Tags:
Node Thumbnail

จากประเด็นร้อนแรงที่ FBI อาศัยคำสั่งศาลขอให้ Apple ทำรอมแบบพิเศษเพื่อให้สามารถปลดล็อก iPhone ของผู้ก่อเหตุกราดยิงที่ San Bernardino เมื่อปลายปีก่อน ซึ่ง Apple ได้แสดงจุดยืนคัดค้านเรื่องนี้ด้วยเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลในเครื่อง iPhone ของผู้ใช้ทั่วโลก ซึ่งหลายฝ่าย (1, 2, 3) ก็ออกมาหนุนหลัง Apple เรื่องต่อสู้กับคำสั่งดังกล่าวกันเต็มที่ แต่หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Microsoft นั้นเห็นต่างออกไป

เมื่อวานนี้ Bill Gates แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่านการให้สัมภาษณ์แก่ Financial Times โดยไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นบรรทัดฐานด้านการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เหมาะสมอย่างที่หลายคนวิตกกัน เขากล่าวว่าคำขอของ FBI นั้น "ใช่ว่าจะเป็นการขอไปเรื่อย (นี่เป็น)การขออย่างเป็นกรณีพิเศษ"

Gates ยังกล่าวต่อ Financial Times โดยเปรียบเทียบว่าการขอสิทธิ์เพื่อเข้าถึงข้อมูลเป็นกรณีพิเศษนี้ ก็เหมือนกับการที่ผู้ใช้โทรไปขอข้อมูลจากผู้ให้บริการโทรศัพท์ หรือขอข้อมูลธุรกรรมจากธนาคาร คำพูดตอนหนึ่งของเขาเปรียบเปรยท่าทีของ Apple ว่า "ลองนึกดูสิว่าธนาคารเอาริบบิ้นมาพันดิสก์ข้อมูลเอาไว้ จากนั้นก็บอกคุณว่า 'อย่าขอให้ฉันต้องตัดริบบิ้นนี้นะ เพราะไม่อย่างนั้นต่อไปฉันคงต้องตัดมันอีกครั้งแล้วครั้งเล่าแน่'"

หลังข่าวการให้สัมภาษณ์ของ Gates เผยแพร่ออกมา โฆษกของ Microsoft ได้ปฏิเสธที่จะออกความเห็นเกี่ยวกับการแสดงทัศนะของ Gates

อย่างไรก็ตามหลังจากถ้อยคำให้สัมภาษณ์แก่ Financial Times กลายเป็นข่าวเกรียวกราว วันนี้ Gates ได้ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg และได้กล่าวถึงรายงานข่าวข้างต้นว่า "นั่น (หมายถึงรายงานข่าว) ไม่ได้สะท้อนมุมมองของผมต่อเรื่องนี้"

Gates บอกว่าเขา "ผิดหวัง" ที่สื่อรายงานออกไปในเชิงว่าเขาหนุนหลัง FBI อย่างเต็มที่ให้กดดัน Apple ให้ทำ backdoor สำหรับเจาะเข้า iPhone เครื่องเจ้าปัญหา ทั้งที่จริงแล้วสิ่งที่เขาคิดคือทั้ง 2 ฝ่ายน่าจะสามารถรอมชอมเพื่อหาทางออกด้วยกันในการแก้ปัญหานี้ได้ดีกว่าการยืนกรานในจุดยืนของแต่ละฝั่งซึ่งไม่สามารถทำงานร่วมกันได้

Gates พยายามอธิบายมุมมองของตนเองให้ชัดเจนขึ้นว่า "ผมเชื่ออย่างสัตย์จริงว่าด้วยการป้องกัน (ความเป็นส่วนตัว) อย่างเหมาะสม ในหลายกรณีรัฐบาล, ซึ่งกระทำการในนามของพวกเราเอง ก็สามารถหยุดยั้งการก่อการร้ายที่อาจจะรุนแรงหนักข้อยิ่งขึ้นในอนาคต นั่นคือสิ่งที่เยี่ยมมาก แต่การทำลายสมดุลนั้น (ระหว่างการปกป้องความเป็นส่วนตัว และเรื่องการทำงานของรัฐบาล) ซึ่งก็ชัดเจนว่าตามประวัติศาสตร์แล้วรัฐบาลเคยดึงเอาข้อมูลตั้งแต่สมัยของ FBI ภายใต้ยุคของ J. Edgar Hoover มาใช้งานได้อย่างที่เราไม่คาดคิดมาก่อน ดังนั้นผมจึงหวังว่าบัดนี้เราจะสามารถหันหน้าเข้าหารือกันได้ ผมเชื่อเหลือเกินว่ามันจะต้องมีระบบการป้องกันที่จะไม่ทำให้รัฐบาลถูกปิดกั้นแบบหูหนวกตาบอดไปอย่างสิ้นเชิง"

