รถยนต์ไฟฟ้า Tesla ได้รับอัพเดตเพิ่มฟีเจอร์ขับอัตโนมัติ หรือ Autopilot มาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว มีคนใช้มากมาย ล่าสุดเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจากการใช้ฟีเจอร์นี้เป็นครั้งแรก ส่งผลให้คนขับเสียชีวิตทันที
อุบัติเหตุนี้เกิดขึ้นบริเวณทางแยกบนทางหลวงในเมือง Williston รัฐฟลอริดา ผู้ขับรถ Tesla Model S คือนาย Joshua D. Brown อายุ 40 ปี ก่อนเขามาถึงทางแยก มีรถบรรทุกขนาดใหญ่กำลังเลี้ยวขวางถนนอยู่ รถยนต์ Tesla ของ Brown แยกแยะระหว่างด้านข้างของรถบรรทุกซึ่งเป็นสีขาว กับท้องฟ้าที่ค่อนข้างสว่างไม่ออก ทำให้ไม่ได้เบรก พุ่งชนและลอดใต้รถบรรทุกไป ชายล่างของตัวเทรลเลอร์ฉีกหลังคารถ Tesla ออกทั้งแผ่น รถของ Brown ไปจอดนิ่งห่างจากจุดเกิดอุบัติเหตุไปหลายร้อยฟุต เขาเสียชีวิตทันที
คนขับรถบรรทุก Frank Baressi อายุ 62 ปี กล่าวว่าหลังจากชน เขาไปดูรถ Tesla พบว่าบนหน้าจอกำลังเล่นภาพยนตร์ Harry Potter อยู่ แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่ารถ Tesla อนุญาตให้ชมภาพยนต์ขณะรถกำลังวิ่งอยู่ได้หรือไม่ และในรายงานของตำรวจก็ไม่มีการกล่าวถึงภาพยนตร์นี้ด้วย
ภายหลังจากอุบัติเหตุ Tesla Motors ออกแถลงการณ์บนบล็อกของบริษัท แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งชี้แจงว่าระบบ Autopilot ยังต้องการความสนใจจากคนขับตลอดเวลา และต้องเตรียมพร้อมที่จะเข้าควบคุมรถได้ทุกเมื่อ โดยรถจะตรวจสอบเรื่อยๆ ว่ามือของผู้ขับยังจับพวงมาลัยอยู่หรือไม่ หากไม่จับจะส่งสัญญาณเสียงเตือน พร้อมกับขึ้นข้อความบนหน้าจอ และหากยังไม่จับ รถจะชะลอความเร็วลงเรื่อยๆ จนกว่าจะมีปฏิกิริยาจากผู้ขับขี่
นาย Brown เป็นผู้ที่ชื่นชอบรถ Tesla มาก เขาอัพโหลดวิดีโอการใช้งานรถขึ้น ช่อง YouTube ส่วนตัวอยู่บ่อยครั้ง และชมว่าเป็นรถที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยเป็นเจ้าของมา โดยวิดีโอล่าสุดของเขามีผู้ชมเกือบ 2 ล้านวิว เป็นเหตุการณ์ที่มีรถเครนขนาดเล็กปาดเข้ามาในเลน ซึ่งรถของเขาได้หักหลบและชะลอความเร็วลงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุได้อย่างน่าประทับใจ วิดีโอนี้ดังมากจน Elon Musk ซีอีโอของบริษัทเคยเอาไปทวีตบนบัญชีทวิตเตอร์ส่วนตัวด้วย
Owner video of Autopilot steering to avoid collision with a truckhttps://t.co/FZUAXSjlR7
— Elon Musk (@elonmusk) April 17, 2016
นาย Brown เคยเป็นสมาชิกของหน่วย SEAL นานถึง 11 ปีก่อนจะออกมาในปี 2008 และไปก่อตั้งบริษัท Nexu Innovations ทำกิจการเกี่ยวกับเครือข่ายและกล้องไร้สาย
Tesla Motors บอกว่านี่เป็นอุบัติเหตุถึงชีวิตจากการใช้งานระบบ Autopilot ครั้งแรกหลังมีการใช้งานรวมแล้วกว่า 130 ล้านไมล์ โดยอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิตบนถนนในสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้น 1 ครั้งทุกๆ 94 ล้านไมล์ และทุกๆ 60 ล้านไมล์สำหรับสถิติทั่วโลก
ทางฝั่งหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยบนทางหลวงของสหรัฐฯ (National Highway Traffic Safety Administration - NHTSA) ก็เริ่มกระบวนการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว
Our condolences for the tragic loss https://t.co/zI2100zEGL
— Elon Musk (@elonmusk) June 30, 2016
Comments
Rest in peace
'หลังอ่านจบนั่งเงียบอยู่ 10 นาที
ถ้ามี lidar จะช่วงแก้ปัญหานี้ไหมนะ
ว่าแต่ sonar/sensor มีจุดบอดหรือไม่ทำงานจึงไม่หยุดรถ?
