เว็บไซต์ข่าว Business Insider เผยแพร่บทสัมภาษณ์ผู้หญิงคนหนึ่งที่อ้างว่าตัวเองเคยทำงานอยู่ที่ Apple Store สาขาหนึ่งในอังกฤษ ตั้งแต่ปี 2011 จนถึงปี 2015 โดยขอให้ปกปิดตัวตนตามสัญญารักษาความลับ ซึ่งในบทสัมภาษณ์ เธอได้เผยเรื่องราวของ Apple Store ทั้งสภาวะการทำงานที่มีแรงกดดันสูงมาก รวมไปถึงสวัสดิการที่ไม่ได้ดีอย่างที่คิด และการต้องจัดการกับลูกค้าซึ่งในบางครั้งอาจลงเอยถึงขั้นมีการต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาควบคุมเหตุการณ์
บทสัมภาษณ์ดังกล่าวระบุว่า ระบบการจัดการ Apple Store นั้นมีความกดดันที่สูงมาก พนักงานแต่ละคนจะสามารถให้ความเห็นกับการทำงานของพนักงานอีกคนได้ทันทีอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งรวมถึงผู้จัดการสาขาด้วย นอกจากนั้นแล้วยังต้องทำยอดขายบริการเสริม ซึ่งมีความสำคัญมากกว่ายอดขายตัวผลิตภัณฑ์หลัก (อย่างเช่น Apple Care) ด้วย ทั้งหมดนี้พนักงานจะไม่ได้ส่วนแบ่ง (commission) จากการขายใดๆ แม้ว่าจะทำยอดต่อวันที่สูงมากก็ตาม โดยเธอได้ค่าแรงชั่วโมงละ 7 ปอนด์ในตอนเริ่มต้น และตอนออกมาได้อยู่ที่ชั่วโมงละ 8 ปอนด์ เธอระบุว่าเงินเดือนจากการเป็นพนักงาน Apple Store แทบจะไม่พอใช้ และหนึ่งในอดีตผู้จัดการ ก็ยังไม่มีรายได้เพียงพอและต้องย้ายกลับไปอยู่กับพ่อและแม่
ในเรื่องตำแหน่งงานภายในร้าน คนที่ให้สัมภาษณ์ระบุว่าพนักงาน Apple Store มักจะเป็นตำแหน่งชั่วคราว (part-time) มากกว่าจะเป็นตำแหน่งถาวร (การได้เป็นตำแหน่ง full-time ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก) นอกจากนั้นแล้วการเลื่อนชั้นพนักงานขึ้นไประดับบริหารของร้านก็แทบจะไม่มี ซึ่งในกรณีสาขาของเธอใช้วิธีการจ้างผู้จัดการร้านจากร้านค้าปลีกอื่นๆ แทนที่จะเลือกคนจากสาขาให้เข้าไปดำรงตำแหน่งเหล่านี้ แม้ว่าจะมีโปรแกรมช่วยให้พนักงานบางคนทำหน้าที่ผู้จัดการร้านบ้าง แต่ก็ยังไม่ใช่ผู้จัดการร้านจริงๆ อยู่ดี
แต่สิ่งที่เธอระบุว่าเป็นปัญหาจริงๆ กลับอยู่ที่เรื่องของลูกค้า ซึ่งหลายคนปฏิบัติต่อพนักงานไม่ดีและด้วยความใจร้อน เธอระบุว่าถูกคำพูดด่าจำนวนหนึ่งจากลูกค้าที่ใจร้อนและมัวแต่ต้องการในสิ่งที่อยากได้ และในหลายครั้งที่พนักงานในร้านมักจะเจอสถานการณ์ซึ่งควบคุมไม่ได้ เธอเล่าว่าหนึ่งในเพื่อนคนงานเธอเคยถูกลูกค้าผลักไปที่กำแพง ส่วนตัวเธอเองเคยถูกคนขู่ฆ่าเอาชีวิตหลังเลิกงานเพียงเพราะไม่ยอมซ่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ สถานการณ์เหล่านี้บางครั้งต้องถึงกับมีการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย โดยเธอไม่สามารถเล่าให้กับพนักงานคนอื่นในร้านได้ เพราะถูกบอกมาอย่างนั้น