เมื่อ Bloomberg ถาม Gates ว่าตกลงแล้วเขาเห็นด้วยกับฝ่ายไหนระหว่าง FBI กับ Apple เขาก็ตอบเพียงว่า "ศาลจะเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องนี้ ในระหว่างนี้เราจะมีโอกาสอันดีเพื่อถกกันในเรื่องนี้ และในท้ายที่สุดประเด็นเหล่านี้จะถูกนำไปพิจารณากันในสภา"

ที่มา - Re/code, The Verge

Get latest news from Blognone

Comments

By: sudloa
ContributoriPhoneWindows PhoneAndroid
on 23 February 2016 - 21:48 #887341

ไม่มีนัยอะไรแอบแฝงใช่ไหมครับ คุณเกตส์

:3 :3

By: Polwath
ContributoriPhoneWindows PhoneAndroid
on 23 February 2016 - 21:51 #887345
Polwath's picture

ลองคิดดูใหม่ดีไหมครับ คุณเกตส์


Get ready to work from now on.

By: nofear232
AndroidUbuntuWindows
on 23 February 2016 - 21:53 #887346
nofear232's picture

ต้นทางอัพเดทข่าวแล้วนะครับ ลองอ่านก่อนแสดงความคิดเห็นนะครับ

By: ตะโร่งโต้ง
WriterAndroidWindows
on 23 February 2016 - 21:55 #887347 Reply to:887346
ตะโร่งโต้ง's picture

อัพเดตข่าวที ถอดคำพูดยากเลยครับคราวนี้ (- -")
ขอเวลาสักครู่


ช่างไฟสมัครเล่น (- -")

By: errin on 23 February 2016 - 21:59 #887349 Reply to:887346

“I was disappointed, because that doesn’t state my view on this. I do believe that with the right safeguards, there are cases where the government, on our behalf — like stopping terrorism, which could get worse in the future — that that is valuable. But striking that balance — clearly the government [has] taken information, historically, and used it in ways that we didn’t expect, going all the way back, say to the FBI under J. Edgar Hoover. So I’m hoping now we can have the discussion. I do believe there are sets of safeguards where the government shouldn’t have to be completely blind.”

And in a response to a follow-up question about the specifics of the FBI/Apple dispute, Gates offered this: “The courts are going to decide this. … In the meantime, that gives us this opportunity to get the discussion. And these issues will be decided in Congress.”

อันนี้อัพเดทนะครับ เผื่อใครขี้เกียจกดเข้าไปดูต้นทาง

By: BonBon
iPhone
on 23 February 2016 - 22:14 #887354

นอกจาก #TeamCap vs #TeamIronMan

ก็จะมี

#TeamTim vs #TeamBill

คุณเลือกข้างแล้วหรือยัง?

By: komsanw
iPhoneWindows PhoneAndroidRed Hat
on 23 February 2016 - 22:23 #887362 Reply to:887354
komsanw's picture

ทีมสกาเลต ทีมนาตาชา

By: ash_to_ash
AndroidWindows
on 23 February 2016 - 22:28 #887368 Reply to:887354

Which side will you choose ?
.....ลอยเข้ามาเลย

By: dampreecha
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 23 February 2016 - 22:24 #887363

ใน blog ต่างประเทศคนตามแต่แกแบบมันปากมาก

By: P.Apiluk
iPhoneAndroidUbuntuWindows
on 23 February 2016 - 22:27 #887365
P.Apiluk's picture

ต้องย้อนไปดูในอดีตว่าคุณเกตส์เคยห่วงข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าผู้ใช้ windows บ้างหรือไม่

By: bahamutkung
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 23 February 2016 - 22:43 #887374 Reply to:887365
bahamutkung's picture
By: LazarusSP1
ContributoriPhone
on 23 February 2016 - 22:38 #887371

