Lalamove ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าที่สามารถเรียกใช้ได้ผ่านแอพ ประสบความสำเร็จในการระดมเงินทุนจากบริษัทลงทุนอีก 10 ล้านดอลลาร์ และในปีนี้ทาง Lalamove ประเมินว่าจะสามารถสร้างกำไรจากการดำเนินงานได้เสียทีหลังก่อตั้งมา 2 ปีเศษ
Lalamove ก่อตั้งขึ้นที่ฮ่องกงในเดือนธันวาคมปี 2013 ก่อนจะขยายบริการสู่จีนแผ่นดินใหญ่ และตามมาด้วยไต้หวันและไทย การระดมทุนในครั้งนี้ก็ได้เงินทุนจากบริษัทในกลุ่มประเทศที่ Lalamove ให้บริการ มีทั้ง China’s Crystal Stream (จีน), AppWorks (ไตัหวัน), Aria Group (ฮ่องกง) ซึ่งต่างเคยร่วมลงทุนใน Lalamove มาก่อนแล้ว แต่ครั้งนี้มีบริษัทจากไทยเพิ่มขึ้นมาร่วมสนับสนุนเงินทุนอีกราย นั่นคือ Asia Plus ทำให้รวมแล้วจนถึงตอนนี้ Lalamove ได้รับเงินทุนสะสมทั้งหมดจากบริษัทลงทุนแล้ว 30 ล้านดอลลาร์
Shing Chow ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Lalmove บอกว่าจากการดำเนินงานในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา แผนการขยายบริการในหลายเมืองนั้นดูจะประสบความสำเร็จและทำให้ Lalamove สามารถทำกำไรได้จากการดำเนินงานของตัวเองภายในปีนี้
Chow บอกว่าแรกเริ่มเดิมทีเขาเริ่มทำ Lalamove ที่ฮ่องกงโดยใช้อพาร์ตเมนท์ของเขาเองเป็นสำนักงาน เน้นให้บริการจัดส่งพัสดุสินค้าโดยมุ่งเป้าผู้ใช้บริการคือกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก แต่ภายใน 2 ปี Lalamove ได้ขยายบริการสู่ 20 เมือง (และกำลังจะเพิ่มเป็น 49 เมืองภายในปีนี้) เพิ่มความสามารถในการให้บริการบริษัทขนาดใหญ่อย่าง Google, IKEA หรือ LINE ได้ (ซึ่งล่าสุด Lalamove ก็เพิ่งจับมือกับ LINE ให้บริการ LINE MAN)
การเติบโตของ Lalamove นั้นย่อมมีคู่แข่งทางธุรกิจเป็นจำนวนมาก นอกเหนือจากรถรับจ้างทั่วไปซึ่งก็มีอยู่ในทุกประเทศแล้ว บริการเรียกรถขนส่งพัสดุผ่านแอพนี้ก็ยังมีคนทำกันหลายเจ้า ไม่ว่าจะเป็น GoGoVan (คู่แข่งธุรกิจโดยตรงจากฮ่องกงเช่นกัน ปัจจุบันให้บริการในฮ่องกล, สิงคโปร์, เกาหลีใต้, จีน และไต้หวัน), UberVan (บริการขนส่งด้วยรถตู้ที่เดิมใช้ชื่อว่า UberCargo), NinjaVan (บริษัทจากสิงคโปร์ที่ตอนนี้เพิ่มบริการในมาเลเซีย, อินโดนีเซีย และเวียดนามด้วย)
ดูเหมือนว่าตอนนี้ไทยคือประเทศเดียวที่ Lalmove เข้ามาทำตลาดโดยยังไม่มีบริการจากคู่แข่งรายไหนมาแย่งลูกค้า
ที่มา - TechCrunch