อย่างไรก็ดี พนักงานของ Apple Store มักจะได้สิทธิพิเศษอยู่เสมอ อย่างเช่นการซื้อหุ้นของบริษัทในราคาลด 15% หรือส่วนลดอุปกรณ์ต่างๆ อย่างเช่นตอนที่ Apple Watch ออกใหม่ๆ พนักงานได้ส่วนลดมากถึง 50% และในกรณีของ Mac นอกจากส่วนลด 27% แล้ว ยังได้ลดเพิ่มอีก 500 ดอลลาร์สหรัฐด้วย (ในบทสัมภาษณ์ระบุอย่างนั้น)
เหตุผลที่เรื่องเกี่ยวกับพนักงาน Apple Store เหล่านี้ทั้งหมดไม่ค่อยเผยแพร่ออกตามสื่อนั้น บทสัมภาษณ์ระบุว่าพนักงานจะถูกควบคุมโดยสัญญารักษาความลับที่ต้องลงชื่อตั้งแต่ตอนให้สัมภาษณ์ และพนักงานจะไม่สามารถโพสต์หรือบอกข้อมูลใดๆ ได้เลยว่าตนเองทำงานอยู่ที่ Apple Store บนสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะการถ่ายรูปตัวเอง (selfie) ในเครื่องแบบ แล้วนำไปโพสต์ไว้บนสื่อสังคมออนไลน์ที่ตัวเองใช้ ถือเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้เพราะเป็นการละเมิดข้อตกลงดังกล่าว
ทั้งนี้ Business Insider ได้ติดต่อขอความเห็นจาก Apple ถึงประเด็นเหล่านี้ในการสัมภาษณ์ แต่ได้รับการปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นถึงบทสัมภาษณ์ดังกล่าว ใครสนใจอ่านฉบับเต็ม (แนะนำว่าให้อ่าน เพราะสนุกมากกว่าที่สรุปมานี้อยู่มาก) สามารถไปตามอ่านได้จากที่มาครับ (มีประเด็นทั้ง Apple Store ในวันที่ Steve Jobs จากไป จนไปถึงบทบาทของ Tim Cook และ Angela Ahrendts อดีตซีอีโอ Burberry ที่เข้ามาดูแลงานด้านการขายปลีกของ Apple ด้วย)
ที่มา - Business Insider
Comments
ทาศ?
ในคุกกระจก
"ทาส" - อย่าใช้ ศ พร่ำเพรื่อ
จะแนะนำผู้อื่น ใช้ภาษาที่น่าฟังจะดีกว่านะครับ
การรับรู้นี่ก็ใช้สายตา "อ่าน" ครับ ไม่ใช่การ "ฟัง" ครับ (เว้นแต่จะใช้ Narrator)
เขาหมายถึง ไม่ต้องตำหนิก็ได้ครับ
ผมว่านี่มันคือการติเพื่อให้แก้ไขนะครับ
การติเพื่อให้แก้ไข นี่มันไม่สามารถพูดหรือพิมพ์ให้น่าฟังหรือให้อ่านได้เลยใช่ไหมครับ
ไม่มีใครเก่งทุกอย่าง รู้ทุกเรื่อง
สำหรับผมรับความผิดพลาดของคนอื่นในเรื่องที่เขาไม่เี่ยวชาญได้ครับ
หมอจะ เห็นพฤติกรรมคนทั่วไป ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค
เชฟ ก็จะเห็นวิธีการปรุงอาหารผิดๆ ของคนทั่วไป
อยากให้ blognone เป็นแหล่งหาความรู้แลกเปลื่ยน สิ่งที่เราไม่รู้ดีกว่าครับ
คนเราเชี่ยวชาญอะไร จะเห็นคนอื่นทำผิดในเรื่องนั้นๆ
ยังกะหนังแนวดราม่า ภายนอกดูสดใส ภายในเต็มไปด้วยการเมือง
อยากจะบอกว่า ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมเชื่อข่าวนี้ และบอกไม่ได้ว่าทำไม ........
