ผู้ใช้เว็บ Pantip.com หมายเลข 1067675 รายงานถึงเหตุการณ์ความผิดพลาดของพนักงานธนาคารกรุงไทย โดยผู้ใช้รายนี้เป็นแม่ค้าขายของของออนไลน์และกำลังรอเงินโอนเข้ามาจากลูกค้า แต่ปรากฏว่าตัวลูกค้ากลับสามารถขอรายการบัญชีจากทางธนาคารออกมาได้
กระทู้ระบุว่าลูกค้าที่ซื้อของออนไลน์โอนเงินเข้าไปยังบัญชีเจ้าของกระทู้แล้วไม่ได้รับสลิป ทำให้ตัวลูกค้าเข้าไปขอรายการบัญชีจากทางธนาคาร และพนักงานธนาคารทำงานผิดพลาดจึงพิมพ์รายการบัญชีของแม่ค้าให้ไป
ในกระทู้ระบุว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไปถึงทั้งสำนักงานใหญ่และธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว โดยเจ้าของกระทู้ระบุว่าไม่ติดใจเอาความกับพนักงาน และบัญชี KTB8989 ของธนาคารกรุงไทยก็เข้ามาขอบคุณที่เจ้าของกระทู้ไม่ติดใจเอาความกับพนักงาน
ที่มา - Pantip.com #35690318
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- NVIDIA จะไปหยุดที่ตรงไหน ทำไมครองโลกดาต้าเซ็นเตอร์ | Cloudnone EP.22
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
- Kubernetes [Part 2] ยี่ห้อไหนดี งานไหนต้องใช้ แล้วเลือกยังไง? | Cloudnone EP.18
Comments
แม่ค้าของของออนไลน์ ---> แม่ค้าขายของออนไลน์
เส้นใหญ่น่าดู...ถ้าเรื่องนาน
กว่าเรื่องจะจบลงได้ด้วยดีนี่ อ่านแล้วก็เหนื่อยแทนครับ ยังมีคนกลุ่มหนึ่งไม่เข้าใจว่าการละเมิด privacy ของคนอื่นมันร้ายแรงตรงไหน
ถึงจะบอกว่าเจ้าของไม่เอาเรื่องก็เถอะ แต่ไม่มีองค์กรไหนมาจัดการบ้างเหรอ? แล้วแบบนี้ลับทางการเงินของปชชมีบ้างไหม
เหนื่อยใจกับสังคม อะไรๆก็หยวนๆไปหมด ทำผิดให้อภัย...อีกฝ่ายก็ยิ่งได้ใจ
+1
+∞
+1 ผมเห็น จขกท. ก็บอกว่าจะเอาผิดนะ แต่ไม่ได้จะให้โดนไล่ออกซักหน่อย พวกหยวน ๆ ก็ด่า จขกท. รัว ๆ "เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวรึเปล่า?" "เขาต้องรับผิดชอบชีวิตคนอื่นอีกหลายชีวิตรึเปล่า?" ฯลฯ
ก็ถ้ามีความรับผิดชอบขนาดนั้นก็อย่าทำผิดสิ (สงสัยไม่เคยดูไสปเดอร์แมน) และถ้าผิดเพราะลูกค้ามันเยอะจริง ๆ ก็ต้องสอบสวนกันสิ กล้องวงจรปิดก็มีนิ เข้าไปเวลาไหน ปรินท์ออกมาเวลาไหน ไม่เห็นยากเลยซักนิด (เอาจริง ๆ ผมว่าภายในดูกล้องกันไปแล้วล่ะ)
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
หลายคนเป็นคนขี้สงสารแบบผิดๆ มันเลยเกิดปัญหาหรือความเห็นแบบนี้แบบนี้ทุกๆ ครั้งที่มีคนทำผิดครับ
เรื่องตัวเจ้าเรื่องไม่เอาเรื่องผมเข้าใจได้นะครับ มันมีต้นทุนของการเอาเรื่องอยู่
แต่กรณีแบบนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องเอาเรื่องเองต่อ แม้คนเสียหายจะไม่เอาเรื่องก็ตาม เพราะธนาคารทำผิดแน่ๆ จะมีมาตรการอะไรให้สังคมเชื่อได้ว่าระบบธนาคารยังมีความน่าเชื่อถืออยู่เป็นเรื่องของธนาคารแห่งประเทศไทยมากำกับดูแลธนาคาร ไม่ใช่ปล่อยให้คนเสียหายไป "เอาเรื่อง" กับธนาคารเอง
lewcpe.com, @wasonliw
พอจะลองเสนอแนะไอเดียการแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมได้มั้ยครับ ผมลองนึก ๆ ดูคร่าว ๆ แล้วยังนึกไม่ออก
ผมว่า procedure ของ KTB ก็เป็นอะไรที่ ทุกแบงค์ทำเหมือนกันหมดนะ คือ teller เข้าถึง unofficial statement ของลูกค้า "ทั่วไป" ได้
