เมื่อ 40 ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์หลาย ๆ คนเข้าใจว่าวงจรไฟฟ้าธรรมดานั้นสามารถจดจำข้อมูลได้แม้จะไม่มีไฟฟ้าเลี้ยง แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้ ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ของ HP ได้ออกมาแถลงว่าการพัฒนาวงจรไฟฟ้าชนิดใหม่นั้นสำเร็จแล้ว ซึ่งมีผลทำให้คอมพิวเตอร์ไม่ต้องบูตอีกต่อไป
โดยวงจรไฟฟ้าชนิดใหม่ในนาม Memristor ที่มาจาก Memory Resistor นั้นได้นำทฤษฎีวงจรไฟฟ้าที่สามารถจดจำข้อมูลได้โดยไม่มีไฟเลี้ยงของ Leon Chua แห่ง University of California-Berkeley จนในที่สุดสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าสามารถใช้งานได้จริง
Stanley Williams ได้ออกมาอธิบายว่า Memristor ไม่เหมือนกับวงจรไฟฟ้าปกติ เนื่องจากไม่มีการใช้ตัวต้านกระแสไฟและตัวนำไฟฟ้า โดยปกติวงจรไฟฟ้าทั่วไปมีการทำงานคล้ายกับท่อน้ำที่น้ำสามารถไหลไปได้มากกว่าหนึ่งทิศทาง แต่ Memristor นี้นั้นท่อน้ำสามารถจดจำการไหลของน้ำได้
ความจำเป็นที่จะต้องบูตเครื่องนั้นเกิดจากการที่ DRAM ไม่สามารถจดจำข้อมูลได้หากมีการปิดเครื่อง เมื่อมีการเปิดเครื่องแล้วนั้น หน่วยความจำจึงต้องดึงข้อมูลซึ่งเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ออกมา ทำให้เราต้องรอเวลาบูตเครื่อง โดยวงจรไฟฟ้าใหม่นี้ สามารถนำไปใช้พัฒนามาเป็นอุปกรณ์แทนที่ DRAM ได้
ที่มา - CyberBiz by Manager Online
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- NVIDIA จะไปหยุดที่ตรงไหน ทำไมครองโลกดาต้าเซ็นเตอร์ | Cloudnone EP.22
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
- Kubernetes [Part 2] ยี่ห้อไหนดี งานไหนต้องใช้ แล้วเลือกยังไง? | Cloudnone EP.18
Comments
ดูท่าจะเวิร์คกว่าคำโฆษณาของตาเกตที่บอกวิสต้าบูตสองวิ - -"
ตาบิลโม้แหง๋ ไม่เชื่อ
ผมอ่านจากที่นี่ แล้วบังเอิญไปอ่านเจอที่ CyberBiz
ตอนแรกนึกว่าผู้จัดการลอก Blognone ไป เพราะอ่านแล้วรู้สึกว่ามันเหมือนกันมากๆ
ว่าจะกลับมาแปลตอนกลางคืน.... มีคนแปลก่อนซะแ้ล้ว
Lastest Science News @Jusci.net
Lastest Science News @Jusci.net
น่าจะเรียกว่า "หมดยุค hibernate และ standby แบบต้องใช้ไฟเลี้ยง" มากกว่านะครับ
กำลังนึกถึงตอนที่มันโดน Blue Screen :D
บล็อกของผม: http://sikachu.com
บล็อกของผม: http://sikachu.com
แล้วความเร็วหล่ะคับท่าน เชียร์ให้ใช้ได้จริง
เออ ยังงัย windows ก็ต้องรีบูตอยู่ดีไม่งั้นมันจะงงๆ บื้อๆ อิอิ
จริงครับ วันนึง reboot สองรอบตอนเปิดเครื่องตอนเช้ากับช่วงบ่าย - -"
ปกติผมใช้ hibernate
uptime ในเครื่องเป็นอาทิตย์ ไม่เห็นต้องรีสตาทเลยครับ - -"
Windows XP ที่ใช้อยู่นี่ นาน ๆ restart ทีถ้าไม่ลงโปรแกรมใหม่หรือ update patch พวก windows update หรือ driver update นี่แทบไม่ได้ restart เลย
Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework
แหมนะท่าน
ก็เรามันระดับ Advance user แต่ระดับผู้ใช้งานทั่วไป เข้าเวบมีแฟลชที่ประมวลผลหนักๆ หน่อย เปิดอะไรต่อไม่ได้ ก็จิ้มปุ่มรีเซทแล้วครับ
เจ๋งจัด รอดูต่อไป
ถ้าพัฒนาเสร็จคงจะเจ๋งน่าดู จะได้มาแทนที่ยุค DRAM สักที :D