https://forums.teslamotors.com/forum/forums/self-driving-car-camera-and-lidar
ผมสงสัยเหมือนกัน เพราะใช้ sensor พวกวัดระยะ ไม่น่าแยกสีขาวรถบรรทุกกับท้องฟ้าไม่ได้นี่นา
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ในข่าวบอกว่า แยกแยะด้านข้างของรถบรรทุกซึ่งเป็นสีขาว กับท้องฟ้าไม่ออก แสดงว่าน่าจะใช้ image processing ครับ
แต่ถ้า Tesla ป้องกันแบบที่ว่า คือมือต้องแตะพวงมาลัยตลอดเวลา แต่ถ้าคนขับแตะ แต่ตาไม่มองถนนล่ะ?
ควรเพิ่มระบบ radar แบบเดียวกับ Toyota ด้วย เพราะไม่มีผลต่อการแยกแยะครับ
Elon Musk บอกว่าเรดาร์ "ไม่สนใจ" สิ่งที่ดูเหมือนกับป้ายบอกทางที่อยู่สูงครับ ผมเข้าใจว่าเรดาร์เห็น แต่เทรลเลอร์มันสูงกว่ารถมาก เลยนึกว่าเป็นวัตถุอะไรสักอย่างที่อยู่สูง แถมใต้ท้องก็มองทะลุได้ รถเลยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันคือสิ่งกีดขวางขนาดมหึมา
ใครคิดแบบอื่นก็คอมเมนต์ไว้ได้ครับ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรมากกว่านี้
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ผมว่ารถบรรทุกไม่ได้สูงกว่ารถมากนะครับ ไม่งั้นรถ Tesla ก็รอดใต้ท้องผ่านไปอย่างปกติสุข ไม่โดนอะไร
เดาๆ ว่าระบบอาจจะคำนวณแค่แนวช่วงล่างของล้อเปล่า ไม่คิดถึงหลังคารถที่สูงออกไปอีก
ผมพูดแต่แรกเลยว่า lidar ดีกว่าเพราะเห็นความลึกของสิ่งที่อยู่ข้างหน้า เรื่องนี้เคยถกกันมาแล้วแต่มีพวกบอกว่า "รับค่ามาแต่ก็ประมวลผลแบบ Image processor อยู่ดี" แสดงว่าไม่ได้เข้าใจ condition ที่อาจจะเกิดขึ้นได้
Lidar คืออะไรหรอครับ
LIDAR คืออะไร
LIDAR มันน่าจะมีราคาสูงนะครับเพราะตอนผมไปอบรม hare map เมื่อสองปีก่อนรถเค้าใช้ระบบนี้ในการทำแผนที่แถมบอกว่าของgoogleยังไม่มีด้วยซ้ำ
อ่อเสริมให้ แต่มันเจ๋งตรงความคราดเคลื่อนไม่เกิน2มิลนี่แหละ ยิงไปเห็นเป็นภาพโฮโลแกรมสามมิติมาเลยประมาณนั้น
The Last Wizard Of Century.
หัวข้อข่าวเขียนว่า 'เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเป็นครั้งแรก' แสดงว่าก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดอุบัติเหตุหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้ถึงแก่ชีวิตเหมือนเคสนี้ ใช่มั้ยครับ ??
ใช้ครับแต่เล็กๆน้อยๆ
แย่จัง อ่านแล้วแบบ เฮ้อ...