เมื่อมันมีครั้งแรกแล้ว มันก็จะมีครั้งต่อๆ มาครับ และการตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูลมันก็จะลดลงตามเวลาด้วย

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 23 February 2016 - 23:10 #887388 Reply to:887371
mr_tawan's picture

เมื่อมีอำนาจในมือ ระเบียบการตรวจสอบก็จะค่อย ๆ หย่อนยานลงไป ในไม่ช้าก็จะกลายเป็นใครจะทำอะไรก็ได้ไม่ต้องสนใจว่ามีระเบียบอะไรบ้าง


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: panurat2000
ContributorSymbianUbuntuIn Love
on 23 February 2016 - 23:19 #887395
panurat2000's picture

[Update] Bill Gates มองว่า FBI กับ Apple ควรหาทางออกกันได้เรื่องปลดล็อค iPhone

ปลดล็อค => ปลดล็อก

Gates พยายามอธิบายมุมมองของให้ชัดเจนขึ้นว่า

มุมมองของ ?

By: kaknoi
Windows PhoneWindows
on 23 February 2016 - 23:21 #887400
kaknoi's picture

ก็เหมือนที่จับโจรใต้ไม่ได้สักที เพราะลวงอะไรไม่ได้สักอย่าง
ความจริงเรื่องร้ายแรงก็สมควรให้ความร่วมมือ

By: langisser
In Love
on 23 February 2016 - 23:30 #887405

ผมเห็นด้วยนะ

By: Hoo
AndroidWindows
on 23 February 2016 - 23:31 #887406

ประโยค "ถ้าการให้ครั้งนึง ทำให้จะหนักขึ้นในงวดหน้า"
รู้สึกเหมือน Slippery Fallacy ชอบกล

ผมว่า มันไม่ใช่คำถาม ประเภท ใช่ หรือ ไม่ 0 หรือ 1 ชนิด
ใช่ คือ ใครจะเข้าถึงเมื่อไหร่ก็ได้
หรือ
ไม่ คือ ต่อให้โฉดชั่วขนาดไหน รัฐก็ห้ามแกะ/แกะไม่ได้ เด็ดขาด

แต่มันเกี่ยวกับ จะมีวิธีเข้าถึงได้อย่างไร ที่จะ ไม่ให้ใครๆก็เข้าถึงได้ง่ายเกินไป อย่างที่กลัวกัน

By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 23 February 2016 - 23:51 #887420 Reply to:887406
hisoft's picture

อีกประเด็นนึงคือไม่มีใครยืนยันได้ว่าถ้ามันมีทางให้เข้าถึงได้ แล้วมันจะไม่ทำให้ใครก็ไม่รู้เอาข้อมูลนั้นไปน่ะสิครับ

By: nrml
ContributorIn Love
on 24 February 2016 - 00:47 #887434 Reply to:887406
nrml's picture

และอีกประเด็นหนึ่ง เราจะรู้ว่าตัวเราจะปลอดภัยตลอดไปและในวันหนึ่งถ้าเกิดเราไปทำอะไรไม่ถูกใจใครที่มีกุญแจ เราจะมั่นใจได้ขนาดไหนว่าจะไม่มีใครพยายามยัดข้อมูลที่ไม่ใช่ของเรามาไว้ในเครื่องจาก Backdoor ที่อ้ารอไว้ตรงนั้น

By: put4558350
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 24 February 2016 - 01:39 #887454 Reply to:887406
put4558350's picture

ปัญหาคือ ใน us แม้แต่หมายศาลก็โดน exploit ไปแล้วในกรณี nsa


samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo

By: wiennat
Writer
on 24 February 2016 - 11:45 #887586 Reply to:887406

"ถ้าการให้ครั้งนึง ทำให้จะหนักขึ้นในงวดหน้า" อันนี้คือในข่าวนี้หรือข่าวก่อนหน้าเหรอครับ