ผมว่าข่าวนี้เป็นการค้นพบครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของวงการคอมพิวเตอร์เลยนะเนี่ย (รองลงมาจากการค้นพบศาสดาของตัวเอง ในยุคนี้ ...เอิ๊กๆ)
"ดั่ง DRAM ที่ค่าไม่หายเมื่อตัดกระแสไฟทิ้ง"
ผมกลับมองไปอีกว่า หากเรานำวงจรตัวนี้ไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น การบันทึกกล่องดำบนเครื่องบิน ประโยชน์อนันต์จริงๆ
แต่อีกมุมนึง...ผมว่าพวกไวรัสที่ฝังตัวในหน่วยความจำก็น่าจะพลอยรับอานิสงค์นี้ด้วยเหมือนกัน
"ตัดไฟไปเต๊อะ!!...ยังไงพวกตรูก็ไม่ตาย"
แต่เหนือสิ่งอื่นใด งานนี้อีตาบิลล์ เกตส์ รับส้มหล่นลูกเบ้อเร่อ
"เห็นรึป่าว... วินโดวส์ของกะพ้มทำงานได้โดยไม่ต้องบูตเลยด้วยซ้ำ (แต่บูตไปรอบนึงก่อนแล้ว)"
555
บูตเพราะเน่า
ถ้าเน่าแต่ไม่บูต ก็เน่าไปเรื่อย ๆ ซิ
บูตวนลูป
แบบไม่จบไม่สิ้น
แต่ไม่ขึ้นหน้าจอ วินโดซักกะที
เอาไปทำ SSD
คงใกล้หมดยุค hibernate เต็มที ไม่รู้วิสต้าจะมี hibernate ไปทำไม ความเร็วพอๆกับบูตเครื่องใหม่ - -"
ผมว่ามันน่าจะมีให้เลือก hibernate เข้าพวก solid-state ที่มีความเร็วสูงกว่า HDD ได้บ้างนะครับ
อีกนานแค่ไหนกว่าจะใช้ได้จริง?
อีกนานครับที่จะใช้งานได้จริง
โอ้ว สุดยอดจริง ๆ เมื่อไหร่จะมีเป็น Product ออกมาอยากจะสัมผัส จริง ๆ
© NgOrXz ™ ®
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เก่งที่สุดในโลก
ถ้าคนส่วนใหญ่ใช้ลีนุกซ์ก็คงจะไม่มีปัญหา แต่ปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่ยังใช้วินโดวส์อยู่ ยังไงๆ ก็ต้อง Reboot เพื่อแก้ปัญหาระบบ แต่ผมคิดว่าอาจจะประยุกต์ได้ดีกับระบบ Server ซึ่งจะต้องมีการทำงานที่ต่อเนื่อง จะได้ไม่ต้องวิตกในการหา Ups มาสำรองไฟมากๆ เพราะอย่างไรลีนุกซ์ก็ครองตลาด Server ไปประมาณ 50%
เคยลองสมัย dos นะครับ มันมีวิธีที่เอา ram มาเป็นเนื้อที่ใน hdd ได้ แล้วผมลองเอาโปรแกรมนึงไปไว้ในนั้น พอลองใช้งานดูมันก็เปิดเร็วกว่า run ปกติหลายเท่าเลย
---
Khajochi Blog : It's not a Bug ... It's a Feature
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
Ram disk เหรอครับนั่น
เอามาทำเป็น temp disk เหมาะมาก เร็วปรู๊ดๆ
---------- iPAtS
iPAtS
เคยอ่านบทความเกี่ยวกับการเอาแรมมาทำ hd เหมือนกัน จากตัวเลขและกราฟที่เค้าลงไว้ ยอมรับเลยว่าเร็วมากๆ แต่ถ้าจะเอามาใช้งานจริงคงไม่ไหว แพงมาก อันนี้คงจะแตกต่างไปตรงที่สามารถเก็บข้อมูลได้จริง
โดยไม่ต้องใช้ไฟมาเลี้ยงตลอดเวลา (เหมือนการเซฟเกมส์ลงบน rom ที่ต้องใช้ถ่านช่วยเลี้ยงไฟ) โดยส่วนตัวคิดว่าถ้าจะนำมาใช้จริงคงต้องมองเชิงพานิชย์ประกอบด้วย อันนี้สงสัยคงต้องรอกันอีกนานครับ
อีกหน่อยอยากจะบูตขึ้นมา จะทำอย่างไงเนี้ย
logoตอนบูตที่ขึ้นมาโหลดคงหายไป คิดถึงแย่เลย
แล้วถ้าเจอไวรัสที่มันฝังตัวล่ะ - -"
แค่ system restore ยังทำให้ปวดหัวจะตาย
ไวรัสบางตัวนี่ถ้าถอดสายยังพอมีสิทธิ์ทำให้มันหายไปจากหน่วยความจำ แล้วถ้าไอ้ตัวนี้มันดันจะจำอยู่ล่ะ
โอ้ว อยากลืมกลับจำ อยากจำกลับลืม (อัลไซเมอร์มั้ง)
ดีครับเวลาเด็กๆอยากจิ๊กข้อสอบอาจารย์ ก็ไปแงะ ram มาจิ้มเครื่องเปิด copy ใส่ flash drive เอา ram คืน เนียน ไม่ต้องไปไล่เดา pass เข้าเครื่อง อ อีกต่อไป
ว่าไปนั่น อิอิ
Ton-Or
Ton-Or
มันต่างตรงไหนกับแงะ HD ออกมาครับ ฮ่าๆ
Priesdelly Blog