"machine learning ให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง 99% เป็นเรื่องง่าย แต่การทำให้มันถูกต้องถึง 99.9999% เป็นเรื่องยากมาก"
จบข่าว...
RIP ครับ
??
แก้แล้วครับ ขอบคุณครับ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ถ้าต้องคอยจับตา เพื่อควบคุมเองตลอดจะกลายเป็นว่า คนขับรับภาระมากกว่าการขับเองด้วยซ้ำ
เคยบอกไปแล้วยังไงระบบขับขี่อัตโนมัติก็ยังไม่มีทางใช้ได้จริงเพราะสาเหตุหลักมาจากการสร้างการรับรู้ของคอมพิวเตอร์มันยังไม่สามารถทำได้แบบสิ่งมีชีวิต
Image processing เนี่ยตัวดีเลย ข้อจำกัดเยอะ ผมเคยทำโปรเจคท์เกี่ยวกับตัวนี้มาบ้างตอนปี 4
ถ้าอยากให้ระบบขับขี่อัตโนมัติมันใช้ได้จริงแบบปลอดภัย ต้องเขียนระบบให้คอมพิวเตอร์มันสามารถแยกแยะวัตถุให้ได้ทุกประเภทจากภาพๆเดียวให้ได้เสียก่อน ถ้าทำไม่ได้ยังไงระบบขับขี่อัตโนมัติแบบปลอดภัยก็เป็นเพียงแค่ฝันอยู่
จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่เขายกอ้างมา ระบบอัตโนมัติก็ยังดีกว่าคนขับเองนะครับ
ส่วนที่ต่างกันระหว่าง ai และ คน คือเมื่อเกิดปัญหาแล้ว ai จะเรียนรู้ ไม่ลืม และ ส่งต่อไปยังเครื่องอื่นๆใด้
การตายก็ยังคงมีอยู่ แต่จะน้อยลงเรื่อยๆทุกครั้งที่พบข้อจำกัด
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ผมว่าคุณ praise AI มากเกินไปครับ ถ้าเกิดปัญหาแล้วเรียนรู้ไม่ลืม ป่านนี้ทุกๆ benchmark ก็ 100% หมดแล้วสิ
ต้องยอมรับว่ามัน imperfect ครับ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเกิดเหตุการณ์แปลกๆ ที่ไม่ได้เรียนรู้ไว้ในระบบขึ้นมาแล้วจะเป็นยังไง
ที่คุณ put4558350 ว่ามามันคือในอุดมคติครับ
ข้อดีหลักๆ ของ AI คือมันส่งต่อความรู้ได้แม่นยำกว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์มากครับ น่าจะเกือบ 100% ขณะที่คนเราเวลามาสอนต่อกันมักจะไม่ใช่ 100% แต่ก็มีทั้งขาดและเกิน (เกินก็เวลาสอนใครไปแล้วคนเรียนเข้าใจไปมากกว่าคนสอนนั่นแหละครับ เอาแบบนั้นแล้วกัน :p)
ตอนนี้คนเราได้เปรียบเพราะสั่งสมความรู้กันมานานกว่าด้วยอย่างนึง วิวัฒนาการมายาวนานมากกว่าหลายเท่าอีกอย่างนึง และคิดจำลองเหตุการณ์ต่างๆ ไว้มากกว่า (ส่วนมากนะ) แต่ AI เองก็ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ครับ มันก็ก้าวหน้าเรื่อยๆ แต่การก้าวหน้าของมันสามารถ copy ออกมาได้ ในแง่ของความน่ากลัวมันก็ระดับนึง
ถ้าให้เทียบก็จะคล้ายๆ กรณีนึงที่ผมไปอ่านคนเถียงกันในบอร์ดนึงมา อารมณ์ว่าเป็นการรบของฝั่งนักเวทย์ที่เก่งและพลังมากกว่าแต่มีไม่กี่คน กับฝั่งคนที่ต่อให้ฝึกแค่ไม่มากแต่ copy อาวุธที่เรียกว่าปืนมาได้จำนวนมหาศาลล่ะครับ
ผมไม่เข้าใจว่า "ส่งต่อความรู้" ในความหมายของคุณคืออะไร ถ้าแค่ Copy โมเดลที่ถูกเรียนรู้มาแล้ว ยังไงมันก็ 100% อยู่แล้ว
แต่คนทำไม่ได้ไงครับ
ไม่เชิงอุดมคตินะ
ป่านนี้แล้วภาพและข้อมูลจากเช็นเชอร์ต่างๆน่าจะส่งไปที่ Tesla แล้ว นั้นก็คือเรียนรู้แล้ว
data ใน hdd ไม่หายไม่ลบเลือนเหมือนสมอง ไม่ลืมก็เป็นเรื่องจริง
หลังข้อมูลโดนประมวลผลแล้วก็คงจะกอปส่งไปยังรถคันอื่นๆ ส่งต่อ / update กันแล้ว
ส่วนเรื่องที่ ai ไม่สมบูรณ์ก็เป็นเรื่องจริง แต่คนก็ไม่สมบูรณ์เหมือนกัน ...