ถ้าไม่ให้ teller เข้าดูได้ ผมว่าเรื่องยาวเลย งานแบงค์ คงเดินไม่ได้แน่ ๆ
ปัญหามันเหมือนจะเกิดจาก human error เต็ม ๆ เลยนะครับ คือ teller เข้าใจผิดเอง และให้ข้อมูลไป โดยที่ไม่มีการ censor sensitive data เลย
กรณีแบบนี้ "อย่างน้อยที่สุด" คือ ธปท. มีรายงานเป็นทางการขึ้นหน้าเว็บครับ ว่าธนาคารใดทำข้อมูลหลุดกี่ครั้ง มากน้อยแค่ไหน (อย่างกรณีนี้คือ 1 คน รายงานพิมพ์ออกไปกี่บรรทัด เป็นเวลากี่เดือน ต้องแจ้งมา) แล้วรวบรวมไปทำสรุปเป็นรายปี ให้ผู้บริโภครู้ได้ว่าธนาคารทำพลาด
ขั้นต่อจากนั้นคือธปท. เองในฐานะผู้กำกับดูแลต้อง "เตือนอย่างเป็นทางการ" (ออกหนังสือต่อสาธารณะ) หรือปรับ ลากไปจนถึงถ้ามันซ้ำซาก ธนาคารไม่สามารถควบคุมอะไรให้เป็นไปตามมาตรฐานได้ก็อาจจะต้องถอนใบอนุญาต ซึ่งคงไม่ง่ายนัก ถ้ามันไม่ชัดเจนจริงๆ เช่นเดียวกับกรณี AIS กับกสทช. ที่กว่าจะไปถึงการถอนใบอนุญาตคงไม่ใช่ง่ายๆ
อย่างกรณี AIS พนักงานที่เกี่ยวข้องก็น่าจะดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้อยู่แล้วนะครับ พวกตรวจสอบบิลลูกค้า ลูกค้าร้องเรียนว่าไม่ได้ใช้งาน ฯลฯ มีเป็นปกติ
ส่วนจะบอกว่าธนาคารทำพลาดเพราะอะไร พนักงานเลินเล่อ พนักงานได้รับการอบรมไม่ดีพอ หรือธนาคารไม่เอาผิดกับพนักงานจริงจัง เป็นเรื่องของตัวธนาคารกับพนักงานเอง ส่วนธนาคารกับลูกค้าและธปท. ต้องรับผิดชอบกันไปก่อน
AIS ทำข้อมูล "โทรศัพท์" หลุด พนักงานยังโดนให้ออก ธนาคารกรุงไทยจะอธิบายต่อสังคมว่ามีมาตรการการดูแลลูกค้าอย่างไรก็คงต้องอธิบายรูปแบบเดียวกัน
lewcpe.com, @wasonliw
ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับ
ผมเห็นด้วยว่า Regulator ก็มีหน้าที่ ที่จะส่งสัญญาณ อะไรบางอย่างออกมา เพื่อให้แต่ละแบงค์มีความรอบคอบมากขึ้น
แต่ในทางปฏิบัติจริง ๆ ของแต่ละแบงค์ ผมยังมองไม่ออกว่าเค้าจะเพิ่มขั้นตอนควบคุมอย่างไร (ที่จะไม่กระทบกับ efficiency) ให้สามารถแก้ปัญหาได้ในระยะสั้น
ในระยะกลาง ถึง ระยะยาว ผมว่า ประเทศเราน่าจะออก Personal Data Protection Act ได้แล้ว
เพื่อให้มีบทลงโทษที่จริงจัง ชัดเจน ครอบคลุมทั้งในกรณีของ KTB แล้วก็ AIS
(เข้าใจว่าไทยยังไม่มี เพราะขนาด Singapore ยังเพิ่งมีได้ไม่ถึง 4 ปีเลย)
คำตอบพนักงานแรกๆ นี่ไม่ไหวเลย เหมือนโทรมาแก้ตัวมากกว่าขอโทษ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
พูดได้อย่างเดียว "WTF?!"
Get ready to work from now on.
อ้างอิงจากกระทู้ต้นเรื่อง ส่วนหนึ่งของความคิดเห็นที่ 10 ตอบโดยเจ้าของกระทู้
"พนักงานก็ตอบมาว่า คุณต้องเข้าใจน้องเค้าที่มาขอนะคะ เค้ามาหน้าตาร้อนรนน่าสงสารมาก แล้วคุณต้องดูเจตนาของเราด้วยนะคะ
ดิฉันก็ตอบไปว่า แค่ใครจะเข้าไปแบบทำหน้าตาร้อนรนคุณก็ให้เค้าหมดเลยหรือคะ
ดิฉันบอกว่าส่วนนี้ขอปรึกษาสำนักงานใหญ่ก่อนค่ะ เพราะเค้าชี้แจงดิฉันมาว่า ข้อมูลส่วนตัวไม่สามารถเผยแพร่ให้คนอื่นได้
แล้วพนักงานยังทิ้งท้ายไว้ว่า เรื่องแบบนี้น่าจะคุยกันได้นะคะ คุณเป็นคนไทยมั้ยคะเรื่องแค่นี้พูดกันไม่ได้"
ผมว่ามันไม่ใช่ปัญหาเรื่องคนไทยแล้ว มันเป็นปัญหาที่รวมไปถึงข้อมูลความเป็นส่วนตัว ความมั่นคงทางการเงิน และปัญหาอาชญากรรมด้วยนะครับ
Get ready to work from now on.
สุดท้ายเจ้าของกระทู้ก็แสดงตัวว่าตัวเอง "เป็นคนไทย" หยวนๆ กันไปเป็นปกติ