ผู้อ่านที่ติดตามข่าวรถยนต์ไฟฟ้า Tesla คงทราบดีว่ามันมีระบบช่วยขับอัตโนมัติ ซึ่งทำตลาดในชื่อ Autopilot และแม้จะเคยมีข่าวอุบัติเหตุมาบ้าง แต่ Tesla ก็ยังคงยืนยันใช้ระบบนี้ต่อไป เนื่องจากเห็นว่ามันปลอดภัยกว่าการขับโดยมนุษย์มาก
อย่างไรก็ตาม กรมการขนส่งเยอรมนีได้ส่งจดหมายถึง Tesla ขอให้เลิกใช้คำว่า Autopilot มาโฆษณาระบบช่วยขับดังกล่าว เนื่องจากอาจทำให้ผู้คนเข้าใจผิดว่ารถยนต์สามารถขับอัตโนมัติได้เต็มรูปแบบ ซึ่งฝั่งโฆษกของ Tesla ได้เปิดเผยว่าคำว่า Autopilot หมายถึงระบบที่ทำงานร่วมกับมนุษย์ และคำดังกล่าวได้ใช้ในด้านการบินมานานหลายสิบปีแล้ว รวมถึงบริษัทฯ ก็บอกลูกค้าอย่างชัดเจนว่าระบบดังกล่าวต้องการความสนใจจากผู้ขับขี่ตลอดเวลา
"ดั่งเช่นในเครื่องบิน หากใช้งานอย่างถูกต้อง ระบบ Autopilot สามารถช่วยลดภาระของผู้ขับขี่และเพิ่มความปลอดภัยให้อีกขั้น เมื่อเทียบกับการขับด้วยมือแบบปกติ" โฆษกของ Tesla กล่าว
ที่มา - Reuters
Comments
"และคำดังกล่าวได้ใช้ในด้านการบินมานานหลายสิบปีแล้ว"
แปลว่าคำนี้เอาไว้ใช้กับการบิน ไม่น่ายกมาเป็นข้ออ้างเอามาใช้กับรถนะ
รูปแบบการทำงานก็ลักษณะเดียวกัน ก็น่าจะใช้ด้วยกันได้นะครับ
แต่คนขับรถไม่น่าจะเข้าใจศัพท์ทางการบินนะ
คนใช้โทรศัพท์ยังเข้าใจศัพท์ทางด้านการถ่ายภาพเลยครับ เช่น Panorama, Focus, Zoom
ผมว่ามันก็เหมือนตั้งชื่อธาตุ, ดวงดาว, ชื่อเทคโนโลยี หรือชื่อสมการต่างๆที่ผู้คิดค้นหรือพบเจอมีสิทธิ์ที่จะตั้งชื่อขึ้นเองได้นะครับ ผู้ที่จะนำมันมาใช้ต่างหากที่ต้องรู้และเข้าใจที่จะนำมาใช้เอง อย่างกรณีของ Tesla ก็อธิบายให้กับลูกค้าอยู่แล้วก่อนที่จะจำหน่ายรถให้ด้วยซ้ำครับ
รูปแบบการทำงานลักษณะคล้ายๆ กันเลยครับ
ระบบ Autopilot บนเครื่องบิน เป็นระบบ "ช่วย" ควบคุมเครื่องบินให้อยู่ในเส้นทาง (เช่นการรักษาระดับ การรักษาทิศทาง การเดินทางตามเส้นทางการบิน การควบคุมความเร็ว และการควบคุมเส้นทางสู่รันเวย์เพื่อลงจอด) แต่ก็ไม่ได้แม่นยำ 100% นักบินจะต้องมอนิเตอร์ค่าต่างๆ ตลอดและพร้อมควบคุมแบบ manual ได้ทันที ไม่ได้แปลว่านักบินเซ็ตค่าไว้แล้วจะหลับหรือออกไปเดินเล่นข้างนอกห้องนักบินได้
แต่ autopilot ก็ช่วยลดภาระของนักบิน ลด workload ของนักบินให้ไปใส่ใจด้านอื่นๆ ที่สำคัญกว่าแทนทำให้ปลอดภัยขึ้น รวมถึงการช่วยลงจอด (autoland โดยใช้ ILS) ในทัศนวิสัยต่ำด้วย ก็ทำให้ปลอดภัยมากขึ้นแต่นักบินก็ต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิดอยู่ดี
