เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา ศาลสูงระดับมลรัฐของรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย ได้มีคำตัดสินให้ Google มีความผิดในฐานที่แสดงผลการค้นหาซึ่งมีบทความเป็นการหมิ่นประมาทจำเลยอยู่บนเว็บไซต์ของตนเอง
คดีดังกล่าวนี้เกิดขึ้นจากการที่มีสุภาพสตรีนามว่า Janice Duffy ได้ยื่นฟ้องต่อศาลว่า เธอได้ค้นหาชื่อเธอบนเว็บไซต์ และค้นพบว่ามีบทความที่เป็นการกล่าวหาเธอบนเว็บไซต์แห่งหนึ่งปรากฎขึ้นอยู่ในผลการค้นหา นอกจากนั้นแล้วจากคุณสมบัติ autocomplete ก็ได้แนะนำคำค้นหาซึ่งเป็นผลลบกับเธอ ทำให้เธอได้รับความเสียหาย และแม้เธอจะร้องขอให้ Google เอาออกแล้ว แต่ Google ก็ปฏิเสธ (ภายหลังเอาออกตามคำสั่งศาล) ซึ่งศาลออกมาระบุว่า แม้หน้าที่ของ Google จะเป็นเพียงผู้รวบรวมลิงก์และผลการค้นหา แต่ลิงก์เหล่านั้นก็สามารถเข้าถึงได้และทำให้เธอได้รับความเสื่อมเสียได้ ซึ่งถ้าผลการค้นหาดังกล่าวแม้จะปรากฎ แต่ไม่สามารถเข้าถึงลิงก์ได้ ก็จะทำให้ไม่โดนความผิดนี้
คดีดังกล่าวนี้ถือว่าสร้างผลกระทบให้กับลักษณะการทำงานของเครื่องมือค้นหา (Search engine) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะระบบจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าบทความชิ้นไหนเข้าข่ายหมิ่นประมาท ซึ่งองค์กรอย่าง EFF ที่เป็นองค์กรปกป้องสิทธิออนไลน์ ก็แสดงท่าทีผิดหวังต่อคำตัดสินในครั้งนี้ และหวังว่าศาลในระดับรัฐบาลกลางของออสเตรเลียจะช่วยให้ความชัดเจนในกรณีนี้มีมากขึ้นกว่าเดิมหากมีการอุทธรณ์คำตัดสินในครั้งนี้
ที่มา - EFF, คำพิพากษาฉบับเต็ม
Comments
น่ากลัวกว่าไหมถ้า search engine อ่านแล้วรู้ได้ว่ามันคืออะไร SKY NET ชัดๆเลยนะ
นึกถึงมาตรา 112
เดี๋ยวระบบก็รู้ครับ ตอนนี้ก็รู้บางเรื่องบ้างแล้ว
positivity
เดินเหยียบตะปูบนพื้นห้อง แต่ดันโทษประตูห้อง #มานุด
ยังงี้ก็ไม่สามารถหาข้อมูล บุคคล สินค้าหรือบริการ ที่มีชื่อเสียงด้านลบได้เลยสิ
se ควรเป็นกลางโดยแสดงข้อมูลทั้ง 2 ด้านได้นะ
ถ้าข้อมูลไม่เป็นจริงทำให้เสื่อมเสียก็สามารถให้ se เอาออกจากการค้นหาได้
google facebook yahoo bing แกโดน 112 แน่
หน้า 5 ข้อ 5
"She requested removal of that material. Google declined the request."
ขอบคุณครับ
จะบอกเพิ่มเติมว่า จริงๆแล้ว Google ก็ไม่ผิดซะทีเดียวถ้าทำตามคำร้องใช่หรือเปล่าครับ
ว่ากันตามจริง ก็ใช่นะครับ
Get ready to work from now on.
ตอนแรกไม่ลบแต่ตอนหลัง(2ปี)ลบหลังจากมีคำสั่งศาลนะครับ
The issues to be decided are:
ซึ่งจากข้อพวกนี้,ข่าวนี้และข่าวนี้ผมว่าคดีนี้มันเป็นปัญหาเรื่อง Auto-Complete มากกว่า ซึ่งเรื่อง Auto-Complete เนี่ยเกิดขึ้นจาก user search ใน term นั้นๆ ทำให้มันจะ Auto-Complete ใน user นั้นๆ กับถ้ามีจำนวนการค้นหามากพอก็อาจจะไปเป็น global scale Auto-Complete ได้ ซึ่งผลการค้นหาจำนวนมากนั้นอาจมาจาก Janice Duffy เองก็ได้
ส่วนเรื่องการลบอันนี้ผมมองเป็นปัญหาเรื่องเทคนิคครับ ต่างจากที่ EUs ที่ผู้ที่ต้องการจะถูกลืมจะส่ง link ที่ไม่อยากให้ Google แสดงผลให้ Google ตรงๆ แต่กรณี Janice Duffy นี่เหมือนเป็น 'ลบผลการค้นหาที่ไม่ดีของฉันออกซะ' มากกว่า ซึ่งในทางปฏิบัติมันเป็นไปได้ยากมาก
แต่ก็อย่างว่า หลังจากเป็นข่าวแล้ว วันนี้ชื่อของ Janice Duffy และ Ripoff Report ก็จะเป็นชื่อจารึกลงไปในโลกของการค้นหาอยู่ดี ไม่รู้ว่า Janice Duffy จะดีใจหรือเสียใจดีนะ
หรืออีกนัยนึง ในเมื่อมันเสียไปแล้ว ก็ฟ้องหาตังเอาดีกว่า แบบนี้หรือเปล่าหว่า?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ขอบพระคุณครับ แก้ไขตามที่แนะนำ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ติดต่อกูเกิลเอาลิงก์ออกดิ
อ่านความเห็นของ AdmOd ดูครับ
Get ready to work from now on.
ครับ คือเธอบอกให้กูเกิลลบแต่กูเกิลไม่ยอม แล้วศาลสั่งให้กูเกิลลบ แบบนี้วุ่นวายมากเลยนะเนี่ย เดียวก็มีคนทำแบบเธอ
ผมว่า ยิ่งลงข่าว
คนก็ click เข้าไปดู
มันจะไป update rank ใน google ให้สูงขึ้นไปอีกนะครับ
ดูแล้วเจ๊อยากได้ตังหน่ะแหละ ถ้าอยากให้เรื่องเงียบจะไปฟ้องทำไม
Seinfeld Effect incoming.
บิ๋ยยย