มาเชื่อด้วยคน ...ด้วยเหตุผลที่บอกไม่ได้ว่าทำไมเหมือนกัน
คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า
จากที่เคยอ่านข่าวมาก็น่าเชื่ออยู่นะเกี่ยวกับเรื่องความกดดันในการรับมือกับลูกค้าที่ค่อนข้างมากจริงๆ เรื่องการเซ็น NDA นี่ก็มีเป็นปกตินะ เคยคุยกับพนักงานที่ทำงานร้านสะดวกซื้อก็มีการเซ็นสัญญาข้อปฏิบัติอะไรคล้ายๆ กันเป็นปกติในส่วนกฎระเบียบของชุดฟอร์มซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับหลายหน่วยงาน ส่วนเรื่องอื่นๆ เช่นค่าแรงตรงนี้ผมไม่รู้นะว่าระดับนั้นมันเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมอย่างเมื่อเทียบกับค่าแรงที่นั่น
ตรงนี้แหละครับที่สำคัญ เพราะค่าที่พักใน UK อย่างเดียวก็เดือนละ 500-800 ปอนด์แล้วครับ
อย่างไรก็ตามผมก็ยังไม่ปักใจเชื่อเรื่องนี้นะ แต่ที่ไปอ่านต้นฉบับรู้สึกว่างานค่อนข้างกดดันเลยถ้าเป็นจริง
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ค่าที่พักนี่แพงจริงครับถ้าจ่ายเดือนละ 500-800 ปอนด์ เห็นว่าค่าแรงขั้นต่ำตอนนี้น่าจะอยู่ที่ 7.2 ปอนด์ ก็ถือว่าเหนือกว่าค่าแรงขั้นต่ำมานิดเดียวจริงๆ ก็ต้องมองว่าถ้าเทียบกับการทำงาน part time ให้กับร้านที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมันมากกว่าหรือน้อยกว่ายังไง โดยส่วนตัวผมว่าถ้าไม่ได้แตกต่างกันมากก็ไม่ได้ดูจะเป็นประเด็นอะไรสักเท่าไหร่นะ
ปี 2015 ตอนที่เขาออกมีค่าแรงอยู่ที่ 6.5-6.7 ปอนด์นะครับ ตอนนี้น่าจะปรับขึ้นแล้ว แต่ก็คงน้อยอยู่ดี
โดยส่วนตัวผมคิดว่าการที่ร้านไหนให้ค่าแรง part time 8 ปอนด์ถือว่าเยอะนะครับ ถ้าไม่จำเป็นเขาไม่ให้เงินสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำหรอก เคยไปทำงานร้านอาหารที่สก๊อตแลด์ตอนที่ค่าแรงขั้นต่ำ 6.5 ร้านอาหารไทยบางร้านให้แค่ 5.3 ปอนด์ + ข้าวฟรี + ทิป ร้านไทยที่ให้ 6.5 ก็ไม่มีข้าวให้ เพื่อนผมตอนนี้ทำแคชเชียร์อยู่อิงก์แลนด์ก็ไม่ถึง 6.5 (อาจเพราะเป็นต่างชาติด้วย)
edit: แต่ค่าแรงชั่วโมงละ 8 ปอนด์ก็อาจจะอยู่สบายแค่ในเมืองเล็กๆ
ผมว่าในกรณีนี้ที่มันค่อนข้างหนักคือตัว job description เองที่เยอะมาก รวมกับ job evaluation ที่โอเวอร์มากไป + customers อีกทำให้เกิดความเครียดสะสมได้ง่าย ทำให้เค้าอาจจะคิดว่ารายได้ตรงนี้ไม่เหมาะสมครับ (คือโดนศึกหนักทุกด้าน)
รวมถึงการไม่มี tip/commission ด้วยหล่ะครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ชั่วโมงละ 350 บาท ถ้าทำ 8 ชม. = 2800 บาท
มิน่าถึงไม่เปิดสาขาในไทย เพราะคงข่าวรั่วตั้งแต่วันแรก
อันนี้คุณไม่รู้จริงๆหรือแกล้งโง่ครับ ว่าเงินเดือนกับค่าครองชีพในแต่ละที่มันไม่เท่ากัน?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ตอบดีๆ ใช้คำสุภาพกว่านี้ก็ได้นะครับ ดีนะที่ผมไม่ถือ
กับคุณเรื่องความสุภาพนี่จำเป็นด้วยเหรอครับ พูดกันตรงๆนะ?
