใช้บริการของกูเกิ้ลได้ฟรีโดยที่ไม่ต้องแลกกับอะไรเลยเหรอครับ กูเกิ้ลคงไม่ใจบุญขนาดนั้นมั้งครับแค่ค่าไฟ server นี่ก็อ่วมแล้วครับ
ผมมองว่าสิ่งที่เราต้องแลกคืออย่างน้อยมันจะมีแค่บางครั้งที่เราตัดสินใจทำตามที่โฆษณาของกูเกิ้ลบอก แล้วบางครั้งนั้นเกิดขึ้นเรื่อยๆ (และจะมากขึ้นเองถ้าเขาเลือกโฆษณาได้ตรงใจเรามากขึ้น) แค่นั้นก็ได้เงินเพียงพอแล้วครับ
ยิ่งตอบยิ่งงง แล้วคุณคิดว่าการจ่ายค่าบริการของเราให้ google คืออะไรครับกับการที่จะได้เข้าถึง service ต่างๆ
ความหมายของคุณคือถ้า Google ยิงโฆษณาในเรื่องที่เราสนใจอยากใช้บริการในโฆษณานั้นๆ ถึงจะดู Win Win ปัญหาคือ Google จะยิงโฆษณามาได้ยังไงตอนไหนครับในเมื่อตอนนี้คุณกำลังปิดกั้นการโฆษณาอยู่
ถ้าเทียบกับโฆษณาทางทีวีก็เหมือนกับว่าเราจ่ายเงินค่าทีวีค่าไฟนะช่อง 3 5 7 9 ถ้าอยากยิงโฆษณาก็เอาเงินมาช่วยค่าไฟซะดีๆ โฆษณาต่างๆ ที่ออกมาถ้าตรงใจเดี๋ยวจะไปซื้อไปใช้บริการเอง
เราไช้บริการกู้เงิน ก็มีค่าไช้จ่ายเป็นดอกเบี้ย
จะไช้บริการของเวป ก็จะต้องมีค่าไช้จ่ายให้เวปด้วย ส่วนใหญ่ตอนนี้ค่าไช้จ่ายคือต้องดู ad อนาคตถ้า ad โดนปิด คุญก็ต้องเจอการหาทุนวิธีอื่นๆ เช่น pay wall ไม่งั้นบริการเหล่านี้ก็จะขาดทุนและปิดตัว
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
คิดได้สองแบบครับ
ทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย จริงครับ แต่คำถามที่น่าสนใจคืองั้นใครจ่ายดีครับ จริงๆ ใครจ่ายก็ได้นะครับ เพียงแต่ถ้าถามว่าใครควรจ่าย เราก็เอามุมมองมาคุยกันก็จะได้ไอเดียหลากหลายขึ้น อันไหนไม่สมเหตุสมผลก็ตกไปครับ
ค่าเน็ตที่เพิ่มขึ้นจากการดูโฆษณา ผู้ใช้ก็จ่ายอยู่แล้วนี่ครับ? อันนี้คือผู้ให้บริการมือถือจะเอาทั้งขึ้นทั้งล่อง ทั้งจากผู้ใช้บริการ และผู้ให้บริการ content ด้วย แล้วคุณคิดว่ามันสมเหตุสมผล?
