Richard Stallman เขียนบทความส่งไปลง BBC ถึงประเด็นการวางมือของบิล เกตส์
RMS บอกว่าไม่ควรให้ความสำคัญกับการจากไปของเกตส์มากเกินไป เพราะสิ่งสำคัญกว่าคือระบบการจำกัดสิทธิ์ของผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ซึ่งไมโครซอฟท์และบริษัทอื่นๆ วางรากฐานไว้นั้นยังคงอยู่
RMS ยกตัวอย่างเหตุผลที่ไม่ควรนิยมเกตส์และไมโครซอฟท์ เช่น วิธีการกำจัดคู่แข่งอย่างไม่เป็นธรรม, "Microsoft tax", DRM, ความไม่โปร่งใสในการยื่นเรื่องออกมาตรฐาน OOXML ต่อ ISO และที่สำคัญที่สุดคือซอฟต์แวร์ปิดที่ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ปรับแต่งซอฟต์แวร์ตามต้องการ
อย่างไรก็ตามเกตส์ไม่ใช่คนสร้างซอฟต์แวร์ระบบปิดขึ้นมาเพียงลำพัง การจากไปของเกตส์ก็ไม่ได้ทำให้ซอฟต์แวร์ปิดหายไปจากโลกนี้เช่นกัน ดังนั้น RMS จึงเรียกร้องว่า หน้าที่ในการทำลายระบบอันนี้เป็นของพวกเราทุกคน
ผมว่าเขียนได้สมกับเป็น RMS ดี ถ้าใครอ่านข่าวนี้แล้วไม่รู้ว่า RMS เป็นใคร แนะนำให้ลองอ่านบทความอื่นๆ ของ RMS ประกอบด้วยเพื่ออรรถรสที่สมบูรณ์มากขึ้น
ที่มา - BBC
Comments
แต่ก่อนเคยเกลียด M$ ที่ผูกขาดหลายๆอย่าง
แต่คิดไปคิดมาก็เกลียดตัวเองด้วยเหมือนกันที่ทำให้เกิดการผูกขาดขึ้น แถมยังใช้ของเขาแบบผิดกฏหมาย
ปัจจุบันเปลี่ยนมาให้ open source software หมดแล้ว รู้สึกสบายใจขึ้น
และ MS ก็เริ่มผูกขาดไม่ได้ คงเป็นเพราะการเติบโตของ open source (และ Google)
ตอนนี้เฉยๆ และคิดว่าคงไม่ต้องขวาจัด ซ้ายจัด มากจนเกินไป ต่างฝ่ายต่างมีสิ่งดี แต่ที่สำคัญคืนตัวเราต้องเคารพสิทธิทางปัญญาของคนอื่นๆ มีเงินซื้อก็ใช้ไป ไม่มีเงินซื้อก็ควรหาทางออกที่ถูกกฏหมาย
ชอบความคิดเห็นแบบนี้มากเลย ผมเองก็ไม่ได้ชอบ m$ มากนัก แต่เข้าใจว่าเขาทำธุรกิจเขาเลยต้องทำแบบนั้น อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้โกงใครมาแบบหน้าด้านๆ แต่บางคนอาจจะเห็นขัดแย้งโดยเฉพาะในกลุ่ม Open source บางท่าน ที่มักจะทำตัวเป็นเทพโจมตีฝั่ง m$ อย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งบางอย่างมันไม่มีใน Open source มันก็เลยจำเป็นที่ยังต้องใช้ Windows อยู่
+1
"Happy hacking!"