คนบางคนเราควรปฏิบัติด้วยแบบนึง คนอีกคนเราควรปฏิบัติด้วยแบบนึงครับ
อีกอย่างผมคิดว่าข้อความนั้นที่ผมพิมพ์ไป ผมคิดว่ามัน'สุภาพ'มากพอกับคุณนะครับ คือจะให้ผมว่าคุณว่าโง่คิดได้แค่นี้ตรงๆก็ได้นะ ไม่ได้เสียหายอะไรครับ เพราะผมเห็นคุณก็โพสในลักษณะนี้มาค่อนข้างบ่อย?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ความสุภาพเป็นมนุษยธรรม ถ้าคุณไม่ใช่มนุษย์ก็ไม่จำเป็นต้องมีครับ และอีกอย่างถ้าคุณเก็บกดจากการถูกว่าโง่ก็ไม่ต้องแสดงความโง่ด้วยการว่าผู้อื่นครับ
ขอบคุณครับ แต่ผมว่าคุณเข้าใจผมผิดไปนะ?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ในขณะที่บางคนอ่านโพสที่คุณ john dick โพสเป็นครั้งแรก (เช่นผม) ซึ่งโพสนี้เค้าก็โพสปกติ (โอเคอาจจะแสดงความไม่ฉลาดออกมาบ้าง) แต่การเห็นคุณตอบกลับเค้าแบบรุนแรงขนาดนี้ มันทำให้คนอื่นเค้ามองคุณไม่ดีนะครับ คุณเกลียดเค้าเป็นการส่วนตัว แต่นี่มันที่สาธารณะน่ะครับ อันนี้ผมแนะนำเฉย ๆ นะ ไม่ได้ว่าใครถูกใครผิด
+1 ขอบคุณครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+1
ผมว่าคุณว่าเค้าแรงไปนะ ผมพึ่งอ่านความเห็นคุณ ผมมองว่ามันไม่สุภาพ
ไม่รู้ว่าพวกคุณผิดใจอะไรกันมาก่อน แต่ในโพสต์ข่าวแบบนี้ผมว่ามันไม่เหมาะสักเท่าไหร่
ด้วยความเคารพ
ผมเข้าใจคุณ McKay ครับ :)
ใช่ค่ะขุ่นพี่ เห็นด้วยทุกข้อเลยยยย
ผมเข้าใจเช่นกันครับ ฮ่าๆ เคยอ่านเจอเหมือนกัน
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
แล้วเราควรใช้มาตรฐานนี้ในการปฏิบัติต่อกันในที่สาธารณะด้วยเหรอครับ
การนิยามอีกฝ่ายว่าโง่นี่เหมาะสมในที่สาธารณะแล้วหรือครับ คุณจะมีมาตรฐานในการปฏิบัติต่อคนอย่างไรก็ช่าง แต่นี่คือที่สาธารณะ
อ่านแล้ว Dejavu จริงๆ
ส่วนตัวผมเชื่อว่าถ้าเราปฎิบัตกับคนอื่นยังไง ก็สมควรโดนปฎิบัตด้วยอย่างนั้นครับ
อันนี้จริงๆผมผิดเองด้วยครับที่ใน topic นี้เป็นคนเริ่มก่อน ตามที่คุณ nessuchan กล่าวไว้ครับ
แต่ใจความของผมไม่ได้กล่าวว่าใครโง่นะครับ เพราะรู้ดีว่าคุณ john dick นั้นแกล้งโง่อยู่แล้วครับ เผื่อใครเข้าใจผิด
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
คุณแค่พลาดคำว่าโง่คำเดียวครับ ไม่ต้องไปสนใจหรอก และไม่เห็นจะแปลกตรงไหน กระทู้เก่าผมก็พูดสุภาพตลอดแต่จะออกแนวกวนๆ โดนสาวกกักขฬะ ใช้คำหยาบๆออกมา ไม่เห็นมีสาวกคนดีออกมาห้ามกันสักคน เงียบกันหมด คำว่า "ฝ่ายไหน" ใช้ได้เสมอครับ กันทุกสถานการณ์
คุณมีประเด็นอะไรก็คุยตรงๆ กับคนที่คุณมีปัญหาด้วยจะดีกว่าไหมครับ อันนี้พอไม่ถูกใจหรือไม่พอใจอะไรก็มักจะหว่านแหให้เห็นอยู่บ่อยๆ ซึ่งดูแล้วทำแบบนี้แหละครับที่มันทำให้เรื่องเล็กๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่
อย่าเอาคำพูดแบบคุณไปเทียบกับคุณ McKay เลยครับ เค้าดีกว่าคุณเยอะ
ทุกครั้งที่คุณ McKay ตอบจะมีสาระความรู้มาด้วย ผมนับถือเค้าตรงนี้นะ
แต่ทุกครั้งที่คุณตอบไม่ด่า Apple ก็หาเรื่องแขวะสาวก
ส่วนเรื่องสาวกมาตอบแล้วไม่มีคนท้วงนี่คุณไม่เห็นจริงๆหรือครับ?