Digicel ก็แค่ greedy ครับ จะเอา win คนเดียว ทั้งๆที่ model ปัจจุบันมันเป็น win-win-win อยู่แล้ว
ถ้าผู้ให้บริการ content คิดว่า internet จากผู้ให้บริการมือถือรายใดรายหนึ่งทำตัวเป็น leecher แล้วจะแบน internet รายนั้นขึ้นมา ผมว่ามันก็สมเหตุสมผลดีนะครับ :)
บล็อคมาบล็อคกลับ ไม่โกง
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ชอบประเด็นที่คุณนำเสนอ เพราะไม่เคยคิดในมุมนี้มาก่อนเลยจริงๆ
ผมว่าไม่ต้องพยายามมองหาความชอบธรรมหรอกครับ ก็แค่การต่อรองทางการค้าที่พวกเขาชอบทำ
ถ้าตกลงกันได้ ก็แสดงว่าเหตุผลต่างๆ ที่ทั้ง 2 ฝ่ายเอามาต่อรองมีน้ำหนักเท่ากันแล้ว
เห็นด้วยครับ จะเห็นว่า reply ของผมคือพยายามตอบเรื่องว่าแล้วความชอบธรรมของผู้ให้บริการแบนด์วิธในการได้เงินบ้างอยู่ตรงไหน ของคอมเม้นต์ก่อนหน้าครับ
เห็นด้วย อยู่ที่ใครมีอำนาจต่อรองมากกว่ากัน ผู้ใช้เป็นแค่เครื่องมือที่ถูกต่อรอง
ถ้าฝั่ง mobile operator หรือผู้ให้บริการ internet bandwidth
มีผู้ใช้ที่ไม่ยอมย้ายค่าย/หรือย้ายค่ายไม่ได้ จำนวนมาก
google หรือ ผู้ที่หารายได้จากโฆษณา ก็อาจต้องโอนอ่อน
ตัวอย่างน่าจะประมาณ ประเทศจีนทั้งประเทศ
แต่ถ้ากลับกันว่า ผู้ใช้ติดกับบริการของ google มากกว่า และไม่ติดข้อจำกัดในการเปลี่ยนผู้ให้บริการ internet
เกิด google block ไม่ให้ผู้ใช้ที่มาจาก mobile operator รายนี้ขึ้นมา ผู้ใช้ก็คงจะย้ายค่ายหนีหมด
ฉันใด ก็ฉันนั้น
-1
ผมว่าคุณข้าม"ค่าบริการ"ที่ต้องจ่ายให้กูเกิลไปนะครับ
คุณส่งคำสั่งซื้อ(คำขอข้อมูล)ให้กูเกิล กูเกิลส่งสินค้า(ข้อมูล)กลับมาให้แล้วคิดค่าสินค้า(โฆษณา) โดยส่งของผ่านบริษัทตัวกลาง(Digicel)แบบเรียกเก็บเงินกับผู้ซื้อ(ค่า data)
คุณไม่ได้"จ่ายค่าข้อมูลด้วย bandwidth"ครับ อันนั้นมันค่า"ขนส่งข้อมูล"
ถ้าคิดแบบนี้ คือคุณจ่ายแค่"ค่าขนส่ง"แต่จะเอาสินค้าเลยนะครับ
ถ้างั้นแบ่งรายได้ให้ผู้ใช้ด้วยสิครับ ต้องเสียค่าดาต้าโหลดโฆษณามาดูโดยที่ไม่ได้ต้องการทุกเดือน
ส่วนนี้จริงๆ สมเหตุสมผลนะครับ (รวมไปถึงโฆษณาบนรถไฟฟ้าและในรถเมลได้ด้วยนะที่จริง) แต่ไม่เคยมีผู้บริโภคคนไหนรู้สึกว่าควรเดือดร้อนหรือทักท้วงเรื่องนี้เลยครับ
ใช้บริการฟรี แล้วยังต้องจ่ายเงินให้เราอีกเหรอครับ
โมเดลที่สุดยอดจริง ๆ
เราไม่เคยใช้บริการอะไรฟรีนะครับ
เราจ่ายค่าแบนด์วิธทั้งอัพโหลดและดาวน์โหลด (ซึ่งซื้อเหมามาเป็นแพ็คเกจ)
ส่วนเจ้าของเว็บเป็นผู้ให้บริการเซอร์วิส ซึ่งยอมให้บริการฟรีเพราะนำการเข้ามาใช้บ่อยๆ (return visitors) ของเราไปหาประโยชน์ในมุมอื่นได้ ไม่ว่าจะเก็บตังค์เราโดยตรง หรือให้คนลงโฆษณาจ่ายเพื่อหวังผลยิงโฆษณาให้เราดูก็ตาม
ความพยายามส่งโฆษณาให้เราดูเป็นความพยายามของเว็บเหล่านั้นครับ เพราะงั้นคนนั้นควรจ่ายครับ
