จากประเด็นที่มีผู้พบว่าดาราจำนวนมากโพสภาพเบียร์ลงอินสตาแกรมในเวลาใกล้เคียงกัน วันนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่ากำลังเตรียมเรียกดาราทั้ง 24 คนเข้ามาสอบข้อมูลเพิ่มเติม
แต่ประเด็นสำคัญกว่านั้นคงเป็นความเห็นของ พลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ (เฟซบุ๊ก) ที่ออกมาระบุว่าคนทั่วไปที่โพสภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงเครือข่ายสังคมออนไลน์ก็ล้วนมีความผิดตามกฎหมาย และอาจจะถูกดำเนินคดี
นักข่าวจาก Voice TV (@reporter_Itsara) และมติชน (@ArmUpdate) รายงานตรงกันว่าตำรวจอ้างถึงมาตรา 26 ตามพรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล 2551 (PDF) แต่มาตราดังกล่าวเป็นเรื่องของฉลาก ส่วนมาตราที่เป็นเรื่องการควบคุมโฆษณานั้นอยู่ในมาตรา 32 ระบุว่า
มาตรา ๓๒ ห้ามมิใหผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอลหรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจใหผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม การโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ใดๆ โดยผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทให้กระทําได้เฉพาะการให้ข้อมูลข่าวสาร และความรู้เชิงสร้างสรรค์สังคม โดยไม่มีการปรากฏภาพของสินค้า หรือบรรจุภัณฑของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น เว้นแตเป็นการปรากฏของภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่ม
ทั้งนี้นิยามของการโฆษณา ตามพรบ. นี้ ระบุไว้ว่าเป็น "การกระทําไม่ว่าโดยวิธีใด ๆ ให้ประชาชนเห็น ได้ยินหรือทราบข้อความเพื่อประโยชน์ในทางการค้า และให้หมายความรวมถึงการสื่อสารการตลาด"
คงต้องรอดูว่าการที่มีความเห็นออกมาแบบนี้จะเป็นการตีมาอย่างไรครับ
ตำรวจเตรียมเชิญดารา 24 คน มาสอบสวน หลังโพสภาพถ่ายคู่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เข้าข่ายความผิด มาตรา 26 ตาม พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2551
— Arm Worawit (@ArmUpdate) October 10, 2015
ประชาชนทั่วไปด้วย หากโพสภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในโซเชียลมีเดีย ก็ถือว่ามีความผิดตามมาตราเดียวกันนี้ หากตำรวจพบเห็นสามารถดำเนินคดีได้
— Arm Worawit (@ArmUpdate) October 10, 2015
สคบ.แจงดาราโพสต์IGดื่มเบียร์ เข้าข่ายผิดกฏหมาย ม.26ว่าด้วยฉลาก ด้าน สตช.เตรียมเรียกดารา 24 คน เข้าสอบเพิ่มเติม pic.twitter.com/0K7X9Vz601
— Itsaraphap VoiceTV21 (@reporter_Itsara) October 10, 2015
ไม่เพียงดารา "พงศพัศ"ยัน ประชาชนทั่วไปที่โพสต์รูปแอลกอฮอล์ให้เห็นฉลาก ลงโซเซียล ถือว่าเข้าข่ายความผิดกฏหมายเช่นกัน pic.twitter.com/0B1Vk6kYDL
— Itsaraphap VoiceTV21 (@reporter_Itsara) October 10, 2015
Comments
ถถถ บ้านนี้เมืองนี้ ผมไม่รู้ว่าเป้าหมายในเรื่องของการแบนโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คืออะไร ตอนนี้เรามีมาตรการแบนโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เข้มข้นมาก ทำมาหลายปีแล้ว แต่ปัจจุบันก็พบว่าประเทศเล็กๆ ของของมีประชากรที่ดื่มแอลกอฮอล์มากติดอันดับต้นๆ ของโลกและมีแนวโน้มดื่มหนักขึ้นทุกปี รวมถึงอุบัติเหตุจากการดื่มสุราก็อยู่อันดับต้นๆ ของโลกเช่นกัน
ถึงตรงนี้แล้วก็ควรจะมองออกบ้างแล้วว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การแบนโฆษณา
หรือ มันอาจจะอยู่ที่เปิดเสรี ผลิต/จำหน่ายสุรา คล้ายๆกับเยอรมัน ที่ค่อนข้างเสรีเบียร์ อุ๊ย..กระเป๋าตังค์ใครน่ะ
อ่อช่วงนี้มี Oktoberfest ด้วยครับ ทำไมเค้าถึงเอาเรื่องมอมเมามาเป็นจุดขายการท่องเที่ยวได้นะ แย่จริมๆ พวกประเทศไม่มีอารยะไม่มีศีลธรรม
2เดือนหน้าก็ เทศกาลลานเบียร์ ไป CTW กันไหมครับ
ชวนล่วงหน้ากันข้ามเดือนเลยเหรอครับ ขอบคุณมากครับอยากไปลองนั่งดูเหมือนกัน ติดอยู่เรื่องเดียวตรงที่กินได้แค่นิดๆ หน่อยๆ ครับ
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่สุรา แต่เป็นวัฒนธรรมการเสพสุราของเราที่ไม่ได้เรื่องต่างหากครับ
เมืองนอกมีเรื่องการกินเหล้าให้เป็นด้วย กินให้ได้รสชาติที่สุด กินกับอาหารแบบไหนเวลาไหน คือกินให้ถูกกาละเทศะ ซึ่งวัฒนธรรมของเรามันเหมือนถูกกีดกันไม่ให้พัฒนาขึ้นไปถึงจุดนั้น
ปล.ผมไม่กินเหล้านะ
ปัญหาอาจเกิดจากไม่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
หรือไม่ก็กฎหมายเยอะจนใช้ไม่ถูก
เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
เข้าใจ กม.ฉบับนี้นะครับ ว่าห้ามโฆษณา แค่ควรมีการสอบสวนให้ลึกลงไปรึเปล่าว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อโฆษณาจริงหรือไม่ น่าจะบอกแถลงซะหน่อยนะมาบอกโต้งๆแบบว่าโพสลงโซเชียลก็ผิดแล้วแบบนี้ อาจทำให้เข้าใจผิดได้ หรือเขาตั้งใจจะจับแหลกแค่เห็นภาพแอลกอฮอล์จริงๆหว่า
เรื่องโฆษณามันมาตรา32 ครับ แต่เรื่องโพสต์ลง IG นี่มาตรา26 "เขาบอกว่า" "ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม" คือโพสต์ปกติก็โดนครับ ไม่ต้องโฆษณา .... Orz
The Dream hacker..
ผมไม่แน่ใจว่าพูดผิดหรือนักข่าวฟังผิดนะครับ แต่มาตรา 26 ไม่มีเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมนะครับ แถมบังคับกับ "ผู้ผลิตหรือนำเข้า" ด้วยซ้ำ
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้า "คนทั่วไป" โพสแล้วผิด ผมว่ามันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะ
แอลกอฮอล์เป็นอบายมุข มีกฏหมายควบคุมชัดเจน เด็กเห็นบ่อยๆก็เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ มีความผิดก็สมควรแล้วหนิครับ
การที่เด็กเห็นอะไรที่ไม่ดีแล้วไปเลียนแบบโดยไม่สามารถห้ามปรามหรือป้องกันได้ ผมว่ามันเป็นความล้มเหลวของสถาบันครอบครัวครับ ไม่ใช่สถาบันรัฐ กฎหมายห้ามซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอลหากอายุต่ำกว่า 18 ปีก็มีอยู่แต่ไม่บังคับใช้
That is the way things are.
ถูกต้องครับ สถานบันครอบครัวควรมีส่วนร่วมอย่างมาก ครอบครัวต้องเป็นผู้ดูแลก่อน กฏหมายห้ามซื้อขายก็มีก็บังคับใช้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่แล้วอย่างนี้ แต่อย่างน้อยกฏควรมีกฏเพื่อควบคุมอยู่มั๊ยครับ หรือยกเลยไปเลย โฆษณาเต็มที่ทุกที่ทุกเวลา ยกเลิกกฏหมายควบคุม ให้เด็กก็ซื้อได้ เอาแบบนั้นเลยดีมั๊ยละครับ
ผมเห็นคนที่มาบ่นเรื่องกฏหมายควบคุมแอลกอฮอล์มีแต่พวกกินเหล้ากินเบียร์ กินแล้วตีกัน กินแล้วเมาแล้วขับ กินแล้วส่งเสียงดัง พวกขายเหล้าขายเบียร์เสียประโยชน์ คนดีๆ ไม่เห็นมีใครเค้าบ่นกันสักคนเลยครับ
คนรู้จักรอบตัวผมกินเหล้ากันไม่เป็นแบบที่คุณว่าก็เยอะครับ
คุณเที่ยวไปเหมาว่าคนที่ออกมาโวยมีพฤติกรรมแย่คุณบอกได้ไหมว่าคนไหนและเขาไปทำพฤติกรรมแบบที่คุณว่าเมื่อไหร่
การแสดงความเห็นจากกลุ่มใหญ่ๆ แล้วเที่ยวยกว่าเป็นคนแย่ๆ โดยยกเอาคนที่ตัวเองเห็น (เห็นจริงรึเปล่าก็ไม่รู้) เหมือนคุณไปเหมาเชื้อชาติ ศาสนา ฯลฯ นั่นล่ะครับ มันแสดงว่าคุณไม่คิดจะถกเถียงอย่างเป็นเหตุเป็นผล มีหลักอะไร พูดแบบนี้ยังไงก็ถูก เหมาคนเป็นล้านบอกว่ามีคนเลวในกลุ่มมันต้องถูกต้องแน่นอน มากน้อยหรือไม่ก็บอกไม่ได้
lewcpe.com, @wasonliw
+1
มีครับ ผมกล้าบอกได้ว่าคนรอบตัวที่ผมเห็นที่ออกมาโวยวายเรื่องกฏหมายควบคุมแอลกอฮอล์ทั้งหมด เป็นพวกกินเหล้ากินเบียร์ เคยเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนคนอื่นมาแล้วก็ยังไม่เลิก งั้นขอให้คุณยกตัวอย่างคนดีๆที่ออกมาต่อต้าน กฏหมายควบคุมแอลกอฮอล์แล้วไม่มีพฤติกรรมแบบที่ผมบอกหน่อยครับ
คุณคงอยู่ในสังคมที่เลวร้ายมากเลยครับ อาจจะต้องแนะนำให้เปลี่ยนสังคมรอบข้างดู
ผมไม่เห็นด้วยกับกฎหมายควบคุมแบบนี้ (ด้วยเหตุผลอื่น อย่างความน่ารำคาญเวลาดูหนัง) และผมเองไม่เคยเมาแล้วขับครับ
lewcpe.com, @wasonliw
ผมเข้าใจครับ แต่ที่ผมบอกว่าที่ผมเห็น (กลุ่มตัวอย่างมีข้อจำกัดชัดเจน) เอาเป็นว่าผมขอโทษละกันครับที่เหมาเอาคนดีๆแบบคุณมาเกี่ยวด้วย
เปลี่ยนสังคมมันยากนะครับ... เรายืนต่างที่มันก็เห็นกันต่างมุม
ผมว่าเรื่องนี้มันดำเนินไปก็ด้วยเหตุผลอันสมควร..ที่เราๆท่านเองถ้าตั้งใจมองผมว่าน่าจะเข้าใจได้ครับ
ด้วยความเคารพครับ
+1000 เลยครับ
ด้วยเจอเหตุผลทางการแพทย์ ทำให้ผมเลิกกินเหล้า-เบียร์ แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยกับการตีความเหมารวมเรื่องโฆษณาเหล้า-เบียร์แบบนี้นะ ผมว่ามันเป็นปัญหาในการตีความอย่างกว้างในตัวมันเองในอนาคต
ปล. คือผมเนี่ย ตอนช่วงที่กินเหล้า-เบียร์ ก่อนจะเลิกกิน ผมก็ไม่เคยเมาแล้วขับชนคนตาย เพราะขับรถไม่เป็น กินแล้วไม่เคยเมาสิ้นสติ อันนี้พอจะเป็นกลุ่มตัวอย่างใหม่เพื่อให้คุณทราบได้หรือยังครับ
ในฐานะที่ผมก็บริโภคแอลกอฮอล์มาบ้างพอจะยกว่าผมคือหนึ่งคนที่ว่าได้ไหมครับ แต่ผมกินเดือนละขวดสองขวดนะ ผมมองว่ากฎหมายแบบนี้มันเป็นกฎหมายแบบไทยๆ มาก มันไม่ได้ช่วยให้สถิติอุบัติเหตุหรือจำนวนการบริโภคอะไรลดลง มันไม่ได้ช่วยให้เยาวชนห่างจากเหล้าเบียร์ได้ และวัตถุประสงค์ลึกๆ จริงๆ คืออะไรอาจจะเป็นเรื่องของการผูกขาดแบบที่มีท่านหนึ่งตั้งข้อสงสัยไว้ก็ได้
สิ่งที่กฎหมายนี้กำลังทำคือเหมือนการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุสุดๆ แบบไทยๆ ที่เราชอบทำกัน ห้ามโฆษณาเหล้าบุหรี่เหรออ่ะงั้นเราก็เบลอมันซะ เพราะคนไทยชอบอะไรง่ายๆ นึกอะไรไม่ออกโทษเรื่องเหนือธรรมชาติไว้ก่อน ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ หมอดูทักว่าขับรถสีนี้ไม่ดีก็แก้ด้วยการเอาสติ๊กเกอร์รถคันนี้สีxxx มาติด แก้ปัญหาเอาแบบเฉพาะหน้า ไม่ได้สนใจที่จะแก้ไขที่ต้นเหตุกันอย่างจริงๆ จังๆ
แต่ผมเห็นแย้งนะ ถ้ากฎหมายแรงและมีการบังคับใช้จริงๆจังๆ ต่อให้โฆษณาติดบิวบอร์ด หรือออกทีวีทั้งวันก็ไม่เกิดปัญหาคนเมาอย่างในปัจจุบันหรอกครับ เพราะคนรู้ในสิทธิ์ของตนเองและเคารพในกฎหมายมากพอที่จะเครารพความเป็นมนุษย์ด้วยกันและยอมรับผลของการกระทำที่เกิดขึ้นกับบุคคลอื่นๆ อย่างชัดเจน ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีเท่านั้น ไม่ว่าใครก็ทำได้ ถ้าเขาตั้งใจทำและตระหนักถึงมันมากพอ ผมพูดได้เลย
ผมว่าคนที่ดื่มแบบไม่คิดนั่นแหละที่ผิดที่ไปกินและก่อเหตุหรือออกไปขับรถ ไม่ว่าใครก็รู่ว่ามันเป็นแอลกอฮอล์และมีผลอย่างไร เมื่อดื่มแล้วก็ต้องยอมรับผลของมันที่เกิดขึ้นกับคุณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นดื่มอย่างมีสติ หรือถ้าหากหลีกเลี่ยงได้ ก็ไม่ต้องดื่มครับ
ปล. ผมขอพูดตรงๆนะ ผมก็กินบ้างนะของพวกนี้เนี่ย ตามงานสังสรรค์ แต่ไม่กินมาก เพราะรู้ขีดจำกัดของตนเอง แต่ผมว่ากฎหมายบังคุบที่ใช้อยู่ในตอนนี้ รวมถึงการเซนเซอร์ของมึนเมาทางโทรทัศน์ และการออกมาตรการณ์อื่นๆในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มันปัญญาอ่อนจริงๆ แก้ไม่ตรงจุด ไม่สามารถจัดการได้อย่างจริงจังและเห็นผลในระยะยาว และควรยกเลิกไปได้แล้ว ออกกฎหมายใหม่ให้เหมาะสมกับความเป็นจริง เพราะนอกจากจะไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นแล้ว ยังก่อให้เกิดความไม่พอใจของคนอื่นๆ ที่ไม่ใช้พวกเดียวกับคนเมาที่ไปก่อเหตุ และแน่นอนว่าไม่ใช่คนดื่มทุกคนจะเป็นเช่นนั้น
Get ready to work from now on.