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
แต่คนก็ต่างกับ ai ที่สามารถป้องกันก่อนเกิดเหตุได้
ทุกวันนี้อุบัติเหตุหลายอย่างถูกควบคุมเพราะระบบ simulation นะครับ หลายอย่างเป็นเหตุที่คนไม่เคยนึกถึงว่าเกิดได้เช่นกัน เพียงแต่ปัจจุบันยังไม่แพร่หลาย ใช้เวลาและทรัพยากรเยอะ
หลงกันหมดแล้วมั้ง ที่ผมพูดถึงหมายถึงส่วนประมวลผลที่แปลงเป็น input เข้าไปยัง ai ต่างหาก ตัว ai เองมีปัญหามั้ยยังไม่รู้ แต่สำคัญคือไอตัวที่รับข้อมูลจากภายนอกแล้วส่งเข้าประมวลผลต่อต่างหาก
อย่างตามข่าวก็เห็นๆว่าเกิดจากโมดูล image processing ที่ผิดพลาด
คนเรามันมองเห็นแล้วสามารถแบ่งแยกวัตถุได้ แต่คอมพิวเตอร์มันมองเห็นแค่พิกเซลสีแค่นั้น ถ้ามีคนทำระบบประมวลผลสามมิติที่สามารถแบ่งแยกหรือจดจำวัตถุทั้งหมดได้แล้วเอามาใช้นั่นแหละระบบขับอัตโนมัติมันถึงจะใช้ได้จริง
จากอุบัติเหตุนี้ วงการรถขับเคลื่อนอัตโนมัติคงชะงักไปหลายปี
RIP
เห็นต่างครับ จากเหตุการณ์นี้วงการรถอัตโนมัติ มันยิ่งจะพัฒนาขึ้นอีกแน่นอน
พัฒนาขึ้นก็ใช่ครับ แต่ต้องมีคนจำนวนมากชะงักและลังเลที่จะเลือกใช้แน่นอน
ขนาด Space X ทำจรวดระเบิดแค่ครั้งเดียวโดยไม่มีผู้เสียชีวิต ยังทำให้แผนการส่งคนขึ้นอวกาศต้องชะงักและเลื่อนออกไปเลยครับ
RIP ครับ แต่เห็นด้วยกับเม้นบนๆ ถ้าauto แล้วต้องนั่งคุมสู้ขับเองดีกว่า
Irony มากๆ คนที่ชอบ Tesla มากขนาดอัพคลิป auto-pilot กลับตายด้วย auto-pilot เอง
ของใหม่มันก็งี้แหละ ไม่มีทางที่จะสมบูรณ์แบบง่ายๆหรอก ทุกโปรแกรมมีบั๊กที่คาดไม่ถึงอยู่ละ แต่มันจะพัฒนาให้น้อยลงได้เมื่อมีคนพบบั๊กนั้นและทำการแก้ไข เช่นกรณีนี้เป็นต้น
แต่ผมว่าเรากลัวกันเกินไปหรือเปล่า เพราะมนุษย์ขับเองก็ไม่ได้ปลอดภัยกว่าระบบออโต้เท่าไรหรอก ขับเองก็มีอุบัติเหตุอยู่ทุกวันอยู่แล้วแต่ไม่ได้ตกใจกันมากมายเพราะชิน
อืมๆ ก็จิง
ถ้าอยากให้ระบบออโต้ไพลอตมันเวิร์กจริง
อัตราส่วนการเกิดอุบัติเหตุ/จำนวนเที่ยวการเดินทางของระบบ