เรื่องโฆษณาบนรถไฟฟ้าหรือในโรงหนังผมเห็นด้วยกับคุณครับ แต่เรื่องจ่ายค่าบริการด้วยแบนด์วิธเนี่ยผมว่าไม่ใช่ละ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ คงวุ่นพิลึกต่อไปอาจจะมีการเรียกร้องเพิ่มเช่นให้ Google จ่ายค่าติดตั้งอินเตอร์เน็ต ค่าเดินทางไปจ่ายบิล ค่าไฟสำหรับเล่นอินเตอร์เน็ต ค่าเสื่อมของอุปกรณ์ ฯลฯ เข้าไปด้วย
ถูกครับ เราไม่เคยใช้บริการฟรี
ถึงต้องจ่ายการดูโฆษณาให้ google
จ่ายค่าเน็ตให้เครือข่าย
แล้วไอ้เครือข่ายก็มาเก็บจาก google อีกที หรือเราไปเก็บ google อีกที อย่างนี้มันไม่สมเหตุสมผล
สรุปแบบนี้ต้องมีคนได้สองต่อ ไม่เครือข่าย ก็เราที่ได้
"ความพยายามส่งโฆษณาให้เราดูเป็นความพยายามของเว็บเหล่านั้นครับ เพราะงั้นคนนั้นควรจ่ายครับ"
อันนี้ไม่เห็นด้วยครับ เราเลือกที่จะเข้าไปดูเองทั้งที่เราเลี่ยงที่จะไม่เข้าได้ เราก็ควรจ่ายค่าเน็ต
ไม่ใช่ว่าเข้าไปใช้บริการเว็บเขา และให้เขาจ่ายเนตโฆษณาในเว็บเขาให้กับเรา อันนี้มันมีแต่ได้ไม่ยอมเสีย
ถ้าทำให้ค่าบริการถูกลง = แบ่งรายได้มั้ง
เดี๋ยวๆ กินฟรีๆ ที่ไหน แบนด์วิดท์ถูกใช้โดยผู้ใช้ที่จ่ายไปแล้วนะครับ :p
ติดใจประโยคนี้เหมือนกัน , กินแบนวิทของเคลือข่าย ที่ลูกค้าจ่ายตังแล้ว เลยขู่บริษัทโฆษณา เพื่อเอาค่าโฆษณาแบ่งตัวเองด้วย -_-a
ผมก็ว่ามันทะแม่งทะแม่งนะ ผู้ใช้จ่ายค่าแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตไปแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้างั้น Digicel ก็ควรเอามาหารกับผู้ใช้อีกนะ
Digicel แบบนี้ต้องโหลดส่วนโฆษณาฟรีๆด้วยสิ
แปลกๆ นะ เหมือนแค่เอาเรื่องผู้ใช้มาอ้าง ส่วนตัวเองก็ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง
เรียนท่านลูกค้า Digicel ผู้มีพระคุณทุกท่าน
เนื่องด้วยบริษัทเห็นว่าการกระทำของผู้ให้บริการทางด้าน content นั้นได้แฝงไว้ด้วยการหาประโยชน์จากการโฆษณา อันเป็นการนำแบนด์วิธที่มีอยู่อย่างจำกัดของท่านลูกค้าไปใช้เพื่อหาประโยชน์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากทาง Digicel เรามีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า เราได้ทำการเสนอข้อเรียกร้องค่าดำเนินการในการดำเนินการโฆษณาภายใต้เครือข่ายของเรา "เพื่อกำไรและประโยชน์สูงสุดของทางบริษัท Digicel แล้ว"
ขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุนด้วยดีเสมอมา
Digicel
+1
ผมก็ว่า
555+
แปลกดีแฮะ
เหมือนจะเคยไถแบบนี้กับกรณี Youtube ไปครั้งหนึ่ง(ถ้าจำไม่ผิดแรงเสียดทานจากลูกค้าสูงทีเดียว)
คราวนี้เอาใหม่ คาดว่าเรื่องนี้แรงเสียดทานน่าจะน้อยสินะถึงกล้าทำกัน(เกาะกระแสเน้นๆ ฟลุ๊กได้ก็กินฟรี)
ปล. ไม่คิดจะไถพวก adsfly, linkbuck หรือเว็บแนวๆ นี้บ้างหรือ หุหุ
ถูกของคุณ เรื่องนี้ทำให้ผมคิดได้อย่างนึง ถ้าผู้ให้บริการเข้ามายุ่งกับข้อมูลที่วิ่งในเครือข่าย
ต่อไปผู้ให้บริการก็ควรรับผิดชอบกับข้อมูลที่เสียหายของลูกค้าด้วยหรือเปล่า เช่น
ลูกค้าเข้าเวปแล้วติดไวรัส โดนเรียกค่าไถ่ ข้อมูลเสียหาย จะเข้ามารับผิดชอบมั้ย
