วันนี้ Tesla ประกาศความคืบหน้าบนเส้นทางที่รถยนต์จะเข้าสู่การขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (fully-autonomous) ว่าตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป รถยนต์ Tesla ทุกรุ่นทุกคันจะมาพร้อมกับฮาร์ดแวร์ที่รองรับการขับอัตโนมัติมาจากโรงงานเลย และยืนยันว่าจะมีความปลอดภัยมากกว่ามนุษย์ขับเอง
ฮาร์ดแวร์ใหม่ดังกล่าวมีกล้องทั้งหมด 8 ตัว ติดตั้งอยู่รอบตัวรถ ทำให้รถมองเห็นทุกอย่างรอบตัวแบบ 360 องศา และสามารถมองไปได้ไกลสุด 250 เมตร นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์อัลตราโซนิกรุ่นใหม่อีก 12 ตัว ช่วยให้ตรวจจับวัตถุทั้งนุ่มและแข็งได้ดีกว่าระบบเดิมเกือบ 2 เท่า อีกทั้งยังติดตั้งเรดาร์ยิงไปด้านหน้ารถที่ช่วยให้มองเห็นทะลุฝนตกหนัก, หมอก, ฝุ่น หรือแม้กระทั่งรถยนต์ที่อยู่ด้านหน้า
Tesla ยังอัพเดตคอมพิวเตอร์ของรถให้ดียิ่งขึ้น โดยมีพลังการประมวลผลที่ดีขึ้นกว่าเดิมกว่า 40 เท่า (เว็บไซต์ Electrek รายงานว่าเป็น NVIDIA Titan) เพื่อให้รองรับการประมวลผลสัญญาณจากกล้อง, เรดาร์ และเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ต้องรับข้อมูลเข้ามามหาศาลและเร็วมาก ทั้งหมดนี้ทำให้รถยนต์เห็นภาพในมุมที่ผู้ขับขี่ไม่มีทางเข้าถึง หรืออยู่ในความยาวคลื่นที่ตาเปล่าของมนุษย์ไม่อาจเห็น
อย่างไรก็ตาม เรายังต้องรอกันอีกราว 2 ปี กว่าการขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบจะพร้อมให้ใช้งาน เนื่องจากยังต้องเก็บข้อมูลการขับขี่จากโลกจริงไปประมวลผลอีกหลายล้านไมล์
สุดท้าย Tesla ได้ปล่อยวิดีโอโชว์ตัวอย่างการขับอัตโนมัติมาด้วย โดยเป็นการขับรอบๆ บริเวณ Bay Area ที่ซานฟรานซิสโก จบด้วยการมาส่งผู้โดยสารที่สำนักงานของ Tesla แล้วขับวนหาที่จอดได้เอง
ขณะนี้รถยนต์ Tesla ที่มาพร้อมฮาร์ดแวร์ใหม่เปิดให้สั่งซื้อได้แล้ว และแน่นอนว่าระบบขับอัตโนมัติต้องเสียเงินซื้อเพิ่ม โดยแบ่งออกเป็น 2 ระดับคือ Enhanced Autopilot เปิดใช้กล้อง 4 ตัว จาก 8 ตัว ราคา 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ และ Full Self-Driving Capability หรือก็คือการขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ซึ่งต้องซื้อ Enhanced Autopilot ก่อน แล้วจ่ายเพิ่มอีก 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ รวมเป็น 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.8 แสนบาท) จึงจะได้ครบทุกอย่าง พร้อมรับรถเดือนธันวาคมนี้
Comments
ถ้าไม่จ่ายเปิดการใช้งาน ระบบจะยังคงเก็บข้อมูลการขับส่งกลับเทสลามั้ย
ป.ล. ผมก็ฝังวิดีโอ Vimeo ได้นี่ครับ?