รู้ไหมว่า ตามบูท M$ นั้น มีสาวพริทตี้สวยน่ารักไม่แพ้ใครเลย
เ้ข้ามาฮากับ reply นี้ สุดท้าย open source หรือ closed source ก็สู้สาวพริทตี้ำไม่ได้ :P
ทางสายกลางดีที่สุด จะมาเอาชนะกันเพื่ออะไร -_-' อันไหนที่ Open-Source ยังไม่ดี และจำเป็นต้องใช้ก็ซื้อมาใช้ซะให้ถูกต้อง ผมไม่หวังให้ Open-Source ดีที่สุด แต่ให้เป็นทางเลือกที่ดีกว่า และผลักดันให้ระบบปิดพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
และอีกอย่างคือ ซอฟต์แวร์บางตัวเนี่ยซื้อเอามาใช้ซะน่าจะง่ายกว่าควานหาในดินแดน Open-Source ที่บางครั้ง บางส่วน การสนับสนุนถูกละเลย หรือโดนละทิ้งทางเทคนิค เช่น การตามปรับปรุงดูแลข้อผิดพลาดต่าง ๆ อะไรแบบนั้น
แล้วก็ซอฟต์แวร์ระบบปิดนั้น ก็มีเหตุผลในการปิดของเค้า ทั้งด้านงานวิจัยภายในเอง รวมถึงต้นทุนในการวิจัยต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องปิดบัง ผมมองว่าเค้าไม่ได้วิจัยกันฟรี ๆ คนก็ต้องกินต้องใช้เหมือนกัน จึงเข้าใจได้ เพราะตัวเองก้ทำงานหาเงินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ผมมักพบเจออยู่เสมอ ๆ ในประเทศสารขันฑ์ ที่คนส่วนใหญ่มักอยากได้ของฟรีอยู่เสมอ ๆ ไม่ว่ามันจะฟรีจริง ๆ หรือไม่ก็ตาม ถ้าขอให้ได้ใช้โดยไม่ต้องจ่ายเงินเป็นใช้ได้แล้ว จนทำให้เป็นธรรมเนียมปฎิบัติของผู้จำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ไปแล้ว ทำให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ในประเทศนั้นก็พัฒนาไม่ได้ลงเพราะขาดแรงจูงใจ และกำลังเพียงพอจะต่อสู้กับการแข่งขันที่รุ่นแรงมาก ๆ อีกทั้งสงครามราคา ทั้งจากผู้ผลิตและผู้จัดซื้อจัดจ้างเอง ที่มักกดราคาจนน่าเกลียดมาก ๆ นี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ผมมักจะบอกกับรุ่นน้องผมว่าถ้าไม่ใจรักจริงอย่ามาเลย เพราะมันงานกรรมกรชัด ๆ T_T
เอะ นี่ผมบ่นมากไปหรือเปล่าครับ ขอโทษด้วย เรื่องมันเศร้า T_T
Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework
ถ้าคิดตามหัวข้อข่าว ก็เห็นด้วยกับฟอร์ดนะครับ
ไม่มีระบบไหนสมบูรณ์ที่สุดหรอก มีแต่ระบบที่สมบูรณ์ที่สุดสำหรับ....
เติมที่ว่างตามใจชอบครับ แล้วแต่คน แล้วแต่งาน
ทีนี้มองดูสิ่งที่ MS ทำ หลายคนก็บอก ไปลอกคนนั้นมา คนนี้มา
ลอกมาแล้วอันไหนเวิร์ค เราก็ว่าดี อันไหนไม่เข้าท่า ก็ว่าไป ไม่เห็นต้องมาตั้งแง่กันแต่ทางลบ
แล้วมองดูฝั่ง Open source มันก็มีข้อดี ข้อด้อยต่างกันไป
ส่วนเรื่องแพ้ เรื่องชนะ เราอะไรวัดผลล่ัะครับ อย่าให้เหมือนสงครามศาสนาเลย
แนะนำให้หานายทุนแล้วรับงานจากราชการ ความคิดพวกนี้จะหมดไป
เรื่่องนี้ไว้บาร์แคมป์รอบหน้า จะเล่าอะไรฮาๆ ให้ฟังครับพี่
แต่ ตาอยู่ที่ผูกขาดจริงๆ คือ adobe ของแกแพงจริงๆ
flash ถึงจะฟรีก็ครอบงำหลายๆ อย่าง
เห็นด้วยกับเจ้านี้แพงจริงๆ หาของมาแทนก็ยากยิ่งนัก จะไม่ใช้ก็ไม่ได้ เพราะทำงานที่เกี่ยวข้องกับมัน ถ้าหมื่นกว่าบาทนี้ผมซื้อมันเลยล่ะ ---- ดาวนับล้านลอยอยู่บนท้องฟ้า จะมีไม่น่าที่ลอยอยู่เองเฉยๆ อย่าท้อแท้ที่จะเรียนรู้ และจงเป็นครูสอนผู้อื่นต่อ
ก็ตรงตามตรรกะแล้วไม่ใช่เหรอครับ การที่หา software มาแทนที่ยากแปลว่า software ประเภทนี้ทำยากมาก ในเมื่อลงทุนลงแรงไปเยอะก็ควรได้ผลตอบแทนที่เหมาะสม
ps ลองดูราคา spss ดีกว่าครับ
อืม.. แม้ในโลกของ OpenSource ก็ยังมีที่ Open จริงจัง กับแบบ Freeware ที่บางคน บางกลุ่ม ก็ยังคงแบ่งแยกย่อยกันเข้าไปอีก มันก็เลยปิด ๆ เปิด ๆ กันไปซะหมด (เอ่อ..เกี่ยวมั๊ย ?)