ข่าวต่อมา กูเกิล ยาฮู และเฟซบุ๊ก ประชุมและลงความเห็นร่วมกันว่า จะไม่ส่ง response ข้อมูลใด ๆ ผ่านทางเครือข่ายของ digicel เพื่อลดภาระการใช้งานแบนด์วิดท์ของเครือข่าย
เอาลูกค้า Digicel เป็นตัวประกันชัดๆ นึกถึงตอนสัมปทานคลื่นโทรศัพท์จะหมดอายุเลย
ลูกค้าคือผู้ที่มาใช้สินค้าหรือบริการ แล้วบริษัทได้ผลตอบแทนมากน้อยไม่ทางใดก็ทางหนึ่งครับ
การที่มาใช้บริการฝ่ายเดียวโดยไม่ให้ผลตอบแทนกับบริษัทเลย กรณีนี้เรียกว่า leecher ครับ ซึ่งถ้าจะตัดไปเค้าไม่ได้เรียกว่าเอาลูกค้าเป็นตัวประกันครับ แต่เป็นการตัด leecher ออกไปจากระบบ
อย่างกรณีคนใช้ software เถื่อน ถึงจะใช้ software ของบริษัท แต่ไม่ได้ทำเงินให้กับตัวบริษัทเลย อันนี้ก็ไม่เรียกว่าเป็นลูกค้าครับ
ถ้าจะมีคนที่ควรถูกเรียกว่าเอาลูกค้าเป็นตัวประกัน ก็คงเป็นตัว Digicel ครับ ไม่จ่ายให้เรา เราไม่ให้ลูกค้าเราดู Ads นายนะ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ยอดเยี่ยมได้เวลาย้ายค่ายกันเลย ฆ่าลุกค้าทำไมหน๋อ
นี่มัน จาเมกา single gateway !!
o_O"
ษริษัท => บริษัท
จู่ๆ คำว่า "Net neutrality" ก็ดังกังวานขึ้นในหัว
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
+1
วันหลังก็ขุ่ Ebay Amazon ได้หมด
ค่าแบนวิดธ์ได้จากลูกค้าเครือข่ายไปแล้ว แต่จะไปเรียกซ้ำซ้อนจากคนให้บริการโฆษณา โฆษณามันมาอยู่ในเว็บด้วยความตั้งใจของเจ้าของเว็บ Google ไม่ได้ยัดเยียดบังคับให้วางโฆษณาในเว็บ ไม่ใช่เรื่องของผู้ให้บริการเครือข่ายที่ต้องไปเกี่ยวข้อง ผู้ให้บริการเครือข่ายมีหน้าที่หลักคือเป็นสะพานเชื่อมต่อเพื่อรับส่งข้อมูล ลูกค้าเครือข่ายจะใช้สิทธิ์ในการรับส่งข้อมูลชนิดไหนอย่างไรไม่เกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการเครือข่าย ตราบเท่าที่ผู้ใช้บริการยังปฏิบัติตามข้อสัญญาที่ตกลงกันไว้
สรุปคืออยากกินเปล่า
แน่จริง block service จาก google, yahoo, facebook ให้หมดเลยสิครับ
จะได้ไม่ต้องเจอ bandwidth โฆษณา
นึกถึงว่าต่อไปกำลังคุยโทรอยู่ ตัดเข้าโฆษณาเฉยเลย ฟังโฆษณาจบแล้วถึงได้คุยต่อ
อันนี้ผมไม่รู้จะเข้าข้างฝ่ายไหนดีเหมือนกัน แต่ในแง่ผมผู้ให้บริการก็เก็บเงินจากลูกค้าแล้วนี่ครับ แต่ถ้าสามารถ block โฆษณาได้ก็ดีอีกแบบนะครับ คำถามคืออะไรคือโฆษณาที่ลูกค้าไม่ต้องการ เพราะบางโฆษณาลูกค้าไปเห็นอาจจะมีประโยชน์กับเขาก็ได้นะครับ เหมือนการขายเคสมือถือ บางทีผมไปเห็นในเฟสโดยบังเอิญจึงรู้ว่าอยากได้อยากซื้อแบบนี้เพราะหาในเน็ตบางทีไม่เจอหรือเคยหาแล้วเพิ่งมี update มาทีหลัง
ปรากฏว่า google/facebook บล๊อก digicel แทน
ความจริงผมว่า กูเกิลก็ทำไม่ถูกนะ... อะไรอ่ะ? ใช้เน็ตบนมือถือตัวโฆษณาก็กิน bandwidth เราในการโหลดมาแสดง เรากดโฆษณากูเกิล กูเกิลก็ได้ตังอย่างเดียว แต่เราไม่เห็นจะได้ด้วยกับกูเกิล แถมเสียค่าเน็ตอีก...