ผมว่า เขาไม่ได้บอกให้ยกเลิกการควบคุม แต่บางอย่างมันก็เว่อร์เกินมากกว่าน่ะครับ
ห้ามเรื่องเหล้า (รวมถึงบุหรี) ไม่ได้นี้ถือว่าเป็นความล้มเหลวของสถาบันครอมครัวนี้ผมว่าไม่ใช่นะครับ เรื่องไม่ดีอื่น ๆ นี้
ดูแลกันได้ครับแต่ 2 เรื่องนี้มันถูกกฎหมาย พอเข้าเรืยนปี 1 ก็มีรุ่นพี่ ๆ ชวนแล้วครับ บ้างเอกนี้ให้ ร้องเพลงประจำเอกบอกเลยว่า "ลูกเ... กินเหล้า..." แล้วพารุ่นน้องทั้งเอกวิ่งรอบ ม. เลย
เข้าใจอยู่ว่ามันเป็นการสร้างค่านิยมที่ผิดๆ แต่มีการสำรวจกลุ่มตัวอย่างมาแล้วหรือยังไงว่าทำแบบนี้จะลดพฤติกรรมเด็กที่ติดสุราได้ สมัยนี้เด็กคิดเองเป็น และไม่ชอบให้ใครมาสั่ง คือคนที่ดื่มมันไม่ใช่แค่ว่า เออเห็นดาราดื่มเท่จังเลยเอาบ้าง มันมีหลายสิ่งประกอบมากกว่านั้น ผมว่าที่ควรทำเบื้องต้นก็คือไปเร่งสร้างค่านิยมที่ถูกสิครับ ออกโฆษณา แคมเปญมาเกทับว่าคนดื่มสุราเป็นคนไม่น่าคบอะไร เป็นคนตกยุค เชย อะไรยังงี้น่าจะเข้าถึงเยาวชนมากกว่านะ
ควบคุมน่ะดีแล้วครับ แต่ขนาดควบคุมเรายังกินเหล้าเมายากันติดระดับโลก แสดงว่าไอ้ที่ควบคุมกันอยู่เนี่ยมันไม่ใช่แนวทางที่เหมาะสมแล้วล่ะครับ
ต้องขยายความในข้อความผมก่อนนะครับ
การที่คนคนเราจะ "โพส" อะไรลง Social นั้นๆ ในกลุ่ม Social นั้นๆ ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่ เพื่อนในวัยเดียวกัน จะน้องก็รุ่นน้องก็เด็กกว่าไม่กี่ปี ส่วนใหญ่เพื่อนในกลุ่มก็จะอยู่ในกลุ่มอายุที่ใกล้เคียงกัน ผมว่ามันไม่น่ามีปัญหาอะไรกับการโพสของมึนเมานะครับ
เรื่องการจำกัดการโฆษณาอันนี้ผมเห็นด้วยนะ
แต่จำกัดการโพสใน Social ส่วนตัว อันนี้ผมว่า "ละเมิดสิทธิ" ครับ
ใช่ครับ แล้วอยากรู้ว่า ถ้าดาราฮอลลีวูดมีไอจีเวอร์ชั่นไทย ถ่ายรูปกินเหล้าเบียร์มีคำโปรยเชิญชวนให้กินตาม จะบินไปจับเค้ามั้ยครับ
กฎหมายมาตรานี้น่าจะถูกยกเลิกไปได้แล้วนะ ไม่ได้มีสาระประโยชน์อะไรเลย ละครเกาหลีเน้นแสดงฉากดื่มโซจูเหล้าประจำชาติของเขาเพื่อผลประโยชน์ด้านการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมการส่งออกผลิตภัณ์ฑของประเทศตัวเอง นำเม็ดเงินเข้าประเทศ ดีกว่ามาดักดานปิดกั้นไร้สาระแบบนี้
ถ้าอยากแก้ไขป้องกันปัญหาสังคมที่จะเกิดขึ้น ควรบังคับใช้กฎหมายมาตราอื่นให้จริงจังก็พอแล้ว สังคมจะมีวุฒิภาวะที่ดีขึ้นได้อย่างไรหากปิดกั้นทุกอย่างจนเกินความพอดี
That is the way things are.
จะมีสาระถ้ายกเลิกกฏหมายเพราะจะได้มีเงินเยอะๆจากเหล้าว่างั๊นเหอะ
ก่อนจะมีกฎหมายนี้กับหลังมีกฎหมายนี้ปริมาณการดื่มแอลกอฮอลของประชากรในประเทศเราเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญอะไรบ้างไหมครับ ?
เงินที่ได้เข้าประเทศคือสิ่งที่ไม่ดี ? แล้วทุกวันนี้เราส่งออกผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ไปต่างประเทศทำไมล่ะครับ ?
คุณต้องมองว่าเหล้าเบียร์สุรามันก็คือผลิตภัณฑ์ประเภทหนึ่ง ซึ่งต้องมีการควบคุมการจัดจำหน่ายไม่ให้ตกไปถึงเยาวชน แต่สำหรับคนที่โตแล้วบรรลุนิติภาวะแล้ว อยากจะดื่มแค่ไหนก็ดื่มไปครับ ดื่มแล้วก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง ไม่ขับรถ ไม่ก่อเรื่องทะเลาะวิวาท ไม่ทำเรื่องผิดกฎหมาย ซึ่งถ้าหากฝ่าฝืนก็ต้องลงโทษกันไป ไม่ใช่ว่าห้ามอะไรไร้สาระแบบนี้
ตรรกะการห้ามแบบนี้มันคล้าย ๆ กับการบอกว่าผู้หญิงนุ่งสั้นไม่ดี ล่อตาล่อใจ อาจทำให้คนอื่นมาข่มขืนได้ ดังนั้นต่อไปนี้ห้ามผู้หญิงนุ่งสั้นออกโฆษณา ห้ามถ่ายรูปตัวเองขณะนุ่งสั้น post ลง internet เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้น
ถามหน่อยว่าตรรกะแบบนี้มันใช้ได้เหรอครับ ?
That is the way things are.
ตินิดหน่อย สินค้าที่ขายในประเทศมีภาษีเข้าคลัง แต่ถ้าไม่ใด้ export ก็ไม่ใด้เอาเงินเข้าประเทศนะครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ส่งออกไม่ใช่ export เหรอครับ ? ผมไม่คอยเข้าใจ
That is the way things are.
คิดว่าเขาคงสื่อว่า ทุกวันนี้เหล้าไทยก็มีแต่คนไทยกินกันเองครับ ไม่ได้ส่งออก รัฐได้ภาษีเหล้าแต่ก็มาจากเงินคนไทยทั้งนั้น อีกอย่างกฎหมายนี้ก็บังคับในเขตไทย ถ้าจะเอาแม่โขงไปโฆษณาที่ต่างประเทศก็โฆษณาได้เต็มที่ (เท่าที่กฎหมายประเทศนั้นอนุญาต) ดังนั้นกฎหมายนี้ไม่มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญกับรายได้จากการส่งออกครับ
ละครไทยก็ฮิตในประเทศเพื่อนบ้านนะครับ ถือว่าเกรดดีเลยทีเดียว ถ้าเราทำแบบเกาหลีเผยแพร่ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมผ่านละคร ยอดส่งออกเราก็น่าจะเพิ่มขึ้นได้ครับ
That is the way things are.
เวอร์ชั่นที่ฉายในประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่ต้องเซนเซอร์สิครับ?
คือผมเข้าใจนะว่าทุกวันนี้ประเทศเพื่อนบ้านแถบชายแดนเขาก็เปิดดูช่องไทยจากเสาสัญญานไทยเลยนี่แหละ แต่ถ้าจะส่งออกวัฒนธรรมจริงๆ ก็สนับสนุนให้เอาละครไทยไปใส่ซับ/พากย์เสียงภาษาเขาแล้วฉายช่องทีวีเขาเลยดีกว่ามั้งครับ ซึ่งเวอร์ชั่นนั้นจะขายจะโชว์อะไรก็เต็มที่ไปเลย ไม่ต้อง Censor
สมัยผมเรียนอยู่เมกาก็ทำงานร้านอาหารไปด้วย แม่โขงเคยมาทำตลาดโดยให้ทำเป็นค๊อกเทลขาย ก็พอขายได้นะ ซักพักไม่รู้เป็นไงหายไปซะงั้น
คนส่วนมากในประเทศนี้ยังขาดวุฒิภาวะจริงๆครับ หยุดทำเพราะกลัวผิดกฏหมายมากกว่ากลัวที่จะรู้สึกผิดต่อตัวเอง เรียนเพื่อสอบมากกว่าเรียนเพื่ออยากเรียนรู้จริงๆ (ผลก็มาจากหลายๆด้านที่หล่อหลอมให้คนเป็นแบบนี้ ทั้งทางวัฒนธรรม ค่านิยม กฎหมาย ทุกอย่างกระทบกันเป็นลูกโซ่ไปหมด ถ้าจะเปลี่ยนต้องร่วมใจเปลี่ยนพร้อมๆกัน หากเปลี่ยนจุดใดจุดหนึ่งก่อนโอกาสสำเร็จมีน้อย) สังเกตประเทศที่พัฒนาแล้ว เด็กมีความคิดความอ่านโตมากๆถ้าเทียบกับประเทศเรา คาสิโนทำไมไม่มาเปิด เพราะคนส่วนมากยังไม่พร้อมยังควบคุมตัวเองไม่ได้ เว็บโป๊ปิดกั้นเพื่ออะไร เพราะขัดวัฒนธรรมอันดีหรือ? แล้ววัฒนธรรมอันดีมันช่วยอะไร ทำให้สังคมเป็นแบบทุกวันนี้ใช่ไหม กฏหมายไม่เคยปล่อยให้หัดเดินด้วยตัวเองเลย ไม่เปิดช่องว่างให้สังคมได้พัฒนา ถ้าเรายังคงปิดกั้นอยู่แบบนี้ ไม่รู้ว่าอีกกี่สิบปีจะพัฒนา ส่วนตัวคิดว่าต้องใช้ทั้งแนวคิดตรงไปตรงมาแบบของ ราซ อัลกูล กับ ประณีประนอมแบบ แบทแมน มาประยุกต์ใช้ควบคู่กัน ถ้าหากเราไม่ล้ม เราจะไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของการลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ถ้าล้มหนักเกินไป เราลุกขึ้นมายืนอีกครั้งได้ไม่เหมือนเดิม
If you know what I mean
for { print "+1" }
syntax ภาษาอะไรนี่
^
^
that's just my two cents.
golang
เก็บภาษีจากแอลกอฮอล์ แต่มีสารพัดข้อจำกัดในการโฆษณานี่ก็ bullshit พอแล้ว
นี่ยังจะมาตีความว่าประชาชนทั่วไปก็เป็นพรีเซนเตอร์อีก บรรลัยกันเข้าไปครับบ้านนี้เมืองนี้
เค้าดูว่าดารา 24 คนที่ว่านั้น รับตัง (แบบไม่มีใบเสร็จ) เพื่อโพสภาพถ่ายคู่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในรูปแบบการส่งเสริมการขายนะครับ
อีกคนก็แยงเข้ามาว่างั้นคนทั้วไปก็ต้องห้ามถ่ายรูปคู่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยสิ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ดารากับคนทั่วไปมันต่างกันแค่ปริมาณไลค์เท่านั้นแหละ วันไหนโพสต์ติดลมบนก็ขึ้นเขียงเลยสิ
คือกฏหมายมันไร้สาระแต่แรกอยู่แล้ว ผมก็เตือนไว้บนเฟซดราม่าว่ามันต้องแยกแยะระหว่างพื้นที่ส่วนตัวกับสาธารณะให้ออก ไม่ใช่อ้างว่าดาราๆ แล้วจะแบนยังไงก็ได้
ผลที่ได้คือ ผมโดนด่าเละเทะบนเฟซเลย
แล้วยังไง?