ใช้แบบฟรี ๆ แล้วคนพัฒนาจะเอาอะไรกินละ
อยากให้มีองค์กรนึ่งตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาโปรแกรมโดยเฉพาะ
และแจกจ่ายให้ใช้ฟรี ๆ โดยมีเงินสัฒนาจะเอาอะไรกินละ
อยากให้มีองค์กรนึ่งตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาโปรแกรมโดยเฉพาะ
และแจกจ่ายให้ใช้ฟรี ๆ โดยมีเงินสนับสนุนจากทุก ๆ ประเทศนับสนุนจากทุก ๆ ประเทศ
Red Hat ก็มีกำไรติดต่อกันมาหลายไตรมาสนะครับ
redhat ไม่ได้ให้คนใช้ฟรีๆ นะครับ ต้องซื้อแพงอยู่เหมือนกัน แต่ถ้า ubuntu ก็ค่อนข้างเห็นด้วย
CentOS?
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
RHEL ให้ใช้ฟรีครับ แต่ไม่มี binary ให้ ถ้าสามารถก็ดาวน์โหลดซอร์สไปทำเองได้
หลายคนพัฒนาเป็นงานอดิเรกจากงานประจำครับ
ก็ FSF ของตา RMS แกนั่นแหละ อยู่ได้โดยการรับเงินสนับสนุน และอาสาสมัครอย่างเดียว....
หา balance ก็ดี ... แต่คนที่ผมมองว่าไม่ balance ไม่สายกลาง ก็ทำให้อะไรดีๆ ให้ผมได้ใช้เหมือนกัน. ทั้ง Gate และ RMS ก็สร้างอะไรดีๆ ออกมาให้ผมได้ใช้อะนะ. (บางคนอาจจะแค่ซื้อมาขาย ... แต่ถ้าไม่ซื้อมาผมก็อดใช้)
บางที RMS อาจจะดูท้างซ้าย และ Gate อยู่ทางขวา เพราะผมเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางก็ได้ :-P
จากแฟน MBasic และ Emacs :-D
RMS rocks!
อะไรดีก็ใช้ อะไรไม่ดีก็ไม่ใช้ จบ
มันไม่ใช้อย่างนั้นสิครับ ของบ้างอย่างดีแต่ราคาแพงมาก แถมซอฟแวร์เสรีก็ไม่มีแทน จำเป็นต้องใช้ ก็ต้องแอบใช้ของเถื่อนไป ---- ดาวนับล้านลอยอยู่บนท้องฟ้า จะมีไม่น่าที่ลอยอยู่เองเฉยๆ อย่าท้อแท้ที่จะเรียนรู้ และจงเป็นครูสอนผู้อื่นต่อ
ประเด็นหลักของโอเพนซอร์ส อยู่ที่การกระจายแรงน่ะครับ โอเค นักพัฒนาแกนหลักก็พัฒนาไป แต่ผู้ใช้ทั่วไปก็ช่วยรายงานบั๊ก เสนอไอเดีย ช่วยแปล ช่วยเขียนเอกสาร ช่วยตอบคำถาม ฯลฯ ตามความถนัด ในความเห็นผม คำว่า "เป็นกลาง" ระหว่างท่าทีต่อโอเพนซอร์สกับ proprietary นั้น อย่างน้อยก็ไม่ใช่ "wait and see" เพราะท่าทีนี้ถือว่าเอื้อต่อ proprietary แล้วแหละ เพราะไม่กระทบอะไรเขา แต่สำหรับโอเพนซอร์สแล้ว ถือว่าขาดกำลังไปหนึ่ง คิดเหมือนกันหลายคนก็ขาดหายไปเยอะ
ท่าทีที่อาจจะใกล้เคียงกับความเป็นกลาง ก็อาจจะอย่างที่หลายคนทำ คือ ทั้ง contribute โอเพนซอร์สตามกำลัง (ไม่ใช่แค่ใช้) ทั้งใช้ proprietary ตามปกติ..