น้อยกว่าหรือเท่ากับ
อัตราส่วนการเกิดอุบัติเหตุ/จำนวนเที่ยวการเดินที่คนขับเอง
ซึ่งมันน่าจะอยุ่ที่ระดับ 0.0000x% ด้วย
ถ้าตามข่าวก็น้อยกว่าไงครับ "Tesla Motors บอกว่านี่เป็นอุบัติเหตุถึงชีวิตจากการใช้งานระบบ Autopilot ครั้งแรกหลังมีการใช้งานรวมแล้วกว่า 130 ล้านไมล์ โดยอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิตบนถนนในสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้น 1 ครั้งทุกๆ 94 ล้านไมล์ และทุกๆ 60 ล้านไมล์สำหรับสถิติทั่วโลก"
เคสทั่วๆ ไปผมว่าระบบอัตโนมัติทำได้ดีกว่าคน เพราะมองได้ทุกด้านพร้อมกัน แต่เวลาเกิดเหตุเช่นลักษณะนี้มันดูร้ายแรงเพราะว่าเคสที่เกิดเป็นเคสที่ปกติถ้าเป็นคนขับจะไม่เกิด
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
การโยนหัวก้อยเพียงครั้งเดียว การที่ออกหัวหรืออกก้อยก็ไม่ได้หมายความว่าครั้งอื่นๆต้องออกแบบนั้นตลอดไป ต้องดูสถิติเกิดอุบัติเหตุอีกเยอะแล้วถึงมาคำนวณได้ จริงๆเอาเคสอุบัติเหตุที่ไม่ถึงชีวิตมาเทียบดูก็น่าจะเห็นแล้ว
แต่ในเคสนี้เหมือนจะรุนแรงกว่าคนขับนะ แล้วยังไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดกระทันหัน ไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เพราะซอฟแวร์คำนวนภาพเหตุการณ์ข้างหน้าผิดพลาด
ผมเพิ่งจะรู้นะ ว่ามี auto pilot บนรถ
แต่ผมอยากได้ มันเพราะเป้นแค่รถไฟฟ้า ไม่ได้อยากได้เพราะมีฟังชั่น ขับให้
ต่อให้ มีจริงๆ แล้วดีก็เถอะ ตราบใดที่ไม่ได้วิ่งบนราง ผมไม่ยอมให้ใครขับแทน อะ
สงสัยครับว่าเวลาประมวลผล Auto pilot ในลักษณะนี้ไม่ได้ปนะมวลผลด้านลึกเป็น 3D เหรอครับ?
//อย่างไรก็ตามผมขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
RIP คับ
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ แบบนี้กระทบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ขับเคลื่อนตัวเองเต็มๆ เลยแบบนี้
ขอให้ผ่านพ้นไปให้ได้นะครับ
Get ready to work from now on.