ผมเห็นด้วยกับข่าวนะ ถ้าโอเปอเรเตอร์จะไปไล่เบี้ยกับพวกเจ้าของโฆษณา แล้วทำให้ค่าเน็ตถูกลง เหมือนกับโฆษณาตาม BTS หรือ MRT ที่ทำให้ค่าตั๋วถูกลง เพราะเขามีรายได้ส่วนหนึ่งซึ่งมาจากโฆษณาแล้วเอามาหารเพื่อให้ค่าตั๋วถูกลง
ธุรกิจถ้าไม่ใด้ตังจากบริการอะไร ธุรกิจนั้นๆก็ต้องปิดครับ
ใช้เน็ตบนมือถือตัวโฆษณากิน bandwidth เราในการโหลดมาแสดง พร้อมกันก็ทำให้ web ที่เข้าไช้งานก็ใด้เงินไปจ่ายค่า hosting และปรับปรุงเวป
ถ้าโอเปอเรเตอร์ไปไล่เบี้ยกับพวกเจ้าของโฆษณา บริการที่จะให้กับโอเปอเรเตอร์ดังกล่าวก็จะต้องหายไป หรือไม่ก็ต้องคิดตังเพิ่มกับลูกค้าจาก oยeratpr รายนั้น
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
เราได้จากกูเกิลครับ คือได้ใช้บริการต่างๆ โดยไม่ต้องจ่ายเงินไปซะหมด
แล้วที่ใช้ๆบริการ Google อยู่ทุกวันนี้คืออะไรครับ มันไม่ได้ฟรีนะครับ
ถ้าไม่ได้อะไรจาก google แล้วเข้าไปใช้ทำไมครับ ไม่ต้องใช้เน็ตก็ไม่ต้องเสียตังค์แล้วครับ
ถ้าความคิดแบบนี้เป็นจริงขึ้นมา รับรองว่าจะลำบากกว่าเดิมแน่ เราจะมีเครือข่ายที่เข้าเวปไม่ได้ทุกเวป
เพราะไม่ยอมจ่ายค่าเข้าถึง เหมือนโดน ICT Block เวปนั่นแหละ แล้วจะมาโวยวายว่าจ่ายค่าเน็ตแล้ว
ทำไมเข้าเวปโน้นเวปนี้ไม่ได้
ถ้าคุณเห็นโฆษณาแปลว่าเว็บนั้นหารายได้จากกูเกิ้ลอยู่ ซึ่งเว็บนั้นที่คุณกำลังเข้าใช้บริการเค้าก็ได้เงินไป ส่วนสิ่งที่คุณได้คือเนื้อหาและบริการจากเว็บนั้นครับถ้าให้ผมทำเว็บฟรีดูแลตลอดเพื่อทุกคน ผมคงไม่ใจบุญขนาดนั้นหรอกครับ เผลอๆโฆษณาเนี่ยได้แค่ทุนซะมากก็มีนะครับไม่ได้เหลือล้นอะไรเลยครับ
ทุกอย่างในโลกมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอครับ อยู่ที่ว่าจะมาในรูปแบบไหน
ถ้าแก้เผ็ดโดยการบอกว่า ถ้าบล็อกปั๊บจะบล็อก Digicel กลับล่ะ? ใครใช้ Digicel ก็เข้า กูเกิล ยาฮู เฟซบุ๊ก ฯลฯ ไม่ได้เลย
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ทำได้แน่ครับ แต่ผมว่าเขาคงไม่ทำ เดี๋ยวจะโดนหาว่า evil อีก ขนาดในนี้ยังมีเสียงแตกเป็นสองฝั่งเลย นับประสาอะไรกับผุ้ใช้ทั่วไปที่ไม่เข้าใจโมเดลธุรกิจล่ะครับ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ถ้าทำแบบว่าทุกครั้งที่คลิกลิงค์ในบริการทุกอย่าง google มันจะแสดงป๊อปอัพขึ้นมาหรือ redirect ไปที่หน้าแจ้งว่า google ไม่สามารถให้บริการได้เต็มที่เนื่องจาก digicel รีดไถจากเขา และอธิบายว่าทำไมสิ่งที่ digicel ทำถึงผิด อาจจะทำให้ digicel ต้องรีบยกเลิกโครงการนี้ทันทีครับ
ขุ่นพระ
ตรรกะบางคนนี่แบบว่า google facebook เสกเซอเวอร์ เสกโปรแกรม เสกศูนย์ข้อมูล มาจากอากาศได้เนอะ
โหลดบิทจนเคยตัว คิดว่าของในเนทคือของฟรีทุกอย่าง
ผมว่าที่บางท่านยังสับสน เพราะว่าเราไปหลงยึดติดกับคำว่าฟรี ซึ่งจริงๆ มันไม่เคยมีอะไรที่ฟรี เรื่องนี้อาจจะต้องมองไปถึงเศรษฐศาสตร์พื้นฐาน เรื่องการแลกเปลี่ยน ลองโยงเส้นเชื่อมแต่ละจุดดูว่าการจะได้มาซึ่งสิ่งนี้ต้องแลกกับอะไรบ้าง ซึ่งผมมองว่ากรณืนี้ Digicel พยายามขีดเส้นขึ้นใหม่โดยเป็นเส้นแบบ one way เอาผลประโยชน์เข้าหาตัวเองฝ่ายเดียว
ขอนอกเรื่องนิดนึง..