กฏหมายมันก็ตีความได้แค่แบบนี้อยู่ดี เพราะมันไม่ได้กำหนดไว้หรอก มันยุ่งยาก
เหมารวมเลยง่ายกว่า
แต่คนไทยตอนนี้มันคลั่งศีลธรรมไง เลยไม่สนใจคำว่าสิทธิส่วนบุคคล ไม่คิดจะปกป้องคนที่ตัวเองเกลียด
ผมไม่ได้รักชอบดาราคนไหน แต่ผมมองว่ากฏหมายมันมีปัญหา เราก็ควรจะต่อต้านมัน
แทนที่ถ้ามันไม่เหยียบนิ้วเท้า แล้วเราไม่กระดิกไปต่อต้านกันเลยอย่างตอนนี้
ใน พรบ ระบุไว้ว่า
“โฆษณา” หมายความวา การกระทําไมวาโดยวิธีใด ๆ ใหประชาชนเห็น ไดยินหรือทราบขอความเพื่อประโยชนในทาการคา และใหหมายความรวมถึงการสื่อสารการตลาด
แสดงว่าถ้าไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทางการค้าหรือการสื่อสารการตลาดก็แสดงว่าไม่ผิดสิฮะ
ความเห็นผมนะ เรื่องนี้มันไม่ได้เป็นเรื่อง ดัดจริตดีงาม เมืองพุทธอะไรหรอก นั่นมันแค่เหตุผลหน้าฉาก
แต่ลองไปมอง ทั้งกฏหมายบอนไซ เหล้าพื้นบ้าน บอนไซคราฟท์เบียร์ ผมว่าจุดประสงค์จริงๆของกฏหมายนี้คือ
"ไม่ต้องการให้มีผู้เล่นรายใหม่อีก นอกจากค่ายใหญ่ที่เป็นเจ้าตลาดตอนนี้"
ทั้งไอ้กฏหมายบังคับ ว่าถ้าจะผลิต ต้องผลิตเป็นแสนลิตร ต้องมีโรงงานใหญ่เท่านั้น แถมห้ามโฆษณา มันเป็นการคุมกำเนิดเหล้าเบียร์ยี่ห้อใหม่
ส่วนสองเจ้ายักษ์ ที่เกิดมาแล้ว ไม่รับผลกระทบอะไรหรอก เพราะมีกำลังมาก เอาโลโก้ไปแปะสปอนเซอร์ฟุตบอลอังกฤษได้ สปอนเซอร์กีฬาได้ ทำน้ำดื่มยี่ห้อเดียวกับเหล้าขายเต็มเมืองได้ ทำโฆษณาแนวสร้างสรรค์สังคมโปรดัคชั่นดีๆก็ทำได้หมด
ในขณะที่เคื่องดื่มแอลกอฮอล์เจ้าใหม่ ไม่มีวันมีใครเกิดมาแข่งได้อีกในประเทศนี้ได้ ห้ามโฆษณา ห้ามผลิตน้อย ก็จบเกมแล้ว ผูกขาดขายแค่ 2 เจ้าไปได้ตลอดกาล
อย่าว่าแต่เจ้าเล็กๆ สมมุติมีเศรษฐีใหญ่ สามารถเสกโรงงานผลิตได้เป็นแสนลิตรตามกฏหมาย ก็ขายไม่ได้อยู่ดี เพราะโฆษณาไม่ได้ จัดโปรโมชั่น จัดกิจกรรมอะไรไม่ได้
ก็เข้าตำราระบบประเทศที่ไม่เจริญ คือคนรวย ไม่ใช่รวยเพราะความสามารถ ไม่ใช่รวยเพราะผลิตสินค้าได้ดีกว่า แต่รวยเพราะผูกขาด
+24
ผมว่ากฏหมานมันมีปัญหาเพราะตำรวจนี่แหละ
มีความผิดคี่คือ ผิดประเด็น ใช่มะ?? มือกายหน้าผากเลย งามหน้าจริง ตำรวจไทย.... ประเด็นคือมันเป็นการโฆษณา (ไปกระซิบบอกท่านเร็ว เดี๋ยวออกทะเล)
ยศ ผิดนะครับ
"ศาสตราจารย์พิเศษ 'พลตำรวจเอก' ดร.พงศพัศ พงษ์เจริญ"
แก้เรื่องสระ/วรรณยุกต์เป็นตัวสี่เหลี่ยมด้วยครับ (คาดว่าข้อความคัดลอกมาจากไฟล์ PDF เลย)
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
พรบ. => พ.ร.บ.
ห้ามมิให => ห้ามมิให้
ชักจูงใจให => ชักจูงใจให้
บรรจุภัณฑ => บรรจุภัณฑ์
เว้นแต => เว้นแต่
จะเป็นการตีมา ?
ถ้างั้นขอฝากตามห้างซุปเปอร์สโตร์แทบทุกห้างที่จัดลานเบียร์ตรงฟู้ดคอร์ทด้วยแล้วกัน ไม่รู้กล้าปล่อยให้ทำได้ไง กรณีนี้น่าจะหนักกว่าอีกนะ เด็กก็กินข้าวไปข้างๆ นี้สาวเชียร์เบียร์แซ่บๆ ทั้งนั้นกินข้าวไปเพลินไป บางห้างโซนเด็กเล่นอยู่ติดกับโซนขายเหล้าขายเบียร์เลยด้วยซ้ำ
เอายังไงกันแน่ ตำรวจพูดจริงหรือรู้กฏหมายไม่จริง
เห็นข้างบนบอกว่า "แสดงว่าถ้าไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทางการค้าหรือการสื่อสารการตลาด"
ยิ่งห้าม มันจะกลายเป็นยิ่งยุ
ผมเป็นคนไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
และผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับกฏหมายควบคุมเหล้าเท่าไหร่ เพราะปัญหาจากเหล้านั้นมันไม่ได้อยู่ที่ตัวเหล้าเลย เพราะเหล้ามันขับรถไม่เป็น
ซึ่งสิ่งที่ควรจะควบคุมจริงๆนั้นก็คืือ ผู้ดื่ม และ ผู้จำหน่าย ต่างหาก
ถ้าเมาแล้วขับ ทั้งผู้ดื่มและจำหน่ายต้องติดทัณฑ์บนให้ต้องเป็นอาสาสมัครช่วงเทศกาลเป็นเวลา10ปี ถ้าไม่มาก็ติดคุก10ปี+Blacklistห้ามขับขี่และครอบครองยานพาหนะตลอดชีวิตแทน
ส่วนเรื่องที่จะเอาผิดผู้จำหน่ายยังไง ก็อาจจะออกกฏบังคับให้ทุกร้านต้องออกใบเสร็จค่าเหล้าโดยระบุชื่อร้านชัดเจน และผู้ดื่มต้องเก็บใบเสร็จไว้ติดตัวตลอดเวลา หากเมาแล้วขับแล้วไม่มีใบเสร็จระบุร้านที่ซื้อเหล้า ก็อาจจะเพิ่มโทษไปอีก2เท่า ประมาณนี้
แต่สุดท้าย มันก็ยังต้องขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฏหมาย เพราะบ้านนี้เมืองนี้ มีกฏหมายไว้ควบคุมประชากรเยอะมาก แต่ไม่มีอะไรที่ใช้ควบคุมผู้บังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจังเลย
เพราะที่มีอยู่ทุกวันนี้ไม่พวกเดียวกันก็ขี้เกียจทำงาน ไม่ก็โดนข่มขู่กดดันให้ละเว้นการปฏิบัติงานชั่วคราว
+40 degree
ผมว่าปัญหามันอยู่ที่วินัยจราจรบ้านเรามากกว่าหรือเปล่าครับ
เพราะที่ Russia เมาโหดกว่าเรามากเลยนะ
แถม Vodka ของรัฐบาล ขายแค่ลิตรละ 130 บาทเอง (เพิ่งปรับราคาขึ้น แก้ปัญหาคนเมา)
วินัยจราจร จริงๆก็ไม่ค่อย ok เท่าไหร่
ทางการเค้าเลยกำหนดว่า ตามกฏหมายบ้านเค้า รถทุกคันต้อง "ติดกล้องวงจรปิด"
เท่านั้นเอง ...
ครับ
เฮโรอีน ก็ทำร้ายคนอื่นไม่เป็น เช่นกัน
ไร้สาระ
แล้วเฮโรอีน มันมีการอนุญาตให้เสพย์เหมือนเหล้ามั้ยล่ะครับ
ตำแหน่งความอันตรายหลังการเสพย์มันไม่เท่ากัน
เพราะถ้าคุณคิดว่ามันอันตรายเท่ากัน เรื่องกฏหมายควบคุมนักดื่มแล้วขับด้านบนผมไม่เอาก็ได้ เปลี่ยนใหม่ให้เหมือนเฮโรอีนเลย ใครดื่มจับเข้าสถานบำบัดลูกเดียว ใครจำหน่ายก็เข้าคุก ประเทศไทยจะได้มีท้องถนนที่ปลอดภัยที่สุดในโลก
สสารทุกอย่างในโลกนี้มันไม่มีอันตรายอะไรหรอกครับ ถ้ามันยังไม่มาอยู่ในมือของมนุษย์ ถ้าไม่คิดจะควบคุมผู้ที่ใส่เจตนาให้กับสสารต่างๆ ก็ห้ามทุกคนครอบครองน้ำดื่มไปเลยมั้ย เพราะน้ำดื่มแช่แข็งก็สามารถนำมาทุบหัวฆาตกรรมคนได้ เอามาแยกเอาไฮโดรเจนทำระเบิดก็ได้
หนักละครับ ประเทศไทย
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
โชคดีที่ไม่ได้กินเหล้า เอิ๊ก
เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนมากของปัญหาการตีความตัวบทกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อบังคับใช้กฎมายต่อประชาชนของไทย พวกพี่ตีความกว้างมั่วขนาดนี้ ไม่แปลกที่อะไรหลายๆ อย่างมันเละได้ขนาดนั้น
สิ่งที่สำคัญที่สุด ณ ตอนนี้ คือการให้คำนิยามคำว่า "โฆษณา" ว่ามีความหมายอย่างไร เพื่อนำไปตีความในตัวบทกฎหมายดังกล่าวต่อไป
ด้วยความรู้กฎหมายที่ศึกษามา ตาม พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
"โฆษณา" หมายความว่า การกระทำไม่ว่าโดยวิธีใด ๆ ให้ประชาชนเห็น ได้ยินหรือทราบข้อความเพื่อประโยชน์ในทางการค้า และให้หมายความรวมถึงการสื่อสารการตลาด
"การสื่อสารการตลาด" หมายความว่า การกระทำกิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขายสินค้า บริการหรือภาพลักษณ์ การประชาสัมพันธ์ การเผยแพร่ข่าวสาร การส่งเสริมการขายการแสดงสินค้า การจัดหรือสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมพิเศษ และการตลาดแบบตรง
หรือพระราชบัญญัติ คุ้มครองผู้บริโภค ได้ให้นิยามไว้ว่า
"โฆษณา" หมายความถึงกระทำการไม่ว่าโดยวิธีใด ๆ ให้ประชาชนเห็นหรือทราบข้อความเพื่อประโยชน์ในทางการค้า
ฉะนั้น ประชาชนคนทั่วไป หากไม่ได้กระทำการเพื่อการค้า มันจะไปผิดได้ยังไง?