ซึ่งก็จะเหมือนกับ autopilot ของ tesla ที่เป็นระบบช่วยขับ แต่ไม่แม่นยำ 100% คนขับก็ต้องคอยมอนิเตอร์อยู่ตลอดและพร้อมเปลี่ยนไปขับแบบ manual ได้ตลอดเวลาเหมือนกัน แต่จะลดภาระของคนขับไปได้เยอะ ทำให้โอกาสผิดพลาดน้อยกว่าและนั่นคือปลอดภัยมากขึ้น
เปลี่ยนเป็น Copilot
Auto Driver แทนละกัน
เปลี่ยนจาก auto เป็น assist ก็ได้แล้วครับ
self-assisted driving
https://www.blognone.com/node/84511
ขอถามนอกเรื่องนิดนึงครับ
คือถ้ามีระบบนี้แล้ว ผู้ผลิตยังบังคับให้ผู้ขับจับพวงมาลัยตลอดเวลา แล้วระบบนี้มันมีประโยชน์ยังไง หรือไว้ใช้ในสถานการณ์ไหนครับ หรือจริงๆแล้วมันใช้ได้ทุกเวลา แต่ผู้ผลิตบอกเพื่อปัดความรับผิดชอบให้ผู้ขับเฉยๆ ?
ผมเข้าใจว่ากฎหมายส่วนมากระบุให้ความรับผิดชอบเป็นของคนขับอยู่ดีนะครับ
มันมีระบบอัตโนมัติมากมายในตอนนี้ เช่น สัญญาณถอย, cruise mode, เกียร์อัตโนมัติ ฯลฯ แต่คนขับก็รับผิดชอบอยู่ดี
lewcpe.com, @wasonliw
ส่วนหนึ่งคิดว่าเป็นการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาระบบให้สมบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้นไปด้วยครับ
ณ ตอนนี้มันยังไม่เป็น Full Autonomous ครับ
Level 4 คือไม่ต้องมีคนขับก็ได้ รถขับเองได้ ถ้าถึงระดับนี้เมื่อไหร่ก็ใช้ได้ทุกเวลาแหละครับ
แต่ของ Tesla น่าจะยังอยู่ Level 2 กว่าๆ ไม่ก็ 2.5 ก็คือรถจะบังคับให้อยู่ในเลนเองได้ เร่งเครื่อง เบรกเองได้ ขับตามรถคันหน้าได้ แต่คนขับยังต้องพร้อมที่จะเข้าควบคุมในกรณีไม่คาดคิด
tou ปัดความรับผิดชอบให้ผู้ขับตั้งแต่แรกแล้วครับ
เรื่องของเรื่องคือ tesla ยังไม่พอใจเรื่องความปลอดภัยครับ ที่ให้จับพวงมาลัยตลอดเวลาก็เพื่อให้ลูกค้ากลับมาควบคุมใด้ทันทีที่ ai ทำงานพลาด
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ก็ยังมีประโยชน์นะครับก็เหมือน cruise mode แหละแค่เราไม่ต้องเหยียบคันเร่งก็สบายไปเปราะนึงแล้ว แต่ autopilot ยังเหนือกว่าในกรณีการรักษาให้อยู่ในเลน หรือการรักษาระยะห่างจากคันหน้าการเหนียบเบรก แตะแค่พวงมาลัยอย่างเดียว แค่นี้คนขับออกต่างจังหวัดบ่อยๆ ก็ Happy แล้ว
Ultimate Tesla Motor drive assist with human control
บรรหยัดศัพท์ใหม่มันซะเลย Selasidri ก็ว่าไป hahahaha
อยากได้มาขับบนทางด่วนด้วยความเร็ว 10 km/h ห้า ห้า ตอนนี้เมื่อยขามาก คิดว่ายังไงก็เข้าไปเบรคทัน ถ้าเกิดอุบัติเหตุ ^^
..: เรื่อยไป
+1 สถานการณ์รถติดนี่น่าใช้มากกว่ารถโล่งมากครับ แต่ก็เสี่ยงที่คนขับจะไม่อยู่ในสภาพพร้อมคุมรถมากกว่า (หลับ อ่านหนังสือ จู๋จี๋กับคนข้างๆ ฯลฯ)