เว็บไซต์ข่าวไอที Venture Beat รายงานว่าบริษัท Samhound ของเนเธอร์แลนด์ เปิดตัวโรงภาพยนตร์ที่ใช้ Virtual Reality เป็นแห่งแรกของโลกอย่างเป็นทางการ ที่นครอัมสเตอร์ดัม หลังจากที่ทดสอบแนวคิดด้วยการเปิดโรงภาพยนตร์ชั่วคราวตามเมืองต่างๆ ทั่วยุโรป เมื่อปีที่ผ่านมา
โรงภาพยนตร์ดังกล่าวใช้ Samsung Gear VR ที่พัฒนาร่วมกับ Oculus เป็นตัวแสดงผล และผู้ชมภาพยนตร์ก็จะได้ใส่หูฟังระหว่างชมภาพยนตร์ แน่นอนว่าประสบการณ์ที่ผู้ชมได้รับจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งถือว่าแตกต่างออกไปจากโรงภาพยนตร์แบบเดิมที่ทุกคนจะมีประสบการณ์เดียวกัน และถือเป็นประสบการณ์ทางสังคมร่วมกัน
โรงภาพยนตร์ดังกล่าวจะเปิดเฉพาะวันพุธถึงวันอาทิตย์ จุได้ครั้งละ 400 คน ราคาตั๋วอยู่ที่คนละ 12.50 ยูโร (ประมาณ 480 บาท) ต่อครั้ง ส่วนใครที่ไม่แน่ใจว่าแนวคิดนี้ใช้ได้ไหม ทางโรงภาพยนตร์มีแพกเก็จพิเศษความยาว 35 นาที ที่จะทำให้ผู้ชมเข้าใจแนวคิดของการใช้ Virtual Reality ด้วย ใครสนใจก็สามารถจองตั๋วไปชมกันได้ที่นครอัมสเตอร์ดัมครับ
ที่มา - Venture Beat
Comments
มันดูขัดๆนะเอาอุปกรณ์ที่ออกแบบมาให้ดูได้คนเดียวแต่เอามานั่งรวม
แต่เก้าอี้ก็หมุนได้และก็อยู่ห่างกันนะครับ
ถ้าอยู่ในห้องส่วนตัวมันอาจจะ VIP ไปหน่อย แต่จริงๆทำแบบนั้นแล้วเพิ่มราคาอีกหน่อยอาจจะดูดีกว่าก็ได้
ส่วนตัวผมมองว่าควรเอาไปใส่ในโรงหนัง 4D มากกว่า เก้าอี้โยกได้ แต่ก็เพิ่มลูกเล่นตรงที่หมุนได้ด้วย (ระบบหมุนนะไม่ใช่คนหมุน คนหันหน้าได้อย่างเดียวก็พอ)
เห็นนั่งจับมือกัน
นั่นน่ะสิ ถ้าจะใส่แว่น VR แบบนี้ นั่งดูอยู่บ้านก็ได้มั้ง
แล้วคนที่ไม่มีแว่น VR ล่ะ?
แล้วหนังที่สร้างมาสำหรับ VR ล่ะ?
ไม่มีแว่น VR กับหนังที่สร้างสำหรับ VR ก็มาชมที่โรงคล้ายการยืมใช้
ดั่งคุณ GyM กล่าวไม่มีความจำเป็นต้องเอามานั่งรวม หรือฉายทีเดียวพร้อมกัน
ใครพร้อมก่อนก็น่าจะให้ดูได้ก่อนเลย ส่วนทางเดินเข้าออกก็จัดดีๆ
ก็ไม่รบกวนผู้ที่ชมอยู่ในขณะนั้นได้
ต่อไป มันจะเข้าไปอยู่ที่ข้างในตาคนแทน ไม่ต้องมี VR ให้เกะกะ
อีกหน่อยคงมี controller เปน option ให้จ่ายเพิ่ม ?
ม่ะเห็นมีใครพูดถึงประเด็น เสียสายตาเลย
รูปนี่เป็นพยาน.....
http://9gag.com/gag/ajA1noR?ref=fbp
ฝรั่งในมู้อุทาน...