ปล. เปิดหัวข้อให้ถกเถียง ด้วยความที่พยายามหามุมคิดว่าหากประชาชนทั่วไปกระทำการดังกล่าวแล้วผิด ผมว่าระบบการตีความกฎหมายของเรามีปัญหาแล้วหล่ะ
ความคุมอะดีแล้ว ส่งผลดีมากกว่าผลเสีย ย้ำว่าต่อสังคมและเยาชน ควมจริงอยากให้ห้ามโฆษณาในทีวีด้วยซ้ำ (พวกคุณอาจจะคิดว่าปลายเหตุ ผมก็อยากให้แก้ที่ต้นเหตุแหละคือห้ามขายมันเลย)
ถ้าวันนึ่งพ่อแม่พวกคุนต้องพิการเพราะคนเมา จะรุ้สึกยังไง
ไม่ต้องถามผมว่าเกิดขึ้นกับตัวผมหรือเปล่า? อะไรที่มันทำให้ส่วนรวมดีขึ้นแม้แม้เพียงแค่นิดเดียวก้อย่าขัดเลยครับ
บางคนจากที่ในเวลานั้นไม่อยากกินเหล้าแต่เห็นรุปก้เปรียวปากแล้วฮกไปกินก็มี แค่นี้ก็เพิ่มเปอร์เซอเสี่ยงละ
เราต้องอยู่กับความเป็นจริงครับ การคิดแบบสังคมยูโธเปียมันเพ้อฝันไปหน่อย
ปกติเขาก็ห้ามโฆษณาในทีวีอยู่แล้วครับ
เราเลยเห็นเหล้ายี่ห้อต่างๆ ใช้วิธีเลี่ยงโดยการโฆษณาแบรนด์แทน (แต่ไม่มีตัวผลิตภัณฑ์อยู่ในทีวี) หรือบางเจ้าก็ผลิตน้ำเปล่าแล้วโฆษณาโดยอาศัยน้ำเปล่าแทน
ปล.ประเทศอื่นเขาก็ขายครับ จะบอกว่าประเทศไทย Special มีปัญหาแค่ประเทศเดียวคงแหม่งๆ
พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นควบคุมการโฆษณาผ่านสือทีวีอยู่แล้วนะครับ ผมแนะนำให้ไปอ่านดูจะทราบว่าถูกควบคุมการโฆษณาเยอะมาก ที่มีปัญหาจริงๆ คือการตีความกว้างมาถึงการใช้งานส่วนบุคคลที่ไม่ได้ทำเพื่อการโฆษณาครับ
เพลียกับประเทศนี้จริง
ซวยแล้วผม โพสต์รูปกินเบียร์ blue moon ที่ตึก Umeda Sky Building ที่โอซาก้า จะโดนจับมั้ย แต่เบียร์ยีห้อนี้ไม่มีขายในไทยนะ
เมื่อไหร่ยอดไลค์คุณเกินหมื่น มันมีสิทธิ์โดนมั้งครับ
ที่ขำคือ ยอดไลค์เยอะๆ บางทีก็ไม่ได้แปลว่าคุณเป็นดารา หรือคุณต้องการโฆษณา
แถมตั้งโพสต์เป็นสาธารณะ ก็ดันโดนตีความได้ว่าเป็นการป่าวประกาศโฆษณาชวนเชื่อได้อีก ทั้งๆที่มันเป็นพื้นที่ค่อนข้างส่วนตัวบนเน็ตชัดๆ
ยอดหลักสิบไม่เคยถึงหลักร้อยครับ แต่ตั้งเป็นสาธารณะตลอด เพราะถ้าอะไรเป็นส่วนตัวก็ไม่เอาลงเฟสอยู่แล้วครับ อย่างภาพงานเลิ้ยงกับเพื่อนก็มีคนที่พึ่งรู้จักจะได้มาดูได้ไม่ต้องเป็นเพื่อนกัน
ผมว่าทำอย่างนี้มีแต่ทำให้อยู่ยากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เค้าใจว่าจะกลัวอะไรกับแค่เหล้าเบียร์
ท่านเสาไฟฟ้าก็ทำไปตามหน้าที่ของท่าน ในเมื่อท่านเป็นผู้รักษากฎหมาย ท่านแค่มาบอกว่าการโพสต์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มันผิดกฎหมาย จะให้เค้าออกมาสนับสนุนมันก็แปลกๆ อยู่
ส่วนเรื่องมีแต่คนบอกว่าการห้ามโฆษณาไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา แต่ก็ไม่เห็นแนวทางการแก้ปัญหาที่ถูกที่ควรจากพวกท่านทั้งหลายเลย
อืม สรุปว่าชาวบล๊อกนอนหลายท่านสนับสนุนการโฆษณาเหล้าหรือครับนี่
ผมเข้าใจเรื่องที่ไม่พอใจว่าคนทั่วไปโพสรูปกินเหล้าลงสื่อสังคมออนไลน์แล้วผิดกฏหมาย
แต่มันไปถึงจุดที่ว่าควรเลิกแบนโฆษณาเหล้าไปได้อย่างไร เพื่อให้เกิดการแข่งขันจะได้มีเหล้าถูกๆ หลายยี่ห้ออย่างงั้นหรือครับ ?
นี่เราควรสนับสนุนให้ตลาดสินค้าให้โทษอย่างเหล้าบุหรี่เติบโตอย่างงั้นหรือครับ !?
ผมคิดว่าคนสนับสนุนที่นี่น่าจะมองประเด็น Freedom of Speech อะไรแบบนั้นมากกว่า แบบเดียวกับแบนหนัง/เว็บโป๊/นมชิซูกะนั่นแหละครับ ประเด็นคือประเทศนี้ชอบแก้ปัญหาแบบไม่ตรงจุด แบนโฆษณาเหล้าแทนที่จะไปบังคับ/เพิ่มโทษคนเมาแล้วขับ แบนหนังโป๊แทนที่จะสร้างวัฒนธรรมเรื่องเพศที่ดี เลยทำให้มีคนต่อต้านว่าที่แก้อยู่ใช้ไม่ได้ผล ก็น่าจะไปแก้ทางอื่นแทนได้แล้ว
ผมก็ต่อต้านเพราะประเด็นนี้แหละครับ ประมาณว่าผมไม่ได้ชอบที่มีคนโฆษณาเหล้า ผมไม่ได้กินเหล้า โดนแบนผมไม่เสีหายโดยตรงอันใด
แต่ผมเห็นว่าการรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวในอินเตอร์เน็ต และการตีความที่ริดรอนสิทธิของประชาชน มันเกินไป และผมยอมรับไม่ได้
ต่อมศีลธรรมมันยังไม่ได้บดบังสายตาผมครับ
การห้ามโฆษณาทำให้เหล้ามีราคาแพง???
lewcpe.com, @wasonliw
ไม่ทราบครับผมไม่ได้ซือเพราะผมไม่ดื่มเหล้า แต่การแข่งขันที่สูงขึ้นย่อมทำให้ราคาสินค้าลดลง
การปลดแบนโฆษณาเหล้าทำให้ผู้ผลิตเจ้าอื่นๆ สามารถสื่อสารเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าเดิม
ย่อมมีการแข่งขันชิงพื้นที่สื่อและชิงส่วนแบ่งการตลาดเข้มข้นยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
คุณ lew คิดว่าจะมีข้อดีอะไรจากการเปิดให้โฆษณาเหล้าเหมือนก่อนปี 50 หรือครับ ?
สำหรับผม ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงในกลุ่มเด็กที่เกิดหลังปี 50 ซึ่งเด็กที่ผมเจอจะไม่ค่อยรู้จักยี่ห้อเหล้าเหมือนกับสมัยก่อนเช่น ไอ้ฤทธิ์กินแบล็ก ซึ่งเด็กเอาไปล้อเอาไปเล่นกันจนใครไม่รู้จักถือว่าเชย
@Holy
Freedom of Speech สำหรับประชาชนนั้นผมเห็นด้วยครับ เช่นมีคนโพสภาพตั้งวงกินเหล้าชูขวดเห็นชัดแล้วโพสบรรยายประกอบภาพว่าปาตี้ส่งท้ายสัปดาห์ อะไรประมาณนี้ผมเห็นว่าไม่ควรห้ามอะไรแต่อย่างใด
ซึ่งในประเด็นข่าวนี้ผมเห็นด้วยเรื่องที่ไม่เห็นด้วยกรณีโพสภาพคู่กับเหล้าแล้วผิดกฏหมายสำหรับประชาชนทั่วไป
แต่กรณีโฆษณานั้นผมไม่คิดว่าเข้าข่าย Freedom of Speech ครับ
คือผมหาความเชื่อมโยงไม่ได้ระหว่างการห้ามโฆษณากับราคาถูกลงแบบที่คุณอ้าง (และคุณบอกเองว่าไม่รู้) การแข่งขันทุกวันนี้ก็มีอยู่นี่ครับ แล้วคุณกำลังจะอ้างอะไรของคุณ
ผมโตมาในสมัยไอ้ฤทธิ์กินแบล็ก จริงๆ นะ (คุณพูดมาเลยนึกขึ้นได้) ผมเฉยๆ ครับ มีโฆษณาแล้วไม่กินก็คือไม่กิน ผมโตมาก็ไม่รู้เคยรู้สึกว่าต้องไปกิน ผมเห็นเด็กสมัยใหม่โตมาในยุคห้ามโฆษณาก็เห็นยังกินกัน สิ่งที่ผมรับรู้คือโรคภูมิแพ้ขวดเหล้าจนกระทั่งเซ็นเซอร์แบบบ้าคลั่ง ทำให้รู้สึกว่าคนเรียกร้องการห้ามแบบนี้เหมือนเป็นภูมิแพ้มากกว่าจะแก้ปัญหาอะไร แก้ได้ไหมไม่รับรู้ แต่รู้สึกว่ามันดี
lewcpe.com, @wasonliw
ผมไม่ได้อ้างอะไร ผมแสดงความเห็นตามที่ผมเห็นออกไปเท่านั้นแหละครับส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไหรนั้นคงต้องมีคนไปทำสถิติราคาและกิจกรรมส่งเสริมการขายช่วงก่อนปี 50 และหลังปี 50 มาเปรียบเทียบละครับถึงจะได้ข้อเท็จจริง
เรื่องไอ้ฤทธิ์กินแบล็ก ผมเห็นว่าเป็นเรื่องของ brand value มากกว่าครับ ให้คนรู้จักมากๆ ไว้ก่อนซื้อไม่ซื้อไม่เป็นไร ให้คนรู้ว่า brand ตัวนี้มีภาพลักษณ์เป็นอย่างไร มีการวางตำแหน่ง brand ในทางการตลาดอย่างไร
ส่วนแนวทางแก้ไข ผมคิดว่ายังคิดกันไม่ออกละมั้งครับว่าจะแก้อย่างไรให้เห็นเป็นรูปธรรม ทำได้จริงๆ
ถ้าการห้ามโฆษณาไม่มีผลอะไรจริงๆ ในทางตรงกันข้ามการเปิดให้โฆษณาก็น่าจะไม่มีผลอะไรเช่นกัน
แล้วดังนี้จะมีการห้ามหรือไม่ห้ามก็ไม่มีผลอะไรก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรนี่ครับ
ส่วนตัวผมคิดว่าระยะเวลาแค่ 10 ปียังน้อยเกินไปที่จะประเมินว่าวิธีการนี้ได้ผลหรือไม่เพราะคนที่ดื่มอยู่แล้วก็ดื่มต่อไป ดื่มจนรู้จักกันอยู่แล้วว่ายี่ห้อไหนเด่นยังไง นักดื่มหน้าใหม่ก็ล้วนแล้วแต่เคยเห็นโฆษณาก่อนช่วงปี 50 อยู่แล้วถึงไม่ดื่มก็น่าจะรู้จักบ้างยี่ห้อกันบ้าง อย่างน้อยต้องปี 80 นู้นละครับผมคิดว่าถึงจะบอกได้จริงๆ ว่าได้ผลไหม
คือคุณ lew ดูโฆษณาแล้วไม่ดื่ม ก็โอเคครับ เด็กสมัยใหม่โตมาในยุคห้ามโฆษณาก็เห็นยังดื่มกัน นั่นก็ส่วนหนึ่งครับ
แล้วถ้าจะมีคนส่วนหนึ่งที่ถ้าเขาเห็นโฆษณาแล้วอยากดื่มตาม แต่ถ้าเขาไม่เห็นเขาก็ไม่ดื่ม มันจะดีกว่าไหมครับถ้าเราจะจำกัดการโฆษณาไว้ ทำให้ลดจำนวนคนที่ดื่มลงไปได้บ้าง ถึงจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งก็ตาม
ถ้าจะพูดว่ามันเป็นภาระหน้าที่ของครอบครัวที่จะมาคอยสั่งสอนดูแล ผมคิดว่าการช่วยกันหลายๆฝ่ายหลายๆทางมันจะทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีที่สุดหรือเปล่าครับ
อีกอย่างการอนุญาตให้โฆษณาได้ มันมีข้อดีอะไรที่พอจะหักล้างกับข้อเสียที่จะเกิดขึ้นได้บ้างครับ
ปล. อันนี้ผมพูดถึงประเด็ณที่อนุญาตให้โฆษณาได้แบบเปิดเผยนะครับ ส่วนเรื่องโพสลงโซเชียวมีเดีย เรื่องนั้นผมก็ไม่เห็นด้วยครับ
ผมคิดว่าเราปิดหูปิดตาเด็กๆ ไม่ได้หรอกครับ ถึงแม้จะไม่ให้ดู แต่สุดท้ายก็มองเห็นด้วยตัวเองอยู่ดี