เกือบทุกๆเม้นของคุณ JD นี่ใครอ่านก็เอือมกันทั้งนั้นแหละครับ แฟนบอย Apple หลายๆคนยังค้านเลยเพราะมันไร้เหตุผล
เอาจริงๆผมว่าคุณกับคุณ JD เนี่ยเหมาะสมกันมากเลยนะ แค่อยู่คนละฝั่ง
กล้าเนอะ ความคิดที่กักขละแบบนี้ ต่อให้พูดสุภาพก็ไม่ได้ทำให้ดูดีขึ้นหรอก
อยู่ดีๆ ก็มาหว่านแหดูถูกคนอื่นว่าสาวก ถถถ
ผมแนะนำคนอื่นอย่าฟีดโทล (ผมเห็นหลายโนดถ้าไม่มีคนฟีดเขาจะอยู่แค่นั้นแหละ)
คุณ McKay ลาก้ออออ
เค้าอาจจะคิดอย่างนั้นจริงๆก็ได้นะคะคุณ ไม่น่าจะแกล้งหรอก(มั้ง) น่าจะของจริงเลยแหละ คริๆ
/me เอามือทาบอก เอารายได้อิ๊งลั่นด์ มาคอมแพร์ กับรายได้ไท่ลั่นด์
แอปเปิลเห็นผู้ร่วมงานคืออะไร แห่มทำว่าเป็นมิตร คงเชื่อน่ะ
ผมว่าการสร้างความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนี่มันทำให้อดทนทำงานที่ค่าแรงต่ำ และเต็มไปด้วยแรงกดดันได้นะ ในฐานะที่เคยเข้าไปใช้บริการร้าน Apple Store ในต่างประเทศ ต้องบอกว่าพนักงานพยายามอย่างมากในการให้บริการจริงๆ ครับ
ps. ตรงกันข้ามกับเวลาผมเดินเข้าร้าน Reseller ชื่อดังในบ้านเรา ทำไมรู้สึกเหมือนถูกกดดันจังหว่า..
บริบทสังคมแต่ละประเทศ ก็คงไม่เหมือนกันมั้งครับ แม้จะเป็นสินค้ายี่ห้อเดียวกัน คงเอาเป็นตัวอย่างได้แค่สาขาในอังกฤษ
ในไทยก็ดันไม่มีอีก ไม่รู้จะเทียบยังไง
เรื่องสัญญาปกปิดจริง เพราะขนาดบางคนไปทำแล้วไปเจอญาติกันเองในนั้นแบบไม่รู้มาก่อนยังมีออกเยอะ แต่เรื่องค่าจ้างแปลกแฮะ ปรกติที่ซิลิคอนแวลลีย์ Apple มันจ่ายค่าจ้างให้เยอะอยู่นะ ลองคิดกลับว่าถ้าสัญญาเรื่องมากแถมได้เงินเดือนน้อยใครจะไปทำงานด้วย
ผมมองอีกมุมหนึ่ง
ไปทำงานนะครับไม่ได้ไปเล่น ถ้าไม่อยากโดนแบบนี้ก็เป็นเจ้านายสิครับ ไม่ใช่ใช้ชีวิตตามแบบฉบับทั่วไปที่มีตัวอย่างให้เห็นเยอะแยะ แล้วมาบ่นเอาทีหลัง
การกระทำของเรา มันสงผลถึงอนาคตทุกอย่างเสมอไม่ใช่หรอ?