แต่ส่วนตัวเพราะว่าถ้าแอปเปิลยอม ผลของครั้งนี้มันจะส่งผลให้ FBI หรือหน่วยงานรัฐอื่นเอาไปใช้เพื่อขอให้บริษัทต่างๆ ทำแบบเดียวกันให้ FBI ได้เช่นกัน ทีนี้ถ้าของพวกนี้มันยังไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่าจะเข้าถึงได้เมื่อไหร่ยังไง ซึ่งสุดท้ายมันก็คือทำให้ความปลอดภัยโดยรวมลดลงก็เลยเป็นความกังวลต่อๆ กันมา ต่อให้มองว่าเป็น slippery slope ก็อาจจะไม่นับเป็น fallacy ครับ

ทางแก้ที่ผมว่าประนีประนอมที่สุดคือแอปเปิลทำ iOS กุญแจที่ปลดรหัสได้ แล้วพิจารณาเป็นเคสไป แต่ไม่ปล่อยเครื่องมือนี้ให้ FBI แต่แอปเปิลเองก็แสดงจุดยืนชัดว่าไม่ทำแน่ๆ

ถ้ายังไงคุณมีไอเดียหรือกระบวนการที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ลองมาคุยกันก็น่าจะสนุกดีนะครับ


onedd.net

By: Hoo
AndroidWindows
on 24 February 2016 - 13:45 #887614 Reply to:887586

ในทาง concept มันไม่บรรจบกัน
ภาษาฝรั่งเรียกว่า dilemma problem คือ

-Yes การมีทางเจาะขึ้นมา ไม่ว่ามันจะอยู่ฟาก แอปเปิ้ล หรือ รัฐ
มันก็จะไม่น่าไว้ใจ และ มีแนวโน้มรั่ว เหมือนกัน

ปัญหาจริงๆ ของกรณีนี้ ดูเหมือนว่าไม่ใช่ความอ่อนแอของกุญแจ
แต่การทำ rom ที่มี backdoor
แฮกเกอร์จะ jail break ดูดเอารอมมาแก้ แล้วใส่คำสั่งโดดข้าม/สั่งnoop ไป
ทำให้ไม่ว่าจะออกแบบคีย์โหดขนาดไหน มันจะโดดข้ามไปหมด (เหมือนการ crack โปรแกรม นั่นแหละครับ)

-No ถ้าไม่มีใครมีทางเจาะเลย
รัฐก็จะล้มเหลวในการปกป้องผู้บริสุทธิ และ จัดการกับผู้กระทำความผิด อย่างแน่นอน

ดูเหมือน มันจะต้องอาศัย การตระหนักรู้ถึงผลเสียที่มากกว่าผลดีที่จะได้รับ
จากการปกป้องข้อมูลแบบสุดโต่งขนาดนี้
แล้วเกิดการบังคับเป็นกฎขึ้นมา

เหมือนๆกับ ที่รัฐออกกฎมาห้ามของเหลวขึ้นเครื่องบิน/การถูกค้นกระเป๋า แต่ไม่มีใครเถียง
เพราะ ความไม่สะดวกในการไม่ได้พกของเหลวขึ้นเครื่อง/ความเสียหายจากถูกค้นกระเป๋า
มันน้อยกว่าความเสียหาย กรณีที่มีของเหลวระเบิดได้/สิ่งผิดกฎหมาย ขึ้นเครื่องไปชัดเจนมาก

By: Kittichok
Contributor
on 24 February 2016 - 00:05 #887425

กำลังหาข้อมูล J. Edgar Hoover ว่ามีผลงานอะไร อ้าว เขาไม่ใช่ประธานาธิบดี แต่เป็นผู้อำนวยการเอฟบีไอครับ

By: ตะโร่งโต้ง
WriterAndroidWindows
on 24 February 2016 - 00:08 #887427 Reply to:887425
ตะโร่งโต้ง's picture

ขอโทษครับ ผมผิดพลาดเอง


ช่างไฟสมัครเล่น (- -")

By: Kittichok
Contributor
on 24 February 2016 - 02:03 #887463 Reply to:887427

ไม่เป็นไรครับ ช่วยกันแก้ไขให้ถูกต้องดีกว่าอยู่แล้วครับ

By: sunVSmoon
Windows
on 24 February 2016 - 00:57 #887439 Reply to:887425

กำลังคิดเลยว่าชื่อคุ้นๆ...เคยดูหนังที่ลีโอนาโดแสดงนี่เอง

By: phziaz on 24 February 2016 - 00:43 #887432

ผมเข้าใจว่า แอปเปิ้ลเองก็อ่านข้อมูลพวกนี้ไม่ได้ซะอีก ... ถ้าอย่างนั้นจะรอมชอบกันได้อย่างไร ... ในเมื่อการที่จะทำให้ apple อ่านได้ก็ต้องใส่ backdoor ไว้แต่ต้น (เพราะตอนนี้มันอ่านไม่ได้)

ปล. เดา ๕๕๕

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 24 February 2016 - 01:37 #887453 Reply to:887432
mr_tawan's picture

เห็นว่า Apple ยังไม่ได้บอกว่าทำได้หรือไม่ได้นะครับ ?