จากร้านอาหาร จากเทศกาล จากญาติพี่น้อง จากเพื่อนฝูงชักชวน คือเราจะจับเด็กล้อมกรอบแล้วสั่งให้ดูสิ่งที่เราอยากให้ดูไปตลอดไม่ได้หรอกครับ ยังไงเด็กก็ต้องโตขึ้นซักวัน
คล้ายๆ กับเรื่อง Sex นั่นหล่ะครับ ปิดหูปิดตาเด็กไม่ได้ แต่เราสอนความเข้าใจที่ถูกต้องได้ สอนโทษของมันได้ สอนหน้าที่ความรับผิดชอบต่อสังคมได้
ซึ่งก็เป็นหน้าที่หลักของครอบครัวครับ ส่วนเด็กจะเชื่อฟัง ตระหนักตาม หรือเข้าใจหรือไม่ ก็เป็นหน้าที่หลักของครอบครัวอีกเช่นกัน เด็กมันจะเติบโตไปเป็นแบบไหน การเลี้ยงดูสั่งสอน การเอาใจใส่จากครอบครัวคือสิ่งสำคัญ
เรื่องการดื่มของมึนเมามันอยู่ที่การอบรมสั่งสอนจริงๆ ครับ ของพวกนี้โดยพื้นฐานมันไม่ใช่ของที่ร่างกายต้องการ ด้วยรสชาติพื้นฐานของมัน คนที่ลองครั้งแรกก็น่าจะรู้สึกยี้กันทุกคน ต่อให้มีหรือไม่มีโฆษณาแบบนี้ผมว่าคนที่ไม่อยากกินก็ไม่กินหรอกครับ โดยส่วนตัวก็ไม่ได้คลั่งไคล้เครื่องดื่มประเภทนี้อยู่แล้ว ถึงจะมีการห้ามหรือแบนไปจากประเทศไทยก็ไม่ได้มีผละไรโดยตรงต่อผม อ่อผมเกิดมาในยุคไอ้ฤทธิ์กินแบล็คครับเคยเปิดร้านขายของชำมีเหล้าขายด้วยอยู่กับเหล้ากับเบียร์ทุกวัน แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกคลั่งไคล้หรืออยากกิน
สิ่งที่ผมมองคือการออกกฎหมายและตีความกฎหมายของไทย มันมักจะมาแบบดูถูกสติปัญญาและวิจารณญานของประชาชนเกินไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องบอกว่าตัวสังคมเองนั่นแหละที่หล่อหลอมให้เราเป็นแบบนี้ มีอย่างที่ไหนที่ต้องออกกฎหมายเพื่อให้คนปกติรู้จัก safe ตัวเองเช่นกฎหมายจับหมวกกันน็อค สรุปสุดท้ายก็จะบอกว่าเรื่องการอบรมเนี่ยมันเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรงของสถาบันครอบครัวที่จะต้องปลูกฝังอันไหนถูกผิด ก่อนที่จะออกไปสู่สังคมที่กว้างกว่าต่อไป
อันนี้ถามคุณ lew ก็จริง แต่ผมขอตอบความเห็นของผมแล้วกันครับ
อีกอย่างการอนุญาตให้โฆษณาได้ มันมีข้อดีอะไรที่พอจะหักล้างกับข้อเสียที่จะเกิดขึ้นได้บ้างครับ => การอนุญาตให้โฆษณาได้ จะทำให้เราตาสว่างกันสักทีว่า เราควรไปแก้ปัญหากันที่จุดอื่นครับ
ทุกวันนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ คนดื่มเหล้ากันเยอะ ดื่มกันตั้งแต่เด็ก เมาแล้วไม่รับผิดชอบตัวเอง ติดเหล้าแล้วเป็นภาระสังคม etc. ซึ่งรัฐบาลก็ใช้วิธีการ "แบนโฆษณา" ร่วมกับรณรงค์โดย สสส. ซึ่งจนถึงตอนนี้ ปัญหาที่กล่าวมาก็ดูจะยังมีอยู่เหมือนเดิมไม่ได้ไปไหน ไทยก็ยังเป็นแชมป์นักดื่มอันดับโลกเหมือนเดิม
ทีนี้การที่เราใช้วิธีแก้ 2 วิธีนี้ และพยายามหลอกตัวเองไปว่าสักวันมันคงแก้ปัญหาได้ ทำให้เราไม่พยายามหาทางแก้อื่นๆ หรือเปล่าครับ? ถ้าเรายกเลิกไปสักวิธีนึง โดยเลือกยกเลิกการแบนโฆษณา (เพราะกระทบเสรีภาพมากกว่า) แล้วหันไปคิดหาหนทางอืนแทน อาจจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นนะครับ
ถ้าถามว่างั้นทำไมไม่หาทางแก้เพิ่ม + แบน + รณรงค์เลยล่ะ? ถ้าทำแบบนั้นได้ก็คงดีที่สุด แต่ผ่านมาหลายปีนับจาก 50 ก็ไม่เห็นมีความคืบหน้าอะไรครับ ถ้างบ/ทรัพยากรมันจำกัด ก็ยกเลิกวิธีนึงแล้วย้ายไปสนับสนุนอันอื่นจะดีกว่า
@Holy
ผมเชื่อว่าหลายคนตลอดจน สสส. พร้อมสนับสนุนหากมีวิธีที่ดีกว่าและแก้ไขปัญหาได้จริงๆ คือคุยๆ กันมาผมยังไม่เห็นใครเสนอทางออกที่เชื่อได้ว่าจะมีประสิทธิภาพในการลดจำนวนนักดื่มได้ ปัญหาของเรื่องนี้อยู่ที่การดื่มเหล้านั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล อยู่ไปแบนไม่ให้ขายเหล้าไม่ได้แน่นอน จะออกกฏหมายห้ามทุกคนดื่มเหล้าก็ไม่ได้ริดรอนเสรีภาพของประชาชนเต็มๆ
จะบอกให้ผู้ปกครองดูแลสั่งสอนก็ใช่ว่าแต่ละคนจะเป็นพ่อแม่ที่วางแผนเตรียมพร้อมกันมาเป็นอย่างดี บ้างก็หาเช้ากินค่ำจนแทบไม่ได้คุยกับลูกแถมตัวผู้ปกครองเองยังดื่มหนักอีก(จะไปบอกว่าไม่พร้อมก็ห้ามมีลูกก็คงไม่ได้ ถ้าทำนี่คงยิ่งกว่าเกาหลีเหนือเลยทีเดียว) บ้างก็สอนแล้วดูแลแล้วแต่ตัวลูกเลือกที่จะดื่มเอง บ้างก็สอนลูกให้ดื่มเสียเองเพราะเชื่อว่าเป็นการเข้าสังคมเพื่อให้ลูกมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานในอนาคต
จะให้ไปคุมผู้ผลิตผู้ขาย ผู้ผลิตตอนนี้ก็โดนคุมจนหน้าเขียวกันไปหมดแล้วละมั้งครับ ส่วนผู้ขายถ้าไปล่อซื้อดักจับก็โดนหาว่าไปรีดไถอีก จะให้ไปนั่งเฝ้า 24 ชั่วโมงก็คงไม่ได้ คนซื้อก็อยากจะดื่มกันคงยากที่จะมีใครโทรไปแจ้งตำรวจว่าร้านนั้นร้านนี้ขายเหล้าให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จะให้คุมปริมาณการขายต่อคนผมว่าเป็นไปได้ยากมากๆ
การดื่มเหล้านั้นผมเห็นว่าเป็นเรื่องเชิงวัฒธรรมมากกว่าด้านการบริโภคอย่างเช่นเรื่องทัศนคติที่ว่าดื่มเหล้าเข้าสังคม ซึ่งการแก้ไขเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมนั้นไม่ใช่เรื่องที่เปลี่ยนกันได้ภายในเวลาไม่กี่ปี ขนาดเรื่องการเคี้ยวหมากพลูใช้กฏหมายบังคับประชาชนโดยตรงยังใช้เวลาไม่น้อยในการทำให้หมดไป(ย่าผมที่เสียไปแล้วท่านยังเคี้ยวหมากพลูอยู่เลยครับ) อีกทั้งฝั่งผู้ผลิตผู้ขายคงไม่มีใครอยู่เฉยๆ รอธุรกิจตัวเองเจ๊งแน่ๆ ครับ
เรื่องแบนโฆษณากับเสรีภาพนั้นผมว่าไม่น่าเกี่ยวกันครับ แต่หากมีการเสนอให้ปรับปรุงกฏหมายให้รัดกุมและทันกับสมัยนี่ผมเห็นด้วยครับเพราะตอนร่างกฏหมายนั้นสื่อสังคมออนไลน์ยังไม่ได้กลายเป็นเรื่องปรกติในชีวิตประจำวันเหมือนกับตอนนี้ กฏหมายต่างๆ เขียนครอบคลุมในวงกว้างไว้ก่อนแล้วค่อยไปเลือกเอาทีหลังว่าจะใช้ในส่วนใดซึ่งจุดนี้ผมมองว่าเป็นตัวที่สร้างผลกระทบต่อเสรีภาพอย่างแท้จริงมากกว่าครับ
ผมว่าทัศนคติของคุณที่มีต่อคนที่ดื่มเหล้ามีปัญหานะ
ผมไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องพยายามควบคุมจำนวนประชากรที่ดื่มเหล้าว่าต้องเป็นกี่เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมด อันที่จริงประเทศเราก็ไม่ได้ดื่มเหล้ามากมายขนาดนั้น อ้างอิงจากข้อมูลโดย WHO เราอยู่ที่ประมาณอันดับที่ 70 กว่าก็ไม่ได้ถือว่าสูงจนน่าเกลียด ผมเองยังไมเ่ห็นความจำเป็นที่เราจะต้องลดจำนวนผู้ดื่มอะไรมากมาย
ขณะเดียวกันประเทศเรากลับเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก อัตราการก่ออาชญากรรมทางเพศก็ไม่น้อย น่าจะมากกว่าหลาย ๆ ประเทศที่ดื่มเหล้าเก่งกว่าเราด้วยซ้ำ ผมจึงเห็นด้วยกับอีกหลาย ๆ คนในที่นี้ว่าการแบนโฆษณามันไม่ได้ช่วยอะไร
หลายคนอ่านจากความคิดเห็นของผมคงพอจะรู้ว่าผมเองก็ดื่มเหล้าเหมือนกัน เพราะดื่มผมจึงสามารถออกมาพูดอย่างนี้ได้ การออกกฎหมายควบคุมเสรีภาพด้านการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร กดขี่ความสามารถในการวิเคราะห์และเรียนรู้ว่าอะไรดีไม่ดี ไม่สามารถช่วยให้ประชากรมีวุฒิภาวะทางความคิดที่ดีขึ้นได้ การปล่อยให้เรียนรู้ต่างหากจึงจะนำไปสู่ความเข้มแข็งที่แท้จริง
คนที่สนับสนุนไม่ต้องให้โฆษณาเลยส่วนมากน่าจะเป็นคนที่ไม่ดื่มเหล้า มองว่าเหล้าเป็นอบายมุขที่ไม่สามารถให้อภัยได้ ซึ่งผมว่ามัน "โลกสวย" เกินไป เหล้ามันอยู่กับวิถีชีวิตมนุษย์มาหลายพันปี พระเยซูเองก็ยังดื่มไวน์ ดังนั้นการหวังให้ทุกคนเลิกดื่มเหล้าให้ทุกร้านห้ามขายเหล้ามันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นเพียงความต้องการของคนที่อยู่บนหอคอยงาช้างที่คอยทึกทักเอาเองว่าอะไรดีหรือไม่ดีสำหรับคนที่อยู่ด้านล่าง
สุดท้ายอยากจะบอกว่าชีวิตคนเรามันไม่มีทางทำอะไรให้มีประโยชน์ได้ตลอดเวลาหรอก ทุกคนก็ย่อมกระทำบางสิ่งบางอย่างที่ไร้สาระเสียเวลาไม่มีประโยชน์ต่อชีวิตบ้างไม่มากก็น้อย คนที่บอกว่าดื่มเหล้าเลว ที่บ้านก็อาจจะเล่นหวยใต้ดิน ซื้อลอตเตอรี่ทุกงวดก็เป็นได้ หรือบางทีอาจจะติดเกมติดเพื่อน บอกพ่อแม่ว่าไปเรียนแต่จริง ๆ โดดเรียนไปเล่นเกมไปเที่ยวกับเพื่อนก็ได้
ตราบใดที่ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ก็ไม่ควรไปชี้หน้าบอกว่าการกระทำแบบไหนแย่กว่าแบบไหน
ปล. ห้ามแสดงฉลากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนโทรทัศน์ แต่ละครหลังข่าวผู้หญิงจับผู้ชายรวย ผู้ชายข่มขืนผู้หญิง ผู้หญิงตบกันเองแย่งผู้ชาย นางร้ายตบนางเอกเพื่อความสะใจ มีให้เห็นอยู่ตลอดมามากกว่าสิบปี เรื่องแบบนี้กลับมองว่าไม่เป็นอะไร ดัดจริตกันไหมล่ะประเทศไทย ;)
That is the way things are.