ดีนะผมมองโลกแต่ความจริง เลยคิดว่าโลกมันก็แบบนี้แหละ
เมืองนอกเริ่มต้นธุรกิจยากมากครับสำหรับคนธรรมดา ต้องใช้เงินทุนสูงมาก
งานบริการและธุรการพวกนี้ได้เกือบเท่ากันหมดครับ ขั้นต่ำ แถมบางทีไม่จ้างทุกวันอีก
ผมว่าอะไรที่มันไม่ยุติธรรมก็ควรทำให้ยุติธรรมกับแรงงานครับจะบอกว่าทำไมไม่เป็นเจ้านายตัวเองซะแล้วใครจะทำงานเป็นลูกน้อง หรือถ้ามันเป็นง่ายนักคงไม่มีข่าวนี้ครับ มองโลกความจริงมันก็ดีครับแต่ก็ควรขยับเขยื้อนร่างกายเพื่อทำให้ความจริงมันดีกว่านี้ ประเทศเราก็ปล่อยให้เพื่อนร่วมโลกเจอชะตากรรมที่แย่กว่านี้โดยดูดายกับมันมาเยอะนะครับโดยเฉพาะแรงงานเพื่อนบ้าน ถ้าทวายเสร็จเมื่อไหร่ก็จะมีการเปลี่ยนที่ผมสงสัยว่ามันจะเป็นอย่างไรเหมือนกัน
มันไม่ใช่ทุกคนจะเลือกได้นะครับ
อย่างในข่าวเค้าก็บอก โอกาสเติบโต แทบไม่มี
งานที่ค่าแรงถูกๆแล้วแย่งกันทำมีเยอะแยะครับ อย่างในไทยผมยกตัวอย่างง่ายๆเลยก็พนักงานในร้าน Swensen
ค่าแรงชมละ 40 บาทมั้ง ค่าชุดก็หักจากค่าแรงอีกทีนึง
แต่เด็กนักศึกษา เด็กนักเรียนแย่งกันทำน่าดู เป็นความใฝ่ฝันที่จะได้ใส่ชุดสวยๆ มีชีวิตอยู่กะไอติม สวัสดิการก็ไม่มี
การได้ทำงานในร้าน Apple store ก็เหมือนกัน แค่ได้ทำงานให้กับ apple หลายๆคนเค้าถือเป็นความชอบส่วนตัวและมีใจรักในแบรนด์อยู่แล้ว ค่าแรงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่เค้าก็ให้มาในรูปแบบอื่นแทนอย่าง สวัสดิการ เพื่อให้มีความผูกพันกับบริษัท
ส่วนเรื่องสิทธิในการ selfie หรือประกาศว่าตัวเองเป็นพนักงาน อันนี้เข้าใจว่าเป็นเรื่องของภาพลักษณ์องค์กรณ์ครับและเป็นส่วนนึงของการรักษาความลับทางธุรกิจด้วย
ผมว่า ทั้งค่าจ้าง ทั้งสัญญาจ้าง ปรกติครับ
แต่เวลาขายสินค้าในร้าน Apple เงินมันผ่านมือเยอะไง
เหมือนคุณเป็นลูกจ้างนั่งขายของ เงินผ่านมือคุณ วันละ 7-8 แสน
ทุกวัน กับ เปลี่ยนไปอยู่ในร้านของชำปรกติ ยอดวันละ 4-5 พันบาท
แต่เงินเดือน 300 บาท เหมือนกัน มันก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างแหละ
ผ่านไป 5 ปี เราได้อะไรที่แตกต่างไปในข่าวนี้ครับ?
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ มาตรฐานยังเหมือนเดิมไงฮะ
เหอๆ ได้ค่าแรงเท่าผมเลย เพียงแต่ผมเป็นกรรมกรนั่งทำงานอยู่ที่บ้านในกรุงเทพ ได้ค่าจ้างเฉพาะชั่วโมงที่ทำงาน โดนชาวฟิลิปปินส์เร่งงานยิกๆ
ทำไมข่าวค่าแรง Apple กลายเป็นข่าวระดับความรุนแรงทางภาษาไปได้ XD
ทุกอย่างก็เป็นไปตามกลไกตลาด ถ้าเงื่อนไขแย่คนก็ทำน้อยลงไปเอง ซึ่งจะตั้งเงื่อนไขดีหรือแย่ก็เป็นเรื่องของนโยบายบริษัท ถ้าไม่ผิดกฎหมายก็ไม่น่าจะเป็นอะไร
That is the way things are.