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: Bluetus
iPhone
on 24 February 2016 - 01:13 #887443
Bluetus's picture

ถ้า FBI ขอให้ทำพิเศษเฉพาะเครื่อง คงจะดีกว่านี้ อันนี้เหมือนแสดงเจตนาชัดเจนนะ ว่าสุดท้าย backdoor นี้จะเอาไปถูกใช้รัวๆ

By: ibeauty
iPhoneUbuntuWindows
on 24 February 2016 - 01:56 #887460
ibeauty's picture

ขาล​ง!

แอปเปิลเค้าให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัย
และความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้(ลูกค้า)เค้ามากกกอยู่แล้ว
เหล่าบรรดาลูกค้าของแอปเปิลเลยเนียวแน่​นไง
ไม่ทอดทิ้งหรือตีจากแอปเปิลไปง่ายๆ​
ยิ่งเกิดกรณีนี้ขึ้นมา ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์​ของแอปเปิล
ในเรื่องที่พล่ามมาข้างบนเข้าไปอีก​
ได้​ FBI มา​ PR ให้! หลายๆบริษัท(ที่ขาขึ้น)
ก็หนุนหลังสนับสนุนแอปเปิลเต็มที่
พร้อมประกาศจุดยืนชัดเจน

ส่วนลุงบิลนี่​ ยิ่งพูดมาก วกไปวนมา​ กั๊กๆกังๆ เท่าไหร่ยิ่งเป็นผลเสียต่อองค์กร(ไมโครซอฟท์) ในภาพรวมเท่านั้น โฮ๊ะๆๆ

By: Higps
iPhoneWindows
on 24 February 2016 - 03:20 #887471

เหมือนให้สัมภาษณ์แบบไม่มีจุดยืน พอไม่ดีกระแส เลยโยนไปให้ศาลและรัฐสภา อย่างนี้อยู่เฉยๆน่าจะดีกว่า

By: PsFreedom
ContributorAndroidRed HatUbuntu
on 24 February 2016 - 03:34 #887472
PsFreedom's picture

บางทีมันก็ก้ำกี่งน่ะนะ
ระหว่างสอดส่องมือถือใครก็ได้ ?

อันนี้เราก็ไม่ชอบ(ผมด้วย)
เราจะไว้ใจตำรวจ ไว้ใจรัฐบาลได้ไง (เหล่ตาดูบ้านเรา)

ในทางกลับกัน
กรณีกุญแจล็อค TSA ขึ้นเครื่องบิน
ทำไมทุกคนยินยอม (แต่อาจจะไม่ยินดี) ให้เจ้าหน้าที่ค้น
เพราะเราเสียสละเพื่อความปลอดภัยไง

มันกรณีเดียวกันเป้ะๆ เลย
กระเป๋าเดินทาง <-> มือถือ <-> ของใช้ส่วนตัว
กุญแจ TSA <-> ปลดล็อค iPhone

อันนี้ผมก็ไม่รู้คำตอบนะ ไม่ดราม่าด้วย แต่อยากทราบแนวคิด

By: pepporony
ContributorAndroid
on 24 February 2016 - 07:03 #887492 Reply to:887472

ที่เรายอมให้ค้น เพราะเราอยู่ตรงนั้น เราเฝ้าอยู่รึเปล่าครับ

ในกรณีนี้อาจจะเป็น (ด้วยความที่เราไม่รู้ตัว) มีใครไม่รู้หยิบกระเป๋าเราไปค้น อาจจะหยิบของๆเราออกไปใช้อีกต่างหาก

By: PsFreedom
ContributorAndroidRed HatUbuntu
on 24 February 2016 - 07:35 #887496 Reply to:887492
PsFreedom's picture