"no people still say it to this day"
CRT (Cathode ray tube) ภาพบนนั้นมีรังสีทำให้ตาเสียเนื่องจากแผ่รังสี
LCD LED OLED ภาพล่าง ไม่มีการแผ่รังสี
ในส่วนของโฟกัสก็ไม่ได้โฟกัสที่หน้าจอแต่จะไปโฟกัสที่มิติภาพที่ไกลออกไป
เข้าใจนะว่ามันเป็นมุกของ 9gag
เอ๋~ แต่ตอนผมประกอบgoogle cardboard เลนส์ที่ใช้เป็นเลนส์นูนนะ อารมณ์มันเหมือนร่วมแสงจากจอส่องมาที่ตา(หรือป่าวหว่า)
พอGear VRออกมาผมไปสอยมาเล่นมันก็เลนส์นูนเหมือนกันอยู่ดี. แฟนผมที่เป็นหมอก็ห้ามผมเล่นนานเธอบอกลองนึกถึงเลนส์ในแว่นขยายตอนเอาไปร่วมแสงจิ(O,0)!! (แต่เขาไม่ใช้หมอด้านตานะ)
เลนส์นูนจริง บางรุ่นฝั่งที่ใกล้ตาก็เป็นแบบนูนน้อย หรือแบบเรียบ ทำให้รวมแสงน้อยกว่า
เชื่อจอ VR เองใช้แสงที่พอเหมาะ และม่านตาของเราสามารถปรับให้มองเห็นได้
ในสภาวะกลางแจ้ง และจันทร์เพ็ญ
อย่างไรก็ตามไม่ควรใช้งานดวงตาจ้องหน้าจอ* นานๆ ควรมีการพักสายตาระหว่างกิจกรรม
*จอคอมพิวเตอร์ จอโทรศัพท์ รวมถึง VR
มันเป็นเลนส์นูน2ด้านแบบนี่นะฮะ (ที่ระยะf เป็นแบบรุปที่3คุณ Eddz นะฮะ)
https://www.blognone.com/node/58155
(สมัยcardboardผมก็ไปหาซื้อศึกษาภัณฑ์แบบที่คุณAlpha Version ทำในมู้เหมือนกัน เลยพอเข้าใจวิธีวาง s เพื่อให้ได้f สำหรับสายตาสั้นของตัวเอง เลยรู้สึกมัน ปะแหลมๆ เรื่องจุดรวมf ต่อดวงตานิแหละ)
ส่วนจอVRมันไม่ปรับแสงมั้ง? เท่าที่เล่นผมลองแง้บๆnote5ออกมาจากvrหน่อยๆ
พอไม่ให้มันตัดระบบVRออก 'ความสว่าง'หนังที่ดูนี่เหมือนตอนผมดู
แบบไม่ใส่VRเลยนะฮะ สีสันสดใสด้วยSuper AMOLED กันเลยทีเดียว
แต่อันนี่คือเท่าที่ผมพิจารณาก่ะแฟนนะ (แต่ผมก็ยังแอบเอามาเล่นเกมอยู่ดี ฟินส์~)
อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะ
เข้าใจว่าดวงตาเรามีลิมิตในการรับแสง หากรับแสงมากจนเกินไป ม่านตาหุบ และหรี่ดวงตา หากจ้องนานๆ ก็ส่งผลให้ตาล้า เหมือนกับเวลาขับรถกลางแจ้งแล้วแสงสะท้อนถนนเข้าตาตลอดทาง
ถามว่าเลนส์นูนอันตรายมั้ย ก็คงไม่อันตรายถ้าไม่รวมแสงมากเกินลิมิตรที่ดวงตารับได้ และเราจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่เกินความสามารถของดวงตาเรา ก็คงต้องพึ่งองค์กร ที่สามารถเข้ามากำกับดูแลความปลอดภัยว่า แต่ละอุปกรณ์ที่นำมาใช้ต้องควบคุมความเข้มแสงต่อเวลา สูงสุดไม่เกินความสามารถของดวงตาหรือค่ามารตรฐานค่าหนึ่ง
ส่วนหน้าจอไม่ปรับแสง แค่แง่มๆ เซ็นเซอร์วัดแสงอาจยังโดนบังอยู่ ลองเอาไฟไปส่องที่เซ็นเซอร์วัดแสง โดยที่ยังสวม VR อยู่เราอาจได้รับแสงจากหน้าจอแบบปรับสูงสุดได้
*การปรับแสงหน้าจอข้างต้นต้องตั้งให้ OS ปรับแสงอัตโนมัติด้วยนะ
เลนส์นูนจะแบบนูนน้อย แบบโค้งไปทางเดียวกัน แบบด้านนึงเรียบ แบบนูนสองข้าง ถ้ามีความยาวโฟกัสเท่ากันก็ไม่ต่างกันครับไม่เกี่ยวกับรวมแสงน้อยกว่า ที่ว่ามาจะมีผลแค่ถ้าความโค้งเท่ากันแต่ระยะโฟกัสไม่เท่ากัน
รวมแสงครับไม่ใช่ร่วมแสง
เอางี้ครับ เคยเอาเลนส์นูนมารวมแสงปรับโฟกัสลงบนฉากไหมครับ ฝาผนังก็ได้
ถ้าคุณเอาไปรวมแสงจากดวงอาทิตย์ที่ความสว่างสูงจัดมากๆ พลังงานสูงมาก แถมยังอยู่ไกลมากๆ มันก็เล็กจนเหลือจุดนิดเดียวครับทำให้พลังงานสูงพอจะเผาอะไรบางอย่างได้ครับ
แล้วลองเอาเลนส์นูนอันเดียวกันที่ว่ามายืนฝั่งตรงข้ามหน้าจอคอมที่ห้องนะครับ หรือหน้าจอมือถือก็ได้ ปรับโฟกัสให้ภาพออกมาให้ภาพชัด ภาพมันใหญ่ขนาดไหนครับ ส่องไปทั้งปีก็ไม่มีอะไรไหม้ครับ
อ้อ! ดีฮะ ผมได้ข้อมูลสำหรับไปอ้างขอซื้อ HTCVive ต่อเบย
(แฟนเป็นหมอ นิเรื่องมากจุง!)