จริงด้วยแฮะ ผมพลาดเอง แก้ละ ขอบคุณครับ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
แจ่มมากครับ
8000 us แพงมากนะนั่น ซื้อรถไปแล้ว เซนเชอร์มีแล้ว software อย่างเดียว
software มันมีมูลค่าสูงมากกว่า hardware ไงครับ เอาเงินไปซื้อ hardware มาติดเองมันก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ
อีกอย่าง Tesla นี่มีขายรถรุ่นแบตความจุต่ำ โดยใส่แบตความจุสูงมาให้แล้วล็อคที่ software ด้วยนะครับ วันดีคืนดีอยากแบตอึดก็จ่ายเงินไป ถถถถ
In-Car Purchase
อีกก้าว ถ้าให้ทายว่าเจ้าไหนจะทำสำเร็จได้ก่อน ผมถือหาง Tesla ครับ
ไปๆ มาๆ ทำไมผมรู้สึกว่า Tesla นำกูเกิ้ลไปแล้ว
ขายรถ ยังกับ ขาย โปรแกรม
ให้โหลดไปใช้ อยากได้ตัวเต็ม จ่ายเงิน เอาโค้ดไปปลดล็อค
เพราะ โปรแกรมที่โหลดไปมันเป็นตัวเต็มอยู่แล้ว
แล้วจะมีใครไปทำ root/jail break แล้วลงโปรแกรมอื่นมั้ย
หาที่จอดเองได้นี่น่าประทับใจมาก
ในอนาคต ไปห้างสรรพสินค้า ลงรถที่ชั้นล่าง แล้วปล่อยให้รถหาที่จอดเอง โอ้ววว
ปล.แต่ช๊อปเสร็จหารถตัวเองไม่เจอ ไม่รู้จอดชั้นไหน..
ไม่ต้องหารถตัวเองครับ จะกลับบ้านก็กดปุ่ม Summon บนกุญแจ รถก็จะวิ่งมารับเอง
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
แล้วถ้ารถที่จอดถูกจอดขวางซอง จะเข็นยังไง ออกไม่ได้ งานเข้าเลย ขำๆ นะ
ถ้าเถื่อนและออกแนวเพ้อหน่อย ก็เปิดระบบกันชนเสริม และให้มันดันรถออกไปหาเจ้าของเอง หรือมีระบบเจาะข้อมูลรถที่ขวางอยู่ให้ทำงานตามคำสั่งอย่างเคลื่อนรถออกไปจอดที่อื่น แล้วค่อยถอยออกไปหาเจ้าของอีกที
Get ready to work from now on.
บังเอิญคันที่จอดขวางอยู่ก็เป็น Tesla มันจะคุยกันและหลีกทางให้อัตโนมัติครับ /เพ้อไปล่วงหน้า แต่ซักวันมันมาแน่
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
"อย่างไรก็ตาม เรายังต้องรอกันอีกราว 2 ปี กว่าการขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบจะพร้อมให้ใช้งาน เนื่องจากยังต้องเก็บข้อมูลการขับขี่จากโลกจริงไปประมวลผลอีกหลายล้านไมล์"
อยากให้มาเก็บข้อมูลที่ไทยเยอะๆหน่อยนะครับ
โลกแห่งอนาคตอันใกล้
เอาไปทำลีโมซีน!
มีอยู่ในแผนแล้วครับ เป็นแนว Uber เลย ยังไงลองอ่านตอนท้ายของข่าวนี้ครับ
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ในอนาคตคงใช้ให้มันไปซื้อของได้
ไปห้าง
เดินลงไปซื้อของชอปปิ้ง
ให้เทสล่าวิ่งหาที่จอดเอง
3ชั่วโมงผ่านไป
จะกลับพบว่ายังวิ่งวนหาที่จอดไมได้
แบตหมด
เทสล่าติดต่อระบบข้อมูลของที่จอดรถเพื่อจองที่จอดรถแล้ววิ่งไปจอดอย่างง่ายดาย
ไม่ต้องปล่อยคนลงไปจองที่จอดรถแล้วทะเลาะกับรถคันที่มาถึงที่จอดรถก่อนอีกต่อไป
อันที่จริง... วิ่งวนไปเรื่อยๆ 3 ชั่วโมงในลานจอดรถ แบตไม่หมด และแก้ปัญหาเรื่องไม่มีที่จอดได้เลยนะ 555 (เพราะไม่ได้จอดขวางใครนะ ยังวนเรื่อยๆ และระยะทางในลานจอดรถมันไม่ได้ไกลขนาดทำให้แบตหมด -- คงไมไ่ด้วนในลานจอดได้ระยะ 300 กิโลเมตร)
ไม่ไกลเกินรอจริงๆ
..: เรื่อยไป