TSA เราไม่ได้เฝ้าครับ
เพราะเรา Load ขึ้นเครื่องไป รู้อีกทีก็ตอนได้คืน
แล้วมีใบแนบมาว่า "TSA เปิดค้นแล้วนะ"

ส่วนกรณีนี้ก็ทำได้ครับ
ถ้ามีการใช้รหัสพิเศษ(BackDoor) ก็บังคับว่าจะต้องมี Notification เตือนว่า "ถูกค้น" และสามารถปิด Notification ได้ด้วยรหัสดั้งเดิมอย่างเดียว

By: errin on 24 February 2016 - 08:51 #887518 Reply to:887492

TSA เค้าเปิดตอนเราอยู่บนเครื่องครับ

By: Hoo
AndroidWindows
on 24 February 2016 - 22:18 #887762 Reply to:887518

เออ.. เค้าเปิดตอนอยู่สนามบินเน้อ

ถ้าตอนเราอยู่บนเครื่อง
ของๆเราจะอยู่ในช่องเก็บของใต้เครื่องนะครับ

คนปกติอยู่ไม่ได้หรอก ตายมาหลายรายแล้ว
พวกจะลักลอบเข้าประเทศ แอบเข้าช่องเก็บของใต้เครื่อง
ถึงที่หมาย กลายเป็นศพ เพราะความสูง 20,000 ฟุต มันไม่มีอากาศ แถมอุณหภูมิติดลบ

By: errin on 17 March 2016 - 09:37 #894479 Reply to:887762

ผมหมายถึงช่วงระยะเวลาที่เราอยู่บนเครื่อง(แลนดิ้ง)จนไปถึงรับกระเป๋าน่ะครับ ขออภัยที่พิมพ์เข้าใจผิดครับ

By: Fourpoint
Windows PhoneAndroidSymbian
on 24 February 2016 - 07:58 #887504 Reply to:887472

เพราะกระเป๋าเดินทาง เราไม่ได้ใส่ของมีค่าไงครับ

จริงๆตามคำแนะนำก็บอกให้พกของมีค่าติดตัวขึ้นเครื่อง เป็นcarried on ไป ไม่ให้ใส่ในกระเป๋าโหลดอยู่แล้วล่ะ

แต่มือถือไม่ใช่ ทุกวันนี้เราใช้มันยืนยันตัว รับ OTP มีของส่วนตัวต่างๆนานา เปรียบเสมือนกุญแจบ้านหรือบัตร ATM บัตรเครดิตเลยก็ว่าได้ คงไปยินยอมให้คนอื่นเข้าถึงไม่ได้ง่ายๆ หรือบางกรณี แค่เป็นเจ้าของมือถือก็อาจถูกกล่าวโทษข้อหาที่ต้องจำคุกเป็นสิบปีได้ แม้ไม่มีหลักฐานอื่นในบางประเทศ

และถ้าจะบังคับจริง ก็คงต้องเลิกใช้มือถือในการยืนยันตัวเองครับ

By: PsFreedom
ContributorAndroidRed HatUbuntu
on 24 February 2016 - 08:02 #887506 Reply to:887504
PsFreedom's picture

ตรงนี้ผมเห็นด้วยแฮะ :)

งั้นแสดงว่าค่า "ความเป็นส่วนตัว"
ของ "มือถือ" นั้นสูงกว่า "กระเป๋าโหลดขึ้นเครื่อง"

เพราะมันเก็บของที่มีค่ามากกว่า

By: errin on 24 February 2016 - 08:53 #887520 Reply to:887506

สูงกว่าเยอะเลยครับ เพราะของมีค่าเราเอา carry-on อยู่แล้ว แต่มือถือนี่ไม่ค่อยมีใครพกสองเครื่องหรือแม้จะพกสองเครื่องก็ไม่ได้รับประกันว่าจะไม่โดนเจาะทั้งคู่

By: Log
iPhoneAndroid
on 24 February 2016 - 09:44 #887544 Reply to:887504

ใช่ครับมือถือนี้น่ากลัวมาก

By: nrml
ContributorIn Love
on 24 February 2016 - 11:54 #887588 Reply to:887472
nrml's picture