น่าจะหมายถึง การห้ามโฆษณา ทำให้รายเล็กๆที่จะทำธุรกิจนี้เกิดได้ยาก ไม่มีรายใหม่ๆที่เข้ามาในตลาดที่เน้นด้านราคาถูกๆ ทำให้เกิดการผูกขาด
ใช่ครับผมว่าที่เค้ายกมาหลักๆ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องราคาขายปลีก แต่เป็นเรื่องทุนซึ่งเป็นตัวจำกัดไม่ให้เกิดผู้เล่นหน้าใหม่ ซึ่งว่าไปยกตัวอย่าง Craft Beer ที่ผลิตน้อยๆ นี่ราคามันก็ไม่ได้ถูกนะครับ
กฏหมายว่ายังไงก็ต้องตามนั้นล่ะครับ ถ้าคิดว่ากฏมันโหดไปก็เสนอให้แก้ไขกันซะ แต่เมืองพุทธแบบนี้คงแก้ยาก
แล้วแบบนี้ชาวต่างชาติโพสต์ได้มั๊ยนะ ต้องสร้างป้ายเตือนนักท่องเที่ยวว่าห้ามถ่ายรูปคู่กับเหล้า
ประเทศนี้ อะไรหลายๆอย่างที่มันใช้ไม่ได้ผล ก็ควรยกเลิกและทบทวนหาแนวทางใหม่บ้าง ไม่ใช่ดันทุกรังใช้แล้วออกมางูๆปลาๆแบบนี้
ถ้าละครไทยเปลี่ยนจากเหล้า ไวน์ อื่นๆ เป็นน้ำเขียว น้ำแดง คงจะฮาดี
ผมว่ากฎหมายก็ตรงตัวดี คือห้ามแสดงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย
มองเจตนาของผู้แสดงภาพที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบหลัก
ภาพที่เขาสื่อ คือสื่อในด้านดี ถ้าแสดงด้านดีก็เหมือนสร้างภาพ และนั่นก็นำไปสู่การชักจูง,อวดอ้าง
ที่กฎหมายระบุไว้ เหมือนพยายามบังคับให้มองเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เหมาะการแสดงว่า"ดี"
แล้วก็เหมาะสภาพสังคมไทยที่มีความเสียหายจากการดื่มของมึนเมาพวกนี้ค่อนข้างเยอะ
อย่างกรณี"โดม" ที่เคยเมาแล้วขับ จนมีคนตาย แล้วยังโชว์ภาพพวกนี้ ถ้าญาติผู้ตายมาเห็นนี่ หืม...สุดๆ
คนดังนี่ ประชุมจิบไวน์แชมเปน นี่สงสัยห้ามถ่ายภาพลงข่าวด้วย
ถ้าออกมาเตือนว่าการโพสภาพถ่ายพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มันไม่เหมาะ แบบนี้จะดีกว่า ดีกว่าบอกว่าผิดกฎหมาย
หรือว่านี่คือสัญญาณต้อนรับเทศกาลกินเจ? ผักชีจัดมาโรยหน้าตามกระแสเต็มเลย
อุ้ย! ลืมไป กินเจห้ามกินผักชีนี่นา~
มันตลกดีนะครับความคิดแบบนี้ ผักชีก็เป็นผัก ย้อนแย้งจริงๆ
ผักชีเป็นผักมีกลิ่นครับ
อาหารเจบางคนถือว่าเป็นการ ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่กินรสจัดและกลิ่นแรง จึงกำหนดกันง่ายๆ ว่าอะไรเข้าข่ายถือว่าผิด
และแน่นอนว่าธรรมเนียมจีนย่อมมีข้อยกเว้นแปลกๆ เช่น หอยนางรมเป็นเจ โดยใช้ตำนานอะไรมาอธิบายก็แล้วแต่จะอ้างอิง
แล้วถ้าเหล้าเบียร์ ที่มีขายในไทย พร้อมใจกันจ้างดาราต่างประเทศ post ละ ต้องปิด IG เลยหรือเปล่า แล้วที่เห็นตามถ่ายทอดสดละ หนังซีรีย์ต่างประเทศอีก
ปล. สงสัย ช้างบนเสื้อ Everton โฆษณาน้ำดื่ม
สิงห์บนเสื้อ Chelsea โฆษณาน้ำดืม
ลูกสมุนไอซิส
ปัญหาเรื่องนี้คือกฏหมายมันรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว แต่ดันมีคนคอยเชียร์เพราะบ้าศีลธรรมนี่แหละ
บ้านเมืองเราใกล้รัฐศาสนาเข้าไปทุกวันแล้ว
ที่ฮาคือ มีคนคิดว่ากฏหมายนี้จะใช้กับเฉพาะดาราด้วย ขำกลิ้ง
มันจำเพาะขนาดนั้นไม่ได้หรอก
รัด-สาด-สระ-หนา ที่มีจานบินคุ้มกะลาหัวน่ะหรือครับ #ผมหมายถึงโคโลนีในดาวเคราะห์ที่ไกลออกไปหลายปีแสง
ผมมองไม่ออกว่ากฎหมายนี้ไม่ดียังไง มันผิดเฉพาะคนที่โพสเพื่อโฆษณาไม่ใช่หรือครับ ประชาชนคนธรรมดาถ้าโพสโดยไม่มีเจตนาดังกล่าว ก็ไม่ผิดนี่ครับ ไม่ได้ละเมิดสิทธิอะไรใคร ถ้าพวกท่านบอกว่าโฆษณากับไม่โฆษณายังไงก็ดื่มเยอะกันอยู่ดี งั้นไหนๆก็ไม่ต่างกัน ก็ห้ามเลยดีกว่า เหมือนการเอารูปติดซองบุหรี่ ไหนๆติดกับไม่ติดคนก็ยังสูบ งั้นก็ติดไปเหอะมันไม่มีผลอะไรนิ
มีความต่างกันอย่างหนึ่งครับ เวลาที่ใครสักคนจะโดนเล่นงานจากตัวกฎหมาย แล้วตอนนี้มันก็ไม่ได้มีความชัดเจนว่าแบบไหนคือผิดกับไม่ผิดด้วยครับ
ตัวบทกฎหมายไม่ได้มีปัญหาครับ ปัญหาคือคนตีความกลับตีความกว้างกว่าที่มันเคยใช้งานกันมาก่อน คือประชาชนคนทั่วไปที่อยู่ๆ ก็โพสไปแล้วตำรวจมองว่าเข้าข่ายความผิดไปด้วยต่างหากที่มีปัญหา
ผมไม่ดื่ม แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการตีความกฎหมายแบบนี้
dj.เพรชจ้า กับ dj.ภูมิ สงสัยจะโดนคนหลายกระทง
เราอยู่ในยุคที่ตำรวจ ทำหน้าที่เป็นนิติบัญญัติ/อัยการ/ตุลาการ?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
จะควบคุมมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของประชากรนั่นแหละครับ เพราะว่าหากควบคุมน้อยก็จะทำให้เกิดความเสียหายต่อสังคมโดยรวมได้
ก็ต้องมาถามว่าคุณภาพประชากรของไทยเป็นอย่างไร ต้องควบคุมระดับไหนถึงจะพอเหมาะ
เพื่อนเกาหลีใต้ผมเคยให้ความเห็นเกี่ยวกับความเจริญของประเทศเราว่า เพราะผู้มีอำนาจในประเทศเรามีคุณภาพต่ำจึงทำให้ประเทศไม่เจริญ เพราะประเทศมันเดินไปตามที่หัวสั่ง ถ้าหัวโง่ก็ไปไม่ถึงไหน
ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เห็นด้วยกับการห้ามโฆษณา แต่ไม่เห็นด้วยกับการตีความกฏหมายมั่วๆ แบบนี้
และคิดเหมือนกับหลายๆ ท่าน ว่าการที่มาโฟกัสกับตรงนี้ มันแก้ปัญหาไม่ตรงจุดเท่าไร
เรื่องนี้ ผมคิดว่า ประเด็น คือ
พฤติกรรม ของ บุคคลบางคน/บางกลุ่ม มีผล ต่อ ทัศนคติการดำเนินชีวิต ของ ผู้อื่น
แล้ว ผู้อื่นนี้ อาจเป็น บุคคลที่ถูกชักจูง ได้ง่าย หรือ ยังแยกแยะไม่ได้ว่าอะไรเหมาะไม่เหมาะ หรือ เป็นผู้เยาว์
ดารา idol ทั้งหลาย ควรมีสำนึก ว่า อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ด้วยตัวเอง
ถ้า ไม่ทำด้วยตัวเอง
ก็ จะ โดนด่า แบบนี้ แหละครับ
ส่วนตำรวจ ก็ แค่ช่วยออกมาปราม ถึงจะ อ้างกฎหมาย อะไรก็ตามแต่ ก็แค่ ต้องการปราม ซะ
ประเด็นสุรา ควรดื่มหรือไม่
เพื่อนผม ดื่มครึ่ง ไม่ดื่มครึ่ง
อย่างผม นี่ ดื่มก็เฉพาะเวลา นัดพิเศษ เกรงใจเพื่อนเขารินให้ก็ ดื่มไป
แต่ ปกตินี่ ไม่เคยชอบเลย รสชาดแบบนี้
ผมมี ทัศนคติ ความไม่ชอบ แบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว อาจเพราะ พ่อแม่สั่งสอน ครูสั่งสอน
ดังนั้น ใครที่คิดว่า ตัวเอง มีผลต่อการตัดสินใจ เลือก ของผู้อื่น ก็ คิดให้ดี ก่อนทำ
ถ้าทำ แล้ว แถ อย่างนาย โดม ก็มีแต่ ทำให้เป็นที่ไม่นิยม เป็นที่รังเกียจ
แต่คนที่ ไม่ชมชอบ นายโดม มันใช่กลุ่มเป้าหมายของ ผู้ขายสุรา รึเปล่า?
คนไม่ซื้อ ไม่กิน ยังไงก็ อย่างนั้น
เป้าหมาย คือ คนที่ ถูกชักจูงให้ กิน สิ
น่าสงสาร อนาคตที่เหลือทั้งชีวิต ผิดพลาดเพราะก้าวแรก ต่อไป คือ ติดเหล้า ติดยา ติดการพนัน อะไรก็ตามแต่
ที่จะทำให้ เกิดผลร้ายกับสังคม และ ตัวเอง ที่ทำให้ ต้องเสียเงินทอง ในการเสพ หรือ รักษา
บางงานวิจัยอาจจะยาวไปนิด ลองอ่าน บทคัดย่อ สรุป และ กราฟ ดูครับ
Forging the Link Between Alcohol Advertising and Underage Drinking
Alcohol in the Media: Drinking Portrayals, Alcohol Advertising, and Alcohol Consumption Among Youth
The effect of alcohol advertising and marketing on drinking behaviour in young people: A systematic review
Alcohol Advertising and Youth
ขอบคุณสำหรับงานวิจัยครับ อยากให้เอาหลักฐานแบบนี้มาแย้งกัน appraiseกันว่าการศึกษายังไม่รัดกุมยังไง อธิบายสถานการณ์ปัจจุบันได้ดีแค่ไหน จะหาทางออกยังไง
มากกว่าจะตีโพยตีพายว่าคนไทยอย่างงั้น คนไทยอย่างงี้ บางทีไม่ได้ดูที่อื่นก่อนเลยว่าเขาเป็นยังไงกัน เถียงกันมาเยอะแล้วครับ หลายเรื่อง น่าจะเห็นแล้วว่า เถียงกันแบบนั้นไม่นำไปสู่ข้อสรุป ไม่ก่อให้เกิดความร่วมมือครับ
รบกวนสอบถามหน่อยครับ
ถ้าเป็นตามนี้ การที่เค้าเปิดเพจประชาสัมพัฯธ์บริษัทก็ผิดสินะครับ
นอกจากนั้น ในเว็บของเค้าเอง เค้าก็ไม่สามารถลงรูปผลิตภัณฑ์ของเค้าได้รึเปล่าครับ
Wikipedia พวกประวัติต่างๆล่ะ บนเว็บอื่นๆ ก็ไม่สามารถมีรูปผลิตภัณฑ์ได้เลย?
กรณีวิกินี่ผมว่าไม่น่าผิดนะครับ เพราะจุดประสงค์เอาไว้เพื่อการศึกษา (ประมาณว่าเอารูปอวัยวะเพศมาแสดงประกอบระบบสืบพันธุ์นั่นหล่ะครับ) หรือถ้าจะเลี่ยงบาลีจริงๆ ก็คือเซิร์ฟเวอร์อยู่อเมริกา กฏหมายไทยไปไม่ถึงก็ได้อยุนะครับ
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
ตำรวจทำหน้าที่เป็นศาลตัดสินความผิดให้เสร็จสรรพเลย
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมว่านิสัยมักง่ายของคนไทย (ส่วนใหญ่) เหมาะสมมากครับที่จะควรโดนตีกรอบ เห็นสมควรกับหลายกฏหมายที่ออกมาควบคุมครับ เพราะคนไทย (ส่วนใหญ่) ไม่เหมาะสมกับการปล่อยเสรีทางการกระทำ และความคิดครับ ส่วนน้อยที่เหลือจึงควรยอมเสียสละทำตามกรอบนั้นครับ
แล้วเมื่อไรคนไทยจึงจะเลิกมักง่ายด้วยความคิดของตัวเองครับ ?