ต้นเรื่องนี้ มาจากมีนักวิทยาศาสตร์ คำนวนว่า
นั่งห่างจากทีวี เท่าไหร่ถึงจะมองไม่เห็นเส้น scan line
ซึ่งจะตกอยู่ที่ระยะ 2.5 x ความใหญ่ของ ทีวี
แต่มีบางคนเอาไปใช้เป็นข้ออ้าง
เพราะ ถ้านั่งติดทีวี มันก็บังคนข้างหลังหมดน่ะสิครับ
รวมถึงเรื่องที่ เล่นเกมส์แล้วทำให้ TV เสียด้วย
ดูทีวีในที่มีแสง สว่างเพียงพอ ก็ด้วย
อ้อ recommend เรื่องระยะห่างของจอ
LCD ในตอนนี้ใช่มุมมองสายตาแทนแล้วนะครับ
https://en.wikipedia.org/wiki/Optimum_HDTV_viewing_distance
50 นิ้ว 1.5 เมตรครับ
ปริ้นใส่กระดาษไปยืนยันได้เลย
โรงภาพยนตร์ดังกล่าวใช้ Samsung Gear VR แต่ข่าวใช้ logo oculus
เดี๋ยวซัมซุงเสียใจแย่
Gear VRใช้เทคโนโลยีจากOculusพัฒนาหนิครับ :P
งงเบย.. ณ จุดนี้ >_<'
คงต้องรอได้ลอง rift ว่ามันจะต่างกับ gear ยังไง ?
ปัญหาคือ ผู้สร้างหนังจะไม่สามารถทำให้คนดูโฟกัสไปในสิ่งที่เขาต้องการได้เลย
ทฤษฎีเรื่องมุมกล้องนี้ โยนทิ้งได้เลย
แต่ไงก็ต้องรอดู ว่าจะเป็นยังไง
อาจจะเจ๋งกว่าเดิมก็ได้
แต่หนังโป๊ก็โฟกัสจุดที่ต้องการได้นะครับ เรื่องแบบนี้ อยู่ที่จุดน่าสนใจในฉากมากกว่า เพราะยิ่งจุดเด่นมาก ก็ยิ่งเป็นจุดสนใจมาก
ข้าขอทรยศต่อคนทั้งโลก ดีกว่าให้ใครมาทรยศข้า
Virtual Reality 4DX
ความยากของหนัง VR คงเป็นเรื่องมุมกล้อง และการตัดต่อ ที่หลากหลายพอที่จะให้ผู้ใช้เลือกดูได้ ปัจจุบันเท่าที่เห็นมันเป็นมุมมองบุคคลที่ 1 แต่อยากเห็นหนังที่มองในมุมมองของบุคลลที่ 3 ด้วย อย่างฉากของ Titatinic อยากเห็นมุมกล้องที่เหมือนเราอยู่นอกตัวเรือ แล้วส่องเข้ามาดูในเรือ ซึ่งตอนถ่ายทำ คงยากมากกว่ามุมมองบุคคลที่ 1 เยอะ
ส่วนประเด็นโรงหนังผมว่าสุดท้ายมันคงต้องใช้ร่วมกับ 4D เพื่อให้สมจริง และมีข้อแตกต่างกับการชมที่บ้าน โดยเฉพาะเรื่องกลิ่นและสัมผัส คงจำลองในบ้านได้ยาก แต่ต้นทุนการชมภาพยนต์ก็จะสูงขึ้น
อีกแนวคิดนึง อาจจะทำแบบร่าง Avatar ผู้เข้าชมสามารถเลือกเพื่อนเข้ามาร่วมใน World เดียวกัน เพื่อดูหนังหรือเดินทางร่วมกัน ผมว่าสิ่งที่ VR ขาดไปก็ตรงนี้แหล่ะ โดยเฉพาะคนที่จะไปดูหนังรักในโรงหนัง อย่าลืมว่าการเอาอุปกรณ์ปิดตา มันทำให้เราขาดปฏิสัมพันธ์กับคนข้างๆ ในการดูภาพยนต์ร่วมกันได้
มีภาพจำลองคนข้างๆที่จับมือเป็นพระเอกนางเอกที่เราชอบอาจจะดี หรือไม่ก็คงมีงอน