ผมก็คิดถึงกุญแจมาตรฐาน TSA เหมือนกันครับ ตั้งแต่ต้นเลย แต่ว่าก็เพราะมีการทำตัวมาสเตอร์คีย์ของ TSA หลุดออกมานี่แหละครับ เลยไม่กล้าไว้ใจที่จะให้เปิด backdoor ไว้ แต่ถึงยังไงผมก็ไม่รู้สึกยินดีที่จะให้เปิด backdoor ไว้ไม่ว่ากรณีใดๆ

By: K_AViar
Windows PhoneUbuntuWindowsIn Love
on 24 February 2016 - 07:39 #887498

เห็นคนอื่นเค้ามายุ่งเรื่องนี้เยอะ เลยอยากเอาบ้างมั้ง

By: kikokku
Windows PhoneAndroidWindows
on 24 February 2016 - 08:16 #887511

ไม่ผิด แล้วจะกลัวอะไร ???คุ้นๆไหมครับ

By: Log
iPhoneAndroid
on 24 February 2016 - 09:45 #887545 Reply to:887511

แน่จริงถึงคราวตัวเองอย่าหนี้นะ ฮาาาา

By: Alios
iPhoneAndroidWindows
on 24 February 2016 - 08:45 #887516

เรื่องนี้จะไม่มีปัญหาเลย ถ้า FBI สามารถแฮคไอโฟนได้

By: Aize
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 24 February 2016 - 10:29 #887563
Aize's picture

Apple ควรมีกระบวนการในการเข้าถึงข้อมูลในเครื่องไว้ที่บริษัทเพื่อใช้ในยามจำเป็น (ซึ่งผมคิดว่ามีแหละ) ส่วนทาง FBI ควรทำเรื่องขอข้อมูลโดยการไปที่สำนักงาน Apple เพื่อร่วมกระบวนการและรับข้อมูลมาในรูปแบบถูกเข้ารหัสโดยสร้างคีย์ให้เฉพาะ FBI ในกรณีนั้นๆ ไม่ใช่การสร้างิะไรที่ทำให้ FBI จะเข้าถึงข้อมูลอะไรใครก็ได้ มันก็เกินไป


The Dream hacker..

By: nessuchan
iPhoneAndroidWindows
on 24 February 2016 - 14:37 #887635 Reply to:887563
nessuchan's picture

เท่ากับว่าสร้าง Perception ให้คนทั่วไปรับรู้ได้เลยว่า Apple สามารถดูข้อมูลของผู้ใช้ iPhone คนไหยก็ได้ ลองคิดถึง iCloud

แต่ในความเป็นจริงคือ ข้อมูลมันถูกเข้ารหัสทั้งเครื่อง ถ้าไม่มีคีย์ก็เปิดไม่ได้น่ะครับ

คือผมนี่ทึ่ง Apple เลยนะ แค่รหัส Pin 4 ตัวก็โคตรปลอดภัยขนาดที่ FBI ยังแก้ไม่ได้ (ถ้าเรื่องจริงอ่ะนะ) ไม่ต้องพูดถึงโจรทัั่วไปเลย

By: 100dej
AndroidWindows
on 24 February 2016 - 10:41 #887565

Apple ก็ทำให้ FBI ใช้ไปซิ

แล้วก็ปิดซะใน Rom version ถัดไป

By: nottoscale
Windows Phone
on 24 February 2016 - 20:27 #887719

ไม่ค่อยแปลกใจปกติเฮียบิลแกจะพูดเอากำไรเข้าบริษัทตลอด(ผลประโยชน์มาก่อน) แต่แกวางมือหมดแล้วนี่นา :|

By: Jessy
Red HatUbuntuWindows
on 24 February 2016 - 21:23 #887740

Apple ทำ Rom รุ่นพิเศษให้ FBI ไปเลย แล้วก็ให้ FBI หาทางไปใส่มือผู้ใช้เอง

ตัว Apple ต้องตอบรับกับผู้ใช้ทั่วโลกนะ ไม่ใช่เฉพาะคนอเมริกัน ดังนั้น ถ้าเปิดช่องให้ทั้งหมด ใครๆ ก็จะโดนเจาะกันพรุนเลยทีเดียว

FBI ต้องหาทางยัดมือให้ผู้ก่อการร้ายเอง น่าจะดีกว่า เพราะโดยปกติก็ซื้อให้ผู้ก่อการร้ายอยู่แล้วนี่นา?