That is the way things are.
เมื่อคนไทยส่วนใหญ่เหล่านั้นเห็นว่า "ไม่เป็นไรหรอก นิดเดียวเอง คนอื่นก็ทำกัน" เป็นสิ่งที่ผิดครับ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ เมื่อคนส่วนใหญ่เหล่านั้น รู้ตระหนัก ซึ่งเกิดได้ถ้าโดนปลูกฝังและเกิดเป็นความเคยชินตั้งแต่เด็ก นั่นหมายความว่า สายไปแล้วสำหรับรุ่นเรา (เศร้าที่ต้องพูดอย่างงี้) ดังนั้น สิ่งที่ทำได้ คือจำกัด ให้คนรุ่นนี้มีเสรีภาพที่อยู่ในขอบเขต และปลูกฝังเด็กรุ่นใหม่ครับ ... และเช่นเคย นี่ก็ความเห็นส่วนตัวครับ ผมแค่ตอบที่ถามนะครับ เหมือนเราจะออกทะเลมาไกล เริ่มไม่เกี่ยวกับข่าว lol จะโดนแบนไหมเนี่ย
แบบนี้ก็ได้เหรือครับ มันไม่ได้ให้คนทำแย่ลดลงเลย
ตามความคิดผม ที่เราคิดว่า "ไม่ได้ทำให้คนแย่ลงเลย" ก็ต่อเมื่อเราโตพอที่จะไตร่ตรองได้แล้วครับ / ผ้าขาวจะเคยชินกับสื่อ และมองว่ามันธรรมดาครับ ซึ่งเขาจะมองสิ่งเหล่านี้ได้โดยไม่ทำให้คนแย่ลงเลย เมื่อมีผู้ปกครองคอยบอกและให้คำแนะนำ แต่จะมีครอบครัวไทยกี่เปอร์เซ็นต์ ที่มีเวลาให้ลูกขนาดนั้นครับ?
อารมณ์เหมือนกับวาทกรรม "คนไทยยังไม่พร้อมกับประชาธิปไตย" เลยนะครับ
มาตรา ๒๖ ให้ผู้ผลิตหรือนําเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปฏิบัติดังต่อไปนี้
(๑) จัดให้มีบรรจุภัณฑ์ ฉลาก พร้อมทั้งข้อความคําเตือนสําหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลิต หรือนําเข้า ทั้งนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการควบคุมประกาศกําหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการและประกาศในราชกิจจานุเบกษา
(๒) การอื่นตามที่คณะกรรมการควบคุมกําหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการและ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เกี่ยวอะไรกับโพสต์รูปตรงไหน?
yvan eht nioj
ปชช.โพสต์แอลกอฮอล์ไม่ผิด หากไม่ทำเพื่อการค้า
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันการโพสต์รูปหรือข้อความที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประชาชนทั่วไป โดยไม่มีเจตนาหรือเพื่อสร้างผลประโยชน์ทางการค้า ถือว่าไม่เข้าข่ายผิดกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมร่วมกับตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกรมสรรพสามิต
กรณีที่นักแสดงและบุคคลมีชื่อเสียง โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งเข้าข่ายความผิด พระราชบัญญัติ ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตรา 26 และเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 32 หากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนต่อไปแล้วพบว่า นักแสดงและบุคคลมีชื่อเสียงกลุ่มดังกล่าว กระทำไปเพื่อประโยชน์แห่งการค้า เช่น มีการรับค่าจ้าง
ส่วนประชาชนทั่วไป ที่โพสต์รูปเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยไม่มีเจตนาหรือเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า จะถือว่าไม่เข้าข่ายกระทำการผิดกฎหมาย
ด้านนางสาววิริฒิภา ภักดิ์ดีประสงค์ หรือวุ้นเส้น และนางสาวนนทพร ธีระวัฒนสุข หรือหญิงแย้ หนึ่งในศิลปินและผู้มีชื่อเสียง จำนวน 24 คน ขอเข้าพบหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมชี้แจงว่าการโพสต์ภาพ เพราะต้องการช่วยเหลือกลุ่มเพื่อนเท่านั้น ไม่ได้กระทำเพื่อประโยชน์ทางการค้า หรือรับเงินโฆษณาใดๆ อีกทั้งไม่ทราบมาก่อนว่ามีการบังคับใช้กฎหมายนี้
โดยวันพรุ่งนี้ (12 ต.ค.) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.พงศพัศ จะเข้าพบอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อรับมอบอำนาจจากกรมฯ ในการดำเนินคดีกับศิลปิน - นักแสดง ที่โพสต์รูปเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านสื่อออนไลน์
http://news.voicetv.co.th/thailand/270228.html
ถ้าเอาตามตรรกะของเวปนี้ การโฆษณายาบ้าหรือโคเคน ก็สมควรทำได้เพราะคนดูต้องสามารถใช้วิจารณญาณได้เอง
จริงไหมครับ?
คุณคิดว่าคนในเว็บนี้คิดว่ามันควรจะฟรีถึงขนาดนั้นเลยเหรอครับ ที่เขากำลังพูดกันคือสิ่งเสพติดที่อนุญาตให้ขายได้โดยการคควบคุมของรัฐกันอยู่ครับ
ก่อนจะแสดงความคิดเห็นลักษณะแบบนี้
กรุณาศึกษากฎหมายให้ครบถ้วนก่อนโพสต์ google มีค้นได้ครับ
ยาบ้าหรือโคเคน กฎหมายห้ามมีไว้ในครอบครอง
เหล้ากฎหมายไม่ได้ห้ามมีไว้ในครอบครอง
เมื่อดูจากกฎหมายแล้ว หากไม่สามารถมีไว้ในครอบครองได้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำการโฆษณา
ดังนั้นตรรกะนี้ของคุณถือว่า Fail ครับ
ถ้าจะเทียบต้องเทียบกับบุหรี่ หรือสารเสพติดชนิดอื่นที่สามารถมีไว้ในครอบครองได้ครับ
โคเคนเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 ส่วนยาบ้าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1
อ้างอิง
พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522
มาตรา 66 ผู้ใดจำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกินหนึ่งร้อยกรัม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงห้าแสนบาท
ถ้ายาเสพติดให้โทษนั้นมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินหนึ่งร้อยกรัมต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต
มาตรา 67 ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติให้โทษในประเภท 1 มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่ถึงยี่สิบกรัมโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 15 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท
ส่วนโคเคนไปดูมาตรา 68
เห็นคุณเอายาบ้า โคเคน มาเทียบกับเหล้ามัน fail ตั้งแต่เอามาเทียบแล้วครับ
ก่อนจะตอบความคิดเห็นผม
กรุณาศึกษากฎหมายให้ครบถ้วนก่อนโพสต์ google มีค้นได้ครับ
เพราะฉะนั้นการโฆษณายาเสพติดก็เป็นกรณีเดียวกับการโฆษณาเหล้า (มาตรา 32) เพราะเป็นการห้ามโฆษณาทั้งคู่
ซึ่งถ้าบอกว่า โฆษณาเหล้า เบียร์ควรทำได้ (ทั้งๆที่กฎหมายห้าม?) การโฆษณายาบ้าหรือโคเคนก็ต้องทำได้เหมือนกัน ต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน (เพราะกฎหมายก็ห้ามเหมือนกัน)
แต่การครอบครองนั้นก็เป็นอีกเรื่องนึง เพราะประเด็นนี้พูดถึงการโฆษณา
การโฆษณาโดยไม่ต้องครอบครองก็สามารถทำได้ มีวิธีเยอะแยะ เช่น ทำกราฟฟิกพร้อมทำโฆษณาภาพพร้อมตัวอักษรก็ได้ หรือ ให้ดาราไปทำท่าสูบยาบ้าปลอมๆ แล้วบอกฟินจังเบย ฯลฯ ทำได้ไหม?
ณ ปัจจุบันมันมีตัวนี้แยกออกมาต่างหากครับ
สิ่งที่คุณยกมายิ่งมัดความ fail ของคุณเองครับ
ยาบ้า โคเคนเป็นยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1 และ 2 ตามลำดับ
แต่ตามข่าวเป็นเรื่องของการที่ดารา โพสต์ภาพกินเหล้า เบียร์ ปัญหาคือมันใช่การโฆษณาหรือไม่
คุณเอามาเทียบกันระหว่างยาบ้า โคเคน และ เหล้า มันบ่งบอกถึงตรรกะวิบัติของคุณเองครับ
ประเด็นของข่าวนี้ผมว่า ตำรวจแค่ออกมาสร้างภาพมากกว่า ออกแนวไร้สาระด้วย อยากให้คนกินเหล้าน้อยลงมันต้องแก้ที่ตรงไหนดีเพราะพี่แกให้ข่าวเสร็จเผลอออกไปดวลกินเหล้ากันเองด้วยซ้ำ สิ่งที่ต้องแก้คือค่านิยมชวนกันกินเหล้าครับ ไม่ใช่การโฆษณา
ส่วนเรื่องสูบยาบ้าปลอมๆเนี่ย ยาบ้ามันมียี่ห้อให้โฆษณาได้ด้วยเหรอครับผมล่ะขำกลิ้งเลยครับ
ยาบ้า โคเคน มีไว้เพื่อจำหน่ายไม่ได้ การโฆษณาก็ทำเพื่อขายสินค้า เวลาใช้ในทางการแพทย์ก็ต้องทำเรื่องระบุ dose ที่ใช้ด้วย คุณเอาไปเทียบกับเหล้ามันพังตั้งแต่เอามาเทียบแล้วครับ
แต่เหล้ามีไว้เพื่อจำหน่ายได้ ไม่ต้องขออนุญาตยุบยิบเหมือนสองอย่างที่ว่ามา
มันยิ่งแสดงให้เห็นได้ชัดว่าคุณมองอะไรเป็นแค่ได้กับไม่ได้เฉยๆโดยไม่ได้มองถึงส่วนรายละเอียด
ผมกะแต่แรกแล้วว่าจะต้องตะบึงไปเอามาตรานี้มา ซึ่งคุณติดกับดักความคิดของตัวเองแล้วครับ
ถ้าเป็นคนปกติจะทราบดีว่า สองอย่างที่คุณว่ามา มีข้อจำกัดในการใช้เยอะมากแถมละเอียดด้วย
พวกยาบางประเภทจะใช้ทีต้องทำเรื่องขออนุญาตและระบุ dose ที่ใช้ด้วย
ผมถามว่าเหล้านี่ต้องระบุ dose ที่ใช้ด้วยเหรอครับ แล้วเหล้าต้องให้ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ชั้นหนึ่ง ทำ มันระบุชัดเจนในสิ่งที่คุณอ้างอิงมาเองมัดคอคุณเรียบร้อยเลยครับว่ามันแตกต่างกัน ไม่ได้เหมือนกัน
แต่เหล้านี่มันใช้กับคนธรรมดา อายุเกินที่กำหนดก็ซื้อได้วางแผงขายตามร้านได้ แต่ยาบ้ากับโคเคนมันมีวางขายตามร้านทั่วไปรึเปล่าครับ แถมเวลาจะใช้ทีต้องขออนุญาตด้วย
คือถ้าไม่รู้เรื่องจริงๆในลักษณะการใช้งานของพวกนี้อย่ายกมาอ้างตรรกะเพี้ยนๆเลยครับ
เหล้าน่ะมันห้ามโฆษณาก็จริงแต่ไม่ได้ควบคุมปริมาณการใช้งานนะครับ
แต่สิ่งที่คุณยกตัวอย่างมาน่ะ ทั้งควบคุมปริมาณและต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเฉพาะเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้
ผมถามหน่อยสมมติโดมถือยาบ้าโชว์ใน IG โดมโดนจับฐานมีไว้ในครอบครองแต่แรกแล้วครับ
แต่โดมถือเหล้าใน IG ตำรวจไม่ได้ไปจับหรอกครับ
ข่าวนี้ก็แค่เป็นกระแสออกมาแก้เกี้ยว ว่าฉันจับนะเพื่อให้ตนเองดูมีศีลธรรมสูง
เหล้านะจริงๆส่วนใหญ่ไม่โฆษณาก็ขายได้ครับ ใช้ปากต่อปากบอกกันในวงคนกินเหล้า
เอาง่ายๆครับยาแก้ไอบางตัวแม้แต่สัตวแพทย์เวลาไปเบิกมายังต้องระบุ dose ที่ใช้ ใช้เท่าไหร่ ใช้กับเคสไหน การควบคุมการใช้ต่างกันมากชนิดว่าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนที่เป็นหมอฟังมันยังหัวเราะเลยว่าคุณเทียบไปได้ยังไง
เพราะข้อจำกัดการใช้ต่างกันโดยสิ้นเชิง
สรุปคือคุณไม่รู้ทั้งกฎหมายและชีวิตจริงด้วยซ้ำไป
ตรรกะคุณเพี้ยนตั้งแต่เอายาบ้ากับโคเคนมาเทียบแล้วครับ ยิ่งไปพยายามยกเรื่องการโฆษณายาเสพติดให้โทษมันยิ่งแสดงให้เห็นความไม่รู้ประสีประสาด้านกฎหมายและชีวิตจริง
เรื่องโฆษณาเหล้านี่ผมถกกับอัยการจนเบื่อก่อนมาเรียนต่อแล้วครับถกกันก่อนที่คุณจะออกมาแสดงความเห็นเรื่องนี้ ที่คุณยกมานี่ผมว่าออกแนวตรรกะวิบัติเพื่อหาเรื่องด่าสมาชิกในเว็บมากกว่า
ผมเองไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะเห็นด้วยกับคุณเสมอไปนะครับ
ผมไม่กินเหล้าแต่เข้าใจสังคมคนกินเหล้า ผมไปแจมก็กินแต่กับไม่กินเหล้า
แล้วที่ผมเห็นในข่าวฟ้องไปเหอะครับตำรวจผมเชื่อว่าหลุดครับ เจตนาเพื่อการค้าไปพิสูจน์ในศาลบอกว่ามีเจตนาโดยอ้อม (คือคิดลึกกันเอง) ไม่น่าจะถือว่าเป็นการโฆษณา IG จะบอกว่าเป็นที่สาธารณะ จะบอกว่าดาราดื่มเบียร์ดื่มเหล้าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีก็จริง แต่เขาไม่มีสิทธิดื่มเหรอครับ เขาดื่มแล้วมีคนไปแอบถ่าย เดี๋ยวก็มีมาบอกว่าแอบโฆษณาอีก
ขนาดตำรวจที่ว่าแน่ๆยังบอกแค่ว่าเข้าข่าย ซึ่งไม่ใช่การฟันธง เพราะโอกาสเงิบมันสูง
ผมนี่ฉะกับตำรวจมาเยอะกับเรื่องพวกนี้ครับพูดตรงๆก็แค่หาเรื่องรีดไถกันธรรมดาๆนี่เอง แต่ตำรวจดีๆก็เยอะครับ
อย่าไปหลงประเด็นสร้างภาพของตำรวจเลยครับ ออกมาให้ข่าวหลายทีตำรวจเองเงิบเองก็เยอะ
ตรรกะคุณ Know วิบัติจริงๆนั่นล่ะครับ ไปไกลเลยนะครับ
ผมยกตัวอย่างเพื่อให้ได้เห็นว่า เมื่อมีกฎหมายแล้ว ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายทุกมาตรา ในตัวอย่างที่นี้คือ พรบ ยาเสพติดให้โทษ มาตรา 48 (เกี่ยวกับการโฆษณายาเสพย์ติดให้โทษ) และ พรบ ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรา 32 (เกี่ยวกับการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) ก็ต้องทำไม่ได้ทั้งคู่
ไม่ได้สนใจเรื่อง dose อะไรเลย เอาอะไรมากันครับ เป็น wall of text ที่ไร้สาระมาก 555
งั้นยกตัวอย่างใหม่ ถ้าผมเป็นพ่อค้ายา เพราะเห็นคนในนี้ปฎิเสธมาตรา 32 ได้ ผมก็ขอละเมิดมาตรา 66 บ้างได้ไหมครับ?