สำหรับผม คงจะไม่พยายามพูดว่าตัวเองเป็นกลาง ผมไม่ได้ใช้ซอฟต์แวร์เสรีเพราะคุณภาพเป็นปัจจัยหลัก (ถึงแม้จะเป็นปัจจัยหนึ่งก็ตาม) แต่ใช้เพราะสบายใจ ถ้ามันไม่ดีตรงไหน ก็ค่อย ๆ ช่วยกันทำให้มันดีได้
ชัดเจนดีครับ
เสริมพี่เทพอีกหน่อย
ผมใช้เพราะมัน hack ได้ครับ วันก่อนไปติดตั้ง Print Server ให้ออฟฟิศที่นึงมา แล้วต้องการระบบ Quota แต่ปรากฏว่า foomatic (Priter Driver) มันไม่รองรับการนับหน้ากระดาษ วิธีแก้คือการดาว์นโหลดโค้ดมาแล้วจัดกันแก้โค้ดแล้วคอมไพล์ใหม่
แน่นอนว่ามันไม่สนุกนัก ผมเสียเวลาครึ่งวันกับงานที่ควรทำได้ในครึ่งชั่วโมง แต่ถ้าเป็นซอฟต์แวร์แบบปิดแล้ว หากมันทำไม่ได้ สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือการแจ้งไปยังผู้ผลิต แล้วภาวนาว่าเขาจะรับฟัง กรณีแบบนี้คล้ายๆ กับแอปเปิลที่ชาวไทยเรียกร้องเรื่องภาษาไทยกันมายาวนานแต่เค้าไม่ฟังก็ทำอะไรไม่ได้ แม้ยินดีแก้ไขให้แอปเปิลฟรีๆ ก็ยังทำไม่ได้ -*-
แต่ข้อดีแบบนี้ก็มาพร้อมกับข้อเสียอีกหลายอย่าง ที่แน่ๆ คือซอฟต์แวร์เสรีไม่ใช่คำตอบที่ดีสำหรับทุกคน มันไม่ใช่ซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด หรือเสถียรที่สุด การเลือกอย่างรอบคอบน่าโดยไม่มีอคติว่าซอฟต์แวร์เสรีจะเป็นซอฟต์แวร์ไร้คุณภาพ แล้วเลือกจากข้อเท็จจริง น่าจะเป็นแนวทางที่ดี
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
เอา Pretty ของงานโอเพนซอร์สที่เชียงใหม่มาให้ดูครับ มันไม่ได้อยู่ที่บูตครับ ขอเถียงมันอยู่ที่คนจัดครับ http://www.thaiopensource.org/?q=node/296 ตามข่าวข้างบนครับ http://www.thaiopensource.org/?q=gallery&g2_itemId=406 อันนี้ของ Epson http://www.thaiopensource.org/?q=gallery&g2_itemId=421 อันนี้ของ Opensource SIPA ครับ
Software ระบบปิดก็มีข้อดีของมันและเป็นสิทธิ์ที่พึงกระทำได้บนโลกใบนี้ครับ ทุกอย่างควรปล่อยไปตามกลไกตลาดครับ
That is the way things are.
ก็จริงคับ ผมว่าเมื่อถึงจุดนึงระบบเปิดหรือระบบปิด มันก็ถูกขับไปตามกระแสตลาดและสังคมอย่างที่มันควรจะเป็น อย่างเมื่อก่อนระบบเปิดมันไม่ค่อยโตเพราะชุมชนมันเล็ก แม้จะมีการสนับสนุนจากรัฐบ้างแต่มันก็กะท่อนกระแท่น แต่พอเวลาผ่านไปมันก็โตขึ้น ขยับขยายแบ่งแย่งพื้นที่ตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ อนาคตเป็นไงคงพูดยากแต่ถ้ามองจากจุดนี้ผมว่ามันดีกว่าแต่ก่อนเย่อะเลย
ยังไงขอให้คนไทยเริ่มปรับตัวกับโปรแกรม Opensource กันได้แล้วครับ