อยากรู้ว่าตอนรถยนต์รุ่นแรกๆประสบอุบัติเหตุ น่าจะมีคนที่คิดว่า 'ชั้นไม่ไว้ใจเครื่องจักรหรอก ชั้นจะนั่งรถม้าต่อไป' อยู่เยอะ แต่อุตสาหกรรมรถยนต์ผ่านตรงนั้นมาได้อย่างไร หรือแค่รอเวลาให้คนพวกนั้นตายให้หมดทั้งรุ่นก่อน
เครื่องจักรยุคเปลี่ยน จาก ม้าเป็นเครื่องยนต์
มันเปลี่ยนทาง กล
เราเห็นภาพชัดเจน เป็นชิ้นอัน เครื่อง คลัทช เกียร์ เบรค เร่ง
ไม่มีส่วนของ AI ที่ เป็นก้อนวุ้น มั้งครับ 555
ช่วงระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังของบรรทุก แนวกว้างของกล้องจับภาพไม่ได้เหรอเนี่ย เลยประมวลผลแค่ แนวตั้งอย่างเดียว
ผมว่ามันคล้ายกับบั๊กที่ใช้ summon ออกจากโรงรถแล้วไปชนรถบรรทุกเลยนะ
ดูแล้วเหมือนตัวรถมันตรวจสอบสิ่งกีดขวางที่สูงกว่าตัวรถไม่ค่อยได้ หรืออาจจะเข้าใจว่าเป็นป้ายทั้งที่จริงๆ มันอยู่ในระดับที่รถลอดไม่พ้น
โคตรตลกร้ายเลย... เคยปลอดภัยจาก Auto-pilot แต่กลับเสียชีวิตด้วยสาเหตุเดียวกัน
RIP ครับ เหมือนเค้าสละชีวิตให้ Tesla รู้บัคเลย
แอบเซ็งเบาๆ
ถ้าระบบเค้าเป็นแค่กล้อง 1 ตัว แล้ว Image Processing
มันจะเหมือนคนที่มีตาเดียวขับรถเลย ไม่รู้ความลึก
งงๆว่า ยังไม่มีเทคโนโลยีแบบ กล้อง 2 ตัว แบบที่คนมี 2 ตา
แล้วเอาไปประมวลจนรู้ถึงความลึกได้??
มีครับ เรียกว่า stereo camera แต่ผมว่าเค้าน่าจะใช้แบบอื่นที่ดีกว่านี้นะ
มีประโยชน์สองอย่างที่นอกเหนือจาก self driving
ถ้าขับบนทางด่วน แล้วเจอป้ายบิลบอร์ดรูปรถอยู่ข้างหน้า
มันก็คงนึกว่ามีรถจริงอยู่ข้างหน้าสินะ
Irony จริง ๆ ครับ อ่านข่าวแล้วเศร้าแทนครับ
RIP
ผมว่าถ้า สถิตินี้ ขับรถล้านไมค์ ต่ออุบัติเหต ขนาดนี้ผมว่า ระบบนี้น่าเชื่อถือกว่าขับเองนะเนี่ย
คนขับรถ แสนกิโลเมตร อย่างน้อยก็ต้องเจออุบัติเหตุอยู่บ้าง
สถิติดีกว่ามาก แต่ก็นั่นแหละครับ คนเราถ้าพลาดด้วยตัวเองมันจะรู้สึกดีกว่าพลาดเพราะคนอื่นมากโขอยู่นะครับ
หากนับรวมสถิติของรถปกติ ในสภาพจราจรแบบเดียวกัน ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
อาจมี สถิติการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงน้อยกว่า autopilot ก็เป็นได้ นะครับ
แล้ว เราก็ยังไม่รู้ด้วยนะว่า หาก เอารถ autopilot จำนวนเท่ากัน วิ่งในสภาพจราจรเดียวกัน ในช่วงเวลาเท่านั้น
จะยังมี สถิติ ดี อยู่จริงหรือไม่
สถิติมันยังไม่เที่ยงตรงครับ ก็เหมือนกับคุณโยนหัวก้อยสองครั้งแล้วออกก้อยสองรอบ แล้วก็อนุมานเอาเองว่าโยนเหรียญนี้แล้วจะออกก้อยตลอด
มันเคยมีเป็นทฤษฎีพูดถึงอยู่
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