ใครกำหนดครับว่ามาตรานี้ไม่ต้องทำตามนะ มาตรานี้ละเมิดได้นะ มาตรานี้ทำตามได้? คุณ Know เหรอ? คนในเวปนี้เหรอ? ผมเหรอ? ก็ไม่ใช่ถูกไหม
เพราะฉะนั้น ถ้าเห็นว่ามาตรา 32 ไม่เมหาะสม ก็ไปรวบรวมรายชื่อแก้ไขกฎหมายตามขั้นตอนตามมาตรา 163 ก่อนสิครับ รออะไร?
บริบทแตกต่างกันมากครับ เหล้าน่ะโฆษณาได้หลัง 4ทุ่ม
ยาที่คุณยกมาเนี่ยโฆษณาไม่ได้เลยนะครับ
ใครกำหนดเหรออ่านพรบ.ประกอบอื่นๆด้วยครับอย่างน้อยอ่านความเห็นของคนที่โพสต์ก่อนหน้าผมด้วยครับ
ตามมาตราดังกล่าว การโฆษณาแอลกอฮอล์นั้น ยังสามารถกระทำได้ ไม่ปิดตายเสียทีเดียว แต่ต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด คือ สามารถแสดงให้เห็นภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสัญลักษณ์ของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เท่านั้น โดยสามารถโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์และวิทยุได้ตั้งแต่เวลา 22.00-05.00 น.ของอีกวันรุ่งขึ้นเท่านั้น
แต่ยาบ้านั้น ไม่ได้เลยครับ
ถ้าออกข้อสอบคุณสอบตกไปแล้วเรียบร้อยครับ
ยาทั้งสองประเภท อันที่คุณยกมาห้ามโฆษณา อยากโฆษณาต้องขออนุญาต
แต่เหล้ากฎหมายใส่ไว้ว่าห้ามโฆษณาก็จริงแต่ทว่า สามารถโฆษณาภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสัญลักษณ์ของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เท่านั้น ถ้ากฎหมายมาแบบนี้คือไม่ได้ห้ามครับ
แต่ยาบ้านี่ผมถามจริงๆยาบ้าตราไก่ มีคนลงโฆษณาแบรนด์ยาบ้าได้ไหมครับหลัง 4ทุ่ม มัน fail ตรงนี้แหละ
คนในนี้ไม่ได้ต่อต้านมาตรา 32 เลยครับ แต่เขามองว่าการกระทำมันไม่ครบองค์ประกอบมาตรา 32 ต่างหากครับคุณ
มาตรา 32 ใช้คำว่าโฆษณาโดยใส่เจตนาพิเศษว่า "เพื่อประโยชน์ในทางการค้า" ผมว่าคุณไม่เข้าใจมาตรา 32 กับ 66 ครับ เจตนาไม่ครบขาดองค์ประกอบความผิด ความรู้พื้นฐานเลยนะครับ
คุณพยายามโนว่าคนในนี้สนับสนุนการโฆษณาเหล้า ทั้งที่จริงผมอ่านๆดูเขาประชดว่าถึงไม่โฆษณาแล้วลานเบียร์มันคืออะไร
สรุปคือคุณอคติไปก่อนในตอนแรกว่าคนในนี้บ่นกันเพราะอะไร
เขาบ่นกันเพราะตำรวจบอกว่าคนธรรมดาโพสภาพไม่ได้ต่างหากครับ
ปล. คนเรานี่อ่านตัว h เป็นตัว n รึอย่างไรนะมันเหมือนกันตรงไหน
โฆษณาในนิยามของกฎหมายกับความในภาษาปากนี่คนละเรื่องนะครับ โฆษณาภาษาปากนี่
ผมแถมให้ครับ
นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล อัยการผู้เชี่ยวชาญในฐานะรองโฆษากสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชาชนทั่วไปหากมีการโพสต์ภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แม้จะจงใจ หรือไม่มีเจตนา หรือไม่ทราบกฎหมาย ก็ถือว่ามีความผิดตามมาตรานี้เช่นเดียวกัน เนื่องจากในภาพถ่ายนั้น เห็นภาพฉลากของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้หากมีการใส่ข้อความเพื่อโฆษณาอีก จะถือว่ามีความผิดฐานโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย ตามมาตรา 32 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ว่าพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตรา 32 ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม ซึ่งสาระสำคัญอยู่ที่คำว่า การโฆษณา ซึ่งกฏหมายได้ให้นิยามของคำว่า โฆษณา หมายความว่า การกระทำไม่ว่าโดยวิธีใดๆ ให้ประชาชนเห็น ได้ยินหรือทราบข้อความเพื่อประโยชน์ในทางการค้า และให้หมายความรวมถึงการสื่อสารการตลาด
ฉะนั้นการกระทำที่จะเป็นความผิดจะต้องมีเจตนาเพื่อประโยชน์ในทางการค้า หากการกระทำไม่ได้มีเจตนาเพื่อประโยชน์ในทางการค้าหรือการสื่อสารการตลาดแล้ว ย่อมไม่อยู่ในบทนิยามและไม่มีความผิด แต่หากมีคนไปแอบจ้างประชาชนจำนวนมากไปชูเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และหากถูกสอบสวนได้ข้อเท็จจริงเพื่อการโฆษณาก็อาจนำไปสู่การดำเนินการทางกฏหมายได้
รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวต่อว่า บทนิยามของ คำว่าโฆษณา ใน พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 51 นั้นมีเจตนาพิเศษกว่าในพจนานุกรม งานกฎหมายหรือการพิจารณานั้นจะต้องดูเจตนา และข้อเท็จจริงเป็นกรณีไป เช่น คน 4 คนไปดื่มเบียร์ แล้วชูขวดที่มีโลโก้ยี่ห้อเบียร์ทั้ง 4 คนและถ่ายรูปเห็นฉลากทุกคนหันไปทางเดียวกันก็อาจเข้าข่ายมีเจตนา
แบบนี้ถือว่าเข้าข่ายโฆษณาไหมครับ
ที่น่าขบขันคือ
ที่เขาถกกันในนี้ก็เพราะข่าวนี้ครับ "พลตำรวจเอกพงศพัศ ระบุ คนทั่วไปโพสรูปเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงเว็บมีความผิด"
แต่ "อัยการชี้ว่าประชาชนทั่วไป โพสต์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ถ้าไม่มีเจตนาเพื่อการค้า "
ในโลกแห่งความเป็นจริงอัยการด่าตำรวจประจำครับถ้าไม่แน่ใจอะไรทำเรื่องเสนอถามความเห็นไปยังอัยการให้ทำความเห็นส่งกลับมาแล้วค่อยออกข่าวจะดีกว่าไหมครับ จริงๆตำรวจเขาก็มีนิติกรครับหลายเรื่องมากที่ไม่แน่ใจเขายื่นเรื่องให้อัยการทำความเห็นด้านกฎหมายได้ครับ สององค์กรนี่ซัดกันประจำ
ปัญหาคือปรึกษากันเองมีข่าวปุ๊บรีบแถลงเลย ผลคือตำรวจเงิบอย่างที่เห็นนี่แหละครับ
ผมคิดว่าตรรกะของเว็บนี้พิจารณาผลดี-ผลเสียที่เกิดขึ้นด้วยนะครับ ความเสี่ยงจากผลเสียที่คนจะไปกินเหล้ามากขึ้นมันน่าจะยอมรับได้เมื่อเทียบกับข้อดีที่เขาคิดว่าจะได้จากการปล่อยให้โฆษณาได้ครับ อีกอย่าง ผมคิดว่าคนในเว็บนี้น่าจะสนับสนุนให้ "แก้กฎหมาย" กันมากกว่า "ละเมิดกฎหมาย" นะ
แบบนี้เข้าข่ายไหมหนา?
https://www.facebook.com/puvanai/posts/10153250311878505?comment_id=10153250706838505¬if_t=feed_comment_reply
อีกอย่างถ้าคุณเจอว่าตำรวจใช้คำว่า "เข้าข่ายผิดกฏหมาย" หมายความว่าแม้แต่ตำรวจเองก็ยังไม่แน่ใจว่าผิดหรือไม่ผิด
แต่ถ้าเขามั่นใจเขาจะใช้ว่า ผิดกฎหมาย เฉยๆ หลายคนตื่นเต้นตามตำรวจโดยไม่ได้สังเกตสิ่งที่เขาพูดว่าพูดแบบกั๊กๆ ไม่กล้าฟันธง มันแสดงให้เห็นถึงการเสพสื่อโดยปราศจากการใช้วิจารณญาณของหลายๆคนมาก
และล่าสุดอัยการบอกแล้วนะครับว่าคนทั่วไปโพสต์ได้ไม่ผิดตรงกันข้ามกับที่ตำรวจบอก ผมนี่ขำจริงๆ ในหัวข่าวเขาก็ระบุนะว่ามีข้อขัดแย้งในตรรกะของตำรวจเอง
ปล. ท่านตำรวจที่แถลงข่าวลงเรียน นิติฯใหม่เถอะครับโดยเฉพาะวิชากฎหมายอาญา ผมล่ะหน่าย
ถ้าจะรณรงค์ให้ลดเหล้าแบบนี้ ผมก็เห็นด้วยที่จะงดเงินสนับสนุนกองทุน สสส.
นับวันยิ่งปัญญาอ่อน โครงการแต่ละอย่างคิดมาเพื่อผลาญเงินโดยเฉพาะ แม้ว่าว่าผมจะเห็นด้วยกับการคุมเหล้าและบุหรี่แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการทำแบบนี้
ไม่รู้คนเล่นข่าวนี้ จะทำให้เบียร์ ขายได้ดีขึ้น หรือน้อยลง
แต่ที่แน่ๆ คู่แข่งได้พื้นที่สื่อเพียบ
บ้าๆ