สมมุติว่าในอนาคต single gateway ได้บล๊อค service ทั้งหมดของ facebook
ทำให้ประชาชนทั้งประเทศหันไปใช้ Google+ แทน
แล้ว Google ได้ก็ค่าโฆษณาพุ่งกระฉุด
facebook สามารถฟ้องร้อง google หรือรัฐบาลได้มั้ย ??
ก็ต้องไล่เรียงหละครับ ถ้าเฟซเองยอมหักไม่ยอมงอเค้าคงไม่มาฟ้องรัฐบาล ส่วน G+ เป็นผลพลอยได้ ก็ได้ผลประโยชน์ไป เอาแบบเห็นๆเลยก็ที่จีนไงครับมีบริการส่วนตัว Weibo ใช้กันเพลินๆเฉพาะในประเทศ ไม่เห็นมีบริการข้ามชาติที่ไหนไปฟ้องซะราย
ไม่ใช่เรื่ผงที่ digicel จะถือวิสาสะตัดสินว่าอะไรถูกหรือผิดเหมือนรัฐบาลแถวนี้ ถ้าบริการของกูเกิ้ลใช้แบนด์วิธมากไปจนไม่คุ้มกับสิ่งที่ได้ ผู้บริโภคมีสิทธิ์ไม่ใช้งานมันได้อยู่แล้วครับ
จริงๆไม่ควรทำแบบนั้นนะ เพราะเวลาเราเข้าแอฟเกมส์หรือแอฟอื่นๆก็จะมีโฆษณาเพราะต้องการรายได้ ไม่งั้นเกือบทุกแอฟคงต้องซื้อกันเลยหน่ะสิ
ถ้า digicel ไปเรียกเก็บเงินจากเวปต่างๆแทน ก็ควรเลิกเก็บเงินลูกค้าให้ใช้ฟรีไปถึงจะถูกต้อง
ในทางกลับกัน ถ้า goole เป็นลูกค้าของ digicel google เองก็มีสิทธิที่ไม่ใช้บริการของ digicel
ในการเข้าถึงผู้คนในเครือข่ายของ digicel ก็ได้เช่นกัน
เหมือนทีวีสินะ เจ้าของรายการ(ช่วงเวลา)หรือเครือข่ายส่งสัญญาณ=เป็นผู้รับผิดชอบ
จ่ายเงินใช้ internet แล้วจะเอาไปใช้อย่างไรมันก็เรื่องของคนจ่าย จะดูกรือไม่ดูโฆษณาก็เรื่องของคนจ่าย ไม่ใช่เรื่องของผู้ให้บริการเครือข่าย
เรื่องง่ายๆ
That is the way things are.
กรณีนี้เครือข่ายก็แค่หาทางฟลุ๊คอยากได้ตังเพิ่ม
ในเมื่อลูกค้าซื้อแพ็คเกจเน็ตมาแล้ว เค้าก็ต้องใช้ได้อย่างอิสระ
แน่นอนว่ารวมไปถึงการ "จ่าย" กูเกิลในแง่รูปแบบโฆษณาด้วย
ค่ายมือถือหมดหน้าที่ตั้งแต่ขายเน็ตแล้ว