ระบบ Auto-pilot มันเป็นซอร์ฟแวร์ตัวนึงอ่ะเนอะ ย่อมจะมีข้อผิดพลาดได้ ส่วนตัวเชื่อว่ายังไงซะก็น่าจะมีพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ แต่ทุกระบบยังไงมันก็คงทำงานไม่ได้ 100% หรอก แต่ถ้าถามว่าระบบนี้มีความน่าเชื่อถือมั้ย ผมว่าก็อยู่ในระดับสูงนะครับ เพียงแต่อุบัติเหตุบนท้องถนน ถ้าเกิดขึ้นมันก็รุนแรงเนอะ
ส่วนตัวถ้ามีโอกาสได้ใช้ ผมก็คงใช้กับถนนความเร็วต่ำ(มาก) พวกรถติดๆนี่ไปก่อน เผื่อชนก็น่าจะแค่รถพัง แหม่ว บนทางหลวงเนี่ย คงยังไม่กล้าเสี่ยง
..: เรื่อยไป
บอกแล้วอย่าจะได้ไว้ใจสมองกลมากนัก
น่าเศร้า ที่ ระบบมาตายน้ำตื้น ในเรื่องที่ ไม่น่าพลาด
คือ
ระบบเห็นภาพตลอด แต่ ดันไม่ทำอะไร
ทำให้ สงสัย ว่า ระบบเน้นความปลอดภัย หรือ เน้นการขับขี่ต่อเนื่อง เป็นหลัก
แล้ว ที่ขับผ่านมา 130ล้านไมล์ มันพลาดอะไรไปบ้าง โดยที่ ผู้ใช้งานไม่รู้ เพียงเพราะไม่ได้เกิดการเจ็บตาย
ผมเคยคิดนะว่า ถ้า รถทั้งหมดเป็น autopilot น่าจะปลอดภัยกว่านี้
กรณีนี้ ผมอาจต้อง คิดใหม่ละ เพราะ มันผิดพลาดที่ตัวเองไม่พร้อม
รถสีขาว ระบบจะทำงานบ๊องๆ เป็นแบบนี้มานานแล้วครับ
https://www.youtube.com/watch?v=PF0AcyMFtMA
ขอถามหน่อยครับ ในเมื่อ autopilot มันก็ไม่ได้ปลอดภัย 100%
แถมผู้ผลิตเองก็บอกให้เราอยู่ในสถานะพร้อมขับตลอดเวลา
แล้วโหมดนี้ มันจะมีประโยชน์ในสถานการณ์แบบไหนครับ ?
ขอคิดว่า รถติดครับ ผมจะได้ไม่ต้องเบรก กะเร่ง บ่อยๆ ฮ่าๆ
สำหรับผม ที่ ค่อนข้างระมัดระวังการขับรถ
autopilot ที่ เป็นแบบนี้ ทำให้ผมเครียดกว่าเดิม
autopilot กลายเป็น ความเสี่ยง
และ ผมจะต่อต้าน ระบบautopilot นี้ ด้วยครับ
บังเอิญเจอสิขาวข้างรถบรรทุก
ถ้าเป็นคนขับคงผ่อนและเบรก ผมสงสัยว่าเห็นมันไม่ผ่อนไม่แบรกทำไมถึงไม่ควบคุมรถเอง หรือเพราะเชื่อใจ AI มากไป?
แปลกใจว่ามันไม่มี sensor ตรวจจับแรกกระแทก หรือ วัดระยะหรือยังไงอย่างนี้ 2 ตัวนี้น่าจะทำการตัดสินใจในช่วงเกิดอุบัติเหตุ ลดความรุนแรงลงเยอะ เลย
ก็ค่อยเรียนรู้กันไป
สนับสนุน AI ทำงานที่น่าเบื่อพวกนี้
แล้วเรามาสุนทรีกับชีวิตด้านอื่นๆ
ถ้าระบบแยกรถกับท้องฟ้าไม่ออกแบบนี้ก็น่ากลัวล่ะครับ แม้เรานั่งมอนิเตอร์การขับโดย auto pilot แต่ถ้าระบบ conllistion warning ไม่เตือนก็ยากที่จะรับรู้ว่าต้องเบรค
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
Geohot จะว่ายังไงนะกับข่าวนี้นะ
ผมว่าอาจจะเป็นความประมาทของคนขับเอง คนขับไว้ใจ AI มากเกินไป ทั้งที่ AI ยังเรียนรู้ไม่มากพอ แต่กลับปล่อยให้ขับไปตลอดทาง ถ้าคนขับมองทางตลอดเวลา อาจจะหักเลี้ยวเข้าข้างทางได้ทัน แม้จะบาดเจ็บหนัก แต่ก็ไม่น่าจะถึงตาย มีแววเป็นไปได้ว่าคนขับอาจจะหลับ แล้วปล่อย AI ทำงานอย่างเดียวเลยด้วยซ้ำไปครับ เพราะจากที่คนขับเคยแชร์คลิป แสดงให้เห็นว่าคนขับไว้ใจ AI มากขนาดไหน จนมองข้ามความน่าจะเป็นที่ AI อาจทำงานผิดพลาด